ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1004 จากทั้งหมด 6215 หน้า แสดงรายการที่ 20061 - 20080 จากข้อมูลทั้งหมด 124282 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20061 | ขอความเห็นชอบแผนแม่บทโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง (พ.ศ. 2559 - 2567) และขออนุมัติการดำเนินโครงการอาคารพักอาศัยแปลง G ของการเคหะแห่งชาติ | พม | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการแผนแม่บทโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๗) โดยการเคหะแห่งชาติใช้ประโยชน์พื้นที่ในชุมชนดินแดง ประมาณ ๒๐๗ ไร่ เป็นที่ดินของการเคหะแห่งชาติ ประมาณ ๑๙.๕ ไร่ และดำเนินการบนพื้นที่ราชพัสดุซึ่งใช้ในการพัฒนาโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงประมาณ ๑๘๗.๕๓ ไร่ ๒. เห็นชอบในหลักการกรอบแผนการลงทุนพัฒนาพื้นที่ตามแผนแม่บทโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๗) วงเงิน ๓๕,๗๕๔.๒๕ ล้านบาท โดยใช้แหล่งเงินกู้ภายในประเทศ และอนุมัติการดำเนินโครงการอาคารพักอาศัย แปลง G วงเงิน ๔๖๐.๕๓ ล้านบาท โดยรัฐบาลสนับสนุนการชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๑๕ ต่อปี ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รับความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และกรุงเทพมหานคร ที่เห็นควรให้การเคหะแห่งชาติดำเนินการในประเด็นต่าง ๆ เพิ่มเติมเพื่อให้การดำเนินโครงการเกิดประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุดต่อชุมชน เช่น การพิจารณาให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในการพัฒนาเชิงพาณิชย์ การพิสูจน์สิทธิและเงื่อนไขการชดเชยสิทธิเช่าของผู้อยู่อาศัยเดิม เพื่อป้องกันการขายสิทธิต่อและการเช่าช่วง รวมถึงการกำหนดพื้นที่เช่าเชิงพาณิชย์และเชิงสังคมให้มีความเหมาะสม ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๔. เห็นชอบในหลักการการจ่ายค่าชดเชยสิทธิในการเช่าและการจ่ายเงินช่วยเหลือค่าขนย้ายสำหรับผู้อยู่อาศัยเดิมที่เป็นคู่สัญญากับการเคหะแห่งชาติ ส่วนอัตราการจ่ายให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ โดยการจ่ายค่าชดเชยสิทธิในการเช่าสำหรับผู้อยู่อาศัยเดิมที่เป็นคู่สัญญากับการเคหะแห่งชาติที่ประสงค์จะย้ายออกจากโครงการ จะจ่ายเป็นเงินชดเชยสิทธิหน่วยละ ๔๐๐,๐๐๐ บาท และจ่ายเงินช่วยเหลือค่าขนย้ายสำหรับผู้อยู่อาศัยเดิมที่เป็นคู่สัญญากับการเคหะแห่งชาติ หน่วยละ ๑๐,๐๐๐ บาท ๕. ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๓ (เรื่อง ขออนุมัติแผนผังแม่บทการพัฒนาพื้นที่และฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง) เฉพาะประเด็นข้อ ๕.๗ ที่กำหนดให้ต้องมีการจัดสรรพื้นที่ในพื้นที่เชิงพาณิชย์จำนวนหนึ่งเพื่อให้สิทธิผู้อยู่อาศัยเดิมได้เช่าเป็นอันดับแรกในอัตราค่าเช่าพิเศษ โดยไม่มีการโอนสิทธิหรือกิจการไปให้อีกคนหนึ่งโดยได้ค่าตอบแทน (ค่าเซ้ง)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20062 | ขอความเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย พ.ศ. 2560 - 2564 | สธ | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ เป็นยุทธศาสตร์แห่งชาติ เพื่อเป็นกรอบการทำงานให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ในการร่วมแก้ปัญหาเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพ มีทิศทางการดำเนินการภายใต้ฟวิสัยทัศน์ “การป่วย การตาย และการสูญเสียทางเศรษฐกิจจากเชื้อดื้อยาลดลง” ประกอบด้วย ๖ ยุทธศาสตร์ คือ (๑) การเฝ้าระวังการดื้อยาต้านจุลชีพภายใต้แนวคิดสุขภาพหนึ่งเดียว (๒) การควบคุมการกระจายยาต้านจุลชีพในภาพรวมของประเทศ (๓) การป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในสถานพยาบาล และควบคุมกำกับดูแลการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสม (๔) การป้องกันและควบคุมเชื้อดื้อยา และควบคุมกำกับดูแลการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสมในภาคการเกษตรและสัตว์เลี้ยง (๕) การเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพเรื่องเชื้อดื้อยาและยาต้านจุลชีพแก่ประชาชน และ (๖) การบริหารและพัฒนากลไกระดับนโยบายเพื่อขับเคลื่อนงานด้านการดื้อยาต้านจุลชีพอย่างยั่งยืน ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการการจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ๑.๓ มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง รับไปดำเนินการตามยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรนำแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวไปใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป สำหรับกลยุทธ์ภายใต้ยุทธศาสตร์การส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพเรื่องเชื้อดื้อยาและยาต้านจุลชีพแก่ประชาชน ควรพิจารณาให้ครอบคลุมประเด็นการสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนในด้านการโฆษณาผ่านสื่อต่าง ๆ การส่งเสริมการขายยาต้านจุลชีพที่สอดคล้องกับเกณฑ์จริยธรรมว่าด้วยการส่งเสริมการขายยา และการจัดระบบติดตามและเฝ้าระวังการส่งเสริมการขายยาต้านจุลชีพที่มีประสิทธิภาพ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีพฤติกรรมการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสม รวมทั้งในขั้นตอนการจัดทำแผนปฏิบัติการฯ ควรพิจารณากำหนดตัวชี้วัดการดำเนินงานที่มีเป้าหมายร่วมกันระหว่างหน่วยงาน (Joint KPI) และจัดทำแผนงาน/โครงการที่ใช้งบประมาณในลักษณะบูรณาการ เพื่อให้การดำเนินการเกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรมและลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงาน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20063 | ทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แผนดำเนินการและแนวปฏิบัติในการดำเนินโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2559/60 | กค | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง แผนดำเนินการและแนวปฏิบัติในการดำเนินโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐) โดยกำหนดให้เกษตรกรผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการฯ เป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ และมีคุณสมบัติอื่น ๆ ตามแผนดำเนินการและแนวปฏิบัติในการดำเนินโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ (ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนฯ ดังกล่าว เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๙) และให้มีการตรวจสอบคุณสมบัติของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ เพิ่มเติม โดยจะต้องเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวตามทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในช่วง ๒-๓ ปี ที่ผ่านมา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จภายในฤดูการเพาะปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ ด้านเศรษฐกิจ ๒. ให้คณะกรรมการบริหารระดับพื้นที่ชี้แจงทำความเข้าใจกับเกษตรกรให้ชัดเจนเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การเข้าร่วมโครงการและพิจารณากลั่นกรองเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการฯ ทั้งโครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรของกระทรวงการคลัง (โครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐) และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงกระบือ โคเนื้อ แพะ การทำนาหญ้า และโครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวไม่เหมาะสมเป็นเกษตรกรรมทางเลือกอื่น) โดยเกษตรกรจะต้องเลือกใช้สิทธิ์เข้าร่วมในโครงการใดโครงการหนึ่งเท่านั้น ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ ด้านเศรษฐกิจ ๓. ในกรณีที่กระทรวงมหาดไทยมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณในการดำเนินโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ให้กระทรวงมหาดไทยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ควรร่วมกันบูรณาการการพัฒนา Agri-Map เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการเชิงนโยบายในระดับพื้นที่ให้มีความชัดเจนมากขึ้นและสามารถใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรมหรือโซนนิ่งเกษตร ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20064 | ขออนุมัติระบายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังคงเหลือในการดูแลของรัฐ | พณ | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการแนวทางการระบายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังคงเหลือในสต็อกของรัฐบาล ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ ดังนี้ ๑.๑ กรณีผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดให้เปิดประมูลขายเป็นการทั่วไป ๑.๒ กรณีผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่มีคุณภาพไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ให้ระบายโดยมีเงื่อนไขไม่ให้นำผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังดังกล่าวเข้าสู่ระบบการตลาดและการค้าปกติ เพื่อการบริโภคของคนหรือสัตว์ทุกรูปแบบ รวมถึงไม่นำไปปรับปรุงสภาพเพื่อการส่งออก โดยองค์การคลังสินค้าจะต้องมีมาตรการควบคุมการขนย้ายและการนำไปใช้อย่างเคร่งครัดเพื่อมิให้รั่วไหลและเกิดผลกระทบต่อตลาดและการค้าปกติ สำหรับรายละเอียดในการระบายฯ ให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรดำเนินการตามแนวทางการระบายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังดังกล่าวโดยเคร่งครัด รอบคอบ โปร่งใส และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อราชการ และให้กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการดำเนินงานต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบในโอกาสต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20065 | มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปีการผลิต 2559/60 ด้านการผลิต (เพิ่มเติม) | กษ | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ด้านการผลิต (เพิ่มเติม) จำนวน ๕ โครงการ ประกอบด้วย (๑) โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงกระบือ (๒) โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อ (๓) โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงแพะ (๔) โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการทำนาหญ้า และ (๕) โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวไม่เหมาะสมเป็นเกษตรกรรมทางเลือกอื่น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ส่วนงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรอนุมัติให้ดำเนินการในกรอบวงเงินรวมทั้งสิ้น ๑๕,๕๙๗,๓๔๐,๐๐๐ บาท จำแนกเป็นวงเงินสินเชื่อภายในกรอบวงเงิน ๑๐,๖๘๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยภาครัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๓ ต่อปี ไม่รวมเงินต้น ภายในกรอบวงเงินไม่เกิน ๑,๕๐๐,๒๙๔,๐๐๐ บาท โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามรายจ่ายที่เกิดขึ้นจริง และค่าใช้จ่ายของโครงการ ภายในกรอบวงเงิน ๓,๔๑๑,๐๔๖,๐๐๐ บาท กรณีค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือปัจจัยการผลิต การจัดทำระบบน้ำ และการปรับปรุงพื้นที่ ภายในกรอบวงเงิน ๓,๑๓๒,๐๙๖,๐๐๐ บาท ให้ใช้จ่ายจากเงินทุน ธ.