ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1008 จากทั้งหมด 6215 หน้า แสดงรายการที่ 20141 - 20160 จากข้อมูลทั้งหมด 124282 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20141 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (รองเลขาธิการ) (สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) (ร้อยตำรวจเอกหญิง สุวนีย์ แสวงผล และพันตำรวจโทหญิง เอมอร ไชยบัวแดง) | ปง | 02/08/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เนื่องจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินได้ปรับปรุงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินจากนักบริหารระดับต้น เป็นนักบริหารระดับสูง ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอ ดังนี้
๑. ร้อยตำรวจเอกหญิง สุวนีย์ แสวงผล ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (นักบริหารระดับสูง) ๒. พันตำรวจโทหญิง เอมอร ไชยบัวแดง ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (นักบริหารระดับสูง) |
||||||||||||||||||||||||
20142 | การแต่งตั้งที่ปรึกษาพิเศษในคณะที่ปรึกษาพิเศษของคณะกรรมการบริหารศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (จำนวน 6 คน 1. นายศรีภูมิ ศุขเนตร ฯลฯ) | พณ | 02/08/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งที่ปรึกษาพิเศษในคณะที่ปรึกษาพิเศษของคณะกรรมการบริหารศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ จำนวน ๖ คน เนื่องจากที่ปรึกษาพิเศษชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปีแล้ว เมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ สิงหาคม ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายศรีภูมิ ศุขเนตร ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด การบริหาร และศิลปกรรม ๒. นางสาวอรจิต สิงคาลวณิช ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด การบริหาร และศิลปกรรม ๓. นางอรนุช โอสถานนท์ ผู้แทนศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ๔. นางสาวกฤษณา รวยอาจิณ ผู้แทนศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ๕. นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล ผู้แทนสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ๖. นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
|
||||||||||||||||||||||||
20143 | แต่งตั้งคณะกรรมการกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ | ศธ | 02/08/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (ที่กำกับดูแลงานคุณวุฒิการศึกษา/งานคุณวุฒิวิชาชีพ) เป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นรองประธานกรรมการ มีกรรมการอีกจำนวน ๓๑ คน โดยมีเลขาธิการสภาการศึกษา เป็นกรรมการและเลขานุการ และมีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบายและกลยุทธ์การขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติเพื่อผลักดันให้องค์กรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการศึกษาและฝึกอบรมที่สอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพ มาตรฐานฝีมือแรงงาน จัดให้มีฐานข้อมูลหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติเพื่อการประชาสัมพันธ์และเชื่อมโยงกับนานาชาติ กำหนดมาตรการเชื่อมโยงกรอบคุณวุฒิแห่งชาติกับกรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียนและระดับสากล เป็นต้น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20144 | การแต่งตั้งผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (นายชัยยงค์ พัวพงศกร) | มท | 02/08/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายชัยยงค์ พัวพงศกร ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง ตามมติคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวง ครั้งที่ ๖๖๕ เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙ และครั้งที่ ๖๖๖ เมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๙ ส่วนค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่น รวมทั้งเงื่อนไขการจ้างและการประเมินผลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ โดยให้นายชัยยงค์ พัวพงศกร ลาออกจากการเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
