ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 252 จากทั้งหมด 6222 หน้า แสดงรายการที่ 5021 - 5040 จากข้อมูลทั้งหมด 124436 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 5021 | การเปิดโครงข่ายขยายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต (โครงการงบ Big Rock) ตามหลักการโครงข่ายแบบเปิด (Open Access Network) | ดศ. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเปิดโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต
(โครงการงบ Big Rock)
ตามหลักการโครงข่ายแบบเปิด (Open Access Network)
โดยใช้แนวทางที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในการประชุม ครั้งที่ ๓/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เพื่อให้มีการเชื่อมโยงเครือข่ายไปให้บริการปลายทาง
(Last Mile Access) ยังทุกภาคส่วน
ซึ่งเป็นการใช้โครงข่ายดังกล่าวให้เกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพสูงสุดลดความซ้ำซ้อนในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม
และรับทราบการโอนทรัพย์สินภายใต้โครงการเน็ตประชารัฐ
และโครงการขยายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต (โครงการงบ Big
Rock)
ให้กับสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ตามมติคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในคราวประชุม ครั้งที่
๒/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เช่น
ควรพิจารณาจัดทำฐานข้อมูลของโครงการรวมทั้งการติดตั้งอุปกรณ์ switch ต้นทาง และอุปกรณ์ปลายทาง (SDP : Splitter Distribution Point)
ทั้งหมดในพื้นที่ให้สามารถเข้าถึงและตรวจสอบจุดให้บริการหรือการขอใช้บริการได้ผ่านบริการเว็บ
ควรขยายความครอบคลุมเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ทั่วถึงทั้งประเทศโดยเร็ว
ควรปฏิบัติให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่รัฐและประชาชนจะได้รับ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. โดยที่โครงการเน็ตประชารัฐและโครงการ
Big Rock มีประเด็นการค้างชำระค่าใช้จ่าย
ค่าบริการแก่หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด
(มหาชน) การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตั้งแต่ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๕
จึงมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเร่งหารือกับกระทรวงมหาดไทย
สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาภาระหนี้สินดังกล่าวของโครงการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
รวมทั้งให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเร่งศึกษาทางเลือกรูปแบบธุรกิจของโครงการดังกล่าวข้างต้นที่เหมาะสมภายใต้หลักการโครงข่ายแบบเปิด
(Open Access Network) เพื่อให้มีช่องทางสร้างรายได้อย่างเพียงพอและยั่งยืนต่อไปในอนาคต |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 5022 | แผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด พ.ศ. 2566-2570 ฉบับทบทวน แผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และข้อเสนอโครงการของส่วนราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่สอดคล้องกับเป้าหมายและแนวทางการพัฒนาภาค พ.ศ. 2566-2570 | นร.11 สศช | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติแผนพัฒนาจังหวัด ๗๖ จังหวัด
และแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด ๑๘ กลุ่มจังหวัด พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐ ฉบับทบทวน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดนำความเห็นและข้อเสนอแนะไปปรับปรุงแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดในระยะต่อไป ๑.๒ อนุมัติแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ของจังหวัด ๗๖ จังหวัดและกลุ่มจังหวัด ๑๘ กลุ่มจังหวัด ประกอบด้วย (๑)
เห็นควรสนับสนุนในกรอบวงเงิน (Y๑)
จำนวน ๑,๓๔๖ โครงการ งบประมาณ ๒๙,๓๑๔,๕๑๐,๙๐๐ บาท (๒)
เห็นควรสนับสนุนเกินกรอบวงเงิน (Y๒) จำนวน
๔๐๑ โครงการ งบประมาณ ๑๒,๕๘๘,๙๕๐,๗๕๐ บาท รวมทั้งสิ้น ๑,๗๔๗ โครงการ งบประมาณรวม
๔๑,๙๐๓,๔๖๑,๖๕๐ บาท ๑.๓ อนุมัติข้อเสนอโครงการของส่วนราชการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ที่สอดคล้องกับเป้าหมายและแนวทางการพัฒนาภาค พ.ศ.
