ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1007 จากทั้งหมด 6215 หน้า แสดงรายการที่ 20121 - 20140 จากข้อมูลทั้งหมด 124282 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20121 | ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. .... | นร | 09/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20122 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 09/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๙) เห็นชอบให้กระทรวงการคลังดำเนินโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ นั้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ ๑.๑.๑ ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดดำเนินโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ โดยเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการต้องเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ และต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในฤดูกาลเพาะปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ๑.๑.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดเสนอโครงการปรับเปลี่ยนการผลิตในพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสม โดยการสนับสนุนความช่วยเหลือให้ดำเนินการผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ๑.๑.๓ ให้คณะกรรมการบริหารระดับพื้นที่ชี้แจงทำความเข้าใจหลักเกณฑ์การเข้าร่วมโครงการและพิจารณากลั่นกรองเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการ ทั้งโครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรของกระทรวงการคลังและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเกษตรกรจะต้องเลือกใช้สิทธิ์เข้าร่วมในโครงการใดโครงการหนึ่งเท่านั้น ๑.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงแรงงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งผลิตแรงงานให้ตรงกับข้อมูลประมาณการความต้องการกำลังคนในสาขาต่าง ๆ และพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้สอดคล้องกับแนวโน้มความต้องการในอนาคต รวมทั้งเร่งผลิตแรงงานในสาขาที่ต่างประเทศมีความต้องการ เช่น แม่ครัว คนเลี้ยงเด็ก คนดูแลคนชรา นั้น ๑.๒.๑ ให้กระทรวงแรงงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกันพัฒนาและยกระดับแรงงานไทยให้ครอบคลุมทั้งกระบวนการ เช่น การสำรวจข้อมูลความต้องการแรงงานไทยจากตลาดแรงงานในประเทศและต่างประเทศ การพัฒนาความรู้ความสามารถและทักษะให้ทันกับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และความต้องการของตลาด การส่งออกแรงงานไทยที่ต้องมีหน่วยงานรับผิดชอบและมีมาตรฐานที่ชัดเจน ตลอดจนการพิจารณาจัดตั้งโรงงานตามแนวชายแดนเพื่อรองรับการขยายตัวของแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน ๑.๒.๒ ให้กระทรวงแรงงานเร่งรัดการกำหนดมาตรฐานแรงงานอาชีพต่าง ๆ เช่น แม่ครัว คนเลี้ยงเด็ก คนดูแลคนชรา รวมทั้งออกใบรับรองมาตรฐานอาชีพให้แก่แรงงานเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการประกอบอาชีพทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อไป ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน ๓ เดือน ๑.๓ ในการทำความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดรายละเอียดการดำเนินการต่าง ๆ ให้ชัดเจน เช่น ขนาดหรือประเภทของรถยนต์ และจำนวนรถยนต์ที่สามารถข้ามพรมแดนได้ และให้พิจารณาให้ครอบคลุมถึงโครงสร้างพื้นฐานอื่นและระบบงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องที่ต้องปฏิบัติบริเวณพรมแดนให้ครบถ้วนเพื่อประกอบการหารือกับคู่ภาคี เช่น การตรวจคนเข้าเมือง ระบบศุลกากร ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลักและอยู่บนหลักการปฏิบัติต่างตอบแทน ๒. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ มีนาคม ๒๕๕๙) รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอว่า ในช่วงระยะเวลาหลังจากร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติแล้ว สภานิติบัญญัติแห่งชาติจะต้องพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญหลายฉบับและต้องพิจารณาโดยเร็ว และเพื่อให้การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและตามกรอบระยะเวลา จึงให้ส่วนราชการเร่งรัดเสนอร่างพระราชบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อคณะรัฐมนตรี รวมทั้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว นั้น บัดนี้ ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้ผ่านประชามติโดยผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญฯ แล้ว จึงให้ส่วนราชการและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวด้วย ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติ (๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗) เห็นชอบและอนุมัติการดำเนินโครงการลานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชแล้ว นั้น ให้คณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษถนนราชดำเนิน และกระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) เร่งรัดการดำเนินโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๓.