ก.ส. โดยรัฐชดเชยเงินต้นและต้นทุนเงินในอัตรา FDR+1 ส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ ภายในกรอบวงเงินไม่เกิน ๒๗๘,๙๕๐,๐๐๐ บาท ให้ใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นสำหรับที่จะใช้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยให้จัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายและแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป สำหรับค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๕ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีในโอกาสแรกก่อน หรือเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ๒. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอว่า มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ด้านการผลิต (เพิ่มเติม) เป็นการดำเนินการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรตามนโยบายของรัฐบาล จึงเห็นควรให้ ธ.ก.ส. แยกบัญชีสินเชื่อตามโครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงกระบือ โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อ โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงแพะ และโครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการทำนาหญ้า เป็นโครงการตามนโยบายของรัฐบาล (Public Service Account : PSA) และให้กระทรวงการคลัง โดย ธ.ก.ส. ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการสำรวจพื้นที่เป้าหมายของโครงการ (พื้นที่ที่ไม่เหมาะสมกับการปลูกข้าว-N) และจำนวนเกษตรกรที่ยังไม่ได้ปลูกข้าวซึ่งมีความประสงค์จะเข้าร่วมโครงการให้ชัดเจน การคำนึงถึงวิธีการและเงื่อนไขของโครงการเพื่อที่จะให้เกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวที่ไม่เหมาะสมมาเป็นการส่งเสริมอาชีพด้านปศุสัตว์สามารถมีรายได้เลี้ยงตนเองได้ในขณะเข้าร่วมโครงการและสามารถลดพื้นที่ปลูกข้าวที่ไม่เหมาะสมได้ตามวัตถุประสงค์ของโครงการไปพร้อมกัน การจัดทำนโยบายแผนความต้องการการบริโภคสินค้าปศุสัตว์เป็นรายชนิดสัตว์และพืชอาหารสัตว์เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตร การกำหนดจำนวนพื้นที่กรรมสิทธิ์ในการถือครองที่ดินของเกษตรกรที่เหมาะสมกับการปรับเปลี่ยนอาชีพด้านปศุสัตว์เพื่อให้เกษตรกรมีพื้นที่คงเหลือเพื่อการประกอบอาชีพอื่น ๆ ควบคู่ไปได้ในระหว่างการเลี้ยงปศุสัตว์ การสำรวจพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับปลูกพืชทางเลือกอื่นตามแนวทางและหลักการของการกำหนดพื้นที่ที่เหมาะสมในการทำเกษตรกรรมทั้งในส่วนของ Zoning และ Agi-Map การจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่าย ผลการสำรวจจำนวนเป้าหมายเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ดำเนินการที่จะเข้าร่วมโครงการจริงตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด การติดตามประเมินผลโครงการอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ทราบถึงปัญหาอุปสรรค ผลลัพธ์ ผลสัมฤทธิ์ และความคุ้มค่าของโครงการ รวมทั้งการให้ความสำคัญในประเด็นการคัดเลือกกลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ และการจัดทำแผนการตลาดหรือการเชื่อมโยงการผลิตกับตลาดเพื่อรองรับผลผลิตที่ชัดเจนและแน่นอน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามแนวทางข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ ด้านเศรษฐกิจ ที่ให้คณะกรรมการบริหารระดับพื้นที่ชี้แจงทำความเข้าใจกับเกษตรกรให้ชัดเจนเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การเข้าร่วมโครงการและพิจารณากลั่นกรองเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการ ทั้งโครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรของกระทรวงการคลัง (โครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐) และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงกระบือ โคเนื้อ แพะ การทำนาหญ้า และโครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวไม่เหมาะสมเป็นเกษตรกรรมทางเลือกอื่น) โดยเกษตรกรจะต้องเลือกใช้สิทธิ์เข้าร่วมในโครงการใดโครงการหนึ่งเท่านั้น ๕. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20066 | สรุปผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐเกาหลีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | กษ | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐเกาหลีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระหว่างวันที่ ๗-๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเดินทางเยือนสาธารณรัฐเกาหลีได้มีการลงนามเอกสารความตกลง จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑) บันทึกแสดงเจตจำนงระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคมแห่งสาธารณรัฐเกาหลี สำหรับความร่วมมือโครงการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนล่างจังหวัดอุดรธานี และหนองคาย (๒) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงมหาสมุทรและประมงแห่งสาธารณรัฐเกาหลี และ (๓) ข้อตกลงว่าด้วยการยอมรับร่วมการควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยด้านสุขอนามัยในผลิตภัณฑ์ประมงนำเข้าและส่งออกระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงมหาสมุทรและประมงแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ๒. การหารือทวิภาคีความร่วมมือด้านการเกษตร การประมง และการชลประทาน ได้แก่ (๑) การหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร อาหาร และกิจการชนบท ในประเด็นการผลักดันให้มีการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างไทย-สาธารณรัฐเกาหลี และการติดตามความก้าวหน้าการพิจารณาเปิดตลาดไก่สดแช่เย็น/แช่แข็ง และมะม่วงพันธุ์มหาชนกของไทยไปสาธารณรัฐเกาหลี (๒) การหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคม ในประเด็นการแต่งตั้งคณะทำงานร่วมด้านเทคนิค เพื่อหารือแนวทางการดำเนินการตามบันทึกแสดงเจตจำนงฯ สำหรับความร่วมมือโครงการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนล่างจังหวัดอุดรธานี และหนองคาย ต่อไป และ (๓) การหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาสมุทรและประมง ในประเด็นดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจฯ และบันทึกข้อตกลงการยอมรับร่วมฯ ที่ได้ลงนามกันในครั้งนี้ นอกจากนี้ ได้ขอให้สาธารณรัฐเกาหลีสนับสนุนการแลกเปลี่ยนทางวิชาการในด้านมาตรฐานการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ด้านการแปรรูป และการตลาดสินค้าประมง รวมทั้งด้านเทคโนโลยีและการพัฒนาระบบการเพาะเลี้ยงสาหร่ายทะเล และหอยทะเล ๓. การเยี่ยมชมศูนย์การบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการของบริษัท K-Water ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ดูแลการบริหารจัดการน้ำแบบครบวงจรของสาธารณรัฐเกาหลี โดยเฉพาะระบบการควบคุมอุทกภัย การจัดสรรน้ำทั่วทั้งสาธารณรัฐเกาหลี รวมถึงการบูรณาการหาน้ำต้นทุนมาเสริมให้พื้นที่น้ำน้อย และเยี่ยมชมตลาดสินค้าเกษตรฮานาโร ซึ่งมีจุดเด่น คือ มีการซื้อขายสินค้าเกษตรที่ไม่ผ่านระบบพ่อค้าคนกลาง โดยรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรโดยตรงเพื่อจำหน่ายให้กับผู้บริโภค |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20067 | ขออนุมัติกรอบท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า ไทย - ภูฏาน ครั้งที่ 1 (The First Meeting of Joint Trade Committee between Thailand and Bhutan) | พณ | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการกรอบท่าทีไทยในการหารือกับราชอาณาจักรภูฏาน ซึ่งมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการค้า การลงทุน ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ความร่วมมือในระดับภูมิภาค และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ใช้เป็นกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า ไทย-ภูฏาน [JTC (Joint Trade Committee) between Thailand and Bhutan] ครั้งที่ ๑ ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๙ ณ กรุงทิมพู ราชอาณาจักรภูฏาน ๑.๒ หากในการประชุมฯ มีผลให้มีการตกลงเรื่องความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าในประเด็นอื่น ๆ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าสองฝ่ายระหว่างไทยกับราชอาณาจักรภูฏานโดยไม่มีการจัดทำเป็นความตกลงหรือหนังสือสัญญาขึ้นมา ให้กระทรวงพาณิชย์และผู้แทนไทยที่เข้าร่วมการประชุมฯ สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ รวมถึงเอกสารอื่น ๆ ที่เป็นผลจากการหารือขยายความร่วมมือเฉพาะด้าน (หากมี) ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับโอกาสและความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และรูปแบบที่เหมาะสมในการเข้าไปลงทุน เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าและบริการระหว่างกัน และเชื่อมโยงโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยสามารถขยายการค้าและลงทุนในสินค้าและบริการที่ไทยมีศักยภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจการท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่องในราชอาณาจักรภูฏาน รวมทั้งควรสนับสนุนให้ราชอาณาจักรภูฏานให้ความสำคัญกับการสร้างสภาพแวดล้อมและบรรยากาศในการลงทุนของนักลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะการส่งเสริมการลงทุนในสาขาที่ราชอาณาจักรภูฏานมีความต้องการเพื่อการพัฒนาประเทศ ตลอดจนติดตามประเมินผลความร่วมมือด้านการค้าระหว่างไทยและราชอาณาจักรภูฏานเป็นระยะ เพื่อให้สามารถขยายความร่วมมือระหว่างกันไปสู่มิติต่าง ๆ ได้มากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. หากมีการลงนามในร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ รวมถึงเอกสารอื่น ๆ ที่เป็นผลมาจากการหารือความร่วมมือเฉพาะด้าน ให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการเสนอเอกสารผลลัพธ์การประชุมและเอกสารอื่น ๆ ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๔ (๗) ของพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ และเสนอขอความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. ๒๕๕๗ ด้วย ๔. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20068 | ร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 22 และร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ สำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 13 | ทส | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๒ และร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ สำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ ๑๓ ซึ่งร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ทั้งสองฉบับเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อแสดงจุดยืนและการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมตามวัตถุประสงค์ของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) เป็นผู้ให้การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนฯ ทั้ง ๒ ฉบับนี้ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนฯ ทั้ง ๒ ฉบับในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20069 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (จำนวน 7 คน 1. นายกิตติชัย วัฒนานิกร ฯลฯ) | วท | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ จำนวน ๗ คน เนื่องจากกรรมการชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปีแล้ว เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นายกิตติชัย วัฒนานิกร ประธานกรรมการ ๑.๒ นายชูกิจ ลิมปิจำนงค์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๓ นายธรรมศักดิ์ สัมพันธ์สันติกูล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๔ นายพินิติ รตะนานุกูล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๕ นายพีรเดช ทองอำไพ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๖ นายมนูญ สรรค์คุณากร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๗ นายเรืองศักดิ์ ทรงสถาพร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้งนี้ กรรมการในลำดับที่ ๑ และ ๔-๗ เป็นบุคคลซึ่งมิใช่ข้าราชการหรือผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานรัฐ ๒. ให้ใช้ชื่อ “คณะกรรมการบริหารสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ” ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20070 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ (ผู้ช่วยศาสตราจารย์รัฐชาติ มงคลนาวิน) | ศธ | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์รัฐชาติ มงคลนาวิน ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์ในคณะกรรมการบริหารโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ จากบัญชีรายชื่อที่ผู้ปกครองนักเรียนเสนอ แทน รองศาสตราจารย์ศักรินทร์ ภูมิรัตน ที่ขอลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิดังกล่าว เมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๙ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๙) เป็นต้นไป และให้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการที่ได้แต่งตั้งไว้แล้ว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20071 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ (นักบริหารสูง) ทดแทนข้าราชการที่เกษียณอายุ (จำนวน 4 ราย 1. นางสาวจิราภรณ์ ตันติวงศ์ ฯลฯ) | นร07 | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ จำนวน ๔ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวจิราภรณ์ ตันติวงศ์ ๒. นายพัลลภ ศักดิ์โสภณกุล ๓. นางพนิดา ไพศาลยกิจ ๔. นายภาณุ จันทร์เจียวใช้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20072 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 5 ราย 1. นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ ฯลฯ) | กค | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ทดแทนตำแหน่งที่ว่าง และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหารสูง) กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ๒. นายพชร อนันตศิลป์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหารสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ๓. นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวงสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ๔. นายลวรณ แสงสนิท ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง(ผู้ตรวจราชการกระทรวงสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ๕. นายจำเริญ โพธิยอด ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง(ผู้ตรวจราชการกระทรวงสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20073 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (นางบุษยา มาทแล็ง) | กต | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางบุษยา มาทแล็ง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20074 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง กระทรวงมหาดไทย (จำนวน 19 ราย 1. นายประทีป กีรติเรขา ฯลฯ) | มท | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๑๙ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ได้แก่ ๑.๑ นายประทีป กีรติเรขา ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดิน ๑.