๒๕๖๖-๒๕๗๐ รวมจำนวน ๓๖๔ โครงการ ทั้งนี้ ขอให้สำนักงบประมาณให้ความสำคัญและพิจารณาสนับสนุนงบประมาณโครงการที่สอดคล้องกับเป้าหมายและแนวทางการพัฒนาภาคเป็นลำดับแรก
เพื่อให้การขับเคลื่อนการพัฒนาเชิงพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรม
สอดคล้องตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ
และมอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปดำเนินการประสานสำนักงบประมาณ
เพื่อดำเนินการตามระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณ รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่เห็นว่า ในการขับเคลื่อนแผนงานโครงการของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดต้องสามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในแต่ละพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน และพิจารณาตามลำดับความสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วน อีกทั้งควรมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการจัดสรรงบประมาณ สำหรับข้อเสนอโครงการของส่วนราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ควรให้ความสำคัญและสนับสนุนงบประมาณโครงการที่มีผลกระทบต่อการขับเคลื่อนการพัฒนาภาคสูงอย่างมีระบบและครอบคลุม สอดคล้องกับศักยภาพและพื้นที่เป้าหมาย เพื่อให้การขับเคลื่อนการพัฒนาเชิงพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 5023 | การถอดถอนกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองดอร์นบีร์น สาธารณรัฐออสเตรีย และการปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองดอร์นบีร์น สาธารณรัฐออสเตรีย เป็นการชั่วคราว (นายเยือร์เกิน พิฟเฟอร์) | กต. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการถอดถอน นายเยือร์เกิน
พิฟเฟอร์ (Mr. Jurgen Piffer) จากตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ
เมืองดอร์นบีร์น สาธารณรัฐออสเตรีย และการปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ
เมืองดอร์นบีร์น สาธารณรัฐออสเตรีย เป็นการชั่วคราว
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 5024 | รายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.07 | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 5025 | โครงการโคล้านครอบครัว | สทบ. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการโครงการโคล้านครอบครัว
วงเงิน ๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยให้รัฐชดเชยต้นทุนการเงินให้สถาบันการเงิน
(ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร) อัตราร้อยละ ๔ บาทต่อปี ภายในวงเงิน ๖๐๐
ล้านบาท โดยในปีแรกให้ใช้งบประมาณจากโครงการเพิ่มทุนกองหมู่บ้านและชุมชนเมือง
ระยะที่ ๓ จำนวน ๓๕๐ ล้านบาท เพื่อชดเชยต้นทุนการเงินให้กับสถาบันการเงิน
ภายในวงเงิน ๒๐๐ ล้านบาท และงบประมาณบริหารโครงการ ภายในวงเงิน ๑๕๐ ล้านบาท
และให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สบท.)
ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อชดเชยต้นทุนการเงินให้สถาบันการเงิน ในปีที่ ๒-๔
ภายในวงเงิน ๔๐๐ ล้านบาท
และมอบหมายให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติร่วมกับกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ดำเนินโครงการตามอำนาจหน้าที่รับผิดชอบเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เป้าหมายของโครงการและเจตนารมณ์ของรัฐบาลต่อไป
ตามที่สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรมีการติดตามตรวจสอบคุณสมบัติของกองทุนหมู่บ้านฯ
ที่จะเข้าร่วมโครงการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขที่กำหนด
และควรดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่มีความเชี่ยวชาญหรือหน่วยงานภายนอกที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านปศุสัตว์
ทำหน้าที่ตรวจรับรองการได้มาของโค น้ำเชื้อ และเวชภัณฑ์ รวมทั้งค่าผสมเทียม
มีการจัดทำประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการภาครัฐต่อภาระทางการคลังในภาพรวมให้สอดคล้องกับรายรับ
และพิจารณาถึงความสามารถของงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่จะเสนอตั้งงบประมาณรองรับ รวมถึงภาระทางการคลังทั้งในปัจจุบันและอนาคต
และควรให้ความสำคัญในการจัดทำหลักเกณฑ์การคัดเลือกเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ รวมทั้งควรประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้คำปรึกษาแนะนำทางวิชาการและการบริหารจัดการแก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ
ตลอดจนกำกับดูแลและติดตามการดำเนินงานโครงการอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
เพื่อให้การดำเนินโครงการประสบความสำเร็จและมีความยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 5026 | ขอให้พิจารณาประกาศพื้นที่อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร | นร.51 | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบสรุปผลการประเมินพื้นที่อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี
ประกอบการพิจารณาประกาศพื้นที่ที่ปรากฎเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
ตามมาตร ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเสนอ ๒. เห็นชอบ ๒.๑.
