ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 584 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 11661 - 11680 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11661 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน จำนวน 3 ฉบับ | กษ | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน จำนวน ๓ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยประดู่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็นน้ำห้วยประดู่ ในท้องที่ตำบลบ่อใหญ่ อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อควบคุมดูแลปริมาณน้ำและการใช้น้ำให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองไฮ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยหนองไฮ ในท้องที่ตำบลประชาพัฒนา อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อควบคุมดูแลปริมาณน้ำและการใช้น้ำให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยขอนสัก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานห้วยขอนสัก ในท้องที่ตำบลวังยาว และตำบลดอนกลาง อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อควบคุมดูแลปริมาณน้ำและการใช้น้ำให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11662 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าชลประทาน การจัดเก็บหรือชำระค่าชลประทาน และการยกเว้น และการผ่อนชำระค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าชลประทาน การจัดเก็บหรือชำระค่าชลประทาน และการยกเว้นและการผ่อนชำระค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปรับปรุงร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าชลประทาน การจัดเก็บหรือชำระค่าชลประทาน และการยกเว้นและการผ่อนชำระค่าชลประทาน พ.ศ. .... ให้ครอบคลุมถึงแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการจ่ายเงิน การรับเงิน และการนำเงินฝากคลังหรือนำส่งคลังในระบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้รับอนุญาตใช้น้ำจากทางน้ำชลประทานตามแนวทางปฏิบัติในการจ่ายเงิน การรับเงิน และการนำเงินฝากคลังหรือนำส่งคลังในระบบอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับทุนหมุนเวียนของกระทรวงการคลัง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ผู้รับอนุญาตใช้น้ำทราบอย่างทั่วถึง และควรมีบทเฉพาะกาลให้ผู้รับอนุญาตใช้น้ำสามารถชำระเป็นเงินสดหรือเช็คได้ในช่วงแรก รวมทั้งควรพิจารณาอัตราค่าน้ำชลประทานให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันและสอดคล้องกับพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11663 | ขอแจ้งข้อมูลงบการเงินที่ปรากฏในรายงานผลการปฏิบัติงาน กสทช. ประจำปี 2561 ที่ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว เพิ่มเติม | กสทช | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อมูลงบการเงินที่ปรากฏในรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ประจำปี ๒๕๖๑ ที่ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เพิ่มเติม ตามที่สำนักงาน กสทช. เสนอ ๒. ในการรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีของ กสทช. ต่อคณะรัฐมนตรีในปีต่อ ๆ ไป ให้สำนักงาน กสทช. เร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง และประสานงานกับสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การจัดทำรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีของ กสทช. และการตรวจสอบรายงานการเงินของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้วเสร็จโดยเร็ว ภายในกรอบระยะเวลาที่พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ และพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ บัญญัติไว้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11664 | รายงานการดำเนินโครงการเหมืองแร่โพแทชและเกลือหินของบริษัท ไทยคาลิ จำกัด | อก | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการดำเนินโครงการเหมืองแร่โพแทชและเกลือหินของบริษัท ไทยคาลิ จำกัด โดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้อนุญาตประทานบัตรทำเหมืองใต้ดินชนิดแร่โพแทชและเกลือหินแก่บริษัท ไทยคาลิ จำกัด โดยผ่านขั้นตอนที่ ๑ คือ การดำเนินการคำขอประทานบัตรในพื้นที่ และขั้นตอนที่ ๒ คือ การพิจารณาอนุญาตประทานบัตรของกระทรวงอุตสาหกรรมเรียบร้อยแล้ว ส่วนขั้นตอนที่ ๓ ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้าย คือ การตรวจเปิดการประกอบการก่อนการเปิดการทำเหมืองและการผลิตจริงอยู่ระหว่างดำเนินการ โดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ได้มีคำสั่งที่ ๑๐๘/๒๕๖๒ เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานการตรวจสอบการทำเหมืองใต้ดินแบบมีส่วนร่วมประทานบัตรเลขที่ ๒๘๘๓๑/๑๖๑๓๗ ของบริษัท ไทยคาลิ จำกัด และเมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๒ คณะทำงานฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ ณ อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา เพื่อประกอบการขออนุญาตเปิดการทำเหมืองใต้ดินชนิดแร่โพแทชและเกลือหินของบริษัทฯ พบว่า ผู้ถือประทานบัตรได้ดำเนินการตามเงื่อนไขแนบท้ายประทานบัตร รวมถึงมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ต้องดำเนินการก่อนเปิดการทำเหมืองครบถ้วนแล้ว พร้อมทั้งได้ก่อสร้างโรงแต่งแร่เป็นไปตามแผนผังโครงการทำเหมืองแร่ จัดเตรียมเครื่องจักร อุปกรณ์ และบุคลากรพร้อมที่จะทำเหมืองแล้ว ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้กระทรวงอุสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญในการสนับสนุนการใช้กองทุนสุขภาพ เพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวังป้องกันและส่งเสริมสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ และให้กระทรวงอุตสาหกรรมประสานบริษัทฯ ดำเนินการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้บุคลากรและชุมชนในพื้นที่ให้เข้าใจกระบวนการและเทคโนโลยีการทำเหมืองแร่โพแทช เพื่อให้ชุมชนรู้และเข้าใจผลสัมฤทธิ์ที่ได้รับจากโครงการ รวมทั้งกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและสุขภาพก่อนการเปิดการทำเหมืองและผลิตจริง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบและข้อร้องเรียนภายหลังเปิดการทำเหมืองและผลิตแร่ นอกจากนี้ ให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ หน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน และชุมชนในพื้นที่ร่วมดำเนินการกำกับ ดูแล และติดตามการทำเหมืองแร่โพแทชเป็นระยะ เพื่อสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมให้เกิดความน่าเชื่อถือและไว้วางใจจากประชาชนในพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลและควบคุมการดำเนินโครงการเหมืองแร่โพแทชและเกลือหิน รวมทั้งการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่องเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างถูกต้อง เกิดประโยชน์สูงสุด และไม่เกิดผลกระทบต่อชุมชน ประชาชน และสิ่งแวดล้อมในพื้นที่
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11665 | การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สำหรับโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) | กค | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) ดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ ๕ (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) สำหรับงานในฝั่ง สปป.ลาว ในรูปแบบเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรนทั้งจำนวน วงเงินรวม ๑,๓๘๐,๐๖๗,๐๐๐ บาท และอนุมัติให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณแผ่นดินเป็นรายปี โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ รวมระยะเวลา ๕ ปี รวมวงเงินที่จะขอรับการจัดสรรเงินงบประมาณทั้งสิ้นเท่ากับ ๖๙๐,๐๓๓,๕๐๐ บาท รวมทั้งมอบหมาย สพพ. ดำเนินการกู้เงิน จำนวน ๖๙๐,๐๓๓,๕๐๐ บาท ตามรูปแบบและเงื่อนไขที่กำหนด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยในกรณีที่ สปป.ลาว ผิดนัดชำระหนี้ ให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. พิจารณาใช้เงินสะสมของหน่วยงานในการชำระต้นเงินและดอกเบี้ยคืนแหล่งเงินกู้เป็นลำดับแรกก่อน รวมทั้งให้เร่งบรรจุวงเงินกู้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และขอจัดสรรงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงควรเร่งประสานกับ สปป.ลาว ในการจัดทำแผนปฏิบัติการในการดำเนินโครงการดังกล่าว โดยให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น การส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างเพื่อให้สามารถดำเนินโครงการและเปิดใช้งานได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในปี ๒๕๖๖ ต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคม โดย สพพ. ดำเนินการติดตามสภาวะเศรษฐกิจและประเมินความเสี่ยงด้านความสามารถในการชำระหนี้ของ สปป.ลาว อย่างใกล้ชิด และรายงานให้คณะกรรมการบริหาร สพพ. ทราบเป็นระยะ ๆ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11666 | ร่างกฎกระทรวงการนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านราชอาณาจักรซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์ พ.ศ. .... | กษ | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านราชอาณาจักรซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านราชอาณาจักรซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์ ตามมาตรา ๓๑ แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11667 | รายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2561 | พม | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติได้มีมติเห็นชอบรายงานดังกล่าวแล้ว โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) สถานการณ์ทั่วไปเกี่ยวกับการสูงวัยของประชากรในโลก อาเซียน และประเทศไทย (๒) การดำเนินงานด้านผู้สูงอายุของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๕-๒๕๖๑ (๓) การทำงานของผู้สูงอายุ และ (๔) สถานการณ์เด่นในรอบปี ๒๕๖๑ นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอแนะในเชิงนโยบายซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมขับเคลื่อนเพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุยังคงอยู่ในกำลังแรงงานนานที่สุดด้วย เช่น การเพิ่มทักษะใหม่ให้กับแรงงานสูงอายุ การสร้างแรงจูงใจการทำงานให้กับแรงงานสูงอายุด้วยการออกแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นและเหมาะสมตามช่วงวัย การสร้างแรงจูงใจและขยายสิทธิประโยชน์ให้กับนายจ้างที่จ้างแรงงานสูงอายุ เป็นต้น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และมอบหมายให้กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงาน ก.พ. กองทุนการออมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดขับเคลื่อนการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเกี่ยวกับผู้สูงอายุในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป ๒. รับทราบยุทธศาสตร์การวิจัยในส่วนที่เกี่ยวข้องในด้านการส่งเสริมสาธารณสุขของผู้สูงอายุไทยของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ) และให้สำนักงานการวิจัยแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11668 | รายงานผลการดำเนินการตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ 2562 | กค | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ประกอบด้วย (๑) รายงานการกู้เงินและการค้ำประกันที่กระทำในปีงบประมาณที่ล่วงมาแล้ว และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ และ (๒) รายงานผลการประเมินความสำเร็จของโครงการหรือแผนงานที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11669 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนประกันสังคม สำนักงานประกันสังคม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2561 | รง | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนประกันสังคม สำนักงานประกันสังคม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว ประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน งบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน และงบกระแสเงินสด สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกัน และหมายเหตุประกอบงบการเงิน รวมถึงหมายเหตุสรุปนโยบายการบัญชีที่สำคัญ เห็นว่ารายงานการเงินดังกล่าวที่แสดงฐานะการเงินของกองทุนประกันสังคม สำนักงานประกันสังคม ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ผลการดำเนินงาน และกระแสเงินสด สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกัน โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบ ก่อนประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11670 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีสำหรับการบริจาคให้แก่สถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ) | กค | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีสำหรับการบริจาคให้แก่สถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร สำหรับการบริจาคให้แก่สถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11671 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนพฤศจิกายน 2562 | นร11 | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๒ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับความก้าวหน้ายุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ความก้าวหน้าแผนการปฏิรูปประเทศ การติดตาม การตรวจสอบ และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ การสร้างการตระหนักรู้ ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมของภาคีต่าง ๆ ต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ การดำเนินงานในระยะต่อไป และข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11672 | การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สำหรับโครงการพัฒนาเมืองภายใต้ระเบียงเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระยะที่ 3 ในส่วนของเมืองเมียวดี (การปรับปรุงระบบน้ำประปา และการพัฒนาระบบบริหารจัดการขยะ) | กค | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) ดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการพัฒนาเมืองภายใต้ระเบียงเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระยะที่ ๓ ในส่วนของเมืองเมียวดี (การปรับปรุงระบบน้ำประปา และการพัฒนาระบบบริหารจัดการขยะ) (โครงการพัฒนาเมืองเมียวดีฯ) ในรูปแบบเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรนทั้งจำนวน วงเงินรวม ๗๗๗,๗๗๐,๐๐๐ บาท รวมทั้งอนุมัติให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณแผ่นดินเป็นรายปี โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๖ รวมระยะเวลา ๓ ปี รวมวงเงินที่จะขอรับการจัดสรรเงินงบประมาณทั้งสิ้นเท่ากับ ๓๘๘,๘๘๕,๐๐๐ บาท และมอบหมาย สพพ. ดำเนินการกู้เงินจำนวน ๓๘๘,๘๘๕,๐๐๐ บาท ตามรูปแบบและเงื่อนไขที่กำหนด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ในกรณีที่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาผิดนัดชำระหนี้ ให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. พิจารณาใช้เงินสะสมของหน่วยงานในการชำระต้นเงินและดอกเบี้ยคืนแหล่งเงินกู้เป็นลำดับแรก ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณาประเด็นเศรษฐกิจควบคู่ไปกับประเด็นความมั่นคงอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาบริเวณพื้นที่ชายแดนที่สองประเทศมีประเด็นท้าทายร่วมกัน