ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1060 จากทั้งหมด 6215 หน้า แสดงรายการที่ 21181 - 21200 จากข้อมูลทั้งหมด 124293 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21181 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) (เรือโท โกเมศ กมลนาวิน) | กต | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง เรือโท โกเมศ กมลนาวิน ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับแล้ว ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
21182 | การแต่งตั้งกรรมการผู้แทนวิสาหกิจชุมชนและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ตามพระราชบัญญัติส่งเสริม วิสาหกิจชุมชน พ.ศ. 2548 (จำนวน 13 คน 1. นายวรวิทย์ บุญสร้าง ฯลฯ) | กษ | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้แทนวิสาหกิจชุมชนและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน จำนวน ๑๓ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ เมษายน ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ นายวรวิทย์ บุญสร้าง กรรมการผู้แทนวิสาหกิจชุมชนจังหวัดขอนแก่น ๑.๒ นางสาวปิยะภรณ์ สมพงษ์ กรรมการผู้แทนวิสาหกิจชุมชนจังหวัดลำพูน ๑.๓ นางปรีดา วรรณรัตน์ กรรมการผู้แทนวิสาหกิจชุมชนจังหวัดตราด ๑.๔ นางพิชชาภา พลสว่าง กรรมการผู้แทนวิสาหกิจชุมชนจังหวัดพิจิตร ๑.๕ นายอิทธิ แจ่มแจ้ง กรรมการผู้แทนวิสาหกิจชุมชนจังหวัดระยอง ๑.๖ นายนฤทธิ์ คำธิศรี กรรมการผู้แทนวิสาหกิจชุมชนจังหวัดสกลนคร ๑.๗ นายไพฑูรย์ ฝางคำ กรรมการผู้แทนวิสาหกิจชุมชนจังหวัดศรีสะเกษ ๑.๘ นายสุริยา ศรีโพธิ์ทอง กรรมการผู้แทนวิสาหกิจชุมชนจังหวัดสุพรรณบุรี ๑.๙ นายจำรัส มีลิ กรรมการผู้แทนวิสาหกิจชุมชนจังหวัดเพชรบุรี ๑.๑๐ นายสิทธิโชค เอ่งฉ้วน กรรมการผู้แทนวิสาหกิจชุมชนจังหวัดกระบี่ ๑.๑๑ รองศาสตราจารย์วราภรณ์ สามโกเศศ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารธุรกิจ (อธิการบดีกิตติคุณมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์) ๑.๑๒ นายชัยวัฒน์ ปกป้อง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน ๑.๑๓ นายวิวัฒน์ ไม้แก่นสาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการค้าและอุตสาหกรรม (รองคณบดีคณะนวัตกรรมการจัดการเกษตร สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์) ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการแต่งตั้งกรรมการผู้แทนวิสาหกิจชุมชนและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิดังกล่าวในครั้งต่อไปให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมายด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
21183 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการบริหารโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ (รองศาสตราจารย์ศักรินทร์ ภูมิรัตน) | ศธ | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งรองศาสตราจารย์ศักรินทร์ ภูมิรัตน เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการบริหารโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ เมษายน ๒๕๕๙) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
21184 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 14/2559 เรื่อง คณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการกำหนดอำนาจหน้าที่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร | สลธ.คสช. | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๔/๒๕๕๙ เรื่อง คณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการกำหนดอำนาจหน้าที่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สั่ง ณ วันที่ ๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
21185 | รายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | นร07 | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่สำนักงบประมาณและกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) รายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งมีงบประมาณทั้งสิ้น ๒,๗๒๐,๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว ๑,๔๑๑,๘๔๙ ล้านบาท หรือร้อยละ ๕๑.๙๑ ต่ำกว่าเป้าหมายร้อยละ ๐.๑๓ (เป้าหมายภาพรวม ร้อยละ ๕๒.๐๔) จำแนกเป็น (๑) รายจ่ายประจำ จำนวน ๒,๑๗๕,๖๔๖ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑,๒๔๘,๖๕๙ ล้านบาท หรือร้อยละ ๕๗.๓๙ สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ ๒.๓๙ (เป้าหมายรายจ่ายประจำ ร้อยละ ๕๕.๐๐) และ (๒) รายจ่ายลงทุน จำนวน ๕๔๔,๓๕๔ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑๖๓,๑๙๐ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒๙.๙๘ ต่ำกว่าเป้าหมาย ร้อยละ ๑๐.๒๒ (เป้าหมายรายจ่ายลงทุน ร้อยละ ๔๐.๒๐) มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๓๔๕,๓๑๕ ล้านบาท หรือร้อยละ ๖๓.๔๔ ๒. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นใช้จ่ายเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นอย่างระมัดระวัง คุ้มค่า และมีประสิทธิภาพสูงสุด
|
||||||||||||||||||||||||
21186 | รายงานผลการแข่งขันฝีมือคนพิการนานาชาติ ครั้งที่ 9 ณ เมืองบอร์กโดซ์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส | รง | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการแข่งขันฝีมือคนพิการนานาชาติ ครั้งที่ ๙ ณ เมืองบอร์กโดซ์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๘ มีนาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการแข่งขันฝีมือคนพิการนานาชาติฯ ๑.๑ รางวัลเหรียญทอง ๑ รางวัล ได้แก่ นายวิริยวัฒน์ ตุยรัมย์ สาขาประดิษฐ์สิ่งของจากวัสดุเหลือใช้ ๑.๒ รางวัลเหรียญเงิน ๓ รางวัล ได้แก่ นายอนิรุจน์ พันธ์จบสิงห์ สาขาประดิษฐ์เครื่องปั้นดินเผา นายบรรเจิด โชติช่วง สาขาออกแบบสถาปัตยกรรมการก่อสร้างด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และนายศราวุฒ พรมภักดิ์ สาขาออกแบบโปสเตอร์ ๑.๓ รางวัลเหรียญทองแดง ๔ รางวัล ได้แก่ นายศตพล สุภณิดาเมธัส สาขาประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ระดับพื้นฐาน นางสาวภัทรวดี วราฤทธิ์ดำรงกุล สาขาถักไหมพรม นางสาวอนุษา ดวงเกิด สาขาประดิษฐ์สิ่งของจากวัสดุเหลือใช้ และนางสาวจุฑารัตน์ เจริญสุข สาขาวาดภาพ ๑.๔ รางวัลปลอบใจ ๔ รางวัล ได้แก่ นายไพฑูรย์ ไชยสันต์ สาขาออกแบบเว็บเพจ นายเธียร ทองลอย สาขาประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ นางสาวสมจิตร อินเลี้ยง สาขาถักโครเชต์ และนายวิษณุกรณ์ นาทมพล สาขาตัดเย็บเสื้อผ้าบุรุษ ๒. การแข่งขันฝีมือคนพิการนานาชาติฯ มีเงินรางวัลทั้งสิ้น ๑,๓๔๐,๐๐๐ บาท โดยรางวัลเหรียญทองรางวัลละ ๓๐๐,๐๐๐ บาท เหรียญเงินรางวัลละ ๒๐๐,๐๐๐ บาท เหรียญทองแดงรางวัลละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท และรางวัลปลอบใจรางวัลละ ๑๐,๐๐๐ บาท
|
||||||||||||||||||||||||
21187 | ผลการเยือนประเทศเวียดนามของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) | พณ | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการเยือนประเทศเวียดนามของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๘ มีนาคม ๒๕๕๙ มีวัตถุประสงค์เพื่อสานต่อผลการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ไทย-เวียดนาม ครั้งที่ ๒ การประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-เวียดนาม ครั้งที่ ๓ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์ และการประชุมคณะทำงานด้านการส่งเสริมการส่งออกและการลงทุนในต่างประเทศ (คณะทำงานประชารัฐ) ที่เห็นชอบประเทศเวียดนามเป็นประเทศเป้าหมายแรกในการส่งเสริมการลงทุนของไทยในต่างประเทศ รวมทั้งเพื่อหารือประเด็นต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคทางการค้าการลงทุนของไทยในเวียดนาม ซึ่งจากการเดินทางครั้งนี้ ได้เห็นว่า
๑. ประเทศเวียดนามมีการเติบโตของเมืองอย่างมาก (urbanization) ผลของการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอัตราสูงอย่างต่อเนื่อง และได้รับการยืนยันว่าสินค้าไทยได้รับการตอบรับที่ดีมากในเวียดนาม เนื่องจากคุณภาพดีและราคาที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ความนิยมสูงในสินค้าไทยทำให้เกิดปัญหาการปลอมแปลงสินค้าตามมา ซึ่งจะต้องดำเนินการแก้ไขร่วมกับฝ่ายเวียดนามต่อไป ๒. สินค้าและธุรกิจบริการของไทยยังมีโอกาสขยายตัวอีกมากในเวียดนาม จึงจำเป็นต้องดำเนินการส่งเสริมสินค้าไทยให้สามารถกระจายสู่จังหวัดต่าง ๆ ที่มีศักยภาพได้อย่างทั่วถึง ส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs รายใหม่เข้าสู่ตลาดเวียดนามโดยใช้แนวทางพี่ช่วยน้อง โดยผู้ประกอบการที่เข้าตลาดเวียดนามมาก่อน ที่มีประสบการณ์ในเชิงปฏิบัติ ให้ความช่วยเหลือเป็นที่ปรึกษาชี้แนะให้แก่ผู้ประกอบการไทยรายใหม่ และส่งเสริมการเรียนรู้เกี่ยวกับภาษาวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของเวียดนามผ่านศูนย์เวียดนามศึกษาในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ของไทย
|
||||||||||||||||||||||||
