ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1056 จากทั้งหมด 6215 หน้า แสดงรายการที่ 21101 - 21120 จากข้อมูลทั้งหมด 124293 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21101 | ขอความเห็นชอบการยกเลิกโครงการเงินกู้เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 | ทส | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการยกเลิกโครงการเงินกู้เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ รายการโครงการสำรวจเบื้องต้นเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับหมู่บ้านที่ไม่มีน้ำประปาใช้ วงเงิน ๓๕.๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับกรณีที่กรมทรัพยากรน้ำได้ขอยกเลิกโครงการเงินกู้ฯ ก่อนหน้านี้แล้ว ๒ รายการ ได้แก่ รายการอนุรักษ์ฟื้นฟูหนองปลิง บ้านหนองแหน หมู่ที่ ๑ ตำบลนครเดิฐ อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย วงเงิน ๗.๕๐ ล้านบาท และรายการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำบ้านหัวควน ตำบลน้ำผุด อำเภอละงู จังหวัดสตูล วงเงิน ๙.๘๖ ล้านบาท เนื่องจากมีการดำเนินการซ้ำซ้อนระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาความซ้ำซ้อนในการดำเนินโครงการ จึงเห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการพิจารณาความซ้ำซ้อนของหน่วยดำเนินการก่อนเสนอขออนุมัติโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
21102 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้กากถั่วเหลืองเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้กากถั่วเหลืองเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้กากถั่วเหลืองที่เป็นผลพลอยได้จากเมล็ดถั่วเหลืองที่นำเข้ามาสกัดเป็นน้ำมันถั่วเหลืองเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่าปัจจุบันการควบคุมการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งกากถั่วเหลืองเป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาควบคุมการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง (ฉบับที่ ๓๒) พ.ศ. ๒๕๑๖ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง พุทธศักราช ๒๔๘๒ อันเป็นกฎหมายที่ถูกยกเลิกแล้ว แต่ยังมีผลใช้บังคับอยู่โดยบทเฉพาะกาลของพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. ๒๕๒๒ และโดยที่ร่างประกาศกระทรวงฉบับนี้มีเนื้อหาเป็นการควบคุมการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งกากถั่วเหลืองที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติการส่งออกฯ ดังนั้น พระราชกฤษฎีกาควบคุมการส่งออกฯ จึงสิ้นผลการใช้บังคับโดยปริยายตามบทเฉพาะกาลดังกล่าวโดยไม่ต้องกำหนดเป็นบทยกเลิกในร่างประกาศกระทรวงนี้อีก ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์แนวทางการดำเนินการส่งออกกากถั่วเหลือง เห็นควรเปลี่ยนวิธีการจาก “กากถั่วเหลืองที่ผลิตจากเมล็ดถั่วเหลืองนำเข้าโดยใช้สถิติเฉลี่ย ๓ ปี ย้อนหลังเป็นฐาน (ข้อมูลตัวเลขการแปรสภาพเมล็ดถั่วเหลืองเป็นกากถั่วเหลือง ปี ๒๕๕๖-๒๕๕๘ ที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร)” เป็น “กากถั่วเหลืองที่ผลิตจากเมล็ดถั่วเหลืองนำเข้าโดยใช้สถิติเฉลี่ย ๓ ปี ย้อนหลังเป็นฐาน (ข้อมูลตัวเลขการแปรสภาพเมล็ดถั่วเหลืองเป็นกากถั่วเหลือง ปี ๒๕๕๖-๒๕๕๘ จากข้อมูลที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรรับแจ้งปริมาณเมล็ดถั่วเหลืองนำเข้าจากสมาคมผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองและรำข้าว) และแจ้งให้กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ซึ่งเป็นผู้จัดสรรปริมาณการส่งออกกากถั่วเหลือง" และควรมีการติดตามและประเมินผลสถานการณ์การผลิต การค้ากากถั่วเหลืองจากเมล็ดนำเข้าเป็นระยะ เพื่อให้สามารถปรับมาตรการและปริมาณส่งออกได้ทันสถานการณ์ ไปพิจารณาดำเนินการ รวมทั้งให้กำหนดมาตรการดูแลราคากากถั่วเหลืองภายในประเทศให้เหมาะสม โดยการส่งออกกากถั่วเหลืองดังกล่าวจะต้องไม่กระทบต่อราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ภายในประเทศ |
|||||||||||||||||||||
21103 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเป็นการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่ตำบลเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทน เข้าครอบครอง หรือใช้อสังหาริมทรัพย์ และส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างได้ทันตามกำหนดเวลา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
21104 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