20145 | รายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | กค | 02/08/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘-๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ทั้งสิ้น ๒,๗๒๐,๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว ๒,๒๑๕,๗๖๖ ล้านบาท หรือร้อยละ ๘๑.๔๖ เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ จำนวน ๑๗๕,๙๖๐ ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ ๑.๓๘ (เป้าหมายภาพรวม ร้อยละ ๘๐.๐๘) ประกอบด้วย รายจ่ายประจำ จำนวน ๒,๑๗๕,๖๔๖ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑,๙๒๗,๙๗๕ ล้านบาท หรือร้อยละ ๘๘.๖๒ และรายจ่ายลงทุน จำนวน ๕๔๔,๓๕๔ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๘๗,๗๙๑ ล้านบาท หรือร้อยละ ๕๒.๘๗ ๒. งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบประมาณทั้งสิ้น ๕๖,๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว ๑๑,๐๐๔ ล้านบาท หรือร้อยละ ๑๙.๖๕ ประกอบด้วย รายจ่ายประจำ จำนวน ๔๑,๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑๐,๙๔๐ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒๖.๖๘ และรายจ่ายลงทุน จำนวน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๖๔ ล้านบาท หรือร้อยละ ๐.๔๓ ๓. เงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี พ.ศ. ๒๕๔๙-๒๕๕๘ รวมทั้งสิ้น ๓๐๗,๘๕๒ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๐๖,๐๗๘ ล้านบาท หรือร้อยละ ๖๖.๙๔ เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ จำนวน ๗,๖๕๘ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๒๖๗,๒๔๒ ล้านบาท หรือร้อยละ ๘๖.๘๑ ๔. นโยบายสำคัญของรัฐบาล ๔.๑ โครงการตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล (ตำบลละ ๕ ล้านบาท) จัดสรรงบประมาณให้กระทรวงมหาดไทย (จังหวัด) แล้ว จำนวน ๓๖,๔๖๒ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๓๔,๕๔๓ ล้านบาท หรือร้อยละ ๙๔.๗๔ และเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๓๓,๓๔๐ ล้านบาท หรือร้อยละ ๙๑.๔๔ ๔.๒ มาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ กรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ รวมทั้งสิ้น ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท จัดสรรงบประมาณแล้ว จำนวน ๓๗,๘๗๐ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๓๕,๑๘๑ ล้านบาท หรือร้อยละ ๙๒.๙๐ เบิกจ่ายแล้ว ๓๔,๑๙๖ ล้านบาท หรือร้อยละ ๙๐.๓๐ ๔.๓ โครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ (หมู่บ้านละ ๒ แสนบาท) จัดสรรงบประมาณแล้ว จำนวน ๑๔,๙๑๘ ล้านบาท โอนจัดสรรงบประมาณเข้าบัญชีหมู่บ้านแล้ว จำนวน ๑๔,๙๐๔ ล้านบาท หรือร้อยละ ๙๙.๙๑ และหมู่บ้านเบิกจ่ายแล้ว ๘๔,๙๑๔ โครงการ จำนวน ๑๔,๘๐๑ ล้านบาท ๕. เงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจ (ที่ไม่ได้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ) แผนการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ (ที่ไม่ได้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ) จำนวน ๒๙๑,๓๓๑ ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน ๒๕๕๙ เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑๐๓,๗๑๘ ล้านบาท หรือร้อยละ ๓๕.๖๐ ของแผนการลงทุนทั้งปี |
||||||||||||||||||||||||
20146 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม 2559) | นร | 02/08/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติสถาบันการพยาบาลแห่งสภากาชาดไทย พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
20147 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 02/08/2559 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านความมั่นคง ๑.๑ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติติดตามประเด็นด้านความมั่นคงตามกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศในระดับอาเซียน เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงของประเทศต่อไป ๑.๒ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรวบรวมกฎหมายที่เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศเพื่อนำมาใช้ในการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีประสิทธิภาพและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งพิจารณาปรับปรุงให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ทั้งนี้ ให้นำเสนอรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ต่อไปด้วย ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ให้สำนักงบประมาณร่วมกับกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติติดตามและกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามแผนงานด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามภารกิจของส่วนราชการ (Function) และงบประมาณการดำเนินการตามนโยบาย (Agenda) พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินการให้คณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศเพื่อรวบรวมรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ๒.