๒ ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายในการจัดให้มีรุกขกรเพื่อทำหน้าที่ดูแลรักษาและตัดแต่งต้นไม้ใหญ่ทั่วประเทศ นั้น ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการจัดหาและพัฒนารุกขกรให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในสายอาชีพให้เป็นไปตามหลักวิชาการต่อไป ทั้งนี้ ให้สร้างเครือข่ายในระดับพื้นที่ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน เพื่อทำหน้าที่สอดส่องดูแลและป้องกันการลักลอบตัดต้นไม้ในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตัดไม้มีค่าและไม้หวงห้าม เช่น ไม้พะยูง ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20123 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการค่าก่อสร้างและค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดนครปฐม (จังหวัดนครปฐม) | ปช | 09/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงาน ป.ป.ช. ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณของค่าก่อสร้างอาคารสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครปฐม และค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครปฐม เพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาที่จะดำเนินการก่อหนี้ผูกพันจริง จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑ ตามข้อ ๗ (๒) ของระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยยกเว้นการดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ เป็นกรณีเฉพาะราย โดยให้สำนักงาน ป.ป.ช. ขยายระยะเวลาลงนามในสัญญารายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ การดำเนินการรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณดังกล่าว ให้สำนักงาน ป.ป.ช. เร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามงวดงานและงวดเงินที่จะจ่ายจริงตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20124 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม 2559) | นร | 09/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20125 | การแข่งขันกีฬาบุคลากรระหว่างส่วนราชการต่าง ๆ ในรัฐบาล (GOVERNMENT GAMES 2016) | นร | 09/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รายงานว่า ๑.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการเมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการแข่งขันกีฬานำร่องระหว่างหน่วยงานของรัฐในฝ่ายบริหาร โดยแบ่งเป็น ๖ ทีม ตามการกำกับการบริหารราชการของรองนายกรัฐมนตรี เพื่อกระชับความสัมพันธ์และกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาด้านการกีฬาอย่างต่อเนื่อง โดยให้เร่งดำเนินการภายใน ๓ เดือน นั้น ได้จัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการจัดการแข่งขันดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว และได้จัดทำเค้าโครงภาพรวมการแข่งขัน “กีฬาบุคลากรรัฐ GOVERNMENT GAMES 2016” เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในเบื้องต้น โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของการจัดการแข่งขัน ระเบียบกติกา ชนิดกีฬา คุณสมบัติของนักกีฬา ระยะเวลาจัดการแข่งขัน ผู้ประสานงานและหน่วยงานเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬา รางวัลและงบประมาณ เป็นต้น ๑.๒ ในส่วนของการจัดงานเลี้ยงต้อนรับนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ ๓๑ ที่นครรีโอเดจาเนโร สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล และนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาอื่น ๆ เห็นควรให้มีการจัดงานดังกล่าวในวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๙ ซึ่งจะมีการมอบรางวัลให้แก่นักกีฬาที่มีผลงานดีเด่นและได้รับรางวัลจากการแข่งขันด้วย ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาดำเนินการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่นักกีฬาที่มีคุณสมบัติเข้าข่ายตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ พ.