ร่างประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ๒.๒.
ร่างปรากศ เรื่อง
การให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย ๒.๓
ร่างประกาศ เรื่อง กำหนดลักษณะความผิดอันมีผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
ตามมาตร ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ ๒.๔
ร่างข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๑๘
แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ รวม ๔ ฉบับ
ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 5027 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2566-2569 สำหรับดำเนินโครงการจัดแสดงนิทรรศการในงาน Expo 2025 Osaka Kansai ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น รายการค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดนิทรรศการ Expo 2025 Osaka Kansai | สธ. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๖๙
สำหรับดำเนินโครงการจัดแสดงนิทรรศการในงาน Expo
2025 Osaka Kansai ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น
รายการค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดนิทรรศการ Expo 2025 Osaka Kansai รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๘๖๗,๘๘๑,๖๑๑ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 5028 | ร่างเอกสารการขยายระยะเวลาของความตกลงว่าด้วยความมั่นคงทางปิโตรเลียมของอาเซียน (Instrument of Extension of the ASEAN Petroleum Security Agreement) | พน. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างเอกสารการขยายระยะเวลาของความตกลงว่าด้วยความมั่นคงทางปิโตรเลียมของอาเซียน
(Instrument of Extension of the ASEAN
Petroleum Security Agreement) และอนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
เป็นผู้ลงนามในร่างเอกสารฯ และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full
Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม โดยร่างเอกสารฯ
มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาของความตกลงว่าด้วยความมั่นคงทางปิโตรเลียมของอาเซียน
(ASEAN Petroleum Security Agreement) ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่
๒๒ มีนาคม ๒๕๖๖ ออกไปจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๘ ซึ่งความตกลงฯ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกลไกช่วยเหลือของประเทศสมาชิกอาเซียนในภาวะฉุกเฉินหรือสถานการณ์ที่มีการขาดแคลนด้านพลังงาน
โดยมีการกำหนดสิทธิและหน้าที่ให้ภาคีต้องปฏิบัติ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
ให้กระทรวงพลังงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 5029 | การปรับลดพื้นที่อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี ออกจากพื้นที่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง และการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2566 ถึงวันที่ 19 มิถุนายน 2566) | นร.08 | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ปรับลดพื้นที่อำเภอมายอ
จังหวัดปัตตานี
ออกจากพื้นที่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อนำพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑
มาบังคับใช้แทน ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ๒.
เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส
ยกเว้นอำเภอศรีสาคร อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี
ยกเว้นอำเภอยะหริ่ง อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา
ยกเว้นอำเภอเบตง และอำเภอกาบัง ออกไปอีก ๓ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๖
ถึงวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๖ ๓. เห็นชอบและรับทราบร่างประกาศ ๓.๑
เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส
ยกเว้นอำเภอศรีสาคร อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอยะหริ่ง อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น
และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง และอำเภอกาบัง
และร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ ๓.๒
รับทราบร่างประกาศ เรื่อง
การให้ประกาศและคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ
และร่างประกาศ เรื่อง ยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่อำเภอมายอ
จังหวัดปัตตานี รวม ๔ ฉบับ
ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 5030 | ขออนุมัติโครงการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 4G/5G บนคลื่น 700 MHz ของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) | ดศ. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการของโครงการโทรศัพท์เคลื่อนที่
๔G/๕G บนคลื่น ๗๐๐ MHz กรอบวงเงินลงทุนรวมประมาณ ๓๐,๖๐๒ ล้านบาท และรับทราบกรอบวงเงินของค่าใชจ่ายในการดำเนินโครงการ
(งบทำการ) ๓๑,๐๒๖ ล้านบาท ของ บมจ. โทรคมนาคมแห่งชาติ
และมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ
จำกัด (มหาชน) รับความเห็นของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ตามหนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ นร
๑๑๐๖/๑๓๕๒ ลงวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๖ ไปดำเนินการต่อไปด้วย
และมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ประสานกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อร่วมกันพิจารณากำหนดนิยามเกี่ยวกับกิจการโทรคมนาคมที่ถือเป็นบริการสาธารณะขั้นพื้นฐาน
อาทิ การให้บริการโทรศัพท์ประจำที่ โทรศัพท์เคลื่อนที่ บริการอินเทอร์เน็ต
ให้มีความชัดเจนและสอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้บริการโทรคมนาคมในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปตามแนวโน้มการพัฒนาเทคโนโลยี
เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถใช้ประกอบการกำหนดภารกิจของหน่วยงานภาครัฐรวมถึง
บมจ. โทรคมนาคมแห่งชาติ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งจะช่วยให้เกิดความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐ ทั้งนี้กรณีที่พิจารณาแล้วเห็นว่า
การให้บริการโทรศัพท์ประจำที่ถือเป็นการให้บริการโทรคมนาคมขั้นพื้นฐาน
อาจจะพิจารณารูปแบบการสนับสนุนเงินลงทุนและค่าบำรุงรักษาโครงข่าย (บางส่วน)
ให้แก่ผู้ให้บริการจัดให้มีบริการดังกล่าวโดยใช้จ่ายจากเงินค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
และให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด
(มหาชน)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและมติสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๑๐๖/๕๔๔๓
ลงวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๕)
ที่ควรเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้งานจากเทคโนโลยี ๕G ที่หลากหลายเพิ่มขึ้น
โดยอาจจะเริ่มต้นจากเมืองที่มีความพร้อมของบุคลากรและมีความสามารถในการลงทุนและประยุกต์ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและข้อมูลที่เกิดจากโครงการฯ
ซึ่งจะช่วยให้เกิดการพัฒนาเมืองสู่เมืองอัจฉริยะได้อย่างแท้จริง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 5031 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการฟื้นฟู เตรียมความพร้อม และเสริมสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) กลุ่มอาชีพในชุมชน หลังสถานการณ์โควิด ด้วยองค์ความรู้ วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ภายใต้แนวคิดการพัฒนาท้องถิ่นอย่างมั่นคงตามแนวทางเศรษฐกิจ BCG | อว. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
จำนวน ๕๑๔,๒๒๑,๓๐๐ บาท เพื่อดำเนินโครงการฟื้นฟู
เตรียมความพร้อม และเสริมสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) กลุ่มอาชีพในชุมชน หลังสถานการณ์โควิด ด้วยองค์ความรู้ วิทยาศาสตร์ วิจัย
และนวัตกรรม ภายใต้แนวคิดการพัฒนาท้องถิ่นอย่างมั่นคงตามแนวทางเศรษฐกิจ BCG
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
(มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี) บูรณาการและพิจารณาตรวจสอบภารกิจไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับโครงการภาครัฐที่ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน
(ตามหนังสือสำนักงบประมาณ ที่ นร ๑๗๑๑.๒/๕๖๖๙ ลงวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๖)
รวมทั้งให้ควบคุม กำกับ และตรวจสอบการดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์
โปร่งใส ถูกต้อง ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒.