๒ ให้ทุกส่วนราชการจัดทำแผนงานและงบประมาณด้านโครงสร้างพื้นฐานในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๐ โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ทั้งนี้ ให้มีการจัดลำดับความสำคัญในการดำเนินโครงการให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศต่อไป และในกรณีที่โครงการมีวงเงินเกิน ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ให้รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับการบริหารราชการของหน่วยงานนั้น ๆ กำกับดูแลการดำเนินโครงการตามแผนงานให้เป็นไปอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการ ๒.๓ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนพัฒนาโครงข่ายการคมนาคมขนส่งทางน้ำ โดยเฉพาะการพัฒนาท่าเทียบเรือ ทั้งท่าเรือน้ำลึก ท่าเทียบเรือชายฝั่ง และท่าเรือข้ามฟาก ทั้งนี้ ให้เริ่มดำเนินโครงการนำร่องในพื้นที่ที่สามารถเดินเรือได้ก่อน เพื่อให้สามารถให้บริการได้อย่างเป็นรูปธรรมภายในปี ๒๕๕๙ ๒.๔ ตามที่คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ) ได้เห็นชอบแผนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) เพื่อพัฒนาให้เกิด SMEs 4.0 นั้น ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดเป้าหมายและแผนงานที่ชัดเจนในการสนับสนุนและส่งเสริม SMEs ที่จะดำเนินการระหว่างปี ๒๕๕๙-๒๕๖๐ ก่อน ส่วนที่เหลือให้พิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ต่อไป ๒.๕ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการส่งเสริมการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากฝีมือผู้ต้องขังที่ได้มาตรฐานตามแนวทางที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในการสนับสนุนสินค้าไทยที่มีศักยภาพให้สามารถขยายตลาดไปยังตลาดต่างประเทศต่อไป ๓. ด้านสังคม ๓.๑ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการดำเนินการจัดสร้างที่อยู่อาศัยในลักษณะบ้านเคหะประชารัฐให้แก่ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ รวมทั้งรองรับแรงงานที่จะเข้าไปทำงานในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษด้วย ๓.๒ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการดำเนินการเกี่ยวกับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุหรือสังคมสูงวัยของประเทศไทยให้ครอบคลุมในทุกมิติ โดยให้มีหน่วยงานรับผิดชอบและมีความชัดเจนในเรื่องแหล่งที่มาของงบประมาณที่ใช้ด้วย รวมทั้งพิจารณาจัดหาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุต่อไป ๔. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๔.๑ ให้ทุกส่วนราชการเร่งพิจารณาและเสนอเรื่อง การแต่งตั้ง โยกย้ายข้าราชการพลเรือนในตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ซึ่งต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำแหน่งที่ผู้ดำรงตำแหน่งจะเกษียณอายุราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ และขั้นตอนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔.๒ ในกรณีที่ส่วนราชการจะดำเนินโครงการหรือมาตรการใด ๆ ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่โครงการ ให้ส่วนราชการจัดทำโครงการหรือกำหนดมาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบนั้น ๆ ด้วย ทั้งนี้ ให้สร้างการรับรู้ให้ประชาชนรับทราบการดำเนินโครงการและมาตรการเยียวยาดังกล่าวให้รวดเร็วและทั่วถึงด้วย ๔.๓ ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงาน ก.พ. เร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการจัดทำแผนการผลิตบุคลากรทางการแพทย์ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยมุ่งเน้นการผลิตบุคลากรเพื่อกลับไปทำงานในภูมิลำเนา เพื่อให้มีอัตราบุคลากรทางการแพทย์เหมาะสมสอดคล้องกับจำนวนประชากรในแต่ละพื้นที่ด้วย ๔.