ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 256 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 5101 - 5120 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
5101 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช) | กก. | 03/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งรองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีการท่องเที่ยว
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5102 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายอรรถพล อรรถวรเดช) | กค. | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอรรถพล อรรถวรเดช ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการคลัง (นักวิชาการคลังทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๕ เป็นต้นไป
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5103 | สถานะของรัฐวิสาหกิจตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 9 ตุลาคม 2555 (เรื่อง กรอบและงบประมาณของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2556) | นร.11 สศช | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงานว่า โดยที่พระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ได้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๑
ส่งผลให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมีหน้าที่และอำนาจประการหนึ่งในการจัดทำข้อเสนองบประมาณประจำปีของรัฐวิสาหกิจเฉพาะรัฐวิสาหกิจ
ซึ่งมิใช่บริษัทมหาชนจำกัด ดังนั้น
เพื่อให้เกิดความชัดเจนและความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันเกี่ยวกับสถานะของรัฐวิสาหกิจตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๙ ตุลาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง กรอบและงบประมาณของรัฐวิสาหกิจ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๖)
จึงขอแจ้งยืนยันให้คณะรัฐมนตรีทราบว่า รัฐวิสาหกิจตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙
ตุลาคม ๒๕๕๕ ดังกล่าว ไม่รวมถึงรัฐวิสาหกิจซึ่งมีสถานะเป็นบริษัทมหาชนจำกัด
ซึ่งคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วลงมติรับทราบตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงาน
และมอบให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติแจ้งให้ส่วนราชการ
รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบและถือปฏิบัติในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5104 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment : SEA) ของคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา | สว. | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง การประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental
Assessment : SEA) ของคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
วุฒิสภา ซึ่งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
สรุปผลการพิจารณาได้ ดังนี้ (๑)
ปัญหานโยบายและการดำเนินการการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์
ได้นำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์เสนอต่อคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อทราบถึงความก้าวหน้าในการดำเนินการการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์
รวมทั้งได้ยกร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์
พ.ศ. .... เพื่อเป็นแนวทางและกำหนดแผนในการจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์
(๒)
ปัญหากฎหมายและระเบียบที่รองรับหรือบังคับให้หน่วยงานหรือเจ้าของแผนงานต้องจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์
ขณะนี้อยู่ระหว่างการนำร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์
พ.ศ. ....
เสนอคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนพิจารณาและนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป (๓)
ปัญหาหน่วยงานรับผิดชอบหลักการดำเนินการและพัฒนาระบบการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์
ได้พัฒนาความรู้และประสบการณ์ด้านการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศผ่านการจัดทำโครงการขับเคลื่อนการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์
(๔) ปัญหากระบวนการการจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์
ได้มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เรื่องการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์และจัดทำคู่มือเพื่อการสื่อสารสาธารณะ
เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ และ
(๕)
ปัญหาขีดความสามารถของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์
ได้เตรียมการรองรับภารกิจและสร้างความพร้อมของหน่วยงานในการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์
โดยจัดฝึกอบรมทางวิชาการด้านการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์
และหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์
เป็นต้น ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5105 | รายงานผลการให้บริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2564 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย และรายงานผลการให้บริการสาธารณะ ประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ 2565 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค. | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการให้บริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
(ขสมก.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) และรายงานผลการให้บริการสาธารณะ
ประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย สรุปสาระสำคัญได้
ดังนี้ (๑) รายงานผลการให้บริการสาธารณะ ขสมก. ปี พ.ศ. ๒๕๖๔
โดยผลการดำเนินการส่วนใหญ่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เช่น
ความพึงพอใจของผู้ใช้บริการต่ำกว่าเป้าหมาย และจำนวนกิโลเมตรที่ให้บริการรวม
ต่ำกว่าเป้าหมาย
เนื่องจากมีการปรับแผนการเดินรถอันเกิดจากการชุมนุมทางการเมืองตามจุดต่าง ๆ
ในขณะที่การลดต้นทุนเป็นไปตามเป้าหมาย และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับผลการดำเนินการ เช่น
ควรมีแนวทางแก้ไขและปรับปรุงการให้บริการสาธารณะที่เป็นรูปธรรม
ในส่วนการรายงานผลฯ ประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ขสมก.ไม่สามารถดำเนินการปิดบัญชีให้เป็นปัจจุบันได้
คณะกรรมการฯ จึงได้มีมติให้นำผลการดำเนินการงวดครึ่งปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ไปรายงานผลตอนสิ้นปี และ (๒) รายงานผลการให้บริการสาธารณะของ รฟท.