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 5032 | ขออนุมัติดำเนินโครงการทางพิเศษฉลองรัชส่วนต่อขยาย (ช่วงจตุโชติ - ถนนลำลูกกา) ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย | คค. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยดำเนินโครงการทางพิเศษฉลองรัชส่วนต่อขยาย (ช่วงจตุโชติ-ถนนลำลูกกา) ระยะทาง ๑๖.๒๑ กิโลเมตร
มูลค่าการลงทุนโครงการ ๒๔,๐๖๐.๐๔ ล้านบาท ประกอบด้วย
ค่าก่อสร้างและค่าควบคุมงาน ๒๐,๓๓๓.๒๓ ล้านบาท และค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน
๓,๗๒๖.๘๑ ล้านบาท และอนุมัติแหล่งเงินทุนสำหรับดำเนินโครงการค่าจัดทำกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งหมดในวงเงิน
๓,๗๒๖.๘๑ ล้านบาท
โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทยขอรับการสนับสนุนค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งหมดจากรัฐบาล
ค่าก่อสร้างและค่าควบคุมงานให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยใช้เงินทีได้จากการระดมทุนผ่านกองทุน
TFF ที่มีอยู่เป็นจำนวนเงิน ๑๔,๓๗๔ ล้านบาท และออกพันธบัตรเพิ่มเติมในกรอบวงเงินประมาณ
๕,๙๖๐ ล้านบาท โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทยจะทำความตกลงกับกระทรวงการคลังเพื่อจัดหาแหล่งเงินลงทุนโครงการที่เหมาะสมต่อไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
ยกเว้นในส่วนของการดำเนินโครงการส่วนต่อขยายไปเชื่อมต่อกับถนนวงแหวนรอบนอก กรุงเทพมหานคร
รอบที่ ๓ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ทั้งนี้
ให้กระทรวงคมนาคม (การทางพิเศษแห่งประเทศไทย) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
(หนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค ๐๙๐๗/๒๒๓๑ ลงวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖)
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงบประมาณ รวมทั้งมติสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยหารือร่วมกับกรมทางหลวงให้ได้ข้อยุติเรื่องรูปแบบการก่อสร้างส่วนต่อขยายทางพิเศษสายฉลองรัช-นครนายก-สระบุรี
ไปเชื่อมกับวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร รอบที่ ๓ (ส่วนต่อขยายทางพิเศษฯ) และการพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้าร่วมกับทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง
(MR-MAP)
ให้เรียบร้อยโดยเร็ว
การทบทวนการออกแบบโครงสร้างทางยกระดับของโครงการทางพิเศษสายฉลองรัช-นครนายก-สระบุรี
ให้มีความสอดคล้องกับกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน
ความคงทนของอาคารและพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว
พ.ศ. ๒๕๖๔ รวมทั้งแก้กฎกระทรวงให้ถูกต้อง
ควรเร่งเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อก่อสร้างโครงการฯ
ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็ว เพื่อให้ก่อสร้างโครงการได้ตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้
กำกับการดำเนินโครงการฯ
ในช่วงก่อสร้างโดยให้ความสำคัญกับมาตรฐานความปลอดภัยและการดำเนินการตามมาตรการผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 5033 | โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ ชุดที่ 1 | พน. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนอุบลรัตน์
ชุดที่ ๑ ในวงเงินรวมทั้งสิ้น ๘๖๓.๔๐ ล้านบาท แบ่งเป็นเงินตราต่างประเทศ ๔๘๔.๘๐
ล้านบาท และเงินบาท ๓๗๘.๖๐ ล้านบาท และหากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ
ให้ถือว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้รับอนุมัติงบประมาณเพื่อการลงทุนตามแผนการประมาณการเบิกจ่ายประจำปี
๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และให้กระทรวงพลังงานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ที่
นร ๐๗๑๕/๑๑๕๗๐ ลงวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๕) สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ธนาคารแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงงาน
(หนังสือคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ที่ สกพ ๕๕๐๑/๐๐๘๒ ลงวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕)
เช่น ให้การไฟฟ้าเร่งดำเนินโครงการลงทุนภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยที่สนับสนุนให้ประเทศไทยมุ่งสู่พลังงานสะอาดให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว
เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) เป้าหมายที่ ๗ สร้างหลักประกันให้ทุกคนสามารถเข้าถึงพลังงานสมัยใหม่ที่ยั่งยืนในราคาที่ย่อมเยา
รวมทั้งสอดคล้องกับความต้องการของนักลงทุนและสถาบันการเงินที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนในโครงการที่มีการดำเนินงานภายใต้กรอบแนวคิดความยั่งยืน
หรือ ESG (Environment, Social และ Governance) พิจารณากำหนดมาตรการกำกับ ติดตาม การปฏิบัติตามรายงานประมวลหลักการปฏิบัติ
(Code of Practice : CoP)
และรายงานเกี่ยวกับการศึกษามาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย
(Environment & Safety Assessment : ESA) อย่างเคร่งครัด ศึกษาความเหมาะสมในการใช้ประโยชน์จากการติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่
(BESS)
เพื่อรองรับแนวทางการพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าที่มุ่งเน้นการเพิ่มสัดส่วนกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนภายในประเทศ
จัดลำดับความสำคัญและปรับแผนการลงทุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้เร็วขึ้นจากที่กำหนดไว้ตามแผน
PDP๒๐๑๘ REV.๑
พร้อมทั้งพิจารณาปรับเพิ่มกำลังการผลิตโดยคำนึงการใช้ระบบและอุปกรณ์ที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 5034 | การปรับเพิ่มอัตราเงินตอบแทนตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ และเรื่อง ขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 (เรื่อง แนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567) | มท. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติการปรับเพิ่มอัตราเงินตอบแทนตำแหน่งกำนัน
ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง
และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ และเรื่อง
ขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๕ (เรื่อง แนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) ดำเนินการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน
รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
และดำเนินการตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งให้ได้รับการยกเว้นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๕ เรื่อง แนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ.