21188 | การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน (ASEAN Finance Ministers' Meeting : AFMM) ครั้งที่ 20 และการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน (ASEAN Finance Ministers' and Central Bank Governors' Meeting : AFMGM) ครั้งที่ 2 | นร | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรายงานการเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนและการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมื่อวันที่ ๓-๔ เมษายน ๒๕๕๙ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน (ASEAN Finance Ministers’ Meeting : AFMM) ครั้งที่ ๒๐ เป็นการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและผลกระทบต่อเศรษฐกิจของอาเซียน และรายงานความคืบหน้าของโครงการภายใต้ AFMM และ AEC Blueprint รวมทั้งหารือถึงการเตรียมการจัดงานสัมมนานักลงทุนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน ASEAN Finance Ministers’ Investors Seminar (AFMIS) ครั้งที่ ๑๑ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๙ โดยสาธารณรัฐอินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพจัดงาน ณ กรุงจาการ์ตา ๒. การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน (ASEAN Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting : AFMGM) ครั้งที่ ๒ เป็นการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศอาเซียน และประเด็นสำคัญที่ประเทศอาเซียนควรเร่งรัดดำเนินการ รวมทั้งมีมติเห็นชอบความคืบหน้าโครงการที่สำคัญ เช่น การจัดตั้ง ASEAN Insurance Forum และรับรองแผนการดำเนินงานด้านการเงินการคลัง (Strategic Action Plan) ปี ๒๕๕๙-๒๕๖๘ ๓. การหารือกับสภาธุรกิจอาเซียน-สหภาพยุโรป ในประเด็นเกี่ยวกับการเชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียน การอำนวยความสะดวกทางการค้า และความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชน ๔. การหารือกับสภาธุรกิจอาเซียน-สหรัฐฯ ในประเด็นเกี่ยวกับการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียน และการเข้าถึงบริการทางการเงินและการส่งเสริมความรู้ทางการเงิน
|
||||||||||||||||||||||||
21189 | รายงานเกี่ยวกับค่าไฟฟ้า (กระทรวงพลังงาน) | นร | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานรายงานเกี่ยวกับค่าไฟฟ้า สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ส่วนประกอบในใบแจ้งค่าไฟฟ้า ประกอบด้วย ๑.๑.๑ ค่าไฟฟ้าฐาน ซึ่งจะกำหนดเป็นอัตราคงที่ประมาณ ๓-๕ ปี ประกอบด้วยค่าพลังงานไฟฟ้า (คิดจากต้นทุนในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ระบบส่งไฟฟ้า ค่าเชื้อเพลิง และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่คงที่ในระดับหนึ่ง) โดยคิดเป็นอัตราต่อหน่วย เพื่อเก็บเงินตามหน่วยไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละเดือน และค่าบริการรายเดือนซึ่งจัดเก็บเป็นอัตราคงที่ทุกเดือนแม้ว่าจะไม่มีการใช้ไฟฟ้า ๑.๑.๒ ค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ซึ่งได้นำมาใช้ในปี ๒๕๓๕ เพื่อเป็นกลไกในการปรับค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นหรือลดลง โดยค่า Ft สามารถเป็นได้ทั้งบวกและลบตามราคาต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงไปจากค่าไฟฟ้า การปรับค่า Ft จะปรับตามปัจจัยเศรษฐกิจต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ เช่น ราคาน้ำมันในตลาดโลก ราคาก๊าซธรรมชาติโดยอ้างอิงราคาน้ำมันเตา ราคาถ่านหิน อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ๑.๑.๓ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งต้องจัดเก็บตามที่กฎหมายกำหนด โดยผู้ใช้ไฟฟ้าต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ ๗ ๑.๒ กลไกในการกำกับดูแลค่าไฟฟ้า เพื่อให้การปรับเปลี่ยนค่าไฟฟ้าสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ขึ้น เพื่อทำหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์ต่าง ๆ รวมทั้งกำกับดูแลค่าไฟฟ้าให้มีราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรมต่อผู้ใช้ไฟฟ้าและผู้ประกอบกิจการไฟฟ้า โดย กกพ.ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำกับดูแลอัตราค่าพลังงานและค่าบริการ ประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อดูแลต้นทุนค่าไฟฟ้าด้วย ดังนั้น หากไม่ต้องการมีภาระในการจ่ายค่าไฟฟ้าต้องใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด เพื่อช่วยสร้างความมั่นคงและยั่งยืนทางด้านพลังงานให้กับประเทศไทยต่อไป ๒. ให้กระทรวงพลังงานประสานงานกับกรมประชาสัมพันธ์ในการดำเนินการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับค่าไฟฟ้าและต้นทุนการผลิตพลังงานไฟฟ้า เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนและขอความร่วมมือในการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