ศ. ๒๕๓๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20126 | ขออนุมัติลงนามบันทึกแสดงเจตจำนงระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคมแห่งสาธารณรัฐเกาหลีสำหรับความร่วมมือโครงการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยหลวง ตอนล่าง จังหวัดอุดรธานี และหนองคาย | กษ | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกแสดงเจตจำนงระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคมแห่งสาธารณรัฐเกาหลี สำหรับความร่วมมือโครงการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนล่าง จังหวัดอุดรธานี และหนองคาย ที่จะมีการลงนามในระหว่างการเยือนสาธารณรัฐเกาหลีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระหว่างวันที่ ๗-๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ โดยร่างบันทึกแสดงเจตจำนงฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงเจตจำนงของทั้งสองฝ่ายในการดำเนินความร่วมมือทางด้านเทคนิค โดยการปรึกษาหารือร่วมกันเพื่อกำหนดกรอบและขอบเขตการดำเนินงานสำหรับโครงการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนล่าง จังหวัดอุดรธานี และหนองคาย ซึ่งคู่ภาคีจะแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมขึ้น ประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อหารือการดำเนินงานด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้องในระยะที่ ๑ ของโครงการ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มอบหมาย เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกแสดงเจตจำนงฯ ๒. การดำเนินการตามบันทึกแสดงเจตจำนงฯ จะต้องเป็นความร่วมมือในทางวิชาการเท่านั้น โดยต้องไม่มีข้อผูกพันใด ๆ เกี่ยวกับการดำเนินการลงทุนโครงการดังกล่าวหรือการทำสัญญาว่าจ้างดำเนินโครงการในอนาคต ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงบันทึกแสดงเจตจำนงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๔. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20127 | ขออนุมัติดำเนินโครงการ/งานในลักษณะงบลงทุนของกองบัญชาการกองทัพไทย | กห | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กองบัญชาการกองทัพไทยดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ และงานจัดหาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พร้อมติดตั้งซอฟแวร์ โดยให้สามารถลงนามจัดซื้อจัดจ้างได้ภายหลังวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ทั้งนี้ การดำเนินโครงการก่อสร้างและการจัดหาครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์ดังกล่าว ขอให้กองบัญชาการกองทัพไทยดำเนินการตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง และมาตรฐานของทางราชการ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางการจัดทำร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ....) ๓. ให้กระทรวงกลาโหมเร่งรัดการก่อหนี้ผูกพันและดำเนินโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20128 | การขยายระยะเวลาลงนามสัญญารายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณกรณีไม่สามารถลงนามสัญญาได้ภายในเดือนพฤษภาคม | วธ | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการพิจารณายกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย โดยให้หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) กระทรวงวัฒนธรรม ขยายระยะเวลาลงนามในสัญญารายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จำนวน ๒ รายการ ดังนี้
๑. อาคารเก็บรักษาสิ่งเกี่ยวเนื่องกับภาพยนตร์ ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ๑ แห่ง งบประมาณทั้งสิ้น ๕๘,๖๖๐,๐๐๐ บาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๑๑,๗๙๖,๐๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๑ จำนวน ๔๖,๘๖๔,๐๐๐ บาท ซึ่งรายการดังกล่าวมีระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเกินกว่าที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี จึงเห็นควรให้หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ปฏิบัติตามระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๗(๒) โดยนำเรื่องเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมตามขั้นตอน เพื่อขอขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณก่อนลงนามในสัญญาต่อไป ๒. ค่าตกแต่งและครุภัณฑ์ประกอบอาคารศูนย์อนุรักษ์และบริการโสตทัศน์แห่งชาติ ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ๑ แห่ง งบประมาณทั้งสิ้น ๘๓,๕๔๐,๐๐๐ บาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๑๖,๗๑๑,๐๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๖๖,๘๒๙,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ การดำเนินรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณดังกล่าว ให้กระทรวงวัฒนธรรมเร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามงวดงานและงวดเงินที่จะจ่ายจริงตามขั้นตอนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20129 | ขออนุมัติจัดตั้งสถาบันส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรม และขออนุมัติงบประมาณอุดหนุนการดำเนินงาน | พณ | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งที่ ๓/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ เรื่อง การจัดตั้งสถาบันส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรมในรูปแบบมูลนิธิ ซึ่งที่ประชุม นบข. ได้มีมติเห็นชอบในหลักการตามผลการศึกษาของคณะอนุกรรมการศึกษาการจัดตั้งสถาบันการพาณิชย์ข้าวที่เสนอให้มีการจัดตั้งสถาบันการพาณิชย์ข้าวขึ้นโดยเร็ว โดยให้จัดตั้งในรูปแบบมูลนิธิ มีภารกิจผลักดันงานวิจัยไปสู่การผลิตสินค้านวัตกรรมขั้นสูงออกสู่ตลาด เป็นที่ปรึกษาอำนวยความสะดวกผู้ที่สนใจลงทุน เชื่อมโยงนักวิจัย ผู้ประกอบการ และเกษตรกร ส่งเสริมและสร้างตลาดด้วยการสร้างความตระหนักในคุณค่าข้าวที่เป็นมากกว่าข้าวบริโภค (table rice) รวมทั้งเห็นควรขยายขอบเขตไปยังพืชเกษตรอื่น ๆ ที่สำคัญ เช่น มันสำปะหลัง ปาล์ม ฯลฯ โดยให้จัดตั้งเป็น "มูลนิธิสถาบันส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรม" ภายใต้กระทรวงพาณิชย์ เริ่มต้นดำเนินการจากสินค้าข้าวก่อนเป็นลำดับแรก ก่อนที่จะขยายสู่สินค้าเกษตรอื่น ๆ โดยมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ประสานสำนักงบประมาณจัดทำข้อเสนอขออนุมัติงบประมาณอุดหนุนการดำเนินงานของมูลนิธิสถาบันส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรม วงเงิน ๗๕๐ ล้านบาท ระยะเวลา ๕ ปี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อไม่ให้การดำเนินการเกิดความซ้ำซ้อนกันด้วย ส่วนเรื่องงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยภาระค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นเพื่อการจัดตั้งและดำเนินงานตามภารกิจของสถาบันฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เห็นควรให้สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์เสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพิ่มเติมตามขั้นตอนหรือปฏิบัติตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ในการขอใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น แล้วแต่กรณี สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ในงบเงินอุดหนุน ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป ให้สถาบันส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรมตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้มีการติดตามประเมินผลในระยะที่ ๑ (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๒) หากผลการดำเนินงานไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ให้มีการทบทวนภารกิจของสถาบันฯ ต่อไป และในการดำเนินการของสถาบันฯ ควรให้มีความเชื่อมโยงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการสร้างนวัตกรรมของสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม เพื่อสร้างจุดแข็งและความโดดเด่น ก่อให้เกิดการพัฒนาสินค้าเกษตรนวัตกรรมอย่างยั่งยืน และคำนึงถึงวัตถุประสงค์ที่คล้ายคลึงกับหน่วยงานที่ดำเนินการอยู่ รวมทั้งควรวางกลไกในการสรรหาผู้อำนวยการสถาบันฯ ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเพื่อมาทำหน้าที่ผลักดันการดำเนินงานของสถาบันฯ ให้ประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้ง นอกจากนี้ ควรสร้างความร่วมมือในการทำงานและการรับรู้ระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอย่างกว้างขวาง เพื่อสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงการทำงานที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล รวมทั้งส่งเสริมการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและการเชื่อมโยงกับผู้ประกอบการ SME อย่างทั่วถึง เพื่อกระจายโอกาสและผลักดัน SME ให้สามารถเข้าถึงการพัฒนานวัตกรรมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการได้ในอีกทางหนึ่ง