๔ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการปฏิรูประบบการบริหารจัดการกีฬาทั้งระบบ โดยเฉพาะการปรับปรุงประสิทธิภาพและการบริหารงานของสมาคมกีฬาต่าง ๆ เน้นความเชื่อมโยงและการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาด้านการกีฬาของประเทศอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนต่อไป ๔.๕ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการแข่งขันกีฬานำร่องระหว่างหน่วยงานของรัฐในฝ่ายบริหาร โดยแบ่งเป็น ๖ ทีม ตามการกำกับการบริหารราชการของรองนายกรัฐมนตรี เพื่อกระชับความสัมพันธ์และกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาด้านการกีฬาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ให้เร่งดำเนินการภายใน ๓ เดือน
|
||||||||||||||||||||||||
20148 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนระโนด จังหวัดสงขลา พ.ศ. .... | มท | 02/08/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนระโนด จังหวัดสงขลา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ตำบลท่าบอน ตำบลบ้านใหม่ ตำบลระโนด ตำบลปากแตระ ตำบลระวะ และตำบลพังยาง อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงานเกี่ยวกับการใช้บังคับร่างกฎกระทรวงดังกล่าว ต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงานซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้ว และประกาศคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ลงวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ เรื่อง หลักเกณฑ์และรายละเอียดของโครงการหรือกิจกรรมที่ได้รับการยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม สำหรับการประกอบกิจการบางประเภท ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
20149 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร09 | 02/08/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา [(คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๒)] ตรวจพิจารณาแล้ว โดยแก้ไขเพิ่มเติมบางประเด็นนอกเหนือจากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๕ มกราคม ๒๕๕๙) อนุมัติหลักการ เช่น แก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ในการอนุรักษ์และบริบาลช้างเลี้ยงของไทย เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินภารกิจที่องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ได้รับมอบหมายในปัจจุบัน แก้ไขเพิ่มเติมจำนวนกรรมการและวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการ เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๑๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
20150 | มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของ SMEs (มาตรการพี่ช่วยน้อง) และมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในชนบท [ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ] | กค | 02/08/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจ SMEs (มาตรการพี่ช่วยน้อง) และมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในชนบท และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยที่มีสินทรัพย์ถาวรเกิน ๒๐๐ ล้านบาท และการจ้างแรงงานเกิน ๒๐๐ คน สำหรับเงินได้ที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการส่งเสริมการดำเนินธุรกิจให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยที่มีสินทรัพย์ถาวรไม่เกิน ๒๐๐ ล้านบาท และการจ้างแรงงานไม่เกิน ๒๐๐ คน และบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย สำหรับเงินได้ที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการที่ท้องถิ่นมีความต้องการจะพัฒนาในเชิงเศรษฐกิจและสังคม สามารถหักรายจ่ายได้ ๒ เท่าของรายจ่าย เป็นระยะเวลา ๓ รอบระยะเวลาบัญชี (รอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ แต่ไม่เกินวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๑) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการ วัตถุประสงค์ เงื่อนไขการยกเว้นภาษี และคุณสมบัติของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีความแตกต่างกันในแต่ละมาตรการ ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้ทราบโดยทั่วถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการและเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติในระดับท้องถิ่นและภูมิภาค เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างเป็นรูปธรรม และในการดำเนินมาตรการพี่ช่วยน้องดังกล่าว