21190 | สรุปผลการดำเนินงาน "มหกรรมวัฒนธรรม วิถีถิ่น วิถีไทย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสทรงครองสิริราชสมบัติ ครบ 70 ปี และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 " | วธ | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมรายงานสรุปผลการดำเนินงาน “มหกรรมวัฒนธรรม วิถีถิ่น วิถีไทย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสทรงครองสิริราชสมบัติ ครบ ๗๐ ปี และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙” ว่าได้จัดงานดังกล่าวเพื่อส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนทั่วไปได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สืบสานมรดกภูมิปัญญาท้องถิ่นทางวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน รวมถึงการขยายเครือข่ายความร่วมมือด้านศิลปวัฒนธรรมและการเพิ่มพื้นที่การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ซึ่งช่วยสร้างความสุขให้แก่คนไทยและสร้างรายได้ให้แก่ศิลปินและชุมชนผู้ประกอบการในการนำทุนทางวัฒนธรรมมาใช้เพิ่มพูนรายได้ให้แก่ประชาชน โดยมีรายละเอียดของกิจกรรม ดังนี้
๑. ส่วนกลาง จัดขึ้น ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ โดยกิจกรรมภายในงานประกอบด้วยการลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มหกรรมการแสดงพื้นบ้านจากทั่วประเทศ มหกรรมการแสดงยอดนิยม กิจกรรมงานวัด การละเล่นพื้นบ้านและกีฬาไทย การสาธิตมรดกภูมิปัญญา และการจัดจำหน่ายอาหาร ขนม สินค้าและผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมจาก ๔ ภูมิภาคจากภูมิปัญญาไทย ๒. ส่วนภูมิภาค ได้บูรณาการการทำงานร่วมกับ ๔ จังหวัดหลักของแต่ละภูมิภาคและชุมชนต่าง ๆ จัดกิจกรรมการแสดงพื้นบ้านที่มีชื่อเสียงแสดงถึงเอกลักษณ์ของท้องถิ่น และการแสดงดนตรีและนาฏศิลป์ โดยความร่วมมือของประเทศในประชาคมอาเซียนและนานาชาติ ซึ่งถือเป็นการสานสัมพันธ์ระหว่างประเทศผ่านมิติทางวัฒนธรรมด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
21191 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติสภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
21192 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมหรือมีความพร้อมต่อการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ โดยเฉพาะองค์กรระหว่างประเทศ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาการดำเนินการเกี่ยวกับการทำประมงที่ผิดกฎหมาย (Illegal Unreported and Unregulated Fishing : IUU Fishing) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปรับปรุงมาตรฐานการบินพลเรือนของไทยให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๑.๒ ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการผลิตสินค้าร่วมกันภายในอาเซียน (ASEAN Brand) เพื่อสนับสนุนการเชื่อมโยงการผลิตในภูมิภาค ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกและเกิดประโยชน์กับประชาชนในอาเซียน อันจะส่งผลให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในอาเซียนต่อไป ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้รองนายกรัฐมนตรีทุกท่านจัดทำแผนการปฏิรูปภารกิจที่สำคัญในความรับผิดชอบที่จะดำเนินการในช่วงปี ๒๕๕๙-๒๕๖๐ โดยให้ความสำคัญกับการบูรณาการทั้งในเชิงการบริหารงานและการบริหารงบประมาณ ทั้งนี้ ให้นำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาภายในวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙ นั้น ในการดำเนินการดังกล่าวให้มี Roadmap ในแต่ละภารกิจที่ชัดเจน โดยจำแนกเป็นภารกิจหลัก ภารกิจรอง และภารกิจเสริม และให้ความสำคัญใน ๕ ประเด็นหลัก ได้แก่ ความพร้อมในด้านกฎหมาย การกำหนดกลไกการขับเคลื่อนการวางแผนการบริหารจัดการในระยะยาวอย่างเป็นระบบ การบริหารและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ๒.