๒ นายประยูร รัตนเสนีย์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๓ นายเดชรัฐ สิมศิริ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๔ นายสนิท ขาวสอาด ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๕ นายกาศพล แก้วประพาฬ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๖ นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๗ นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดพิษณุโลก สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๘ นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดระยอง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๙ นายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดอุตรดิตถ์ สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๑๐ นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสมุทรปราการ สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๑๑ นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดนครปฐม สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๑๒ นายอนุสรณ์ แก้วกังวาน ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดบุรีรัมย์ สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๑๓ นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดนครศรีธรรมราช สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๑๔ นายภัครธรณ์ เทียนไชย ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดชลบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๑๕ นายสุริยะ อมรโรจน์วรวุฒิ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดปราจีนบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๑๖ นายบัณฑิตย์ เทวีทิวารักษ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสระบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๑๗ นางฉัตรพร ราษฎร์ดุษดี ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดเพชรบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๑๘ นายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดขอนแก่น สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๑๙ นายพศิน โกมลวิชญ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสิงห์บุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. ต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ได้แก่ ๒.๑ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ตำแหน่งอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ๒.๒ นายมณฑล สุดประเสริฐ ตำแหน่งอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20075 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงสาธารณสุข) (จำนวน 9 ราย 1. นายวิศิษฎ์ ตั้งนภากร ฯลฯ) | สธ | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๙ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายวิศิษฎ์ ตั้งนภากร ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ๒. นายเจษฎา โชคดำรงสุข ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมควบคุมโรค ๓. นาวาอากาศตรี บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสุขภาพจิต ๔. นายเกียรติภูมิ วงศ์รจิต ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายธีรพล โตพันธานนท์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการแพทย์ ๖. นายสุขุม กาญจนพิมาย ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ๗. นายสุเทพ วัชรปิยานันทน์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ๘. นายวันชัย สัตยาวุฒิพงศ์ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ๙. นายพิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20076 | ขออนุมัติรายชื่อผู้เข้ารับการศึกษาหลักสูตรของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ประจำปีการศึกษา 2559 - 2560 จากคณะรัฐมนตรี | กห | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรายชื่อผู้เข้ารับการศึกษาหลักสูตรของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ ๕๙ ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๙-๒๕๖๐ ห้วงการศึกษาตั้งแต่ตุลาคม ๒๕๕๙ ถึงกันยายน ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้กระทรวงกลาโหมตรวจสอบรายชื่อผู้เข้ารับการศึกษาหลักสูตรของ วปอ. ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๙-๒๕๖๐ ให้ถูกต้องก่อนดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20077 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) กำกับให้กระทรวงคมนาคมเร่งหารือการดำเนินโครงการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟระหว่างประเทศไทยกับมาเลเซีย เพื่อขยายการเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีพื้นที่ต่อเนื่องกัน ๒. ด้านการต่างประเทศ ให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการให้มีการชี้แจงยุทธศาสตร์และแผนการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ของประเทศไทยเป็นวาระพิเศษเพิ่มเติมในการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ ๒ (2nd ACD Summit) ที่จะมีขึ้นในช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ ที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งจะมีหัวหน้าคณะผู้แทนระดับผู้นำประเทศหรือผู้แทนระดับสูงจากประเทศสมาชิกเดินทางมาเข้าร่วมประชุม ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาการคัดค้านการดำเนินโครงการบ้านประชารัฐบนพื้นที่ราชพัสดุตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๙ โดยให้ชี้แจงข้อมูลข้อเท็จจริงและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนในพื้นที่ให้ทั่วถึงเป็นการล่วงหน้า รวมทั้งจัดหาพื้นที่ที่เหมาะสมเพื่อให้สามารถดำเนินโครงการได้ตามวัตถุประสงค์ ๓.๒ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) กำกับติดตามให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจัดทำหนังสือซึ่งรวบรวมแนวความคิด หลักการและเหตุผลในการดำเนินนโยบายสำคัญต่าง ๆ ของรัฐบาลให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๐ เพื่อใช้เผยแพร่ให้ทุกภาคส่วนและต่างประเทศได้ทราบแนวคิดในการดำเนินการเรื่องดังกล่าวต่อไป ๓.