ตลอดจนควรมีกลไกการติดตามผลการดำเนินงานตามเป้าหมายที่วางไว้ทุกปี และรายงานต่อคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว เพื่อรับทราบความก้าวหน้าของการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด รวมถึงเพื่อให้ความเห็นเกี่ยวกับนโยบายสำคัญด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20130 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 45/2559 เรื่อง การขยายกำหนดเวลาการยื่นรายการชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลตามประมวลรัษฎากรเพื่อความเป็นธรรมแก่นักลงทุนและคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 46/2559 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 22/2558 | สลธ.คสช. | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๕/๒๕๕๙ เรื่อง การขยายกำหนดเวลาการยื่นรายการชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลตามประมวลรัษฎากรเพื่อความเป็นธรรมแก่นักลงทุน สั่ง ณ วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ๒. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๖/๒๕๕๙ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๒/๒๕๕๘ สั่ง ณ วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20131 | มาตรการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย | อก | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เร่งดำเนินการเพื่อให้การใช้รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เช่น การนำรถโดยสารไฟฟ้ามาใช้งานในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน ๒๐๐ คัน การนำรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในส่วนราชการ ทั้งนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมชี้แจงให้ประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าใจถึงเหตุผลความจำเป็นในการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยที่มุ่งเน้นเพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเพื่อเตรียมการรองรับการพัฒนาด้านเทคโนโลยียานยนต์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยไม่มีผลกระทบต่อมาตรการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (ECO-Car) ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับมาตรการสนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและกำลังคนที่เกี่ยวข้องเพื่อดึงดูดบริษัทที่ต้องการมาลงทุนในการผลิตหรือทำวิจัยและพัฒนาด้านยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย รวมทั้งการสนับสนุนบริษัทของไทยให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีด้านยานยนต์ไฟฟ้าและสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันสำหรับอนาคต การพิจารณาสนับสนุนให้นำตุ๊กตุ๊กไฟฟ้ารวมเข้าไว้เป็นส่วนหนึ่งในมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย การกำหนดมาตรการรองรับด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับส่วนประกอบยานยนต์ไฟฟ้าประเภทแบตเตอรี่ซึ่งถูกจัดอยู่ในกลุ่มของเสียอันตราย การกำหนดให้มีการบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันเพื่อวางแผนรองรับการดำเนินมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการลงทุน การสร้างแรงจูงใจ และความมั่นใจแก่นักลงทุนควบคู่ไปกับการสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าให้แก่ประชาชนและผู้บริโภคในคราวเดียวกัน ตลอดจนวางแนวทางการบริหารจัดการเพื่อลดข้อจำกัดที่อาจเกิดในอนาคต อาทิ การนำแบตเตอรี่มาใช้ใหม่ การกำจัดซากแบตเตอรี่ เป็นต้น เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ต่อเนื่องและยั่งยืน การกำหนดโควตาหรือระยะเวลาสิ้นสุดของการยกเว้นภาษีอากรนำเข้ารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าสำเร็จรูปจากต่างประเทศ และการยกเว้นอากรนำเข้าชิ้นส่วนหลักหรือส่วนประกอบและอุปกรณ์ของรถยนต์นั่งไฟฟ้าที่ชัดเจน นอกจากนี้ ควรมีการพิจารณาความเหมาะสมและปลอดภัยของพื้นที่การใช้งาน รวมถึงการทดสอบสมรรถนะของรถยนต์และการขับบนพื้นผิวจราจรในประเทศไทยที่มีสภาพที่หลากหลาย นอกจากนี้ควรมอบหมายให้กรมบัญชีกลางมีส่วนร่วมในการพิจารณามาตรการการจัดซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้งานในหน่วยราชการ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20132 | ผลการประชุม เรื่อง แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างนายกรัฐมนตรีกับส่วนราชการ ภาคเอกชน และ ศอ.