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่จะต้องคำนึงถึงภาระงบประมาณในระยะยาว
ประกอบกับการดำเนินการใด ๆ ของรัฐ
ที่ก่อให้เกิดภาระทางการเงินการคลังแก่รัฐต้องพิจารณาความคุ้มค่า ต้นทุน
และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ
ควรคงไว้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง การปรับเพิ่มอัตราการตอบแทนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน
ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ) ทั้งนี้
เพื่อเป็นการลดผลกระทบงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในระยะยาวต่อไป
และให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 5035 | รัฐบาลยูเครนเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งยูเครนประจำประเทศไทย (นายเปโตร วรุบเลฟสกี) | กต. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายเปโตร วรุบเลฟสกี (Mr. Petro Vrublevskyi) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งยูเครนประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน อันดรีย์ เบซตา (Mr. Andrii
Beshta) ซึ่งถึงแก่กรรม ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 5036 | การปรับเพิ่มอัตราเงินตอบแทนตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ และเรื่อง ขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 (เรื่อง แนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567) | มท. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติการปรับเพิ่มอัตราเงินตอบแทนตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ และเรื่อง ขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๕ (เรื่อง แนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) ดำเนินการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งให้ได้รับการยกเว้นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๕ เรื่อง แนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่จะต้องคำนึงถึงภาระงบประมาณในระยะยาว ประกอบกับการดำเนินการใด ๆ ของรัฐ ที่ก่อให้เกิดภาระทางการเงินการคลังแก่รัฐต้องพิจารณาความคุ้มค่า ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ ควรคงไว้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง การปรับเพิ่มอัตราการตอบแทนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ) ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลดผลกระทบงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในระยะยาวต่อไป และให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 5037 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายประวีณ ทับแสง) | สธ. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายประวีณ ทับแสง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งนายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรม
สาขาศัลยกรรม) กลุ่มงานศัลยกรรม โรงพยาบาลมหาสารคาม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม
สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม)
โรงพยาบาลอุดรธานี สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี สำนักงานปลัดกระทรวง
ตั้งแต่วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วน
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 5038 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวกรนภา ชัยวัฒน์) | กษ. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวกรนภา ชัยวัฒน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกรม
(ผู้ตรวจราชการกรมระดับสูง) กรมส่งเสริมสหกรณ์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสหกรณ์
(นักวิชาการสหกรณ์ทรงคุณวุฒิ) กรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ตั้งแต่วันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 5039 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (1. นายนรวีร์ พุ่มจันทร์ ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | สธ. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย
ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
ดังนี้ ๑. นายนรวีร์ พุ่มจันทร์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม สาขาจิตเวช) สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา กรมสุขภาพจิต
ตั้งแต่วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๕ ๒. นางสาวภัทรวีร์ สร้อยสังวาลย์ ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์
(มาตรฐานห้องปฏิบัติการ) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
ตั้งแต่วันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๕ ๓. นางสาวปิยะดา หวังรุ่งทรัพย์ ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์
(จุลชีววิทยา) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
ตั้งแต่วันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๕
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 5040 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์) | กค. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองอธิบดีกรมศุลกากร
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี
(นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๓๐
พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