๓ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน และกระทรวงสาธารณสุขพิจารณากำหนดมาตรการเยียวยาช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตกรณีเหตุระเบิดและไฟไหม้ใน ๗ จังหวัดภาคใต้ ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ ทั้งนี้ ให้พิจารณาให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากกรณีเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ ด้วย ๓.๔ ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางในการขยายการดำเนินการเพื่อส่งเสริมสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือสินค้าจีไอ (Geographical Indication : GI) ของไทยจากเดิมที่เน้นผลิตภัณฑ์ผ้าและอาหาร เป็นผลิตภัณฑ์ซึ่งมีการแปรรูป เช่น เครื่องใช้หรือเครื่องประดับที่ใช้พืช วัตถุดิบในท้องถิ่น หรือใช้ความชำนาญ หรือภูมิปัญญาท้องถิ่น ๓.๕ ให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน พิจารณากำหนดเป้าหมายการนำนักเรียนที่อยู่นอกระบบการศึกษาเข้าสู่ระบบการศึกษาและเร่งรัดการดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดต่อไป พร้อมทั้งให้พิจารณาเพิ่มเติมเนื้อหาการเรียนการสอนให้มีลักษณะเป็นการเชื่อมโยงการเรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียน เช่น ความรู้เกี่ยวกับการดำรงชีวิตประจำวัน ความรู้เกี่ยวกับต้นไม้และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ความรู้เกี่ยวกับดาราศาสตร์ เป็นต้น ๓.๖ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ ให้กระทรวงศึกษาธิการ (มหาวิทยาลัยมหิดล) เร่งรัดการดำเนินโครงการสถาบันทางด้านพันธุกรรมเฉพาะบุคคลและเวชพันธุรักษ์ระดับนานาชาติของมหาวิทยาลัยมหิดล (คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล) และนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป และข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ให้กระทรวงศึกษาธิการรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยด่วน นั้น ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดนำเรื่องดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว ๓.๗ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๙ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพิจารณาดำเนินการศึกษา ค้นคว้า และวิจัยวิธีการกำจัดผักตบชวา เพื่อยับยั้งการแพร่พันธุ์เพิ่มขึ้น นั้น ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว และให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการที่ยั่งยืนในการแก้ไขปัญหาผักตบชวาในแม่น้ำลำคลอง เช่น นำผักตบชวาไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น ให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา กำหนดมาตรการทางกฎหมาย และทบทวนแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ๓.๘ ให้กระทรวงพาณิชย์หารือร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางในการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการปรุง การบริโภค และการใช้ผลิตภัณฑ์อาหารไทยทั่วโลก ตลอดจนการรับรองร้านอาหารไทยในต่างประเทศให้มีมาตรฐานคุณภาพที่เหมาะสมและเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20078 | สรุปรายงานสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำน่านและยม | กษ | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รองอธิบดีกรมชลประทาน (นายทองเปลว กองจันทร์) และอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นายฉัตรชัย พรหมเลิศ) รายงานสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำน่านและยม ดังนี้ ๑.๑ รองอธิบดีกรมชลประทาน (นายทองเปลว กองจันทร์) รายงานว่า ในช่วงวันที่ ๑๓-๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๙ มีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย ทำให้เกิดฝนตกหนัก โดยเฉพาะจังหวัดแพร่ จังหวัดน่าน และจังหวัดพะเยา ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนสิริกิติ์ประมาณ ๓๕๐ ล้านลูกบาศก์เมตร โดยอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางในพื้นที่สามารถรองรับน้ำได้อีก ๓๙,๐๕๓ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๕๒ ทั้งนี้ น้ำจากจังหวัดแพร่จะไหลลงสู่จังหวัดสุโขทัยสูงสุดในวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ แต่ระดับน้ำจะไม่ล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน เนื่องจากกรมชลประทานได้กำหนดแผนการบริหารจัดการน้ำรองรับไว้แล้ว รวมทั้งได้ลดปริมาณการปล่อยน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ลงเพื่อให้แม่น้ำน่านรองรับปริมาณน้ำที่จะผันจากแม่น้ำยมก่อนที่จะเข้าเขตเมืองสุโขทัยได้อีกทางหนึ่ง และเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับพื้นที่ปลูกข้าวที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวในเขตอำเภอเมือง อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย และอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ๑.๒ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นายฉัตรชัย พรหมเลิศ) รายงานว่า ๑.๒.