ควรคำนึงถึงความซ้ำซ้อนของโครงการหรือมาตรการที่รัฐดำเนินการช่วยเหลือ SMEs ในลักษณะหรือประเภทเดียวกันด้วย ส่วนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาและปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวในชนบทจะต้องมีการบูรณาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่มีความซ้ำซ้อนกับการดำเนินมาตรการของหน่วยงานภาครัฐ โดยการดำเนินการจะต้องเป็นไปตามความจำเป็นและเหมาะสมตามภารกิจของหน่วยงานภาครัฐที่จะได้รับ รวมถึงความคุ้มค่าและประโยชน์ที่ทางราชการและประชาชนจะได้รับอย่างแท้จริง ตลอดจนจะต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่จะต้องดูแลรักษาทรัพย์สิน เพื่อมิให้เกิดเป็นภาระแก่งบประมาณในภาพรวม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
20151 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การปรับโครงสร้างองค์กรภาครัฐ จัดโครงสร้างการบริหารส่วนราชการด้านการท่องเที่ยว ของคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 02/08/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การปรับโครงสร้างองค์กรภาครัฐ จัดโครงสร้างการบริหารส่วนราชการด้านการท่องเที่ยว พร้อมทั้งข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เกี่ยวกับแนวทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งระบบ และการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวกับหน่วยงานในพื้นที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยว ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
20152 | แจ้งผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ อ. 143/2553 คดีหมายเลขแดงที่ อ. 472/2559 ระหว่างนายพอพล เสมานิตย์ ฟ้องนายกรัฐมนตรี ที่ 1 กับพวกรวม 3 คน ต่อศาลปกครองสูงสุด เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้นให้ยกเลิกหลักเกณฑ์ในส่วนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเสีย | นร05 | 02/08/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดยืนตามคำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้นให้ยกเลิกหลักเกณฑ์และอัตราการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายใหญ่ด้านการเกษตรของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ตามหนังสือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ด่วนที่สุด กษ ๐๒๑๒/๑๒๖๙ ลงวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐ และมติของคณะรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๕๐๖/๓๐๑๙ ลงวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐ ที่อนุมัติหลักเกณฑ์ที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ เสนอให้กำหนดใช้เกณฑ์การช่วยเหลือในพื้นที่การเกษตรเสียหายรุนแรงโดยแยกกล้วยไม้สกุลหวาย กล้วยไม้แคทลียา ไม้ตัดใบและไม้ประดับ ผักและเห็ด ออกจากพืชสวนและไม้ผลอื่น ๆ โดยให้มีการคำนวณผลตอบแทนสุทธิตามประเภทของพืชชนิดนั้น ๆ และช่วยเหลือร้อยละ ๕๐ ของผลตอบแทนสุทธิ ในส่วนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเสีย ในคดีหมายเลขดำที่ อ. ๑๔๓/๒๕๕๓ ระหว่างนายพอพล เสมานิตย์ ผู้ฟ้องคดี นายกรัฐมนตรี ที่ ๑ กับพวกรวม ๓ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เป็นคดีหมายเลขแดงที่ อ. ๔๗๒/๒๕๕๙ ๒. มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
20153 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 44/2559 เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 5 | สลธ.คสช. | 02/08/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๔/๒๕๕๙ เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ ๕ สั่ง ณ วันที่ ๒๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20154 | รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี 2558 ขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) | ส.ส.ท | 02/08/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) เสนอรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี ๒๕๕๘ ของ ส.ส.ท. ซึ่งมีสาระสำคัญประกอบด้วย (๑) ผลงานขององค์การในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ (๒) แผนงาน และแผนงบประมาณ ปี ๒๕๕๙ (๓) รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงิน (๔) รายการที่องค์การให้การสนับสนุนการผลิตแก่ผู้ผลิตอิสระ (๕) ความคิดเห็นที่ได้รับจากสภาผู้ชมและผู้ฟังรายการ และ (๖) ข้อมูลร้องเรียนจากผู้ชมและผู้ฟังรายการ และผลและวิธีการแก้ไข
