ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 253 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 5041 - 5060 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
5041 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 16 มกราคม 2566) | นร 05 | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖
ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา ได้แก่
ร่างพิธีสารแก้ไขข้อตกลงว่าด้วยการยอมรับร่วมรายสาขาของอาเซียนสำหรับการตรวจประเมินตามมาตรฐานวิธีการในการผลิตยา
(Protocol of Amend the ASEAN Sectoral Mutual Recognition Arrangement for Good Manufacturing
Practice (GMP) Inspection of Manufacturers of Medicinal Products)
พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่
๒๕ ปีที่ ๔ ครั้งที่ ๒๒ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๖
และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๔ ครั้งที่ ๒๓
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๖ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5042 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ. .... | อก. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจดทะเบียนเครื่องจักร
พ.ศ. ....มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจดทะเบียนเครื่องจักร
รวม ๓ รายการ ได้แก่ ๑) ค่าจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ ๒)
ค่าเครื่องหมายการจดทะเบียนซึ่งเจ้าพนักงานได้ประทับหรือทำไว้ที่เครื่องจักร และ
๓) ค่าคัดสำเนาพร้อมเอกสารด้วยคำรับรองว่าถูกต้อง เฉพาะในคราวเดียวกับการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักรออกไปอีก
๑ ปี โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงบบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งแจ้งกระทรวงการคลังจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนการรายงาน ติดตาม
และการประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินมาตรการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ควรติดตามและประเมินผลการดำเนินการยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจดทะเบียนเครื่องจักร
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5043 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สินค้าน้ำมันดีเซล และน้ำมันอื่น ๆ ที่คล้ายกัน) | กค. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล และน้ำมันอื่น ๆ
ที่คล้ายกัน ในบัญชีพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ประเภทที่ ๐๑.๐๕ รายการน้ำมันดีเซลที่มีกำมะถัน
และรายการน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมลทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์
และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าว เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
และกระทรวงการคลังควรเริ่มทยอยยกเลิกการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันดีเซลและน้ำมันอื่น
ๆ ที่คล้ายกัน
ควบคู่ไปกับการดำเนินมาตรการช่วยเหลือประชาชนเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้น้อยและมีความเปราะบางต่อการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและค่าครองชีพ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5044 | ร่างพิธีสารเพื่อแก้ไขข้อตกลงว่าด้วยการยอมรับร่วมรายสาขาของอาเซียนสำหรับการตรวจประเมินตามมาตรฐานวีธีการในการผลิตยา (Protocol to Amend the ASEAN Sectoral Mutual Recognition Arrangement for Good Manufacturing Practice (GMP) Inspection of Manufacturers of Medicinal Products) [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 16 มกราคม 2566)] | นร.05 | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖ ซึ่งให้เสนอร่างพิธีสารเพื่อแก้ไขข้อตกลงว่าด้วยการยอมรับร่วมรายสาขาของอาเซียนสำหรับการตรวจประเมินตามมาตรฐานวีธีการในการผลิตยา
(Protocol to Amend the ASEAN Sectoral Mutual
Recognition Arrangement for Good Manufacturing Practice (GMP) Inspection of
Manufacturers of Medicinal Products)
ต่อรัฐสภาเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5045 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลป่าตอง และตำบลกะทู้ อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... | คค. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลป่าตอง และตำบลกะทู้ อำเภอกะทู้
จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลป่าตอง และตำบลกะทู้ จังหวัดภูเก็ต
เพื่อสร้างทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต และอาคารศูนย์บริหารทางพิเศษ
จุดพักรถ (Rest Area)
และสิ่งจำเป็นอื่น ตามโครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต
เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการทางพิเศษ
และเพื่อนำที่ดินไปชดเชยให้เกิดความเป็นธรรมแก่เจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น
ให้ความสำคัญและตระหนักถึงแนวทางในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากการก่อสร้างทางพิเศษกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติ
พิจารณาจัดหาแหล่งเงินได้หรือเงินกู้สมทบค่าจัดกรรมสิทธิ์ของโครงการฯ
เพื่อลดข้อจำกัดของเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ตามมาตร ๑๐
แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๖๒
บัญญัติให้เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการสำรวจเพื่อให้ทราบถึงอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยแน่ชัดให้แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาการบังคับใช้พระราชกฤษฎีกา