บต. เมื่อวันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม 2559 | นร11 | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมเรื่อง แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างนายกรัฐมนตรีกับส่วนราชการ ภาคเอกชน และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามผลการประชุมฯ ดังกล่าว และรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบต่อไป สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ โครงการเมืองต้นแบบ "สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" (จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ศอ.บต. หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนกลางและในพื้นที่จัดทำรายละเอียดโครงการฯ โดยพิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ รวมทั้งผลกระทบให้ครอบคลุมทุกมิติทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และความมั่นคง และเสนอให้รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงร่วมกับฝ่ายเศรษฐกิจ เพื่อพิจารณากลั่นกรองและนำเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป ๑.๒ โครงการพัฒนาด้านศุลกากรบูเก๊ะตา ตำบลโล๊ะจูด อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากร รับไปดำเนินการเร่งรัดการก่อสร้างโครงการฯ ระยะที่ ๓ ให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๕๙ การปรับปรุงเพิ่มเติมงานก่อสร้างด่าน ระยะที่ ๒ และการจัดสรรอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ศุลกากรเพื่อรองรับการเปิดด่านได้ก่อนภายในปี ๒๕๖๐ รวมทั้งพิจารณาปรับปรุงและขยายด่านศุลกากรบูเก๊ะตา (ระยะที่ ๔) เพื่อเปิดด่านอย่างเต็มรูปแบบให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๑ ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของ ศอ.บต. ที่เห็นควรให้มีการบูรณาการการทำงานจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติสนับสนุนการทำงานให้เกิดเมืองต้นแบบที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทุกด้านภายใต้กรอบแนวทางการทำงานร่วมกัน ให้เกิดการเชื่อมโยงทุกมิติการพัฒนาทุกด้านและให้มีการกำกับ ติดตามและรายงานให้ผู้บริหารระดับนโยบายทราบและพิจารณาเป็นระยะ ไปพิจารณาดำเนินการ รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสั่งการเพิ่มเติมของนายกรัฐมนตรีที่ให้มีการจัดหาที่ดินเพิ่มเติมเพื่อการดำเนินโครงการพัฒนาด่านศุลกากรบูเก๊ะตา และพื้นที่เศรษฐกิจจังหวัดนราธิวาสด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20133 | ผลการเยือนสิงคโปร์ของนายกรัฐมนตรีเพื่อกล่าวปาฐกถาในการประชุม IISS Shangri - La Dialogue 15th Asia Security Summit | นร04 | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนสิงคโปร์ของนายกรัฐมนตรีเพื่อกล่าวปาฐกถาในการประชุม IISS Shangri-La Dialogue 15th Asia Security Summit และได้มีการหารือกับนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ ๓-๔ มิถุนายน ๒๕๕๙ ณ ประเทศสิงคโปร์ โดยการประชุมฯ มีผู้เข้าร่วมงานกว่า ๖๐๐ คน จาก ๕๑ ประเทศ เพื่อหารือเกี่ยวกับกับความมั่นคงในภูมิภาค และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามตารางสรุปผลการเยือนที่กระทรวงการต่างประเทศจัดทำ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ในประเด็นต่าง ๆ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์และเพื่อเข้าร่วมการประชุม Leaders’ Retreat ๒. การเชิญนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์เยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำกรอบความร่วมมือในเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue : ACD) ๓. การเรียนรู้จากประสบการณ์ด้านการตรวจคนเข้าเมืองโดยอาศัยระบบ Biometric border pass system และระบบการตรวจม่านตา |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20134 | แถลงการณ์ร่วมของประเทศสมาชิกอาเซียน - ซีฟเดค ด้านความร่วมมือในภูมิภาค เพื่อการต่อต้านการประมงผิดกฎหมาย และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของสัตว์น้ำและสินค้าประมงอาเซียน | กษ | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมของประเทศสมาชิกอาเซียน-ซีฟเดค ด้านความร่วมมือในภูมิภาค เพื่อการต่อต้านการประมงผิดกฎหมายและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของสัตว์น้ำและสินค้าประมงของอาเซียน (Joint ASEAN-SEAFDEC Declaration on Regional Cooperation for Combating IUU Fishing and Enhancing the Competitiveness