|
||||||||||||||||||||||||
20155 | ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤษภาคม 2559 | อก | 02/08/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ ๒.๖ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอุตสาหกรรมสำคัญที่ขยายตัว เช่น รถยนต์ เครื่องปรับอากาศ เครื่องยนต์สำหรับรถยนต์ ผลิตภัณฑ์ยางยกเว้นยางรถยนต์ ยาสูบ ๒. การนำเข้าของภาคอุตสาหกรรมไทย การนำเข้าเครื่องจักรใช้ในอุตสาหกรรมและส่วนประกอบ มีมูลค่า ๑,๓๙๑.๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๒.๖ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากการนำเข้าเครื่องยนต์ เพลาส่งกำลังและส่วนประกอบ รวมถึงเครื่องสูบลม เครื่องสูบของเหลว ที่เพิ่มขึ้น ด้านการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) มีมูลค่า ๕,๙๐๒.๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ ๑.๒ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากการนำเข้าด้ายและเส้นใย ผ้าผืน เคมีภัณฑ์ และอุปกรณ์ส่วนประกอบของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ลดลง ๓. การใช้ไฟฟ้าของภาคอุตสาหกรรมการผลิต มีปริมาณทั้งหมด ๑๑,๑๐๖.๗ ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน ๒๕๕๙ ร้อยละ ๙.๖ และเพิ่มขึ้นร้อยละ ๔.๗ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ๔. ภาวะการประกอบกิจการ เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน ๒๕๕๙ มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการจำนวน ๓๑๘ ราย ลดลงร้อยละ ๒๒.๖ มียอดเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น ๑๔,๖๕๓ ล้านบาท ลดลงร้อยละ ๖๔.๘ มีการจ้างงานจำนวน ๗,๘๕๘ คน ลดลงร้อยละ ๓.๓ สำหรับโรงงานที่ปิดดำเนินกิจการมีจำนวน ๖๙ ราย มากกว่าเดือนเมษายน ๒๕๕๙ ร้อยละ ๒๑.๑ มีเงินทุนของการเลิกกิจการรวม ๘,๒๓๗ ล้านบาท และมีการเลิกจ้างงานจำนวน ๑,๔๕๒ คน
|
||||||||||||||||||||||||
20156 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ใบแทนใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การโอนใบอนุญาตประกอบกิจการหอพัก และใบอนุญาต ใบแทนใบอนุญาต และการต่ออายุใบอนุญาตผู้จัดการหอพัก พ.ศ. .... | มท | 02/08/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ใบแทนใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การโอนใบอนุญาตประกอบกิจการหอพัก และใบอนุญาต ใบแทนใบอนุญาต และการต่ออายุใบอนุญาตผู้จัดการหอพัก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ใบแทนใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการโอนใบอนุญาตประกอบกิจการหอพัก และการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ใบแทนใบอนุญาต และการต่ออายุใบอนุญาตผู้จัดการหอพัก เพื่อให้การจัดเก็บค่าธรรมเนียมหอพักเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
20157 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน - สระบุรี - นครราชสีมา ช่วง กม. 27 + 500.000 - กม. 37 + 700.000 (รวมทางแยกต่างระดับหินกอง) (ช่วงที่ 6), ช่วง กม. 47 + 600.000 - กม. 53 + 000.000 (ช่วงที่ 13) และช่วง กม. 53 + 000.000 - กม. 65 + 300.000 (รวมงานก่อสร้างต่างระดับแก่งคอย) (ช่วงที่ 14) | คค | 02/08/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบกรณีกรมทางหลวงก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา รวม ๓ ช่วง โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ช่วง กม. ๒๗+๕๐๐.๐๐๐-กม. ๓๗+๗๐๐.๐๐๐ (รวมทางแยกต่างระดับหินกอง) (ช่วงที่ ๖) ระยะทาง ๑๐.๒๐๐ กิโลเมตร ในวงเงินค่าก่อสร้าง ๑,๙๔๕,๕๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ ช่วง กม. ๔๗+๖๐๐.๐๐๐-กม. ๕๓+๐๐๐.๐๐๐ (ช่วงที่ ๑๓) ระยะทาง ๕.๔๐๐ กิโลเมตร ในวงเงินค่าก่อสร้าง ๑,๐๔๐,๖๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๓ ช่วง กม. ๕๓+๐๐๐.๐๐๐-กม. ๖๕+๓๐๐.๐๐๐ (รวมงานก่อสร้างต่างระดับแก่งคอย) (ช่วงที่ ๑๔) ระยะทาง ๑๒.๓๐๐ กิโลเมตร ในวงเงินค่าก่อสร้าง ๑,๙๓๖,๗๐๐,๐๐๐ บาท ๒. ให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนงานและงบประมาณด้านโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมขนส่งในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๐ ทั้งนี้ ให้ติดตามการใช้จ่ายงบประมาณให้เกิดผลสัมฤทธิ์ คุ้มค่า มีประสิทธิภาพ และสามารถตรวจสอบได้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาด้านงบประมาณในอนาคต โดยให้สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติติดตามและกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามแผนงาน ทั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีในมิติหน่วยงาน (Function) และมิตินโยบาย (Agenda) พร้อมทั้งรายงานผ่านคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศด้วยเพื่อรวบรวมรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