21105 | รายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานตามคำเชิญของรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงไฟฟ้า สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา | พน | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตามคำเชิญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไฟฟ้า สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ระหว่างวันที่ ๒-๔ มีนาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไฟฟ้า สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ได้หารือทวิภาคีเกี่ยวกับรายละเอียดและแนวทางการดำเนินการผลักดันโครงการความร่วมมือด้านไฟฟ้าระหว่างไทย-เมียนมาให้เป็นรูปธรรม เพื่อนำไปสู่ความมั่นคงด้านพลังงานและประโยชน์ต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ และได้หารือถึงความคืบหน้าของการดำเนินโครงการความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้าระหว่างไทย-เมียนมา โดยมีประเด็นเกี่ยวกับโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำมายตง โครงการเพิ่มประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าเยาม่า รวมทั้งการซื้อ-ขายไฟฟ้าปริมาณ ๑๐๐ เมกะวัตต์ เพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงความเป็นไปได้ในการบริหารจัดการน้ำร่วมกันระหว่างสองประเทศ เพื่อให้เกิดการพัฒนาด้านไฟฟ้าควบคู่ไปกับการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและคณะได้เข้าเยี่ยมชมการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าเยาม่า ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้ากังหันก๊าซขนาด ๑๒๐x๒ เมกะวัตต์ ที่ช่วยเสริมกำลังการจ่ายกระแสไฟฟ้าในกรุงย่างกุ้ง รองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และช่วยกระจายความเสี่ยงจากการผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานน้ำของกรุงย่างกุ้ง ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและคณะได้เข้าเยี่ยมชมสำนักงานของ บริษัท ปตท.สผ. ซึ่งดำเนินงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และนับเป็นแหล่งการผลิตก๊าซธรรมชาติที่สำคัญเป็นอันดับต้น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแหล่งยาดานาและเยตากุนที่มีการนำก๊าซธรรมชาติกลับเข้ามาใช้ผลิตไฟฟ้าในประเทศไทยด้วย
|
|||||||||||||||||||||
21106 | รายงานการปฏิบัติตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เรื่อง การบริหารจัดการรวมสถานศึกษาอาชีวศึกษาภาครัฐและภาคเอกชน | ศธ | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานการปฏิบัติตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เรื่อง การบริหารจัดการรวมสถานศึกษาอาชีวศึกษาภาครัฐและภาคเอกชน โดยได้จัดประชุมชี้แจงแนวทางปฏิบัติให้กับผู้เกี่ยวข้อง จำนวน ๑,๓๐๐ คน เพื่อให้การดำเนินงานบรรลุตามคำสั่งดังกล่าว สรุปได้ ดังนี้
๑. กำหนด Roadmap การดำเนินงาน โดยจำแนกออกเป็น ๔ ระยะ ๑.๑ ระยะที่ ๑ วันที่ ๑๓-๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ของการเปลี่ยนผ่าน ต้องมีการดำเนินการตามภารกิจต่อเนื่องปกติ ๑.๒ ระยะที่ ๒ เดือนมีนาคม-เมษายน ๒๕๕๙ รวมระบบสารสนเทศ เตรียมการจบการศึกษาของนักศึกษา วางแผนและรับนักศึกษาใหม่ เตรียมการวางแผนการจัดการเรียนการสอน การปฏิบัติงานและการเรียนการสอนร่วมกัน วางแผนพัฒนาครูและเสนอร่างแก้ไขกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องก่อนเปิดภาคเรียนที่ ๑/๒๕๕๙ ๑.๓ ระยะที่ ๓ เดือนพฤษภาคม-กันยายน ๒๕๕๙ เป็นช่วงเปิดภาคเรียนปีการศึกษาใหม่ โดยจะมีการดำเนินการอย่างสมบูรณ์แบบ ลงมือปฏิบัติงานร่วมกัน ทั้งด้านการบริหารจัดการการเรียน การสอน การปฏิบัติงานตามนโยบาย ตลอดจนการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ๑.๔ ระยะที่ ๔ เดือนตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ดำเนินการตามงบประมาณใหม่ ปีงบประมาณ ๒๕๖๐ โดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาจัดตั้งงบประมาณให้สถานศึกษาอาชีวศึกษาทั้งภาครัฐและภาคเอกชนดำเนินการตามกฎหมายและถ่ายโอนภาระงานทุกอย่างอย่างครบถ้วน ๒. การปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ๒.๑ ดำเนินการโอนบรรดาอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาภาคเอกชนในส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินงานโรงเรียนในระบบ ประเภทอาชีวศึกษา ตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน ไปเป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ๒.๒ ดำเนินการโอนกิจการ ทรัพย์สิน งบประมาณ สิทธิ หนี้ ภาระผูกพัน ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้าง โดยแยกจัดทำเป็น ๕ บัญชี ตามบัญชีแนบท้ายประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การโอนกิจการ ทรัพย์สิน งบประมาณ สิทธิ หนี้ ภาระผูกพัน ข้าราชการ และอัตรากำลังของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนไปเป็นของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ลงวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ๒.