แบ่งเป็น ๑) รายงานผลการให้บริการสาธารณะ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
โดยส่วนใหญ่เป็นไปตามเป้าหมาย เช่น ความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ การบริหารเวลาเดินรถให้ตรงต่อเวลา
และมีผลการดำเนินการไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เช่น จำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการ
และต้นทุนการดำเนินงานที่สูง โดยมีผลขาดทุนจากการให้บริการสาธารณะ ๒,๕๓๒.๕๓ ล้านบาท และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับผลการดำเนินการ
เช่น ควรส่งรายงานผลฯ ตามระยะเวลาที่กำหนดและมีข้อมูลครบถ้วน และควรจัดทำแนวทางในการเพิ่มคุณภาพการให้บริการเพื่อเพิ่มระดับความพึงพอใจ
และ ๒) รายงานผลฯ ประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
โดยส่วนใหญ่เป็นไปตามเป้าหมายเช่นเดียวกับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ และให้ รฟท.เบิกจ่ายเงินอุดหนุนงวดครึ่งปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๖๕๕.๗๗ ล้านบาท และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับผลการดำเนินการ เช่น
พฤติกรรมผู้บริโภคส่งผลต่อการเดินทางขอผู้โดยสาร ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5106 | การเปลี่ยนชื่อเมืองหลวงสาธารณรัฐคาซัคสถาน | กต. | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเปลี่ยนชื่อเมืองหลวงของสาธารณรัฐคาซัคสถาน จาก
กรุงนูร์-ซุลตัน (Nur-Sultan) กลับไปเป็น กรุงอัสตานา (Astana) และการดำเนินการที่จำเป็นในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศเพื่อเปลี่ยนชื่อเป็นสถานเอกอัครราชทูต
ณ กรุงนูร์-ซุลตัน เป็นสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอัสตานา
เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงของการเปลี่ยนแปลงชื่อเมืองหลวงของสาธารณรัฐคาซัคสถานดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5107 | สรุปรายงานการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 19 (ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2564 - 31 ตุลาคม 2565) | นร.04 | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๑๙ (ระหว่างวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔-๓๐
ตุลาคม ๒๕๖๕) สรุปได้ ดังนี้ (๑) ผลการดำเนินงานตามนโยบายหลัก ๑๐ ด้าน เช่น การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์
การสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศและความสงบสุขของประเทศ
การทำนุบำรุงศาสนา การสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลก
การพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของไทย
การปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของคนไทยทุกช่วงวัย
การพัฒนาระบบสาธารณสุขและหลักประกันทางสังคม
การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
การปฏิรูปการบริหารจัดการภาครัฐ
การป้องกันปราบปรามทุจริตและประพฤติมิชอบและกระบวนการยุติธรรม และ (๒)
นโยบายเร่งด่วน ๗ เรื่อง เช่น การแก้ไขปัญหาในการดำรงชีวิตของประชาชน
การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและพัฒนานวัตกรรม การยกระดับศักยภาพแรงงาน
การวางรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศสู่อนาคต คนไทยสู่ศตวรรษที่ ๒๑
การแก้ไขปัญหายาเสพติดและสร้างความสงบสุขในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ การจัดเตรียมมาตรการรองรับภัยแล้งและอุทกภัย
ตามที่คณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5108 | มาตรการช่วยเหลือเงินพิเศษแก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประจำเดือนมกราคม 2566 | กค. | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเงินพิเศษแก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ประจำเดือนมกราคม ๒๕๖๖
ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเสนอ
และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน ๒,๖๔๓,๐๘๘,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินมาตรการดังกล่าว ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง)
โดยกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมตรวจสอบสถานะเงินกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม
และประมาณการใช้จ่ายจนถึงสิ้นปีงบประมาณ หากมีเพียงพอให้ใช้จ่ายจากเงินกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมในโอกาสแรก
กรณีไม่เพียงพอเมื่อทราบภาระตามจ่ายจริงแล้ว
ให้ทำความตกลงในการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๖/๒๔๘๘
ลงวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๕) ๒.
