ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 252 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 5021 - 5040 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
5021 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ไม้ท่อนและไม้แปรรูปเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องมีหนังสือรับรอง และให้สิ่งประดิษฐ์ของไม้เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรอง ในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
เรื่อง กำหนดให้ไม้ท่อนและไม้แปรรูปเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องมีหนังสือรับรอง
และให้สิ่งประดิษฐ์ของไม้เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรอง
ในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรการในการนำเข้าไม้ท่อนและไม้แปรรูปตามบัญชีท้ายร่างประกาศฯ
รวมทั้งสิ่งประดิษฐ์จากไม้ดังกล่าวผ่านด่านศุลกากรในเขตจังหวัดกาญจนบุรี
จังหวัดตาก และจังหวัดแม่ฮ่องสอน
และยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๙๒)
พ.ศ. ๒๕๓๕ และประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่องการนำไม้และไม้แปรรูป
รวมทั้งสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้ หรือสิ่งอื่นใดที่ทำด้วยไม้เข้ามาในราชอาณาจักร
ตามแนวชายแดนจังหวัดตาก และจังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. ๒๕๔๘ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการตรวจร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นควรขอความอนุเคราะห์กรมการค้าต่างประเทศจัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กรมป่าไม้และกรมศุลกากร เพื่อพิจารณากำหนดรหัสสถิติใหม่โดยหลักเกณฑ์การกำหนดรหัสสถิติสินค้าที่ต้องมีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของสินค้านั้น
ๆ ว่ายังคงมีการค้าอยู่ในปัจจุบันหรือไม่มากน้อยเพียงใด และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการอ้างบทอาศัยอำนาจในร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ
เห็นสมควรอ้างถึงเพียงมาตรา ๕(๑) และ (๕) แห่งพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าฯ
และตัดการอ้างถึงมาตรา ๕ (๖) ออก
เนื่องจากมิได้เป็นการกำหนดมาตรการอื่นใดเพื่อประโยชน์ในการจัดระเบียบในการนำเข้า
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5022 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน ในการขอใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลน บริเวณตำบลรูสะมิแล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี เพื่อขยายพื้นที่สำหรับการดำเนินการจัดการเรียนการสอนของสถาบันวิทยาลัยชุมชน วิทยาลัยชุมชนปัตตานี | อว. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการยกเว้นมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๓๐
วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ วันที่ ๒๒ สิงหาคม
๒๕๔๓ และวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๓ ในการขอใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลน
เนื้อที่จำนวน ๑.๐๘ ไร่ บริเวณตำบลรูสะมิแล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี
เพื่อขยายพื้นที่สำหรับการดำเนินการจัดการเรียนการสอนของสถาบันวิทยาลัยชุมชน
วิทยาลัยชุมชนปัตตานี ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
(สถาบันวิทยาลัยชุมชน วิทยาลัยชุมชนปัตตานี)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
เช่น
ควรพิจารณากำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากกิจกรรมการก่อสร้างอาคารและคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมต่อพื้นที่โดยรอบ
โดยเฉพาะพื้นที่ป่าชายเลนบริเวณข้างเคียง ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งการดำเนินการตามระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งฯ พ.ศ. ๒๕๕๖
ค่าใช้จ่ายในการปลูกและบำรุงรักษาป่าชายเลนทดแทนไม้น้อยกว่า ๒๐ เท่า ของพื้นที่ป่าชายเลนที่ใช้ประโยชน์
ตามระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งฯ พ.ศ. ๒๕๖๖
ให้สถาบันวิทยาลัยชุมชนพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๒ หรือเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม แล้วแต่กรณี วิทยาลัยชุมชนปัตตานีควรมีแนวทางการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพนิเวศของป่าชายเลนที่อยู่โดยรอบร่วมกับนักศึกษาและชุมชนในบริเวณใกล้เคียงในระยะต่อไป
เป็นต้น ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5023 | (ร่าง) แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2566-2580) (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) | นร.11 สศช | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบการขอแก้ไขข้อความในหนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ
ด่วนที่สุด ที่ นร๑๑๑๒/๗๑๕๙ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๕ หน้า ๒ ข้อ ๓.๑ ให้ถูกต้อง
จากเดิม “... มีจำนวนแนวทางรวมทั้งสิ้น ๓๙๒ แนวทาง ...” เป็น “...