๓ โอนอำนาจหน้าที่ของเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และพนักงาน เจ้าหน้าที่ ในการอนุญาต การมอบหมาย หรือการปฏิบัติการอื่นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนในส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินงานโรงเรียนในระบบ ประเภทอาชีวศึกษา เป็นอำนาจหน้าที่ของเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ๒.๔ ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรีที่อ้างถึงสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ๒.๕ ใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนที่ผู้รับใบอนุญาตใช้อยู่เดิมให้มีผลต่อไป และจะดำเนินการออกให้ใหม่สำหรับสถานศึกษาที่มีใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนใบเดียว แต่จัดการศึกษาทั้งสามัญและอาชีวะ จำนวน ๓๔ สถานศึกษา ๒.๖ มีการส่งมอบงานจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ในส่วนของเอกสาร คำขออนุญาตที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานโรงเรียนในระบบ ประเภทอาชีวศึกษา ที่ได้ยื่นไว้ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนก่อนวันที่คำสั่งนี้บังคับใช้ รวมทั้งให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลด้านสารสนเทศ ด้านการบริหารจัดการคน นักเรียน ความร่วมมือ เข้าในระบบฐานข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา |
|||||||||||||||||||||
21107 | สรุปผลการประชุมระดับภูมิภาคอาเซียนด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ครั้งที่ 2 (2nd ASEAN Conference on Biodiversity) | ทส | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานสรุปผลการประชุมระดับภูมิภาคอาเซียนด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ครั้งที่ ๒ (2nd ASEAN Conference on Biodiversity) ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธานเปิดการประชุมฯ โดยผลลัพธ์ที่สำคัญของการประชุมฯ มีดังนี้
๑. การดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ค.ศ. ๒๐๑๑-๒๐๒๐ และเป้าหมายไอจิ (Strategic Plan for Biodiversity 2011-2020 and the Aichi Targets) ของอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ให้ประเทศสมาชิกอาเซียนเพิ่มความพยายามในการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ฯ ให้บรรลุผลสำเร็จภายในปี ค.ศ. ๒๐๒๐ โดยเฉพาะการส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพให้เป็นกระแสสังคมในปัจจุบัน การเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายในการอนุรักษ์ชนิดพันธุ์พืชและสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ป่า และการสร้างความสมดุลระหว่างการผลิตอาหารให้เพียงพอกับความต้องการของประชากรที่เพิ่มขึ้น ๒. การดำเนินงานในระดับประเทศและระดับภูมิภาคเพื่อรักษาสมดุลของระบบนิเวศและอนุรักษ์ชนิดพันธุ์ ให้ดำเนินการเสริมสร้างความรู้และความตระหนักของสาธารณชนในเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพอย่างต่อเนื่อง การเชื่อมโยงงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ากับนโยบายของประเทศให้มากขึ้น รวมทั้งการจัดการพื้นที่ที่มีความสำคัญทางระบบนิเวศและพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงร่วมกัน และบูรณาการโครงการริเริ่มด้านการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพทั้งในระดับชาติและระดับภูมิภาค ๓. การเข้าถึงและแบ่งปันผลประโยชน์ เนื่องจากกฎระเบียบและกลไกที่มีอยู่ยังไม่มีประสิทธิภาพ ให้ประเทศสมาชิกอาเซียนดำเนินการอย่างจริงจังในการเข้าถึงและการแบ่งปันผลประโยชน์ โดยรวบรวมและบันทึกความรู้ที่สืบทอดตามธรรมเนียมประเพณีที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน และผนวกข้อกำหนดด้านการเข้าถึงและแบ่งปันผลประโยชน์เข้าในกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ๔. ธุรกิจและความหลากหลายทางชีวภาพ ที่ประชุมเห็นชอบร่วมกันในการสนับสนุนให้ภาคธุรกิจส่งเสริมการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพซึ่งเป็น “ต้นทุนทางธรรมชาติ” (natural capital) โดยให้ภาคธุรกิจของอาเซียนดำเนินธุรกิจในทิศทางที่เน้นการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน รวมถึงการดำเนินธุรกิจที่แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ๕. สุขภาพกับความหลากหลายทางชีวภาพ ให้ประเทศสมาชิกอาเซียนดำเนินการศึกษาวิจัย รวบรวมข้อมูลภูมิปัญญา ความรู้ที่สืบทอดตามธรรมเนียมประเพณีที่เกี่ยวกับสุขภาพและโภชนาการอาหารพื้นบ้าน วัฒนธรรมเกี่ยวกับอาหารพืชสมุนไพร ยาแผนโบราณ รวมถึงโรคที่ติดเชื้อจากสัตว์สู่คนและเชื้อดื้อยา จัดตั้งหน่วยงานเพื่อรวบรวมข้อมูลการแลกเปลี่ยนแบ่งปันข้อมูลข่าวสารระหว่างประเทศ และจัดทำกฎหมายหรือระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับประเด็นสุขภาพและความหลากหลายทางชีวภาพ