๑ ในช่วงระหว่างวันที่ ๑๓-๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๙ มีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย ทำให้เกิดฝนตกหนัก มีจังหวัดที่ได้รับผลกระทบรวม ๕ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดเชียงราย จังหวัดตาก (สถานการณ์ในพื้นที่ได้คลี่คลายลงแล้ว) จังหวัดน่าน และจังหวัดพะเยา (ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง) ส่วนจังหวัดที่ต้องเตรียมรับสถานการณ์น้ำท่วม คือ จังหวัดสุโขทัย ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยได้ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ รวม ๒ จังหวัด คือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดน่าน ๑.๒.๒ กระทรวงมหาดไทยได้ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น และได้แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เพื่อลดผลกระทบจากการสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น แจ้งเตือนข้อมูลไปยังจังหวัดและอำเภอเพื่อเตรียมความพร้อมการปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชน จัดเตรียมชุดเผชิญเหตุเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของจังหวัด และชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนและสื่อมวลชนโดยการให้ข้อเท็จจริงของเหตุการณ์เพื่อลดความตื่นตระหนก รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ทราบถึงแนวทางการให้ความช่วยเหลือของรัฐบาลด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยจัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำให้มีความชัดเจน เข้าใจง่าย รวมทั้งประชาสัมพันธ์หรือชี้แจงผ่านช่องทางต่าง ๆ ให้ประชาชนทราบถึงสถานการณ์น้ำ ตลอดจนการบริหารจัดการน้ำที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญ โดยควรระบุพื้นที่เสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วม แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ชุมชน พื้นที่เกษตรกรรมและพื้นที่ราชการ และมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐเมื่อเกิดน้ำท่วม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20079 | วีดิทัศน์เรื่อง ขอความเห็นชอบแผนแม่บทโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง (พ.ศ. 2559 - 2567) และขออนุมัติการดำเนินโครงการอาคารพักอาศัยแปลง G ของการเคหะแห่งชาติ | พม | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20080 | ความร่วมมือด้านยางพาราระหว่างไทยกับมาเลเซีย | กต | 09/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานความคืบหน้าของความร่วมมือด้านยางพาราระหว่างไทยกับมาเลเซีย สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทยเกี่ยวกับความประสงค์ของบริษัท Tradewinds Plantation Berhad (TPB) ในการดำเนินความร่วมมือกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในโครงการ Rubber City ด้านการผลิตและแปรรูปยางพาราที่นิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ จังหวัดสงขลา ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือตอบนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๙ แจ้งยินดีกับความสนใจของบริษัท TPB ในการดำเนินความร่วมมือกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในโครงการ Rubber City ที่นิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ จังหวัดสงขลา โดยได้เชิญผู้แทนจากบริษัท TPB เดินทางมาไทยเพื่อเยี่ยมชมโครงการ Rubber City ๑.๒ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้พบหารือกับบริษัท TPB เกี่ยวกับความร่วมมือในโครงการ Rubber City โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้อง (๑) การเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างสองหน่วยงาน (๒) การจัดตั้งคณะทำงานเพื่อกำหนดรายการที่ประสงค์ร่วมมือกันให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับที่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจะจัดกิจกรรม Roadshow ในมาเลเซีย และ (๓) การจัดทำบันทึกความร่วมมือบนพื้นฐานของรายการที่ประสงค์ร่วมมือกันให้แล้วเสร็จเพื่อทันการลงนามในวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๙ ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมหารือประจำปี (Annual Consultation) ครั้งที่ ๖ ซึ่งนายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายมีกำหนดการเป็นประธานร่วมในพิธีการเปิดด่านศุลกากรบ้านประกอบ-ดุเรียนบุหรงด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม (การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมในด้านโครงสร้างพื้นฐาน และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพื่อรองรับความร่วมมือด้านยางพาราระหว่างไทยกับมาเลเซียให้บรรลุเป้าหมาย การกำหนดนโยบายและสร้างมาตรการเพื่อป้องกันและควบคุมไม่ให้เกิดการบุกรุกป่าเพื่อปลูกยางพารา อาทิ การสนับสนุนให้มีการรับซื้อยางพาราจากพื้นที่ที่ถูกกฎหมาย และการสร้างมาตรการเพื่อควบคุมปริมาณการผลิตให้เหมาะสมกับปริมาณของวัตถุดิบ เป็นต้น รวมทั้งพิจารณาจัดทำข้อเสนอต่อบริษัท TPB เกี่ยวกับแนวทางการร่วมทุนในอุตสาหกรรมปลายน้ำของยางพารา โดยเฉพาะในประเภทที่จะมีการเสริมสร้างมูลค่าในระดับสูง ตลอดจนแนวทางการร่วมทุน การร่วมศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ และแนวทางการจัดตั้งสายการผลิตข้ามแดนของผลิตภัณฑ์ในเมืองยางพาราของทั้งสองประเทศ พร้อมทั้งเร่งรัดจัดทำบันทึกความร่วมมือบนพื้นฐานของรายการที่ประสงค์จะร่วมมือกันให้แล้วเสร็จเพื่อทันการลงนามในวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๙ ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมหารือประจำปี ครั้งที่ ๖ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
.....