เป็นต้น ไปพิจารณาต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5046 | การกำหนดสินค้าควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 | พณ. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการกำหนดสินค้าควบคุม
ปี ๒๕๖๖ จำนวน ๕ รายการ ได้แก่ ๑) หน้ากากอนามัย ๒) ใยสังเคราะห์ Polypropylene (Spunbond) เพื่อใช้ในการผลิตหน้ากากอนามัย
๓) ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ ๔) เศษกระดาษ และกระดาษที่นำกลับมาใช้ได้อีก
และ ๕) ไก่ เนื้อไก่ เพื่อกำหนดมาตรการกำกับดูแลสินค้ามีปริมาณเพียงพอ
และราคาอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมเป็นธรรมต่อประชาชนผู้บริโภค ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ
เพื่อให้ปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5047 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลลำพะยา อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา พ.ศ. .... | กษ. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
เรื่อง กำหนดให้ไม้ท่อนและไม้แปรรูปเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องมีหนังสือรับรอง
และให้สิ่งประดิษฐ์ของไม้เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรอง
ในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรการในการนำเข้าไม้ท่อนและไม้แปรรูปตามบัญชีท้ายร่างประกาศฯ
รวมทั้งสิ่งประดิษฐ์จากไม้ดังกล่าวผ่านด่านศุลกากรในเขตจังหวัดกาญจนบุรี
จังหวัดตาก และจังหวัดแม่ฮ่องสอน
และยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๙๒)
พ.ศ. ๒๕๓๕ และประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่องการนำไม้และไม้แปรรูป
รวมทั้งสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้ หรือสิ่งอื่นใดที่ทำด้วยไม้เข้ามาในราชอาณาจักร
ตามแนวชายแดนจังหวัดตาก และจังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. ๒๕๔๘ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการตรวจร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นควรขอความอนุเคราะห์กรมการค้าต่างประเทศจัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กรมป่าไม้และกรมศุลกากร เพื่อพิจารณากำหนดรหัสสถิติใหม่โดยหลักเกณฑ์การกำหนดรหัสสถิติสินค้าที่ต้องมีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของสินค้านั้น
ๆ ว่ายังคงมีการค้าอยู่ในปัจจุบันหรือไม่มากน้อยเพียงใด และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการอ้างบทอาศัยอำนาจในร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ
เห็นสมควรอ้างถึงเพียงมาตรา ๕(๑) และ (๕) แห่งพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าฯ
และตัดการอ้างถึงมาตรา ๕ (๖) ออก
เนื่องจากมิได้เป็นการกำหนดมาตรการอื่นใดเพื่อประโยชน์ในการจัดระเบียบในการนำเข้า
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5048 | การจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐตุรกี ฉบับที่ 2 (ค.ศ. 2023-2028) | กต. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐตุรกี
ฉบับที่ ๒ (ค.ศ. ๒๐๒๓-๒๐๒๘) โดยร่างแผนปฏิบัติการร่วมฯ
มีสาระสำคัญที่มุ่งกำหนดกรอบการดำเนินความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยกับตุรกีในห้วงระยะเวลา
๕ ปี ระหว่างปี ๒๕๖๖-๒๕๗๑ (ค.ศ.๒๐๒๓-๒๐๒๘)
โดยเน้นความร่วมมือในสาขาและประเด็นที่หลากหลายและรอบด้าน
บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ
เพื่อยกระดับความสัมพันธ์และความร่วมมือทวิภาคีระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐตุรกีไปสู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ชาติ
ภายในปี ๒๕๗๑ และให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
เป็นผู้ลงนามแผนปฏิบัติการร่วมระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐตุรกี ฉบับที่ ๒
(ค.ศ. ๒๐๒๓-๒๐๒๘) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแผนปฏิบัติการร่วมระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐตุรกี
ฉบับที่ ๒ (ค.ศ. ๒๐๒๓-๒๐๒๘)
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรต้องวิเคราะห์และประเมินผลการดำเนินงานภายใต้แผนปฏิบัติการร่วมดังกล่าว
รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์การดำเนินงานดังกล่าวให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงผลประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนของสาขาความร่วมมือและกิจกรรมที่จะดำเนินการตามแผนปฏิบัติการดังกล่าวให้เหมาะสม
และเร่งรัดติดตามการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5049 | เอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการไทย - ตุรกี ครั้งที่่ 4 | กต. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะกรรมการว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการไทย-ตุรกี
ครั้งที่ ๔ (Agreed Minutes of the Fourth Meeting of the
Thai-Turkish Joint Committee on Economic and Technical Cooperation) และให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
เป็นผู้ลงนามเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ โดยร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ
เป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมที่จะมีการลงนามภายหลังการประชุมดังกล่าวที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่
๒๕-๒๖ มกราคม ๒๕๖๖ ณ กรุงอังการา สาธารณรัฐตุรกี
มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกรอบกำหนดแนวทางการดำเนินความร่วมมือระหว่างไทยกับตุรกี
โดยเน้นการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน
ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศประสานและติดตามการดำเนินความร่วมมือตามเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ
ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5050 | ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2565 เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายวัลลพ สงวนนาม) | ศธ. | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๕ เรื่อง
การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง
ราย นายวัลลพ สงวนนาม เนื่องจาก นายวัลลพ สงวนนาม
ได้รับอนุญาตให้ลาออกจากราชการตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๖
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5051 | การขอรับการจัดสรรเงินอุดหนุนเป็นรายปีเป็นการจ่ายขาดให้แก่สภาองค์กรของผู้บริโภค (งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567) | นร.01 | 17/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกรอบวงเงินการขอรับการจัดสรรเงินอุดหนุนเป็นรายปีเป็นการจ่ายขาดให้แก่สภาองค์กรของผู้บริโภค
งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามนัยมาตรา๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการจัดตั้งองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๖๒
ซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาตามความจำเป็นและวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี
ตลอดจนศักยภาพและความสามารถในการใช้จ่ายงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้สภาองค์กรของผู้บริโภคและสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภครับความเห็นของกระทรวงการคลังและข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ต่าง ๆ
ที่กำหนดตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ กฎหมาย ระเบียบ
ประกาศ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
โดยให้สภาองค์กรของผู้บริโภคใช้จ่ายเงินอย่างโปร่งใส คุ้มค่า และประหยัด
ควรมีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการที่สภาองค์กรของผู้บริโภคดำเนินการทั้ง
๘ ด้าน อาทิ ธนาคารแห่งประเทศไทยที่เป็นด้านการเงินและธนาคาร
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาในด้านอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ
เพื่อร่วมในการช่วยเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ข้อมูล ตลอดจนควรมีการสื่อสารข้อมูลจากผู้บริโภคย้อนกลับไปในหน่วยงานต่าง
ๆเพื่อช่วยในการยกระดับประสิทธิภาพในการสื่อสารประชาสัมพันธ์ที่จะทำให้เกิดการตระหนักถึงสิทธิของผู้บริโภค
และมีความเท่าทันต่อผู้ประกอบการหรือผู้ไม่หวังดี
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5052 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายวิฑูร เอื่ยมโอภาส) | นร.01 | 10/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวิฑูร เอี่ยมโอภาส
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการกระจายอำนาจ
(นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5053 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายสงกรานต์ จิตสุทธิภากร) | พม. | 10/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายสงกรานต์ จิตสุทธิภากร
เป็นข้าราชการการเมือง
ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๐ มกราคม ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5054 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (นายณฐพงศ์ วรรณรัตน์) | กค. | 10/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายณฐพงศ์ วรรณรัตน์ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
แทนกรรมการเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์ ทั้งนี้
ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๐ มกราคม ๒๕๖๖) เป็นต้นไป โดยผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5055 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (รองศาสตราจารย์นพพร ลีปรีชานนท์) | อว. | 10/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง รองศาสตราจารย์นพพร ลีปรีชานนท์
เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ
แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์
โดยผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๐ มกราคม ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5056 | รายงานสถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมปี 2565 | นร.53 | 10/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมปี
๒๕๖๕ ซึ่งได้รายงานสรุปสถานการณ์ MSME ปี ๒๕๖๔ และสถานการณ์ MSME ของปี ๒๕๖๕ ช่วง ๙
เดือนแรก (เดือนมกราคม-กันยายน ๒๕๖๕) สรุปได้ ดังนี้ (๑) สถานการณ์ MSME ปี ๒๕๖๔ เช่น ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) ของ MSME ปี ๒๕๖๔ มีมูลค่า ๕,๖๐๓,๔๔๓
ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ ๓ ด้านการส่งออก มีมูลค่า ๓๒,๔๕๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๑๙.๙ ด้านการนำเข้า มีมูลค่า ๓๕,๕๓๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๙.๗ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ MSME
อยู่ที่ ๔๒.๔ ซึ่งปรับตัวลดลงร้อยละ ๒.๗
และสถานการณ์ด้านการจ้างงานของ MSME มีจำนวน MSME เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑.๔ขณะที่ด้านการจ้างงานของ MSME ลดลงร้อยละ