|
|||||||||||||||||||||
21108 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมบัลลาสต์สำหรับหลอดฟลูออเรสเซนซ์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมบัลลาสต์สำหรับหลอดฟลูออเรสเซนซ์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมบัลลาสต์สำหรับหลอดฟลูออเรสเซนซ์ : คุณลักษณะที่ต้องการด้านประสิทธิภาพพลังงานต้องเป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อให้ทุกหน่วยงานใช้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
21109 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าคาร์บอนทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีทางไฟฟ้า คุณภาพทางการค้า และคุณภาพสำหรับการขึ้นรูปต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าคาร์บอนทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีทางไฟฟ้า คุณภาพทางการค้า และคุณภาพสำหรับการขึ้นรูปต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าคาร์บอนทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีทางไฟฟ้า คุณภาพทางการค้าและคุณภาพสำหรับการขึ้นรูปต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้มีการเผยแพร่ข้อมูลและสร้างความเข้าใจให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ฉบับนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
21110 | รายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) ถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2559 (ครั้งที่ 13) | มท | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) ถึงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (ครั้งที่ ๑๓) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลงานสะสมที่ทำได้ คิดเป็นร้อยละ ๑๗.๓๐ ๒. การส่งมอบพื้นที่ก่อสร้าง ปัจจุบันยังไม่มีการส่งมอบพื้นที่เพิ่มเติม โดยส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างอาคารหลักทั้งหมดตั้งแต่วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เหลือพื้นที่ยังไม่ได้ส่งมอบ ๒๐-๐-๘๐ ไร่ ๓. การขนย้ายดินออกจากพื้นที่ก่อสร้าง ดำเนินการขุดและขนย้ายดินแล้วเสร็จ ตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๕๙ ๔. ปัญหา/อุปสรรค ได้แก่ การส่งมอบพื้นที่ที่เหลือยังส่งมอบไม่ได้ตามสัญญาก่อสร้างกระทบกับแผนงานก่อสร้างตามที่ได้รับอนุมัติ และปัญหากรณีชาวบ้านปลูกบ้านรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่การก่อสร้างอาคารรัฐสภา บริเวณท่าเรือเกียกกาย จำนวน ๕ ครอบครัว ทำให้เป็นอุปสรรคต่องานก่อสร้างเขื่อนริมแม่น้ำ
|
|||||||||||||||||||||
21111 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน จำนวน 16 ฉบับ | กษ | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน จำนวน ๑๖ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานเป็นทางน้ำที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานเพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ และทำให้เกิดประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑๙ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำป่าสัก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองเหล่าหิน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยวังแดง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๕. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑ ขวา ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ ๑ ขวา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๖. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำกุดตาเพชร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๗. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำร่องน้ำซับ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๘. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวาของแม่น้ำน่าน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๙. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองกระทุ่ม เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๑๐. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยคะคาง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๑๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยค้อ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๑๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำท่าตะเภา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๑๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำแม่จอกหลวง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๑๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำแม่น้ำสันหนอง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๑๕. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยโป่งจ้อ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๑๖. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานสามชุก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... |