of ASEAN Fish and Fisheries Products) มีสาระสำคัญเป็นการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียน-ซีฟเดค เพื่อป้องกันการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและไร้การควบคุม ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของสินค้าสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์ประมงอาเซียน ซึ่งจะมีการรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ดังกล่าวในการประชุมหารือระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสของหน่วยงานที่ดูแลด้านการประมงของประเทศสมาชิกอาเซียน-ซีฟเดค ในวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๙ ณ กรุงเทพมหานคร ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับกลไกในการติดตามและประสานให้เกิดการขับเคลื่อนการดำเนินการตามร่างแถลงการณ์ฯ ในหมู่ประเทศสมาชิกประชาคมอาเซียนและซีฟเดคอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งติดตามดูแลให้การกำหนดกฎระเบียบและเงื่อนไขการปฏิบัติของแต่ละประเทศมีความสอดคล้องและอยู่ภายใต้กรอบข้อตกลงร่วมกัน เพื่อสร้างความเป็นเอกภาพของกระบวนการในการต่อต้านการประมงผิดกฎหมาย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์สามารถดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ให้พิจารณาหาแนวทางในการสร้างการมีส่วนร่วมของประเทศสมาชิกอาเซียน-ซีฟเดค โดยเน้นการดำเนินการใน ๓ ด้าน ได้แก่ การแก้ไขปัญหาร่วมกัน การเพิ่มกำหนดรูปแบบ/กิจกรรมใหม่ และการสร้างเครือข่ายไปยังประเทศอื่น ๆ ทั้งประเทศต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ๕. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20135 | ขอความเห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือด้านระบบราง ระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น และร่างบันทึกความร่วมมือด้านความปลอดภัยทางถนน ระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น | คค | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอเพิ่มเติมว่า ขอแก้ไขข้อความในข้อ ๑ (๑) (๒) (๓) และข้อ ๒ (๑) ของร่างบันทึกความร่วมมือด้านระบบรางระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น เป็นดังนี้ ๑.๑ ทั้งสองฝ่ายยืนยันการดำเนินการร่วมกันในโครงการต่าง ๆ ดังนี้ (๑) การพัฒนา BCHSR จะใช้ระบบรถไฟความเร็วสูง/ชินคันเซ็นของญี่ปุ่น รวมถึงการใช้รางเฉพาะตลอดเส้นทาง การใช้ระบบอาณัติสัญญาณและขบวนรถไฟเป็นระบบย่อยหลัก (ต่อไปนี้จะเรียกว่า “ระบบรถไฟความเร็วสูง/ชินคันเซ็น”) (๒) รูปแบบการลงทุนและการเงินสำหรับการพัฒนาและการดำเนินการ BCHSR ทั้งสองฝ่ายจะเร่งรัดผลการศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้นของโครงการให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๕๙ และจะร่วมกันพิจารณาเสนอแนะรูปแบบการลงทุนและการเงินที่เหมาะสมต่อไป (๓) เพื่อให้การดำเนินการ BCHSR เป็นไปอย่างราบรื่น จะแบ่งการดำเนินโครงการเป็น ๒ ระยะ คือ ช่วงกรุงเทพมหานคร- พิษณุโลก และช่วงพิษณุโลก-เชียงใหม่ โดยจะเริ่มดำเนินการช่วงกรุงเทพมหานคร-พิษณุโลกก่อน ๑.๒ จากการพิจารณาร่วมกัน ทั้งสองฝ่ายเห็นควรที่จะพัฒนา BCHSR ดังต่อไปนี้ (๑) เมื่อฝ่ายไทยตัดสินใจใช้ระบบรถไฟความเร็วสูง/ชินคันเซ็นของญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการแล้ว ฝ่ายญี่ปุ่นจะดำเนินการโครงการศึกษาของ JICA สำหรับ BCHSR ต่อ และจะจัดทำรายงานขั้นสุดท้าย ซึ่งประกอบด้วย รายละเอียดเส้นทาง ที่ตั้งสถานี และต้นทุนโครงการเบื้องต้นให้แล้วเสร็จภายใน ๖ เดือน ๒. เห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือด้านระบบราง ระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการให้มีความร่วมมือด้านระบบรางระหว่างประเทศไทย-ญี่ปุ่น ในระดับกระทรวงให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น และร่างบันทึกความร่วมมือด้านความปลอดภัยทางถนน ระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความปลอดภัยทางถนนของประเทศไทย โดยให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงในประเทศไทยต้องศึกษาความเหมาะสมทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเงินอย่างละเอียดและรอบคอบ และให้ความสำคัญกับการกำหนดโครงสร้างองค์กรที่เหมาะสมในระดับนโยบายที่ทำหน้าที่กำกับดูแลมาตรฐานการให้บริการ ความปลอดภัย และอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม และไม่เป็นภาระทางการเงินแก่ภาครัฐในระยะยาว