๐.๙ และ (๒) รายงานสถานการณ์ MSME ไตรมาสที่ ๓ และช่วง ๙ เดือนแรกของปี
๒๕๖๕ (เดือนมกราคม-กันยายน ๒๕๖๕) เช่น GDP ของ MSME ในช่วง ๙ เดือนแรกของปี ๒๕๖๕ ขยายตัวร้อยละ ๕.๑ ด้านการส่งออก มีมูลค่า ๒๘,๘๗๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๒๒.๖ ด้านการนำเข้า มีมูลค่า ๓๐,๑๖๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๑๔.๗ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ MSME
ไตรมาสที่ ๓ ของปี ๒๕๖๕ มีค่าเฉลี่ยระดับอยู่ที่ ๕๐.๙ เพิ่มขึ้นจากค่าฐานที่ระดับ
๕๐ และสถานการณ์การจ้างงานของ MSME ไตรมาสที่ ๓ ของปี ๒๕๖๕
มีการจ้างงานเฉลี่ย ๓,๙๘๔,๗๕๔ คน ขยายตัวร้อยละ
๔.๓ ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5057 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2565 | ทส. | 10/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๔/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๕
จำนวน ๒ เรื่อง ประกอบด้วย (๑) รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงาน EIA) จำนวน ๓ โครงการ ได้แก่ โครงการอ่างเก็บน้ำน้ำกอน อำเภอเชียงกลาง
จังหวัดน่าน (กรมชลประทาน) โครงการอ่างเก็บน้ำน้ำรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน (กรมชลประทาน) และโครงการโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ
(ส่วนเพิ่ม) ระยะที่ ๑ (การไฟฟ้าฝ่ายผลิต) และ (๒)
การกำหนดมาตรฐานคุณภาพตะกอนดินในแหล่งน้ำผิวดิน โดยกรมควบคุมมลพิษได้จัดทำ (ร่าง)
ประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง
กำหนดมาตรฐานคุณภาพตะกอนดินในแหล่งน้ำผิวดิน พ.ศ. ....
ซึ่งได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคประชาชนแล้ว
ทั้งนี้ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้รับรองรายงานการประชุมดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่
๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5058 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนเกี่ยวกับกฎหมายลำดับรองประกอบพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 | สม. | 10/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนเกี่ยวกับกฎหมายลำดับรองประกอบพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๒ และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๖๒
ของคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน ซึ่งได้รวบรวมผลการพิจารณาและผลการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
โดยมีผลสรุปในภาพรวมว่า
การกำหนดรายละเอียดในกฎหมายลำดับรองให้แตกต่างหรือนอกเหนือไปจากบทบัญญัติในกฎหมายแม่บทที่ให้อำนาจในการตรากฎหมายลำดับรองไว้ไม่อาจกระทำได้
ดังนั้น การที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีข้อเสนอแนะให้ปรับปรุงแก้ไขร่างกฎหมายลำดับรอง
ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒
และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๖๒ ในประเด็นต่าง ๆ เช่น
การเพิ่มเขตคุ้มครองทางวัฒนธรรม กำหนดให้มีคณะกรรมการชุมชน
หรือคณะกรรมการที่ปรึกษาพื้นที่คุ้มครอง
หรือการแก้ไขระยะเวลาในการดำเนินโครงการให้เกินกว่ายี่สิบปีเป็นการดำเนินการที่เกินจากขอบวัตถุประสงค์ของกฎหมายแม่บทที่ให้อำนาจไว้
ซึ่งไม่อาจกระทำได้สำหรับกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชได้ดำเนินการแล้ว
ทั้งในรูปแบบการจัดประชุมและผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและจะดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดไว้ต่อไป
รวมทั้งการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายทั้งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒
และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๖๒
ได้กำหนดให้ต้องประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายทุก ๕ ปี นับแต่กฎหมายมีผลใช้บังคับ
ปัจจุบันกฎหมายดังกล่าวมีผลใช้บังคับ ๓ ปี
จึงยังไม่มีข้อเท็จจริงที่จะนำไปประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายได้
ซึ่งจะประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายต่อไปเมื่อถึงระยะเวลาการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายที่กำหนดไว้
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5059 | รายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการและบริษัทย่อย ปี 2564 และข้อเสนอแนะจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิก กบข. ประจำปี 2565 | กค. | 10/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
(กบข.) และบริษัทย่อย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๔ พร้อมข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิก
กบข. เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วและเห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน
ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน งบกำไรขาดทุนและกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5060 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 หมวด 4 การจัดสรรน้ำและการใช้น้ำ มาตรา 45 และมาตรา 50 | ทส. | 10/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ
พ.ศ. ๒๕๖๑ หมวด ๔ การจัดสรรน้ำและการใช้น้ำ มาตรา ๔๕ และมาตรา ๕๐ ออกไปอีกหนึ่งปี
ทั้ง ๒ ฉบับ ได้แก่ ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตการใช้น้ำประเภทที่สองและประเภทที่สาม
พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าใช้น้ำประเภทที่สองและประเภทที่สาม พ.ศ.
.... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|