|||||||||||||||||||||
21112 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนปากน้ำหลังสวน จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... | มท | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนปากน้ำหลังสวน จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลบางน้ำจืด ตำบลปากน้ำ และตำบลบางมะพร้าว อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ลุ่มน้ำ สถาบันศาสนา และแหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ รวมทั้งการใช้บังคับร่างกฎกระทรวงฯ อาจมีผลกระทบต่อการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงานที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้แล้ว และการเพิ่มประเภทโรงงานในร่างกฎกระทรวงฯ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองกำกับให้เจ้าพนักงานท้องถิ่น ดูแล และอนุมัติการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามผังเมืองรวมอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการบุกรุกทำลายพื้นที่ชายฝั่งทะเล และควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินได้สอดคล้องกับภูมิสังคมของพื้นที่อย่างเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
21113 | รายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี 2558/59 ครั้งที่ 2 | กษ | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ ครั้งที่ ๒ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ มาตรการที่ ๑ ส่งเสริมความรู้และการสนับสนุนปัจจัยการผลิตเพื่อลดรายจ่ายในครัวเรือน ดำเนินการในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ๒๒ จังหวัด เช่น มอบปัจจัยการผลิตแล้ว ๑๘๕,๖๒๓ ราย ฝึกอบรมเกษตรกรแล้ว ๒๖๒,๑๓๘ ราย ๑.๒ มาตรการที่ ๒ ชะลอหรือขยายระยะเวลาชำระหนี้ที่เกษตรกรมีภาระหนี้กับสถาบันการเงิน เช่น ยกเว้นการเก็บค่าเช่าที่ดินที่ครบกำหนดชำระในปีงบประมาณ ๒๕๕๙ จำนวน ๑๔,๖๘๗ ราย วงเงิน ๒๘.๑๘ ล้านบาท ๑.๓ มาตรการที่ ๓ จ้างงานเพื่อสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร มีการจ้างแรงงานแล้ว ๓๒๗,๗๒๒ ราย ๑.๔ มาตรการที่ ๔ เสนอโครงการตามความต้องการของชุมชนเพื่อบรรเทาผลกระทบภัยแล้ง ระยะที่ ๑ ดำเนินการแล้ว ๑๕๒ โครงการ เบิกจ่ายแล้ว ๙๑.๙๒ ล้านบาท และระยะที่ ๒ อนุมัติเงินงวดแล้ว ๓,๐๕๐ โครงการ วงเงิน ๑,๕๔๑.๗๙๙ ล้านบาท อยู่ระหว่างการเบิกจ่าย ๑.๕ มาตรการที่ ๕ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ เช่น จัดทำแปลงสาธิตการปลูกข้าวโดยวิธีเปียกสลับแห้ง ๑๐๐ แปลง ครบตามเป้าหมาย ๑.๖ มาตรการที่ ๖ เพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน เช่น ปฏิบัติการฝนหลวง (๑๕ กุมภาพันธ์-๖ มีนาคม ๒๕๕๙) จำนวน ๘ วัน ๓๙ เที่ยวบิน และขุดเจาะบ่อบาดาลแล้ว ๑,๔๔๓ แห่ง ๑.๗ มาตรการที่ ๗ เสริมสร้างสุขภาพและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เช่น กำชับให้ทุกจังหวัดเฝ้าระวังโรคในพื้นที่ต่อเนื่อง ๑.๘ มาตรการที่ ๘ สนับสนุนอื่นๆ เช่น ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบกแจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค จำนวน ๕.๓๑๖ ล้านลิตร ในพื้นที่ ๒๖ จังหวัด ๒. รับทราบตามที่ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ [รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ) และรองอธิบดีกรมชลประทาน (นายทองเปลว กองจันทร์)] กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ) กระทรวงมหาดไทย (อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา) รายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำและการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยแล้ง ได้แก่ ผลการดำเนินงานตามมาตรการ/โครงการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของภาครัฐ สถานการณ์น้ำและการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ผลการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลช่วยภัยแล้ง จังหวัดที่ประกาศให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) และการคาดหมายลักษณะอากาศของประเทศไทย ๓. มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลหมู่บ้านให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายโดยเร็ว