พร้อมทั้งพิจารณามอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบที่ชัดเจนเพื่อรองรับการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์การพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงให้กับบุคลากรที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ ควรพิจารณาแนวทางการบูรณาการการทำงานด้านความปลอดภัยทางถนนร่วมกันกับคณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติที่มีกระทรวงมหาดไทยเป็นกระทรวงรับผิดชอบหลัก เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากกรอบความร่วมมือด้านความปลอดภัยทางถนนภายใต้ความร่วมมือระหว่างประเทศไทย-ญี่ปุ่น ได้อย่างเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างบันทึกความร่วมมือดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในร่างบันทึกความร่วมมือดังกล่าว ๔. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20136 | ขออนุมัติตัดโอนอัตราเงินเดือนของข้าราชการตำรวจและขอปรับลดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ | ตช | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นชอบในหลักการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตัดโอนอัตราเงินเดือนข้าราชการตำรวจ ในสังกัดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน ๗๒๔ อัตรา จำนวนเงิน ๒๒๓,๙๔๐,๓๐๐ บาท ไปให้กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ โดยดำเนินการโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณตามร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ในขั้นตอนของการเสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20137 | ขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสนับสนุนการดำเนินงานของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม | ยธ | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๓๗๑,๙๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสนับสนุนการดำเนินงานของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ได้แก่ (๑) กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ จำนวน ๒๙๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท และ (๒) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จำนวน ๗๖,๙๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20138 | การลงนามในสัญญาการเข้าร่วมงานนิทรรศการโลก Astana Expo 2017 ณ กรุงอัสตานา สาธารณรัฐคาซัคสถาน | พน | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งปลัดกระทรวงพลังงานเป็น Commissioner General of Section ของประเทศไทย ในการเข้าร่วมงานนิทรรศการโลก Astana Expo 2017 ระหว่างวันที่ ๑๐ มิถุนายน-๑๐ กันยายน ๒๕๖๐ ณ กรุงอัสตานา สาธารณรัฐคาซัคสถาน ทั้งนี้ ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20139 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อใช้เป็นทุนประเดิมสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย | คค | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๑๕,๔๗๘,๒๐๐ บาท ให้สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม โดยเบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน เงินอุดหนุนทั่วไป เพื่อใช้เป็นทุนประเดิมของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ประกอบด้วย ๑.๑ ค่าใช้จ่ายบุคลากร จำนวน ๒๗,๐๙๒,๘๐๐ บาท ๑.๒ ค่าใช้จ่ายดำเนินงาน จำนวน ๗๓,๓๓๓,๐๐๐ บาท ๑.๓ ค่าครุภัณฑ์ จำนวน ๑๐๒,๗๒๗,๑๐๐ บาท ๑.๔ เงินอุดหนุนค่าสมาชิกองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) จำนวน ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๕ เงินอุดหนุนโครงการร่วมมือด้านการรักษาความปลอดภัยการบิน [Cooperative Aviation Security Programme, Asia/Pacific Region (CASP) Phase III] ระหว่างประเทศไนกับองค์การบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) จำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๖ เงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราว จำนวน ๑๐,๑๒๕,๓๐๐ บาท ๒. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20140 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (นักบริหารระดับสูง) (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายชูเกียรติ มาลินีรัตน์) | นร06 | 02/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายชูเกียรติ มาลินีรัตน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคำสั่งให้รักษาราชการแทนในตำแหน่งดังกล่าว เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ
|
.....