ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 10 จากทั้งหมด 15 หน้า แสดงรายการที่ 181 - 200 จากข้อมูลทั้งหมด 299 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
181 | สรุปผลการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 3/2563 | นร.10 | 25/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๓
ซึ่งนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในการประชุมฯ โดยมีประเด็นข้อสั่งการสำคัญที่มอบหมายให้คณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่ารับไปดำเนินการ
อาทิ (๑) ให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ระบบ E-VISA
สามารถให้บริการได้ครบกระบวนการ
ทั้งการเชื่อมโยงข้อมูลกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและการปรับปรุงกฎระเบียบให้รองรับระบบดังกล่าว
เพื่อประโยชน์ในการให้บริการชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศ (๒)
ให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการผ่อนคลายในระยะต่อไป
เช่น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Medical และ Wellness
Program และการกำหนด Travel Bubble กับประเทศที่สามารถควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาฯ
ได้ และ (๓) ให้สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมกันปรับปรุงระบบการทำงานใหม่
เช่น โครงสร้างราชการ การจัดองค์กร กำลังคนภาครัฐ
การลดจำนวนข้าราชการและบุคลากรภาครัฐ โดยนำระบบดิจิทัลมาใช้ในการทำงาน
เพื่อให้เกิดระบบราชการใหม่ที่เหมาะสมกับอนาคตของประเทศ เป็นต้น ตามที่สำนักงาน
ก.พ. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
182 | การขอความเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีสารนิเทศอาเซียนว่าด้วยการลดผลกระทบเชิงลบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) | นร.02 | 25/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีสารนิเทศอาเซียน่วาด้วยการลดผลกระทบเชิงลบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (Draft) Joint Statement of the ASEAN Ministers Responsible for
Information to Minimise the Negative Effects of Coronavirus Disease 2019
(COVID-19) และอนุมัติให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ในฐานะรัฐมนตรีสารนิเทศอาเซียนของ ไทย รับรองร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
แบบเวียน (Ad-referendum) โดยกรมประชาสัมพันธ์จะประสานสำนักเลขาธิการอาเซียนเพื่อแจ้งยืนยันการรับรอง ของไทย
โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ เป็นเอกสารที่แสดงเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีที่กำกับดูแลภารกิจด้านสื่อสารมวลชนและการประชาสัมพันธ์จาก ๑๐
ประเทศสมาชิกอาเซียน โดยสาระสำคัญคือ การส่งเสริม บทบาท สนับสนุน และยกระดับการดำเนินงานร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียน
ในการ พัฒนาการสื่อสารประชาสัมพันธ์ในภาวะวิกฤติจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ให้มีประสิทธิภาพ ประชาชนได้รับ ข้อมูลอย่างถูกต้อง
ทันต่อสถานการณ์ และพัฒนาความร่วมมือในการจัดการกับข่าวลวงและข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระ สำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอ คณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
183 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | สธ. | 25/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี
พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน
๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ในลักษณะเงินอุดหนุนให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติ
เพื่อให้การสนับสนุนหน่วยงานเครือข่ายการพัฒนางานด้านวัคซีนของประเทศในการเพิ่มศักยภาพการผลิตวัคซีนให้พร้อมรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนโควิด
19 และการสร้างขีดความสามารถของประเทศโดยการพัฒนาวัคซีนตั้งแต่ต้นน้ำ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควร (๑)
มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขหรือนอกสังกัดที่มีความชำนาญและเกี่ยวข้องด้านเทคนิคดังกล่าวร่วมพิจารณารายละเอียดและความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายในทุกมิติสำหรับการดำเนินโครงการดังกล่าว
(๒)
มีการกำหนดข้อตกลงร่วมกันของสถาบันวัคซีนแห่งชาติและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนตามระเบียบแบบแผนอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการวางแผนการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงิน
รวมทั้งการกำหนดราคาจำหน่ายวัคซีนที่ได้จากการพัฒนาวัคซีนต้นแบบและการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้อยู่ในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม
และ (๓) สถาบันวัคซีนแห่งชาติควรวางระบบการกำกับและติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการดังกล่าวให้ทันต่อสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเกิดผลสัมฤทธิ์ที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
184 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีและเสนอมาตรการช่วยเหลือ SMEs เพิ่มเติม | กค. | 18/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio
Guarantee Scheme ระยะพิเศษ Soft Loan พลัส
ซึ่งเป็นมาตรการช่วยเหลือ SMEs เพิ่มเติม เพื่อให้ SMEs
สามารถเข้าถึงสินเชื่อตามพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ได้อย่างทั่วถึงและเพียงพอต่อความต้องการ
โดยภาระงบประมาณสำหรับการชดเชยความเสียหายในอัตราไม่เกินร้อยละ ๑๖
ของวงเงินอนุมัติค้ำประกัน กรอบวงเงินงบประมาณ จำนวน ๙,๑๒๐ ล้านบาท นั้น
เห็นควรให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง
ทั้งนี้ ขอให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม
ใช้เงินรายได้จากค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อของโครงการก่อน
หากไม่เพียงพอจึงขอรับจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะต่อไป ๑.๒
เห็นชอบการปรับปรุงการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีรายได้ประจำที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) วงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท การปรับปรุงแนวทางการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการ
SMEs อย่างทั่วถึง
การขยายกลุ่มเป้าหมายโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา
(COVID-19) วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท และการปรับปรุงและขยายเวลาดำเนินโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ
Micro Entrepreneurs ระยะที่ ๓ ทั้งนี้
กระทรวงการคลังจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และดำเนินการด้วยความรอบคอบ โปร่งใส และระมัดระวัง
รวมทั้งการปรับปรุงการดำเนินการดังกล่าวจะต้องอยู่ในกรอบวงเงินงบประมาณที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ความเห็นชอบไว้เดิมเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางการเงิน
อันจะก่อให้เกิดภาระต่อรัฐบาลในอนาคต ประกอบกับในการดำเนินการดังกล่าว
เห็นควรที่กระทรวงการคลังจะได้กำหนดเพดานอัตราการให้สินเชื่อตามกลุ่ม/ประเภท
รวมถึงการกำหนดหลักเกณฑ์กำกับดูแลด้านกระบวนการสินเชื่อ
เพื่อเพิ่มสภาพคล่องอย่างครอบคลุม เป็นธรรมและมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยง
ความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจาก NPLs ซึ่งรัฐบาลจะต้องรับภาระชดเชย
เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางการเงิน อันจะก่อให้เกิดภาระต่อรัฐบาลในอนาคต
อีกทั้งเพื่อให้การดำเนินการตามมาตรการและโครงการดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
และเห็นควรที่กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการและโครงการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
โดยจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทย
เช่น (๑) ควรทบทวนตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินเฉพาะกิจเป็นกรณีเร่งด่วน
และเน้นการพิจารณาผลการดำเนินงานจากการผลักดันนโยบายของภาครัฐแทนการพิจารณาผลกำไรจากการดำเนินงานเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายและพันธกิจที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจได้รับมอบหมายในช่วงเวลานี้
(๒) ควรให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจเร่งเตรียมบุคลากร กระบวนการ
และระบบการคัดกรองเพื่อออกผลิตภัณฑ์ตามโครงการดังกล่าว
รวมทั้งพิจารณายกเว้นค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องด้วย (๓) โครงการต่าง ๆ
ควรให้ความสำคัญกับกลุ่มธุรกิจที่เปราะบางและต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
เช่น กลุ่มท่องเที่ยว และ SMEs ที่เข้าไม่ถึงระบบสถาบันการเงินก่อนเป็นอันดับแรก
และ (๔)
ภาครัฐควรดำเนินการควบคู่ไปกับการกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศเพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs
มีรายได้หมุนเวียนที่จะนำมาชำระหนี้ในอนาคตได้ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
185 | ขออนุมัติดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ครั้งที่ 1/2563 | กษ. | 18/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติเพิ่มเติมวงเงินงบประมาณโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง
ระยะที่ ๑ ในส่วนของค่าประกันรายได้ จำนวน ๒,๓๔๗,๙๐๐,๓๒๙.๓๒ บาท
และเงินชดเชยดอกเบี้ยในอัตราเงินฝากประจำ ๑๒ เดือน บวก ๑ ในอัตราร้อยละ ๒.๔๐ จำนวน
๕๖,๓๔๙,๖๐๗.๙๐ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๒,๔๐๔,๒๔๙,๙๓๗.๒๒ บาท โดยใช้เงินทุนสำรองธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
(ธ.ก.ส.) สำรองจ่ายไปก่อน และให้ ธ.ก.ส. เสนอตั้งงบประมาณตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับมาตรการต้นทางเพื่อปรับเปลี่ยนระบบการผลิตในสวนยางให้เกิดความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งในการควบคุมและส่งเสริมการลดพื้นที่การทำสวนยาง
การส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นที่มีศักยภาพทดแทนสวนยาง และการลดจำนวนต้นยางเพื่อปลูกพืชแซมยาง
พืชร่วมยาง และทำอาชีพเสริมในสวนยาง รวมทั้งมาตรการกลางและปลายทาง
เพื่อส่งเสริมการใช้ยางภายในประเทศและการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ยางให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและเป็นไปตามเป้าหมายของแผนยุทธศาสตร์ยางระยะ
๒๐ ปี ซึ่งจะช่วยยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมยางและการพัฒนาอาชีพและรายได้ของเกษตรกรให้มีความมั่นคงและยั่งยืน
โดยไม่สร้างภาระด้านงบประมาณให้กับประเทศในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ในส่วนของโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการไม้ยางและผลิตภัณฑ์
โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ ๒
การขยายระยะเวลาชำระคืนเงินกู้โครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง
และโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง
การปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินงานโครงการสนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ยาง
และการเพิ่มกิจกรรมช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการยาง (ยางแห้ง)
ในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ภายใต้โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการยาง
(ยางแห้ง) ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ เช่น (๑) ควรให้มีการพิจารณาแนวทางกำหนดราคาประกันรายได้เท่าที่จำเป็นอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม
(๒) ควรศึกษามาตรการหรือแนวทางเพิ่มเติมเพื่อดูดซับยางในระบบให้มากยิ่งขึ้นโดยไม่เป็นภาระต่องบประมาณแผ่นดิน
(๓) ควรมีระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐานเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วนอย่างชัดเจน
อาทิเช่น การลงทะเบียนจำนวนเกษตรกร ผลผลิต การจัดทำประมาณการต้นทุนทางการเงิน
ความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ ตลอดจนจัดให้มีระบบการประเมินผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับจากการดำเนินการต่าง
ๆ อันจะนำไปสู่การกำหนดนโยบายเกี่ยวกับการประกันรายได้ที่เหมาะสมและยั่งยืนต่อไป และ
(๔) ต้องเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์
และสร้างความรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องครบถ้วนให้กับทุกภาคส่วน และประโยชน์ที่จะได้รับจากการดำเนินโครงการดังกล่าวในโอกาสแรก
เป็นต้น ไปพิจารณา และหากมีความจำเป็นต้องเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
186 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสสอง ปี 2563 | นร.11 | 18/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสสอง
ปี ๒๕๖๓ โดยความเคลื่อนไหวทางสังคมไตรมาสสอง ปี ๒๕๖๓ ได้แก่
การจ้างงานลดลงอย่างต่อเนื่อง การว่างงานเพิ่มขึ้น ค่าจ้างแรงงานลดลง
หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัว ขณะที่คุณภาพสินเชื่อด้อยลงทุกประเภท
การเจ็บป่วยโดยรวมลดลง แต่มีการระบาดของไข้เลือดออกอย่างรุนแรงในบางพื้นที่
การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ลดลง คดีอาญารวมลดลง
แต่ยังคงต้องให้ความสำคัญกับการป้องกันการลักลอบค้ายาเสพติด
การประทุษร้ายต่อชีวิตและทรัพย์สินอย่างเข้มงวด
การเกิดอุบัติเหตุและผู้เสียชีวิตลดลง