ให้คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5109 | การจัดประกันภัยฟรีสำหรับสมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองในช่วงเทศกาลปีใหม่ ปี 2566 | นร.04 | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดประกันภัยฟรีสำหรับสมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองในช่วงเทศกาลปีใหม่
ปี ๒๕๖๖ ที่บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)
และสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ
ได้นำเสนอประกันภัยฟรีอุบัติเหตุกลุ่ม ระยะสั้น ทิพย เพื่อคุณ (ไมโครอินชัวรันส์)
คุ้มครอง ๑๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองทั่วประเทศในช่วงเทศกาลปีใหม่
ปี ๒๕๖๖ สามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ฟรี ตั้งแต่วันที่ ๒๕-๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕
ระยะเวลาประกัน ๓๐ วัน นับจากวันที่ลงทะเบียนรับสิทธิ์
ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอนุชา นาคาศัย) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5110 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2566 ให้แก่ประชาชน เพิ่มเติม | นร.01 | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๖ ให้แก่ประชาชน เพิ่มเติม.เช่น มาตรการ ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา
เรื่อง ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. ๒๕๖๕ และร่างประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา
เรื่อง.ให้ธุรกิจการให้กู้ยืมเงินเพื่อผู้บริโภคเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. .... เป็นต้น ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค)
เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5111 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2565 | ดศ. | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
พ.ศ. ๒๕๖๕ สรุปได้ ดังนี้ (๑) ประชาชนส่วนใหญ่ไม่พบเห็นและไม่ทราบว่ามีปัญหายาเสพติดในชุมชน/หมู่บ้าน
(ร้อยละ ๕๖.๐) (๒) ประชาชนส่วนใหญ่ไม่พบเห็นแต่ทราบว่ามีการซื้อขายยาเสพติด
(ร้อยละ ๗๓.๙) ไม่พบเห็นแต่ทราบว่ามีผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดที่ในชุมชน/หมู่บ้าน
(ร้อยละ ๘๔.๑) ยาบ้าเป็นยาเสพติดที่แพร่ระบาดมากที่สุดในชุมชน/หมู่บ้าน (ร้อยละ
๘๒.๔) และผู้ที่มีอายุ ๒๐-๒๔ ปี เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมากที่สุด (ร้อยละ ๔๙.๔) (๓)
ประชาชนส่วนใหญ่มีความพึงพอใจในการดำเนินงานในการป้องกัน ปราบปราม
และบำบัดยาเสพติดในระดับมาก-มากที่สุด (ร้อยละ ๔๙.๓)
มีความเชื่อมั่นต่อนโยบายการป้องกัน ปราบปราม
และบำบัดยาเสพติดในระดับมาก-มากที่สุด (ร้อยละ ๔๘.๑)
มีความเชื่อมั่นต่อนโยบายยึดทรัพย์ผู้ค้ายาเสพติดสามารถช่วยแก้ไขปัญหาหรือลดจำนวนผู้ค้ายาเสพติด
(ร้อยละ ๔๘.๘)
และให้คะแนนความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินจากสถานการณ์ปัญหายาเสพติดมาก-มากที่สุด
(ร้อยละ ๖๘.๑) และ (๔) ประชาชนเห็นควรปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง/ต่อเนื่อง
และควรให้กฎหมายลงโทษผู้เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ ได้มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
เช่น การประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้
และสร้างภูมิคุ้มกันให้สามารถป้องกันตนเองและครอบครัวจากยาเสพติด ผ่านสื่อต่าง ๆ
โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์
สร้างความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัยให้กับผู้แจ้งเบาะแส และติดตามและแก้ไขปัญหาการร้องเรียนอย่างจริงจัง
ตามที่กระทรวงดิจทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5112 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมตามมาตรการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. 2565 | ดศ. | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมตามมาตรการปฏิรูปประเทศ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ซึ่งได้มีการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ ๑๘