มีจำนวนแนวทางรวมทั้งสิ้น ๓๙๑ แนวทาง ...” ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเสนอเพิ่มเติม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5024 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ไม้พะยูงเป็นสินค้าที่ต้องห้าม ให้ไม้ท่อน ไม้แปรรูป และไม้ล้อมบางชนิด เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต และให้สิ่งประดิษฐ์ของไม้และถ่านไม้เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรอง ในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง
กำหนดให้ไม้พะยูงเป็นสินค้าที่ต้องห้าม ให้ไม้ท่อน ไม้แปรรูป
และไม้ล้อมบางชนิด เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต และให้สิ่งประดิษฐ์ของไม้และถ่านไม้เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรอง
ในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรการการส่งออกโดยกำหนดให้
๑) ไม้ท่อน (ไม้ฟืน ไม้เสาเข็ม และไม่เสารั้ว) ไม้แปรรูป (ไม้ซีก ไม้หมอนรถไฟหรือรถราง
และไม้ปาร์เกต์) และไม้ล้อมบางชนิด (ต้นจำปีป่า ต้นประดู่ และต้นจันทร์หอม)
เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต ๒) สิ่งประดิษฐ์ของไม้ (ตู้ เตียง เก้าอี้)
และถ่านไม้เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรอง ๓) ให้ไม้พะยูง (ไม้พะยูงท่อน
ไม้พะยูงแปรรูป ไม้พะยูงล้อม และสิ่งประดิษฐ์ที่ทำจากไม้พะยูง)
เป็นสินค้าห้ามส่งออกไปนอกราชอาณาจักร และ ๔) ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ รวม ๒
ฉบับ ได้แก่ ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การส่งถ่านไม้ออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ.
๒๕๔๙ ลงวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๔๙ และประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ไม้เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร
พ.ศ. ๒๕๕๕ ลงวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่เห็นควรขอความอนุเคราะห์กรมการค้าต่างประเทศจัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กรมป่าไม้ และกรมศุลกากร เพื่อพิจารณากำหนดรหัสสถิติใหม่
โดยหลักเกณฑ์การกำหนดรหัสสถิติต้องมีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของสินค้านั้น ๆ
ว่ายังคงมีการค้าอยู่ในปัจจุบันหรือไม่ มากน้อยเพียงใด และควรอ้างถึงมาตรา ๕ (๑)
(๒) และ (๕)
แห่งพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าฯ
และตัดการอ้างถึงมาตรา ๕ (๖) ออก
เนื่องจากมิได้เป็นการกำหนดมาตรการอื่นใดเพื่อประโยชน์ในการจัดระเบียบในการส่งออก
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงการต่างประเทศ ที่เห็นควรขอความอนุเคราะห์กรมการค้าต่างประเทศจัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กรมป่าไม้ และกรมศุลกากร เพื่อพิจารณากำหนดรหัสสถิติใหม่
โดยหลักเกณฑ์การกำหนดรหัสสถิติต้องมีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของสินค้านั้น ๆ
ว่ายังคงมีการค้าอยู่ในปัจจุบันหรือไม่ มากน้อยเพียงใด และพิจารณาซักซ้อมความเข้าใจล่วงหน้ากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศเพื่อนบ้านที่รับผิดชอบเรื่องการนำเข้าและส่งออก
ก่อนประกาศมีผลบังคับใช้ เพื่อให้มีการปรับตัว
และสามารถปฏิบัติตามมาตรการใหม่อย่างถูกต้อง ไปพิจารณาต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5025 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2565 | กษ. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๕ ได้มีมติเห็นชอบให้มีการดำเนินการ ๖
เรื่อง ได้แก่ การกำหนดมาตรฐานการรับซื้อผลปาล์ม
โครงการติดตั้งเครื่องมือวัดปริมาณน้ำมันปาล์มเพื่อบริหารจัดการและควบคุมสต็อกน้ำมันปาล์ม
การเปิดตลาดน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์มภายใต้กรอบการค้าระหว่างประเทศ
ปี ๒๕๖๖-๒๕๖๘
การขยายระยะเวลาโครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อลดผลผลิตส่วนเกิน ปี ๒๕๖๕
โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ปี ๒๕๖๕-ปี๒๕๖๖ และมาตรการคู่ขนาน ปี
๒๕๖๖ และ การสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน กนป. ตามที่คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5026 | หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต (ฉบับที่ 4) | สธ. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต (ฉบับที่ ๔) (หลักเกณฑ์ UCEP) ซึ่งได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ UCEP ๒ รายการ ได้แก่