รวมทั้งให้ดำเนินการจัดหาเครื่องสูบน้ำที่ใช้กับบ่อบาดาลดังกล่าวให้ครบถ้วน ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการวิจัยและพัฒนาเครื่องสูบน้ำที่ใช้พลังงานทดแทนต่อไปด้วย ๔. มอบหมายให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (กรมอุตุนิยมวิทยา) พิจารณาปรับรูปแบบการรายงานพยากรณ์อากาศให้เป็นที่น่าสนใจ และประชาชนทั่วไปมีความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพอากาศง่ายขึ้น ๕. มอบหมายให้อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ จัดทำสรุปรายงานการบริหารจัดการน้ำทั้งประเทศในภาพรวมทั้งหมด เช่น แนวทางจัดหาแหล่งน้ำต้นทุนในเขื่อนขนาดใหญ่ การผันน้ำจากฝั่งตะวันตก (ลุ่มน้ำแม่กลอง) มาใช้ในฝั่งตะวันออก (ลุ่มน้ำเจ้าพระยา) การจัดหาแหล่งน้ำเพื่อผลิตน้ำประปาหมู่บ้าน การขุดลอกแหล่งน้ำสาธารณะหมู่บ้านเพื่อการอุปโภคบริโภค วิธีการประหยัดน้ำเพื่อใช้ในการเกษตร โดยเฉพาะการปลูกข้าว แผนการบริหารจัดการน้ำในอนาคตเพื่อนำเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติโดยด่วนต่อไป |
|||||||||||||||||||||
21114 | โครงการเพื่อการพัฒนาปี 2559 ของการประปาส่วนภูมิภาค | มท | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการดำเนินโครงการเพื่อการพัฒนา ปี ๒๕๕๙ ของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) จำนวน ๖ โครงการ กรอบวงเงิน ๒,๔๕๗.๙๔๘ ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ประกอบด้วย (๑) โครงการที่ขอรับเงินอุดหนุนร้อยละ ๗๕ เงินรายได้ร้อยละ ๒๕ จำนวน ๔ โครงการ วงเงินลงทุนรวม ๒,๒๑๘.๓๗๒ ล้านบาท ได้แก่ โครงการก่อสร้างปรับปรุงขยาย กปภ. สาขาชัยภูมิ (บ้านเขว้า) และโครงการก่อสร้างปรับปรุงขยายเพื่อรองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษ กปภ. สาขาแม่สอด (ระยะที่ ๒) กปภ. สาขาอรัญประเทศ และ กปภ. สาขาสะเดา และ (๒) โครงการที่ขอรับเงินอุดหนุนร้อยละ ๑๐๐ จำนวน ๒ โครงการ วงเงินลงทุนรวม ๒๓๙.๕๗๖ ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการปรับปรุงระบบประปาหลังรับโอน ได้แก่ กปภ. สาขาชุมแพ (ห้วยยาง) และ กปภ. สาขากบินทร์บุรี (หนองกี่) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ส่วนงบประมาณในการดำเนินโครงการที่ยังไม่มีแหล่งเงินงบประมาณรองรับ จำนวน ๓ โครงการ วงเงินลงทุนรวม ๗๖๖.๖๑๖ ล้านบาท ซึ่ง กปภ. เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ แล้ว ได้แก่ โครงการก่อสร้างปรับปรุงขยาย กปภ. สาขาชัยภูมิ (บ้านเขว้า) และโครงการปรับปรุงกิจการประปาภายหลังรับโอน กปภ. สาขาชุมแพ (ห้วยยาง) และสาขากบินทร์บุรี (หนองกี่) เห็นควรให้ กปภ. จัดทำรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าใช้จ่าย และแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อประกอบการพิจารณาตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเกี่ยวกับการพิจารณาใช้เงินรายได้ในการดำเนินโครงการเป็นอันดับแรกและประสานสำนักงบประมาณเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณต่อไป การประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนเริ่มดำเนินโครงการและติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายและจัดทำแผนพัฒนาแหล่งน้ำดิบเพื่อรองรับการขาดแคลนในช่วงฤดูแล้ง รวมถึงวางแผนบริหารน้ำสูญเสียโดยเฉพาะพื้นที่ที่มีปริมาณน้ำสูญเสียสูง การควบคุมค่าใช้จ่ายในการผลิตและบริหารจัดการโครงการ การจัดทำแผนการพัฒนาน้ำต้นทุนอย่างเป็นระบบ การมีส่วนร่วมกับรัฐบาลในการวางแผนแก้ไขปัญหาภัยแล้ง รวมทั้งวางแผนป้องกันและลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนแหล่งน้ำดิบของประปาสาขาทุกแห่ง การพิจารณาเกณฑ์การให้เงินอุดหนุนที่เหมาะสมโดยจัดลำดับความสำคัญของโครงการ การพิจารณาให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนเพื่อลดภาระทางการเงินและความเสี่ยงในการดำเนินงาน การกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงาน ระยะเวลา และงบประมาณที่กำหนดไว้ การจัดตั้งหน่วยงานกำกับดูแล การบริหารจัดการน้ำในภาพรวมตั้งแต่การจัดหาแหล่งน้ำดิบ การผลิตน้ำประปา และการบริหารจัดการน้ำเสีย ตลอดจนการจัดทำแผนยุทธศาสตร์บริหารจัดการน้ำให้เกิดความชัดเจน โดยให้มีการบูรณาการโครงการที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบเพื่อประชาชนได้รับการจัดสรรน้ำอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงมหาดไทยบูรณาการร่วมกับสำนักงบประมาณ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบแผนงานโครงการที่เกี่ยวกับระบบสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า ประปา ถนน โทรศัพท์ ท่อระบายน้ำ เป็นต้น เพื่อวางแผนบริหารจัดการใช้พื้นที่สาธารณประโยชน์ในภาพรวมให้กระทบกับประชาชนน้อยที่สุด หากมีพื้นที่ดำเนินโครงการเป็นพื้นที่เดียวกันหรือใกล้เคียงกันควรดำเนินการไปพร้อมกัน เว้นแต่กรณีที่มีงานเดียว ทั้งนี้ หน่วยงานเจ้าของโครงการต้องรับผิดชอบการฝังกลบหรือซ่อมบำรุงพื้นที่ดังกล่าวให้อยู่ในสภาพเดิมด้วย |