เช่น ปัญหาเขตแดน การลักลอบเข้าเมืองและค้ามนุษย์ การลักลอบและค้ายาเสพติด การสร้างสิ่งปลูกสร้างบริเวณเกาะแก่งต่าง ๆ กลางแม่น้ำเมย การรุกล้ำของประชาชน การสร้างเพิงขายของริมตลิ่งแม่น้ำเมย เป็นต้น เพื่อส่งเสริมชายแดนแห่งสันติภาพที่สงบสุข การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกัน และเห็นควรให้ความสำคัญพร้อมทั้งกำหนดแนวทางและวิธีการบริหารจัดการความเสี่ยงอันเนื่องมาจากการให้กู้ยืมแก่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาภายใต้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของโลก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. เร่งรัดบรรจุวงเงินกู้ดังกล่าวในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ และขอจัดสรรงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11673 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2561 เรื่อง มาตรการพิเศษเพื่อขับเคลื่อน SMEs สู่ยุค 4.0 (มาตรการด้านการเงิน) | อก | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้เลื่อนเรื่อง ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๑ เรื่อง มาตรการพิเศษเพื่อขับเคลื่อน SMEs สู่ยุค ๔.๐ (มาตรการด้านการเงิน) ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ออกไปก่อน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11674 | เป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี 2563 | กค | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี ๒๕๖๓ พร้อมข้อตกลงร่วมกันระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในการกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลาง และเป้าหมายสำหรับปี ๒๕๖๓ ซึ่งกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินไว้ที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงร้อยละ ๑-๓ และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า หากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเคลื่อนไหวอยู่นอกกรอบเป้าหมาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นสำหรับการบริโภคและการลงทุน เห็นควรให้ กนง. เร่งพิจารณาหาแนวทางแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวและรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรี รวมทั้งสร้างการรับรู้ให้กับสาธารณชนถึงแนวทางในการแก้ไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่อไป นอกจากนี้ กนง. ควรให้ความสำคัญกับการดำเนินนโยบายเพื่อให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายของนโยบายการเงินและปรับตัวเข้าสู่ค่ากลางของกรอบเป้าหมายได้อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนควรติดตามและประเมินสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยในการจัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจและเสนอมาตรการที่เหมาะสม เพื่อให้การดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายการเงินและการคลังเป็นไปอย่างมีเอกภาพมากยิ่งขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11675 | แผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2564-2567) | กค | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ ๒๕๖๔-๒๕๖๗) เพื่อให้หน่วยงานของรัฐนำไปใช้ประกอบการพิจารณาในการจัดเก็บหรือหารายได้ การจัดทำงบประมาณ และการก่อหนี้ของหน่วยงานของรัฐ ตามมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ซึ่งประกอบด้วยมาตรการ ๓ ด้าน ได้แก่ (๑) มาตรการด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณ เช่น ให้สำนักงบประมาณควบคุมรายจ่ายประจำ โดยเฉพาะรายจ่ายด้านบุคลากร เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายจ่ายลงทุนต่อวงเงินงบประมาณรายจ่าย เป็นต้น (๒) มาตรการด้านการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล เช่น ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิรูปการจัดเก็บรายได้ทั้งระบบ โดยนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ ผลักดันการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์ (e-Business) ในต่างประเทศ เป็นต้น และ (๓) มาตรการด้านการรักษาวินัยในการบริหารหนี้สาธารณะให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดสรรงบประมาณชำระต้นเงินกู้เพื่อลดความเสี่ยงทางการคลังและภาระดอกเบี้ย ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดในการบริหารรายจ่ายประจำในอนาคตได้ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐเสนอ ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ควรให้ความสำคัญเพิ่มเติมกับการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ การขยายฐานการจัดเก็บภาษีอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี และการลดข้อจำกัดในการบริหารรายจ่ายในอนาคตที่มาจากการเพิ่มขึ้นของภาระดอกเบี้ยจ่าย โดยการพิจารณาจัดสรรงบประมาณชำระต้นเงินกู้เพิ่มขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11676 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายวันชัย เหล่าเสถียรกิจ) | สธ | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวันชัย เหล่าเสถียรกิจ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11677 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวภัคพดี อยู่คงดี) | วธ | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวภัคพดี อยู่คงดี ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านโบราณคดี (โบราณคดี และพิพิธภัณฑ์) (นักโบราณคดีทรงคุณวุฒิ) กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ตั้งแต่วันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11678 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายธิบดี วัฒนกุล และนายวรวรรธน์ ภิญโญ) | กค | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่ตำแหน่งว่างเนื่องจากผู้ครองตำแหน่งเดิมเกษียณอายุราชการ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายธิบดี วัฒนกุล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต ๒. นายวรวรรธน์ ภิญโญ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11679 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดคุณสมบัติของบุคคลซึ่งอาจสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | รง | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดคุณสมบัติของบุคคลซึ่งอาจสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมคุณสมบัติของบุคคลซึ่งอาจสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา ๔๐ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ กำหนดให้การสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตน จากเดิม “ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๕ ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน ๖๐ ปีบริบูรณ์” เป็น “ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๕ ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน ๖๕ ปีบริบูรณ์” ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณาศึกษามาตรการอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเข้าสู่ระบบตามมาตรา ๔๐ มากยิ่งขึ้น อาทิ การเชื่อมโยงกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่สามารถนำวงเงินที่ได้รับมาใช้เป็นเงินสมทบ การทำความร่วมมือกับแพลตฟอร์มการทำงานนอกระบบ อาทิ Grab, Line Man ในการประชาสัมพันธ์และรับสมัครสมาชิก รวมทั้งควรศึกษาวิเคราะห์ภาระทางการคลังและผลกระทบทางการเงินต่อกองทุนประกันสังคม เพื่อให้การดำเนินการไม่กระทบต่อความยั่งยืนของกองทุนประกันสังคมในระยะยาว นอกจากนี้ ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมคุณสมบัติของบุคคลซึ่งอาจสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตนและประโยชน์ที่ทุกภาคส่วนจะได้รับเป็นโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11680 | เอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะทำงานสาขาความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดนภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง ครั้งที่ 3 | พณ | 24/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะทำงานสาขาความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดนภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Joint Working Group on Cross-Border Economic Cooperation under Mekong-Lancang Cooperation : JWG-CBEC) ครั้งที่ ๓ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๘-๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยเอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะทำงานฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ที่ประชุมคณะทำงานฯ รับทราบข้อมูลเขตเศรษฐกิจพิเศษนำร่อง ซึ่งรวมถึงที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ หน้าที่ ภารกิจ และมาตรการที่สำคัญของมณฑลยูนนาน รวมถึงข้อมูลสิทธิประโยชน์ท้องถิ่น สิทธิพิเศษทางภาษี นโยบายการถือครองที่ดิน และการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง ๒. ที่ประชุมคณะทำงานฯ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในร่างที่ ๖ ของแผนพัฒนาระยะ ๕ ปี สำหรับความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดน รวมทั้งได้พิจารณาหลักการและกลไกที่จะทำให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และความร่วมมือในอนาคตระหว่างประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้างของคณะทำงาน JWG-CBEC ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ๓. ที่ประชุมคณะทำงานฯ เห็นพ้องที่จะปรับปรุงร่างที่ ๖ ของแผนพัฒนาระยะ ๕ ปีฯ และจะหาข้อสรุปให้ได้โดยเร่งด่วน เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ ครั้งที่ ๕ และที่ประชุมผู้นำแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ ๓ ในช่วงต้นปี ๒๕๖๓ โดยผู้จัดทำแผนจะทำการรวบรวมข้อคิดเห็นทั้งหมดจากประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง เพื่อปรับปรุงร่างแผนพัฒนาระยะ ๕ ปีฯ และจะได้เวียนร่างแผนพัฒนาระยะ ๕ ปีฯ ที่ได้รับการปรับปรุงแล้วเพื่อขอรับความเห็นชอบจากประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง และขอให้ส่งความเห็นกลับมาภายในวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒
|
.....