(๑) การจัดทำรายการ หมวดค่ายาและสารอาหารทางเส้นเลือด
เป็นการปรับรายการยาในบัญชีแนบท้ายหลักเกณฑ์ UCEP จากจำนวน ๓,๑๓๘ รายการ คงเหลือ ๑,๒๘๗ รายการ
โดยปรับการกำหนดชื่อรายการยา จากเดิม กำหนดตามชื่อการค้า (Trade name) ของยา ๓,๑๓๘ รายการ ปรับเป็น (๑)
ใช้เฉพาะชื่อสามัญทางยา (Generic name) (สำหรับยาสามัญ จำนวน
๑,๐๖๐ รายการ) และ (๒) ใช้ทั้งชื่อสามัญทางยาและชื่อการค้า
(สำหรับยาต้นแบบ จำนวน ๒๒๗ รายการ) รวมทั้งได้มีการปรับอัตราค่ายาทั้ง ๑,๒๘๗ รายการ ให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายในปัจจุบันแล้ว และ (๒) ค่าธรรมเนียมแพทย์
ในหมวดที่ ๑๒ ค่าบริการวิชาชีพ เป็นการปรับอัตราค่าบริการทางการแพทย์ เพื่อให้เป็นไปตามคู่มือแนวทางการกำหนดค่าธรรมเนียมการแพทย์
ปี ๒๕๖๓ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
โดยปรับเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ ๓๐ เช่น การซ่อมแซมหลอดเลือดแดงโปร่งพองในสมอง
จาก ๖๐,๐๐๐ ยาท เป็น ๙๐,๐๐๐ บาท
เพิ่มขึ้น ๓๐,๐๐๐ บาท หรือประมาณร้อยละ ๓๓.๓๔ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขรับข้อสังเกตของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม และความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าบัญชีรายการยาควรครอบคลุมไม่ต่ำกว่าสิทธิการรักษาพยาบาลของ
สปสช. ควรพิจารณาทบทวนการจัดกลุ่มให้ชัดเจนเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
ในกรณีของโรงพยาบาลเอกชนอาจมีรายการดังกล่าวในกลุ่มต้นแบบเท่านั้น
และสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง
เกี่ยวกับการดำเนินการแก่ผู้ป่วยวิกฤตและประโยชน์ที่ผู้ป่วยจะได้รับเป็นสำคัญ
กำกับ ติดตาม และตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
เงื่อนไข และอัตราที่กำหนด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5027 | ขออนุมัติดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำกิ จังหวัดน่าน | กษ. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยกรมชลประทานดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำกิ จังหวัดน่าน ภายในกรอบวงเงิน ๖,๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ ๗ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗-พ.ศ. ๒๕๗๓)
โดยขอให้กรมชลประทานเร่งรัดการดำเนินการเตรียมความพร้อมด้านจัดหาที่ดินในการก่อสร้าง
พร้อมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามความสามารถในการใช้จ่ายและก่อหนี้ผูกพันภายในปีงบประมาณที่สอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติอย่างเคร่งครัด
ตลอดจนปฏิบัติตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
สำหรับกรณีที่มีรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณมากกว่าหนึ่งปีงบประมาณ
และมีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป จะต้องเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติก่อน
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความพร้อม ความจำเป็นและเหมาะสม
ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(กรมชลประทาน) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เช่น
ให้ความสำคัญกับการควบคุม และการกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการปฏิบัติตามมาตรการและแก้ไขผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ควรรายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำกิ
จังหวัดน่าน ต่อคณะกรรมการลุ่มน้ำที่เกี่ยวข้องและ กนช. ทราบทุก ๖ เดือน
เพื่อติดตามและกำกับโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จตามแผนงานและบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
ควรเร่งรัดการดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมาย
ตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5028 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนประกันสังคม สำนักงานประกันสังคม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 | รง. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนประกันสังคม
สำนักงานประกันสังคม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ ประกอบด้วย
งบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว
เห็นว่ารายงานการเงินดังกล่าวถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐตามที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้นำเสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเพื่อทราบต่อไป
และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5029 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายนพดล อุเทน) | ปปง. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายนพดล อุเทน ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งผู้อำนวยการกองข่าวกรองทางการเงิน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมายและพัฒนามาตรการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
(นิติกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ตั้งแต่วันที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๕
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5030 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (1. นายทศเทพ บุญทอง ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | สธ. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. นายทศเทพ บุญทอง ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์
(นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ๒. นางสาวอังคณา
นรเศรษฐ์ธาดา ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม)
กลุ่มงานอายุรกรรม โรง พยาบาลหาดใหญ่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๕
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5031 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (1. นายทศเทพ บุญทอง ฯลฯ จำนวน 3 ราย) (นางสาวอังคณา นรเศรษฐ์ธาดา) | สธ. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. นายทศเทพ บุญทอง ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ๒. นางสาวอังคณา นรเศรษฐ์ธาดา ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรง พยาบาลหาดใหญ่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๕
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5032 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (1. นายทศเทพ บุญทอง ฯลฯ จำนวน 3 ราย) (นางสาวอุษณีย์ สังคมกำแหง) | สธ. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. นายทศเทพ บุญทอง ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ๒. นางสาวอังคณา นรเศรษฐ์ธาดา ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรง พยาบาลหาดใหญ่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๕
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5033 | การพิจารณาแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการสภาวิศวกร (1. นายพิศุทธิ์ สุขุม ฯลฯ จำนวน 5 ราย) | มท. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการสภาวิศวกร
จำนวน ๕ คน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ
ทั้งนี้ วันเริ่มต้นวาระของการอยู่ในตำแหน่งของกรรมการดังกล่าวเป็นไปตามนัยมาตรา
๒๕ แห่งพระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๒ ดังนี้ ๑. นายพิศุทธิ์ สุขุม ๒. นายประเสริฐ วรปัญญา ๓. นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ๔. นายอเนก ศิริพานิชกร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5034 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายสยาม บางกุลธรรม และนายเนวินธุ์ ช่อชัยทิพฐ์) | นร.04 | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายสยาม บางกุลธรรม และนายเนวินธุ์
ช่อชัยทิพฐ์ เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๗ มกราคม ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5035 | แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุข และคณะอนุกรรมการพิจารณาพื้นที่พิเศษสำหรับค่าตอบแทนเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายค่าตอบแทนเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายสำหรับกำลังคนด้านสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในพื้นที่พิเศษ พ.ศ. 2548 | สธ. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุข
และคณะอนุกรรมการพิจารณาพื้นที่พิเศษสำหรับค่าตอบแทน เบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย
ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายค่าตอบแทนเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย
สำหรับกำลังคนด้านสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในพื้นที่พิเศษ พ.ศ. ๒๕๔๘
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๗ มกราคม
๒๕๖๖) เป็นต้นไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
(โรงพยาบาลตำรวจ) รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นว่าการกำหนดค่าตอบแทนฯ