|||||||||||||||||||||
21115 | ขออนุมัติเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2559 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (เพื่อโอนเงินจากกองทุนประกันสังคมไปกองทุนการออมแห่งชาติ) | รง | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับเงินอุดหนุนคงค้างเฉพาะบำนาญชราภาพตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘ (ที่เหลือ) ถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๘ ที่เกิดจากการโอนเงินกองทุนประกันสังคมไปกองทุนการออมแห่งชาติ จำนวน ๒๕๔,๕๑๐,๘๐๐ บาท เห็นควรให้สำนักงานประกันสังคมเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยจัดทำแผนการใช้จ่ายเงินงบกลางและขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว ให้สำนักงานประกันสังคมดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ของทางราชการ รวมทั้งไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||
21116 | ขออนุมัติควบรวมทุนหมุนเวียน (กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี) | กค | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ควบรวมกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เข้าเป็นทุนหมุนเวียนเดียวกัน โดยให้มีผลควบรวมตั้งแต่วันแรกของเดือนถัดจากเดือนที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบการควบรวมฯ เป็นต้นไป เพื่อประโยชน์ในการสะสางบัญชีและการนับวันเริ่มต้นของรอบบัญชีของกองทุนหลังควบรวม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
21117 | การเข้าร่วมโครงการขจัดความหิวโหย (Zero Hunger Challenge: ZHC) ของประเทศไทย | กษ | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าร่วมโครงการขจัดความหิวโหย (Zero Hunger Challenge : ZHC) โดยร่วมมือกับองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations : FAO) อย่างใกล้ชิด โดยโครงการดังกล่าวประกอบด้วยเป้าหมาย ๕ ประการ ได้แก่ เป้าหมายที่ ๑ การเข้าถึงอาหารได้ร้อยละ ๑๐๐ ตลอดทั้งปี เป้าหมายที่ ๒ การหยุดภาวะแคระแกร็นในเด็กอายุต่ำกว่า ๒ ปี เป้าหมายที่ ๓ ระบบอาหารทั้งหมดมีความยั่งยืน เป้าหมายที่ ๔ ผลผลิตและรายได้ของเกษตรกรรายย่อยเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๐๐ และเป้าหมายที่ ๕ การลดจำนวนการสูญเสียอาหารให้เป็นศูนย์ ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการดำเนินงาน โดยให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนเพื่อขจัดความหิวโหยและการขาดแคลนอาหารให้บรรลุเป้าหมายภายใน พ.ศ. ๒๕๖๘ ๑.๓ มอบหมายสำนักงบประมาณสนับสนุนการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินการตามแผนงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการพิจารณาแผนปฏิบัติการที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของไทยเพื่อให้แผนปฏิบัติการสอดคล้องกับบริบทของไทยและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ การนำประเด็นภาวะโภชนาการล้นเกินหรือโรคอ้วนในเด็กเข้าเป็นประเด็นพิจารณาเสริม ในเป้าหมายที่ ๕ : การลดจำนวนการสูญเสียอาหารให้เป็นศูนย์ และในกรอบแนวทางการดำเนินงานในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกภายใต้เป้าหมายหลัก ในข้อที่ ๕ : การลดการสูญเสียและการทิ้งอาหารต้องให้เหลือศูนย์ การนำกรณีตัวอย่างแผนปฏิบัติการของประเทศอื่น ๆ ที่ได้เข้าร่วมโครงการความช่วยเหลือของ FAO มาประกอบการพิจารณาด้วย การจัดทำแผนปฏิบัติการในระดับประเทศ โดยประสานและบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนรับฟังความคิดเห็นให้รอบด้านและครบถ้วน ทั้งนี้ การเข้าร่วมโครงการฯ ดังกล่าว ยังมิได้มีการจัดทำความตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร กรณีจึงไม่มีประเด็นที่ต้องพิจารณาเกี่ยวกับการเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ส่วนการพิจารณามอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องภายหลังจากการเข้าร่วมโครงการนั้นเป็นอำนาจของรัฐมนตรีที่จะพิจารณาได้ตามความเหมาะสม สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในการดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามโครงการฯ เห็นควรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ตลอดจนรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการที่สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการในระดับประเทศ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