ปีขึ้นไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ จำนวน ๙,๘๘๐ คน ระหว่างวันที่ ๑๑-๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๕
สรุปได้ ดังนี้ (๑) แหล่งข้อมูลที่รับรู้ข่าวสารจากหน่วยงานภาครัฐ
ประชาชนส่วนใหญ่รับรู้ข่าวสารจากโทรทัศน์ (ร้อยละ ๘๔.๙) (๒)
การมีบทบาทของประชาชนในพื้นที่/ชุมชน/หมู่บ้าน ประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีบทบาทในพื้นที่/ชุมชน/หมู่บ้าน
(ร้อยละ ๘๗.๓) (๓) การมีส่วนร่วมในการใช้สิทธิเลือกตั้ง ประชาชนส่วนใหญ่มีส่วนร่วมในการใช้สิทธิเลือกตั้งในช่วงเวลาที่ผ่านมาทุกครั้ง
(ร้อยละ ๖๕.๔) (๔) การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในรอบปี ๒๕๖๔
พบว่าประชาชนส่วนใหญ่พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางการเมืองในกลุ่มเพื่อน/ญาติ/คนในครอบครัว/คนรู้จัก
(ร้อยละ๘๔.๑) (๕) ความเชื่อมั่นต่อระบบธรรมาภิบาลในภาพรวม
ประชาชนส่วนใหญ่ค่อนข้างเชื่อมั่น (ร้อยละ ๓๙.๖) (๖) การมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น
ประชาชนส่วนใหญ่มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นอยู่ในระดับปานกลาง-มากที่สุด
(ร้อยละ ๖๒.๓) (๗) การมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาประเทศ
โดยประชาชนส่วนใหญ่มีความพึงพอใจอยู่ในระดับปานกลาง-มากที่สุด (ร้อยละ ๖๕.๑) และ
(๘) ข้อเสนอแนะต่อหน่วยงานภาครัฐในการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุดในเรื่องการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทุกระดับมากขึ้น
(ร้อยละ ๔๕.๑) ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5113 | การดำเนินการตามข้อสังเกต (Concluding Observations) ของคณะกรรมการสหประชาชาติว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ ต่อรายงานประเทศฉบับที่ 4-8 ของประเทศไทย | ยธ. | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบข้อสังเกต
(Concluding Observations)
ของคณะกรรมการสหประชาชาติว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ
ต่อรายงานประเทศฉบับที่ ๔-๘ ของประเทศไทย
และตารางหน่วยงานรับผิดชอบเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานตามข้อสังเกตของคณะกรรมการสหประชาชาติฯ
และพิจารณามอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ
ดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมการสหประชาชาติฯ ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและข้อเสนอแนะของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ที่เห็นว่าการดำเนินการภายใต้พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
พ.ศ. ๒๕๕๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
สามารถเป็นกลไกหนึ่งที่จะช่วยป้องกันคนในสังคมให้หลีกเลี่ยงการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์และโซเซียลมีเดียในทางที่ผิด
หรือนำมาเป็นเครื่องมือในการเผยแพร่ Hate Speech และ Hate
Crime ทางเชื้อชาติได้ และในประเด็นที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และหน่วยงานภายใต้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับผิดชอบ จำนวน ๓ ประเด็น ประกอบด้วย ๑)
ประเด็นที่ดิน อาณาเขต และทรัพยากรของกลุ่มชนพื้นเมืองดั้งเดิม ๒)
ประเด็นการค้ามนุษย์ และ ๓) ประเด็นย่อหน้าที่มีความสำคัญเป็นการเฉพาะ
พร้อมทั้งมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมในประเด็นแรงงานข้ามชาติ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5114 | โครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย (ระยะที่ 2) | กค. | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลาดำเนินโครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย
ออกไปอีก ๓ ปี จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ ภายใต้กรอบงบประมาณการชดเชยดอกเบี้ยที่ได้รับอนุมัติไว้แล้วตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๙ มกราคม ๒๕๖๑ และเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ จำนวน ๕,๒๕๐ ล้านบาท ขยายระยะเวลาการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีจากรัฐบาลเพื่อชดเชยดอกเบี้ยออกไปอีก
๓ ปี จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ เป็นวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๗๑
และเห็นชอบการปรับชื่อโครงการจาก โครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย เป็น
โครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย (ระยะที่ ๒) โดยขยายขอบเขต วัตถุประสงค์
เพิ่มกลุ่มเป้าหมาย และการดำเนินการตามแนวทาง BCG Model ภายใต้หลัก
SDGs และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง หรือโครงการพัฒนาการบริหารจัดการแหล่งน้ำ
เพื่อการเกษตรอย่างยั่งยืนภายใต้ความร่วมมือภาครัฐหรือเอกชน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย
รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เช่น ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ให้ความสำคัญกับการประเมินเพื่อหารูปแบบการดำเนินธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
และทำการขยายผลเพื่อสนับสนุนให้การปรับโครงสร้างการผลิตและบริการภาคเกษตรของไทยไปสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรมและการเปลี่ยนผ่านการผลิตและบริโภคไปสู่ความยั่งยืนต่อไป
ควรกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการให้สินเชื่อที่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของโครงการ โดยใช้ข้อมูลประกอบการพิจารณามากขึ้น
เพื่อกำหนดกลุ่มลูกหนี้ที่ควรได้รับสินเชื่อให้ชัดเจน
กำหนดเงื่อนไขการให้สินเชื่อตามวัตถุประสงค์ของลูกหนี้แต่ละกลุ่มที่สามารถวัดผลได้ชัดเจน
และมีกระบวนการในการติดตามผลสัมฤทธิ์
ให้ความสำคัญและกำหนดแนวทางในการเสริมสร้างความเข้มแข็งโดยรวมของลูกหนี้อย่างยั่งยืน
ควบคู่ไปกับการให้สินเชื่อ
ควรประชาสัมพันธ์และสื่อสารทำความเข้าใจกับลูกหนี้เกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของโครงการและเร่งสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่กลุ่มลูกหนี้เป้าหมายตามศักยภาพ
เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว และควรพัฒนาระบบการขอสินเชื่อให้ทันสมัย
และปรับลดระยะเวลาการพิจารณาสินเชื่อให้รวดเร็วขึ้น
โดยให้บริการสินเชื่อผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล
และใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยในการขอสินเชื่อ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5115 | การมอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบติดตามและเร่งรัดการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ | นร.04 | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า
ในระยะที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์และการกระทำผิดกฎหมายในหลายกรณีที่เป็นเรื่องสำคัญอยู่ในความสนใจของสาธารณชน
และปรากฏเป็นข่าวในสื่อมวลชนต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
สมควรที่หน่วยงานรับผิดชอบและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งติดตามการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ให้มีความคืบหน้า
ชัดเจน และเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในแต่ละกรณี ดังนี้ ๑.
กรณีเรือหลวงสุโขทัยประสบเหตุอับปาง ให้กระทรวงกลาโหม
โดยกองทัพเรือระดมสรรพกำลังค้นหากำลังพลที่ประสบเหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปางในอ่าวไทย
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเร่งให้ความช่วยเหลือเยียวยากำลังพลที่ประสบเหตุบาดเจ็บ
เสียชีวิต หรือสูญหายให้เป็นไปตามกฎระเบียบของทางราชการ
รวมทั้งเร่งตรวจสอบสาเหตุของการอับปางให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนโดยเร็ว ๒.
กรณีครูโรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัยมีพฤติกรรมจาบจ้วงบุคคลสำคัญและปลูกฝังการรับรู้ของเด็กนักเรียนด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ
ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว
ซึ่งมีพฤติกรรมจาบจ้วงบุคคลสำคัญ เช่น พลเอก เปรม ติณสูลานนท์
ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และปลูกฝังความเชื่อที่ถูกบิดเบือนไปจากข้อเท็จจริงให้แก่นักเรียนและผู้ปกครอง
จนอาจก่อให้เกิดความเกลียดชังหรือขัดแย้งในสังคมในวงกว้าง ๓. กรณีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ต้องคดีข้อหาขับรถโดยประมาท
เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่แล้วหลบหนีไป
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดติดตามผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างหลบหนีไปพำนักในต่างประเทศ
รวมทั้งเร่งตรวจสอบเจ้าหน้าที่หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือผู้กระทำความผิดเพื่อนำตัวผู้กระทำผิดทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ทันเวลาก่อนคดีจะหมดอายุความ ๔. กรณีการตรวจและจับกุมเครือข่ายกลุ่มทุนต่างชาติที่ประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย
(คดีเครือข่ายธุรกิจกลุ่มทุนจีนสีเทา)
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดตรวจสอบและดำเนินคดีกับกลุ่มทุนจีนสีเทากับพวก
ซึ่งมีพฤติกรรมกระทำความผิดในลักษณะอาชญากรรมข้ามชาติ
โดยให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างเต็มกำลังความสามารถ ทั้งนี้
ให้หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวข้างต้นรายงานผลความคืบหน้าการดำเนินการในแต่ละกรณี
ตลอดจนปัญหาและอุปสรรคที่ (อาจ) เกิดขึ้น ให้นายกรัฐมนตรีทราบเป็นระยะทุก ๑๕ วัน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5116 | การลงนามร่างพิธีสารเพื่อแก้ไขข้อตกลงว่าด้วยการยอมรับร่วมรายสาขาของอาเซียนสำหรับการตรวจประเมินตามมาตรฐานวิธีการในการผลิตยา (Protocol to Amend the ASEAN Sectoral Mutual Recognition Arrangement for Good Manufacturing Practice (GMP) Inspection of Manufacturers of Medicinal Products) | สธ. | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพิธีสารเพื่อแก้ไขข้อตกลงว่าด้วยการยอมรับร่วมรายสาขาของอาเซียนสำหรับการตรวจประเมินตามมาตรฐานวิธีการในการผลิตยา
[Protocol to Amend the ASEAN Sectoral Mutual
Recognition Arrangement for Good Manufacturing Practice (GMP) Inspection of
Manufacturers of Medicinal Products] มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขข้อตกลงว่าด้วยการยอมรับร่วมรายสาขาของอาเซียนสำหรับการตรวจประเมินตามมาตรฐานวิธีการในการผลิตยา
โดยขยายขอบเขตของผลิตภัณฑ์ยาที่นำมาบังคับใช้ เช่น ผลิตภัณฑ์ยาชีววัตถุในรูปแบบยาสำเร็จรูปแต่ไม่รวมผลิตภัณฑ์ที่ได้จากเลือด
หรือจากพลาสมา และผลิตภัณฑ์บำบัดด้วยยีน
และสารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรมที่ใช้ในการผลิตยาและยาชีววัตถุ
แก้ไขเพิ่มเติมหน้าที่ของคณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือรายสาขา
และกำหนดให้ประเทศสมาชิกอาเซียนจะต้องนำข้อกำหนดไปดำเนินการภายใน๕
ปีหลังจากพิธีสารฯ
มีผลใช้บังคับโดยประเทศสมาชิกอาเซียนอาจขยายระยะเวลาในการดำเนินการออกไปได้ไม่เกิน
๒ ปี ซึ่งร่างพิธีสารฯ
จะเป็นการลดอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้าระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน
และเพิ่มโอกาสของการสงสินค้าจากไทยไปจำหน่ายในประเทศสมาชิกอาเซียนโดยไม่ต้องตรวจประเมินซ้ำ
เป็นการลดค่าใช้จ่ายในการส่งออกสำหรับผู้ผลิตในไทยได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบในเชิงลบทางด้านธุรกิจ
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอรัฐสภาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป
ทั้งนี้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ (เรื่อง
แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการเสนอหนังสือสัญญาตามบทบัญญัติมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย) ๒.
อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างพิธีสารเพื่อแก้ไขข้อตกลงว่าด้วยการยอมรับร่วมรายสาขาของอาเซียนสำหรับการตรวจประเมินตามมาตรฐานวิธีการในการผลิตยา
เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบร่างพิธีสารฯ แล้ว ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญในร่างพิธีสารฯ
ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๓.
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างพิธีสารเพื่อแก้ไขข้อตกลงว่าด้วยการยอมรับร่วมรายสาขาของอาเซียนสำหรับการตรวจประเมินตามมาตรฐานวิธีการในการผลิตยา
เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบร่างพิธีสารฯ แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5117 | การดำเนินโครงการบรรพชาอุปสมบท 99 รูป ถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา กระทรวงมหาดไทย | มท. | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการ
หน่วยงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่เข้าร่วมโครงการบรรพชาอุปสมบท ๙๙ รูป
ถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี
กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา กระทรวงมหาดไทย ณ วัดที่จังหวัดกำหนด
ทั้ง ๗๖ จังหวัด ภายในเดือนมกราคม ๒๕๖๖ เป็นเวลา ๑๕ วัน โดยไม่ถือเป็นวันลา
เสมือนเป็นการปฏิบัติราชการและได้รับเงินเดือนตามปกติ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5118 | แผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2567-2570) | กค. | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ ๒๕๖๗-๒๕๗๐) เพื่อให้หน่วยงานของรัฐนำไปประกอบการพิจารณาในการจัดเก็บ
หรือหารายได้ การจัดทำงบประมาณ และการก่อหนี้ของหน่วยงานของรัฐ ตามมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐเสนอ
ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการด้านรายรับและรายจ่าย
เพื่อรักษาฐานะด้านการคลังให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ.๒๕๖๑ และในระยะปานกลางควรให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่าย
ควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้
เพื่อให้มีกรอบงบประมาณที่เพียงพอสำหรับการลงทุนและพัฒนาประเทศ
และควรมีการพิจารณากำหนดกรอบงบประมาณรายจ่ายตามโครงสร้างงบประมาณที่จำแนกเป็นรายจ่ายประจำ
รายจ่ายลงทุน รายจ่ายเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และรายจ่ายเพื่อชดเชยเงินคงคลัง
เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาแนวโน้มการใช้จ่ายภาครัฐในอนาคต
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5119 | (ร่าง) แนวทางปฏิบัติงานเพื่อขับเคลื่อนการจัดการพื้นที่สีเขียวอย่างยั่งยืน ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566-2570) | ทส. | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5120 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการศึกษา) | กค. | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
(มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการศึกษา)
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรแก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
ที่บริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่ สถานศึกษาของรัฐ โรงเรียนเอกชน
แต่ไม่รวมถึงโรงเรียนนอกระบบ สถาบันอุดมศึกษาเอกชน
สถานศึกษาที่ตั้งขึ้นในประเทศไทยตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ
เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมร่วมขับเคลื่อนและสร้างการรับรู้และความเข้าใจมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการศึกษา
และร่วมติดตามและประเมินประโยชน์ที่ได้รับจากการติดตามมาตรการนี้เพื่อจัดทำรายงานเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้รับจากการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริงกับประมาณการตามมาตรา
๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑
รวมทั้งร่วมส่งเสริมและสนับสนุนให้สถานศึกษาทุกแห่งใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร
เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริจาคและสถานศึกษา
|