ในพื้นที่พิเศษดังกล่าว
ควรเทียบเคียงกับเงินเพิ่มพิเศษรายดือนสำหรับข้าราชการประเภทอื่นที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เดียวกันด้วย
เพื่อมิให้เกิดความลักลั่นของระบบค่าตอบแทนภาครัฐในภาพรวม นอกจากนี้
มีข้อเสนอแนะให้โรงพยาบาลตำรวจนำเทคโนโลยีแพทย์ทางไกล (Telemedicine)
มาใช้พัฒนาระบบให้คำปรึกษาด้านสุขภาพทางไกลให้แก่โรงพยาบาลยะลาสิริรัตนรักษ์ควบคู่ไปกับการสร้างแรงจูงใจเรื่องค่าตอบแทนบุคลากรด้านสุขภาพ
อันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขแก่ประชาชนในพื้นที่ได้อย่างทั่วถึง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5036 | รายงานประจำปี 2564 ของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) | พณ. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๔ ของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา
(องค์การมหาชน) โดยมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น (๑) การจัดฝึกอบรม ประชุม สัมมนา
ให้กับประชาชนและบุคลากรของภาครัฐและเอกชนทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
โดยครอบคลุมการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เช่น ด้านการค้า การลงทุน
และการพัฒนาระหว่างประเทศ (๒) การดำเนินโครงการวิจัย จำนวน ๖ โครงการ ในประเด็นเกี่ยวกับการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ
เช่น โครงการศูนย์วิเคราะห์แนวโน้มด้านการค้าและการพัฒนา
และโครงการพัฒนาศักยภาพระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมโยงการค้าและการลงทุนกับประตูการค้าฝั่งตะวันตก
และเผยแพร่ผลงานวิชาการผ่านช่องทางต่าง ๆ และขยายเครือข่ายการสร้างองค์ความรู้และการให้บริการวิชาการเพื่อการค้าและการพัฒนาทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5037 | ผลการประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาอาเซียน ครั้งที่ 12 และการประชุมที่เกี่ยวข้องและการเป็นประธานการประชุมด้านการศึกษาอาเซียน ระหว่างปี พ.ศ. 2567 - 2568 ณ ประเทศไทย | ศธ. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาอาเซียน ครั้งที่ ๑๒
และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๕ ณ กรุงฮานอย
สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และการเป็นประธานการประชุมด้านการศึกษาอาเซียน
ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๖๗-๒๕๖๘ ณ ประเทศไทย โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ
และการประชุมที่เกี่ยวข้องในปี ๒๕๖๗ โดยมีสาระสำคัญ เช่น (๑) ที่ประชุมฯ
ได้หารือเชิงนโยบายเกี่ยวกับการจัดการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในกรอบอาเซียน
อาเซียนบวกสาม และอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา (๒) รัฐมนตรีศึกษาได้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงของการศึกษาอันเนื่องมาจากโควิด-๑๙
ที่มีการใช้เทคโนโลยีและดิจิทัลมากขึ้น (๓) ที่ประชุมฯ
ได้รับรองร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาอาเซียน ครั้งที่ ๑๒ การประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาอาเซียนบวก
๓ ครั้งที่ ๖ และการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกด้านการศึกษา ครั้งที่ ๖
และรับทราบเอกสารแนวทางการเปิดเรียน
ฟื้นฟูและปรับตัวด้านการศึกษาของประเทศสมาชิกอาเซียนและปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของระบบการศึกษาในอาเซียน
และ (๔) การเป็นประธานการประชุมด้านการศึกษาอาเซียน ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๖๗-๒๕๖๘ โดยไทยรับเป็นประธานการประชุมฯ
และเป็นเจ้าภาพการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการศึกษาอาเซียน ครั้งที่ ๑๓ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5038 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสสาม ปี 2565 | นร.11 สศช | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะสังคมไทยไตรมาสสาม
ปี ๒๕๖๕ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑) ความเคลื่อนไหวทางสังคมไตรมาสสาม ปี ๒๕๖๕ เช่น
สถานการณ์แรงงานที่มีการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒.๑
เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม หนี้สินครัวเรือนชะลอตัวร้อยละ
๓.๕ เนื่องจากการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ
และการเจ็บป่วยด้วยโรคเฝ้าระวังเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๗๕.๔ เช่น โรคมือ เท้า ปาก