๒ ตามที่ปัจจุบันได้มีการปลอมแปลงเอกสารหรือเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จบนเว็บไซต์และเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Media) ทำให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน เช่น การปลอมแปลงหนังสือราชการแจ้งมติคณะรัฐมนตรี จึงให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ [กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.)] กระทรวงยุติธรรมและกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารพิจารณาดำเนินการติดตามและตรวจสอบผู้กระทำผิดที่เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จดังกล่าวและดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป ๒.๓ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อให้เทศกาลสงกรานต์เป็นไปเพื่อสืบสานประเพณีอันดีงามของไทย ๒.๓.๑ ให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรณรงค์ให้ประชาชนร่วมสืบสานประเพณีอันดีงามของไทย เช่น การรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ การเล่นน้ำอย่างสุภาพ การแต่งกายให้เหมาะสม รวมทั้งสนับสนุนการจัดกิจกรรมในเทศกาลสงกรานต์ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านด้วย ๒.๓.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงคมนาคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการเพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยของประชาชน เช่น การเข้มงวดกวดขันวินัยจราจร การจัดชุดเฝ้าระวังและช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุบัติเหตุ การตรวจสอบไฟส่องสว่างบนท้องถนน การป้องกันวินาศกรรม รวมทั้งดำเนินการตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๖/๒๕๕๘ เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการขับขี่ยานพาหนะ โดยเคร่งครัด ๒.๔ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประสานความร่วมมือกับประเทศที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญหรือประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการน้ำ เช่น ประเทศอิสราเอลเพื่อมาให้คำแนะนำแก่ประเทศไทย ๒.๕ ให้ทุกส่วนราชการตรวจสอบอายุการใช้งานของวัสดุ อุปกรณ์ หรือระบบงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานตามภารกิจของหน่วยงาน โดยเฉพาะภารกิจที่สำคัญและมีผลกระทบต่อประชาชนให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ โดยวางแผนการใช้งาน การซ่อมบำรุงรักษา การจัดหาของใหม่เพื่อทดแทนของเดิมที่ชำรุดหรือเสื่อมสภาพ รวมทั้งจัดทำแผนการของบประมาณเพื่อให้สามารถดำเนินการดังกล่าวได้อย่างต่อเนื่องด้วย ๒.๖ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามและแก้ไขปัญหากรณีที่เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำโดยเฉพาะกุ้งในพื้นที่น้ำจืดได้ใช้ความเค็มในการเพาะเลี้ยง ซึ่งการใช้ความเค็มดังกล่าวส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในพื้นที่ดังกล่าวด้วย ๒.๗ ให้กระทรวงพลังงานเร่งดำเนินการศึกษาวิจัยเพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้น้ำมันปาล์มในน้ำมันไบโอดีเซลสำหรับรถยนต์ชนิดต่าง ๆ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน ๓ เดือน ๒.๘ ให้ทุกส่วนราชการพิจารณาดำเนินการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยให้รายงานผลการดำเนินการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทุกเดือน
|
||||||||||||||||||||||||
21193 | ข้อคิดเห็นของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี | นร04 | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) และรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและการบริหารราชการแผ่นดิน ดังนี้
๑. รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รายงานว่า ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายความมั่นคง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดตั้งศูนย์บูรณาการความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยมีแนวทางการดำเนินการ ได้แก่ ๑.๑ การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ได้มีการซักซ้อมการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำแผนเผชิญเหตุ จัดชุดเฝ้าระวัง ชุดให้ความช่วยเหลือ รวมทั้งตรวจสอบกล้องวงจรปิดและไฟฟ้าส่องสว่างในสถานที่ต่าง ๆ ให้มีความพร้อมในการใช้งานอยู่ตลอดเวลา ๑.