20158 | ร่างแผนแม่บทระบบสถิติประเทศไทย ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2559 - 2564) | ทก | 02/08/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแผนแม่บทระบบสถิติประเทศไทย ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๙ - ๒๕๖๔) มีเป้าประสงค์หลักคือ การพัฒนาข้อมูลสถิติให้มีมาตรฐาน คุณภาพ สามารถเชื่อมโยงและบูรณาการเพื่อตอบโจทย์การตัดสินใจ และการกำหนดนโยบายในการพัฒนาในทุกระดับ (ประเทศ ภารกิจ และพื้นที่) ประกอบด้วย ๕ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) การพัฒนาระบบสถิติของประเทศเพื่อการวางแผนและติดตามผลการพัฒนาระดับประเทศ และระดับจังหวัด/กลุ่มจังหวัด (๒) การบูรณาการสถิติจากข้อมูลการบริหารงานและสถิติจากการสำรวจและการเชื่อมโยงสถิติ (๓) การพัฒนาคุณภาพสถิติให้ได้มาตรฐานสากล (๔) การให้บริการสถิติที่สะดวกต่อการเข้าถึง เข้าใจ และใช้ประโยชน์ และ (๕) การเสริมสร้างความเข้มแข็งของหน่วยสถิติและการพัฒนาสมรรถนะบุคลากรภาครัฐในด้านสถิติและเทคโนโลยีสารสนเทศ ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานสถิติแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐที่เห็นควรมีกลไกที่ชัดเจนในการกำหนดหมวดหมู่ของสถิติที่จำเป็น ควรมีแนวทางหรือกลไกในการประสานข้อมูลในภาพรวม ตลอดจนการประสานความต้องการข้อมูลระหว่างสาขาหรือข้อมูลที่อาจจะต้องมีการพัฒนาขึ้นใหม่ ควรให้ความสำคัญกับประเด็นมาตรฐานการจำแนกรายการทางสถิติ และมาตรฐานการสำรวจและจัดเก็บข้อมูล สำหรับการมอบหมายหน่วยงานทุกระดับ (ระดับภารกิจและระดับพื้นที่) จัดเก็บข้อมูลการบริหารงานควรมีการกำหนดภารกิจและงานการจัดทำระบบสถิติของหน่วยงานอย่างชัดเจน ในส่วนของงบประมาณที่จำเป็นต้องใช้ในการดำเนินการ หากมีความจำเป็นเร่งด่วนให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่ได้รับการจัดสรรแล้วมาดำเนินการก่อน และในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม นอกจากนี้ในการพัฒนาสมรรถนะบุคลากร สำนักงานสถิติแห่งชาติควรจัดประชุมหารือกับสำนักงาน ก.พ. และส่วนราชการต่าง ๆ ที่มีหน่วยงานด้านสถิติ เพื่อกำหนดมาตรฐานสมรรถนะร่วมกัน รวมทั้งในการกำหนดแนวทางการดำเนินงานและตัวชี้วัดเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาฐานข้อมูลที่สนับสนุนการประเมินผลจาหน่วยงานระดับสากล ควรมีการกำหนดให้ครอบคลุมดัชนีและตัวชี้วัดระดับนานาชาติ ตลอดจนควรประสานความร่วมมือกับสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ในด้านการเชื่อมโยงและเปิดเผยข้อมูลสถิติ (Open Data) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
20159 | การแต่งตั้งผู้สอบบัญชีขององค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย | พน | 02/08/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในการแต่งตั้งสำนักงาน M/s PricewaterhouseCoopers เป็นผู้สอบบัญชีขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย (Malaysia-Thailand Joint Authority : MTJA) ประจำปี ๒๕๕๙ และแต่งตั้งให้เป็นผู้สอบบัญชีขององค์กรร่วมต่อเนื่องเป็นเวลา ๕ ปี จนถึงปี ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20160 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมบัลลาสต์สำหรับหลอดฟลูออเรสเซนซ์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 02/08/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมบัลลาสต์สำหรับหลอดฟลูออเรสเซนซ์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมบัลลาสต์สำหรับหลอดฟลูออเรสเซนต์ต้องเป็นไปตามมาตรฐานเลขที่ มอก.๒๓-๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเผยแพร่ข้อมูลและสร้างความเข้าใจให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับร่างพระราชกฤษฎีกาฯ เพื่อให้ผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องสามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
.....