และโรคไข้หวัดใหญ่ ๒) สถานการณ์ทางสังคมที่สำคัญ จำนวน ๓ เรื่อง ได้แก่ (๑) ภาวะโลกร้อนโดยความท้าทายของไทย
เช่น การขาดทิศทางการวิจัยด้านการเกษตร
เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการขาดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่จะช่วยลดภาวะโลกร้อน
ดังนั้น ไทยต้องให้ความสำคัญในประเด็นต่าง ๆ เช่น การปรับรูปแบบการทำเกษตรกรรมให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนให้กับประชาชน
(๒) กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) : การส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาของเด็กไทยให้ยั่งยืน กยศ. มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการศึกษาให้กับนักเรียนและนักศึกษาผ่านการให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา พบว่า ผู้กู้ยืมจาก
กยศ. ที่ผิดนัดชำระหนี้กว่าร้อยละ ๖๕ สาเหตุการผิดนัดชำระหนี้ เช่น
การขาดวินัยทางการเงิน กลไกการชำระหนี้ และกฎเกณฑ์ไม่เอื้อต่อการปรับโครงสร้างหนี้
ดังนั้น ควรนำลูกหนี้ที่ผิดนัดชำระหนี้เข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ และ (๓) เสรีกัญชา
โดยไทยต้องให้ความสำคัญในการควบคุมการผลิตการเพาะปลูกกัญชา
และกำหนดปริมาณกัญชาที่สามารถซื้อขายหรือถือครองได้ เป็นต้น และ ๓) บทความเรื่อง “มองคนจนหลายมิติ
ปี ๒๕๖๔ ปัญหาที่มิใช่แค่เรื่องเงินเท่านั้น” โดยความจนมีหลายมิติ เช่น
มิติด้านการศึกษา พบว่า มีการหลุดออกนอกระบบการศึกษาเพิ่มขึ้น
มิติด้านการใช้ชีวิตในแบบที่ดีต่อสุขภาพ พบว่า มีการเข้าถึงแหล่งน้ำสะอาดที่จำกัด
ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาความยากจน เช่น การพัฒนาระบบข้อมูลระหว่างหน่วยงานในพื้นที่ให้มีการบูรณาการร่วมกันและการจัดทำมาตรการในรูปแบบชุดนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5039 | รายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.01 | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด
(ก.ธ.จ.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยมีผลการดำเนินงาน ดังนี้ (๑) คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด
ทั้ง ๗๖ คณะ/จังหวัด ได้มีการประชุมเพื่อติดตามสอดส่องการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกจังหวัด
๒๕๓ ครั้ง ๒,๓๒๐
เรื่อง และมีข้อเสนอแนะใน ๔ เรื่อง ได้แก่ แผนงาน/โครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด
แผนงาน/โครงการของส่วนราชการในจังหวัด แผนงาน/โครงการของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ
และเรื่องร้องเรียน
รวมถึงเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนมากที่สุดคือด้านการสาธารณูปโภค จำนวน ๑,๕๗๗ เรื่อง และรองลงมาคือด้านเศรษฐกิจ จำนวน ๓๕๙ เรื่อง (๒)
ปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญและแนวทางการแก้ไขของ ก.ธ.จ. เช่น การปฏิบัติหน้าที่ของ
ก.ธ.จ. การขอรับการสนับสนุนงบประมาณ การจัดสัมมนา ฝึกอบรม และการประชาสัมพันธ์
ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5040 | การรับรองแผนพัฒนาร่วมระหว่างยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขงกับหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา | กต. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนพัฒนาร่วมระหว่างยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง
(ACMECS)
กับจีน และแผนพัฒนาร่วมระหว่าง ACMECS กับอินเดีย
ซึ่งได้มีการเจรจาปรับแก้ถ้อยคำเพิ่มเติมในร่างแผนพัฒนาร่วม ทั้ง ๒ ฉบับ ได้แก่
(๑) ร่างแผนพัฒนาร่วมฯ กับจีน ประเทศสมาชิก ACMECS มีข้อสรุปให้ปรับถ้อยคำจาก
การที่ ACMECS ส่งเสริม BRI และ MLC
เป็นการเสริมสร้างการสอดประสานระหว่างกันของ ACMECS BRI และ MLC แทน
ไม่ขัดข้องกับการตัดถ้อยคำเกี่ยวกับรายการโครงการ LOPP ของ ACMECS
และขอไม่ให้บรรจุ LOPP
เป็นภาคผนวกของแผนพัฒนาร่วมฯ กับจีน และให้เพิ่มถ้อยคำที่ระบุว่า ACMECS ยังสามารถเสนอ LOPP
ให้จีนพิจารณาให้การสนับสนุนต่อไปได้ และไม่ขัดข้องกับการขอเพิ่มถ้อยคำให้ ACMECS ส่งเสริม GDI และเสนอถ้อยคำให้รวมถึงข้อริเริ่มอื่น
ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาที่ยั่งยืนในกรอบอนุภูมิภาค/ภูมิภาคด้วย และ (๒) ร่างแผนพัฒนาร่วมฯ
กับอินเดีย ประเทศสมาชิก ACMECS กับอินเดียมีข้อสรุปให้อินเดียและ
ACMECS ร่วมกันจัดทำรายการโครงการร่วมอินเดีย-ACMECS โดยคัดเลือกจากรายการโครงการใน LOPP
หรือสามารถริเริ่มโครงการใหม่ได้ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|