๒ การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด จัดตั้งด่านชุมชน ตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่ยานพาหนะ รวมทั้งรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักและจิตสำนึกด้านความปลอดภัยทางถนนให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนและประชาชนอย่างต่อเนื่อง ส่วนการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการขับขี่ยานพาหนะจะดำเนินการตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๖/๒๕๕๘ เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการขับขี่ยานพาหนะ ลงวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๘ อย่างเคร่งครัดต่อไป ๒. รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานว่า จากการตรวจเยี่ยมศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๙ สรุปว่า ๒.๑ กรณีทุ่นตรวจวัดคลื่นสึนามิไม่แสดงสถานะการทำงาน กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอยู่ระหว่างดำเนินการบำรุงรักษาซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน ๖ เดือน โดยระหว่างนี้ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติจะติดตามข้อมูลจากทุ่นสึนามิของประเทศอินเดียและออสเตรเลียซึ่งเป็นทุ่นที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง และอยู่ในโครงข่ายการเชื่อมโยงสัญญาณระบบทุ่นตรวจวัดสึนามิของ NOAA ประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง ๒.๒ กรณีหอเตือนภัยและอุปกรณ์เตือนภัยชำรุดจำนวนมาก เกิดจากอุปกรณ์เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งานและขาดการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติจึงได้ใช้ช่องทางอื่นเพื่อการแจ้งข่าวและแจ้งเตือนภัยไปยังประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย เช่น การส่ง SMS การใช้สื่อวิทยุโทรทัศน์ของกรมประชาสัมพันธ์ วิทยุชุมชน วิทยุสื่อสาร การประสานงานกับเครือข่ายภาคประชาชน ทั้งนี้ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอยู่ระหว่างการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อจ้างเหมาบำรุงรักษาหอเตือนภัยและอุปกรณ์เตือนภัยดังกล่าว ๒.๓ กรณีการโอนศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ จากสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ไปสังกัดกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย เมื่อพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เพื่อจัดตั้งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) มีผลใช้บังคับนั้น ขณะนี้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอยู่ระหว่างการปรับบทบาท อำนาจหน้าที่ และอัตรากำลังให้เหมาะสมก่อนส่งมอบภารกิจให้กระทรวงมหาดไทยต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
21194 | รายงานการเดินทางไปราชการ ณ รัฐกาตาร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน | รง | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานรายงานการเดินทางไปราชการ ณ รัฐกาตาร์และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและคณะ ระหว่างวันที่ ๑-๕ มีนาคม ๒๕๕๙ เพื่อส่งเสริมการรักษาและขยายตลาดแรงงานไทยในต่างประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง และหารือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและคณะได้เข้าพบและหารือข้อราชการกับ H.E. Dr. IssaSaad Al-Jafali Al-Nuaimi รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาการบริหาร แรงงานและกิจการสังคม รัฐกาตาร์ โดยทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงความร่วมมือในการรับ-ส่งแรงงานไทยไปทำงานที่รัฐกาตาร์ให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วและเป็นไปตามกฎหมายของทั้งสองประเทศ โดยกาตาร์แจ้งว่ามีความต้องการจ้างแรงงานไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะในกิจการก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับการเป็นเจ้าภาพแข่งขันฟุตบอลโลก ปี พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยในเบื้องต้นได้อนุมัติการจ้างแรงงานไทยแล้วจำนวน ๒๙,๓๙๒ คน ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและคณะได้พบนายจ้างเพื่อรับทราบข้อมูลโอกาสแนวโน้มการจ้างแรงงานไทยของบริษัทฯ และเยี่ยมเยียนแรงงานไทย รวม ๔ แห่ง ได้แก่ บริษัท Wen Qatar บริษัท AM Shipyard Abu Dhabi บริษัท CROWN Emirates และกิจการสปาร้าน The Orchid Wellness โรงแรม Yassat Gloria โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้แจ้งให้นายจ้างทราบถึงนโยบายของกระทรวงแรงงานในการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ที่ดีของแรงงานไทยในด้านความสามารถ ประสบการณ์ ความเข้มแข็ง ซื่อสัตย์และจริงใจ รวมทั้งแจ้งให้คนงานทราบนโยบายของรัฐบาลในการหางานให้คนไทย ทั้งงานในประเทศและต่างประเทศ โดยการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์เชิงบวกของแรงงานไทย |