21118 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงสถานที่ก่อสร้างอาคารเรียนเอนกประสงค์ปฏิบัติการบริการการบินมหาวิทยาลัยสวนดุสิต | ศธ | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่อนุมัติให้มหาวิทยาลัยสวนดุสิตเปลี่ยนแปลงรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการอาคารเรียนเอนกประสงค์ปฏิบัติการบริการการบิน จากตำบลหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นตำบลสบตุ๋ย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ภายในวงเงิน ๑๔๖,๙๙๓,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้มีการกำกับ ติดตามการดำเนินงานให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัด มีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||
21119 | สถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้ง ปี 2558/59 ครั้งที่ 19 | กษ | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งปี ๒๕๕๘/๕๙ ครั้งที่ ๑๙ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์น้ำ ณ วันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๙ เช่น อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศ จำนวน ๓๓ แห่ง มีปริมาตรน้ำรวม ๓๔,๖๔๓ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๔๙ ของปริมาตรน้ำกักเก็บทั้งหมด เป็นน้ำใช้การได้ ๑๑,๑๔๐ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๒๔ ของปริมาตรน้ำใช้การทั้งหมด ๒. การจัดสรรน้ำ ช่วงวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘-๒๗ มีนาคม ๒๕๕๙ อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และอ่างเก็บน้ำขนาดกลางทั้งประเทศ ใช้น้ำไปแล้ว ๘,๖๑๘ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๗๕ ของแผนการจัดสรรน้ำ ส่วนในลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และผันน้ำจากแม่กลอง) ใช้น้ำไปแล้ว ๒,๔๗๖ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๗๗ ของแผนการจัดสรรน้ำ คิดเป็นระบายน้ำเฉลี่ยวันละ ๑๖.๗๓ ล้านลูกบาศก์เมตร ๓. การบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาช่วงฤดูแล้งปี ๒๕๕๘/๕๙ ช่วงวันที่ ๒๑-๒๗ มีนาคม ๒๕๕๙ กำหนดแผนการระบายน้ำจากเขื่อนจำนวน ๔ เขื่อน ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เฉลี่ยวันละ ๑๗.๘๒ ล้านลูกบาศก์เมตร ๔. สถานการณ์การเพาะปลูกข้าวในเขตชลประทานลุ่มน้ำเจ้าพระยา ณ วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๙ พื้นที่ปลูกข้าวนาปี ปี ๒๕๕๘ แผนเพาะปลูก ๗.๔๕ ล้านไร่ ปลูก ๖.๔๐ ล้านไร่ ไม่ปลูก ๑.๐๕ ล้านไร่ โดยในพื้นที่ที่ปลูก ๖.๔๐ ล้านไร่ แบ่งเป็น เก็บเกี่ยวแล้ว ๖.๓๘ ล้านไร่ เสียหาย ๐.๐๒ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นแล้ว พื้นที่ปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง ปี ๒๕๕๘ จำนวน ๑.๗๖ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว ๑.๗๖ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นแล้ว และพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง ปี ๒๕๕๘/๕๙ ผลการเพาะปลูกข้าวนาปรัง จำนวน ๑.๙๘ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว ๑.๕๙ ล้านไร่ เสียหาย ๐.๐๐๔ ล้านไร่ รอเก็บเกี่ยว ๐.๓๙ ล้านไร่
|
|||||||||||||||||||||
21120 | รายงานผลการจัดจ้างโครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล. พร้อมทางเดินริมคลองแสนแสบ บริเวณประตูระบายน้ำหนองจอกถึงสุดเขต กทม. และคลองนครเนื่องเขต จากคลองแสนแสบถึงบริเวณคลองหลวงแพ่ง | มท | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอว่า กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ดำเนินการจัดจ้างโครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล. พร้อมทางเดินริมคลองแสนแสบ บริเวณประตูระบายน้ำหนองจอกถึงสุดเขต กทม. และคลองนครเนื่องเขต จากคลองแสนแสบถึงบริเวณคลองหลวงแพ่ง ด้วยวิธีประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ กำหนดแล้วเสร็จภายใน ๑,๕๐๐ วัน โดยใช้ราคากลาง จำนวน ๑,๐๑๘.๗ ล้านบาท เป็นราคาเริ่มต้น ปรากฏว่ามีผู้มีสิทธิเสนอราคาเข้าสู่กระบวนการเสนอราคาถูกต้องตามประกาศ กทม. จำนวน ๑๑ ราย ซึ่งคณะกรรมการดำเนินการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์พิจารณาแล้วเห็นควรจ้างบริษัทผู้เสนอราคา ๗๔๙ ล้านบาท เป็นราคาที่ต่ำกว่าราคากลางเกินร้อยละ ๑๕ (ราคากลางกำหนดไว้ ๑,๐๑๘.๗ ล้านบาท) โดยบริษัทฯ ยืนยันว่าสามารถดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามรูปแบบแปลน และตามเงื่อนไขที่สำนักการระบายน้ำ กทม. กำหนดไว้ทุกประการ โดยคณะกรรมการประมาณราคากลางได้รายงานผลการสอบราคาจ้างที่บริษัทฯ เสนอราคาต่ำกว่าราคากลางเกินร้อยละ ๑๕ ให้สำนักงานตรวจสอบการบริหารพัสดุและสืบสวนที่ ๓ ทราบ และสำนักงบประมาณได้เห็นชอบความเหมาะสมของราคาค่าก่อสร้างโครงการดังกล่าวแล้ว
|
.....