||||||||||||||||||||||||
21195 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... คณะกรรมาธิการวิสามัญได้พิจารณาและแก้ไขตามหลักการและเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติ โดยผนวกกับหลักการตามรายงานของคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ก่อนรับหลักการ ที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบและให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของหลักการแห่งพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ฉบับนี้ ทั้งนี้ หลักการที่ผนวกขึ้นภายหลังนี้เป็นหลักการที่กระทบกับหลักการเดิมตามร่างมาตรา ๙ ซึ่งเพิ่มมาตรา ๒๓/๑ และมาตรา ๒๓/๒ ร่างมาตรา ๑๒ ซึ่งยกเลิกมาตรา ๓๒ และมาตรา ๓๓ และร่างมาตรา ๑๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมวรรคสามของมาตรา ๔๕ ดังนั้น เนื้อหาในการพิจารณาและแก้ไขร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ในร่างมาตรา ๙ ร่างมาตรา ๑๒ และร่างมาตรา ๑๕ จะไม่สอดคล้องกับหลักการเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้เสนอไว้ แต่จะสอดคล้องกับความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฯ ก่อนรับหลักการ ซึ่งความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะดังกล่าวเป็นหลักการที่ผนวกขึ้นในภายหลัง อันมีผลทำให้การพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญไม่เป็นการแก้ไขที่ขัดหรือเกินหลักการ โดยสอดคล้องกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้เสนอและเห็นชอบไว้ทุกประการ ตามที่สำนักเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ และแจ้งให้กระทรวงยุติธรรมทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
21196 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง "การสังเคราะห์การดูแลผู้สูงอายุในประเทศไทย : ปัญหาและข้อเสนอแนะ" ของคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง “การสังเคราะห์การดูแลผู้สูงอายุในประเทศไทย : ปัญหาและข้อเสนอแนะ” ซึ่งมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการเพิ่มจำนวนอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุในชุมชนให้เพียงพอต่อจำนวนของผู้สูงอายุ การเพิ่มศักยภาพและทักษะการดูแลให้กับผู้ดูแลผู้สูงอายุ การเพิ่มขีดความสามารถให้กับชุมชนและเจ้าหน้าที่ในการบริหารจัดการโครงการหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ การจัดทำมาตรการเพื่อสนับสนุนด้านงบประมาณสำหรับเป็นค่าตอบแทนอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุในชุมชน การจัดทำระบบฐานข้อมูลสุขภาพของผู้สูงอายุ การวางแผนชีวิตภายหลังเกษียณอย่างเป็นระบบ การจัดทำแผนชุมชนในการดูแล ช่วยเหลือ และพัฒนาผู้สูงอายุแบบมีส่วนร่วม การพัฒนาและกำหนดเกณฑ์การประเมินด้านการจัดการดูแลและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ รวมทั้งการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ระบบการจัดสวัสดิการและการสงเคราะห์ให้กับผู้สูงอายุในระยะยาว เป็นต้น ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
21197 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (กพข.) ครั้งที่ 3/2558 | นร11 | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (กพข.) ครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๘ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบ (๑) การแต่งตั้งให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธานกรรมการใน กพข. และแต่งตั้งนายกานต์ ตระกูลฮุน เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ แทนนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ (๒) สรุปผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย ปี ๒๕๕๘ โดยสถาบัน IMD WEF และ World Bank และ (๓) ความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการของคณะอนุกรรมการภายใต้ กพข. ได้แก่ คณะอนุกรรมการด้านการพัฒนาคลัสเตอร์ คณะอนุกรรมการด้านการพัฒนาเชิงกายภาพ คณะอนุกรรมการด้านการพัฒนาเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาค คณะอนุกรรมการด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ คณะอนุกรรมการด้านการพัฒนาประสิทธิภาพภาครัฐและการพัฒนากระบวนการทางศุลกากร และคณะอนุกรรมการด้านการจัดการข้อมูลและการสื่อสารประชาสัมพันธ์ ๒. นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติศึกษาวิเคราะห์และระบุหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มตัวชี้วัดของสถาบัน IMD WEF และ World Bank และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อเร่งติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานปรับปรุงตัวชี้วัดและปัจจัยต่าง ๆ ในการยกระดับความสามารถการแข่งขันของประเทศ ก่อนการเก็บข้อมูลของสถาบัน IMD WEF และ World Bank ปี ๒๕๕๙ ซึ่งเริ่มต้นในเดือนมกราคม ๒๕๕๙ |
||||||||||||||||||||||||
21198 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง "การปฏิรูปรูปแบบการปกครองท้องถิ่นของเมืองท่องเที่ยว" ของคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 05/04/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง “การปฏิรูปรูปแบบการปกครองท้องถิ่นของเมืองท่องเที่ยว” ซึ่งมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการบริหารงานและการพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเมืองท่องเที่ยว ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
21199 | รายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา ติดตาม และแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ | สว | 29/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา ติดตาม และแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาทรัพยากรน้ำ ได้แก่ ปัญหาน้ำท่วม ปัญหาการขาดแคลนน้ำ และปัญหาคุณภาพน้ำ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักรับรายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
21200 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 27 ตุลาคม 2558 (เกี่ยวกับเงินทุนหมุนเวียน) | กค | 29/03/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๘ (เกี่ยวกับเงินทุนหมุนเวียน) สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี โดย (๑) ควบรวมกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา และกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกพันกับรายได้ในอนาคต โดยเป็นการควบรวมกองทุนทั้งสองให้อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน (๒) คงสถานะกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาลที่ให้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และ (๓) กองทุนปูนซีเมนต์สร้างยุ้งฉางกลาง กองทุนเพื่อพัฒนาการผลิตถั่วเหลือง โครงการเงินสนับสนุนจากการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อพัฒนากีฬาของชาติ เงินฝากส่งเสริมธุรกิจที่อยู่ในความส่งเสริมของกรมพัฒนาเศรษฐกิจการค้า และศูนย์ฝึกอบรมคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา เป็นเงินนอกงบประมาณที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ซึ่งกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ได้มีหนังสือแจ้งหน่วยงานเจ้าของเงินนอกงบประมาณดังกล่าวให้พิจารณาเหตุผลความจำเป็นในการคงอยู่ ๒. โดยที่กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) อาศัยอำนาจตามข้อบังคับกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการให้องค์การของรัฐบาลที่ใช้ทุนหรือทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรเข้าบัญชีเงินคงคลังบัญชีที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๕๖ เรียกให้ทุนหมุนเวียนนำเงินสภาพคล่องส่วนเกินส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน (บัญชีเงินคงคลังบัญชีที่ ๑) ซึ่งเงินดังกล่าวถือเป็นเงินรายได้แผ่นดิน นั้น การนำเงินทุนหมุนเวียนที่มีสภาพคล่องส่วนเกินความจำเป็นไปใช้ประโยชน์ในการสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศในช่วง ๑ ปี ต้องดำเนินการผ่านหน่วยงานของรัฐตามกระบวนการงบประมาณปกติ โดยกำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี หรือพระราชบัญญัติงบประมาณเพิ่มเติม ๓. ผลการนำเงินทุนหมุนเวียนที่มีสภาพคล่องส่วนเกินความจำเป็นส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินตามแผนปฏิบัติการฯ จำนวน ๒๙ ทุน เป็นเงินทั้งสิ้น ๒๘,๐๘๑.๑๕ ล้านบาท ณ วันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๙ ทุนหมุนเวียนนำเงินส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินแล้ว จำนวน ๒๗,๘๑๑.๖๓ ล้านบาท โดยกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศยังค้างการนำส่งเงินอีก จำนวน ๒๖๙.๕๒ ล้านบาท เนื่องจากเป็นเงินต้นของกองทุนฯ ซึ่งต้องขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการและจะนำส่งได้ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
|
.....