แต่ยังต้องเฝ้าระวังการเกิดอุบัติเหตุจากจักรยานยนต์
รวมทั้งการร้องเรียนผ่านสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคลดลง
ขณะที่การร้องเรียนผ่านสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเพิ่มขึ้น สำหรับสถานการณ์ทางสังคมที่สำคัญ ได้แก่
การปรับตัวทางการศึกษาในภาวะการระบาดของ COVID-19 และความท้าทายของการออกแบบระบบการคุ้มครองทางสังคม
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
187 | รายงานสรุปผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา สมัยพิเศษ ว่าด้วยการบรรเทาผลกระทบของโควิด - 19 ต่อกลุ่มเปราะบางในอาเซียน ผ่านระบบการประชุมทางไกล | พม. | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา
สมัยพิเศษ ว่าด้วยการบรรเทาผลกระทบของโควิด-๑๙ ต่อกลุ่มเปราะบางในอาเซียน [Special
Online ASEAN Ministerial Meeting on Social Welfare and Development (AMMSWD) on
Mitigating Impacts of COVID-19 on Vulnerable Groups in ASEAN] ผ่านระบบการประชุมทางไกล
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย
เมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๓
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. ที่ประชุมฯ
ได้ร่วมรับรองถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา
สมัยพิเศษ ว่าด้วยการบรรเทาผลกระทบของโควิด-๑๙ ต่อกลุ่มเปราะบางในอาเซียน (Joint
Statement of the ASEAN Ministerial Meeting on Social Welfare and Development on
Mitigating Impacts of COVID-19 on Vulnerable Groups in ASEAN) ซึ่งเป็นการประกาศเจตนารมณ์ร่วมของรัฐมนตรีอาเซียนด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา
ในการตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
ซึ่งส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อชีวิตความเป็นอยู่ของเด็ก สตรี คนพิการ
ผู้สูงอายุ คนยากไร้ กลุ่มคนชายขอบในสังคม ในประเด็นต่าง ๆ โดยที่ประชุมฯ
ได้มีมติเพิ่มเติมถ้อยคำในร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในย่อหน้าที่ ๒๑ ความว่า “ช.
มุ่งมั่นที่จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและตระหนักถึงความจำเป็นในการจัดการปัญหาความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลทั้งภายในและระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน
เพื่อช่วยในการพัฒนาและดำเนินการตามนโยบายต่าง ๆ
ซึ่งครอบคลุมถึงกลุ่มผู้เปราะบาง
และลดผลกระทบทางลบของการระบาดใหญ่ต่อกลุ่มผู้เปราะบางดังกล่าว โดยเฉพาะผู้สูงอายุ
สตรี และเด็ก”
๒. ที่ประชุมฯ
ได้มีมติร่วมกันว่าจะดำเนินการเพื่อบรรเทาผลกระทบของโควิด-๑๙
ส่งเสริมให้เกิดการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และเสริมสร้างความสามารถในการฟื้นคืนสู่ปกติของกลุ่มคนยากจน
และกลุ่มผู้เปราะบางในอาเซียน โดยเน้นย้ำแนวทางสำคัญต่าง ๆ เช่น การปกป้องสิทธิ
ความปลอดภัย และศักดิ์ศรี
การคุ้มครองและป้องกันความเสี่ยงของความรุนแรงในบ้านหรือในสถานเลี้ยงดู
การสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพและความปลอดภัยให้นักสังคมสงเคราะห์ที่ปฏิบัติหน้าที่ในแนวหน้าของการรับมือกับโรคระบาด
เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
188 | การกู้เงินจากธนาคารพัฒนาเอเชียภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 | กค. | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างสัญญาเงินกู้
COVID-19 Active Response and Expenditure Support Program ของธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) โดยอนุมัติให้ใช้อนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทตามเงื่อนไขที่กำหนดใน Asian
Development Bank Ordinary Operations Loan Regulations ลงวันที่ ๑
มกราคม ๒๕๖๐ ของ ADB และอนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยจาก
ADB วงเงิน ๑,๕๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เพื่อนำไปใช้จ่ายในแผนงาน/โครงการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
รวมทั้งอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามในสัญญาเงินกู้ฯ
ในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดเตรียมทำคำรับรองทางกฎหมาย
(Legal Opinion) สำหรับสัญญาเงินกู้ฯ ของ ADB ในโอกาสแรก ภายหลังจากที่ได้มีการลงนามในสัญญาเงินกู้ดังกล่าวแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายสันติ พร้อมพัฒน์) เสนอเพิ่มเติมว่า ขออนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม
(Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างสัญญาเงินกู้ฯ
ด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประมาณการความต้องการใช้วงเงินอย่างรอบคอบ
เพื่อให้กระทรวงการคลังสามารถวางแผนและบริหารจัดการการกู้เงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และให้กระทรวงการคลังมีการบริหารความเสี่ยงหนี้เงินกู้ต่างประเทศ
ทั้งด้านอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ยด้วยความระมัดระวัง
เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างสัญญาเงินกู้ฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
189 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. .... | กษ | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เพื่อลดภาระและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องและประโยชน์ที่จะได้รับให้แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมถึงการพิจารณาหาแนวทางที่เหมาะสมเพื่อให้กลุ่มผู้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) สามารถดำรงอยู่ได้ท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยการให้คำปรึกษาและให้ความรู้แก่ผู้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน การวางแผนการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแบบผสมผสาน ตลอดจนการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ทั้งในด้านการแปรรูปผลผลิตส่วนเกิน และการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าในทุกมิติ นอกจากนี้ ควรดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓ ในการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานภาครัฐในการบริหารราชการ และให้บริการประชาชนในสภาวะวิกฤต ที่มุ่งเน้นการนำระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) รวมทั้งเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารงานและให้บริการประชาชน โดยเร่งดำเนินการพัฒนาการให้บริการทั้งในการยื่นคำขอ ชำระค่าธรรมเนียม และรับใบอนุญาตดังกล่าว ผ่านระบบ e-Service เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายต้นทุนการผลิตของผู้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในอีกทางหนึ่ง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
190 | ขอความเห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการรับรองระหว่างการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน - จีน สมัยพิเศษว่าด้วยโควิด - 19 | คค | 14/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน-จีน ว่าด้วยการเสริมสร้างการขนส่งและโลจิสติกส์ที่ราบรื่นเพื่อต่อสู้กับโควิด-19 และการกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นเอกสารที่รัฐมนตรีของประเทศสมาชิกอาเซียนและสาธารณรัฐประชาชนจีนจะร่วมกันรับรองโดยไม่มีการลงนาม ในการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน-จีน สมัยพิเศษ ว่าด้วยโควิด-19 (ASEAN and China Transport Ministers’ Special Meeting on COVID-19) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๓ โดยระบบการประชุมทางไกล มีสาระสำคัญเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นในการร่วมมือกันระหว่างอาเซียนและจีนในด้านการขนส่งและโลจิสติกส์อย่างยั่งยืนและเป็นหนึ่งเดียวกันในการเสริสร้างความแข็งแกร่งต่อการตอบสนองต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจโลก เช่น การดำเนินมาตรการอย่างแข็งขันเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า การขนส่งวัสดุและสินค้าที่จำเป็น รวมทั้งการอำนวยความสะดวกที่จำเป็นในการเข้า ออก และผ่านแดน ของวัสดุและสินค้า โดยหลีกเลี่ยงการหยุดชะงัก เป็นต้น ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงถ้อยคำหรือสาระสำคัญของร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ซึ่งไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมสามารถดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
191 | การขอขยายระยะเวลาการชำระค่าเช่า ค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่า และลงนามในสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก ราย กิจการร่วมค้า ไอซีบีแอนด์จี ตาก อินดัสเทรียล พาร์ก | กค | 14/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขอขยายระยะเวลาการชำระค่าเช่า ค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่า (ผลประโยชน์ตอบแทนการเช่า) และลงนามในสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก ราย กิจการร่วมค้า ไอซีบีแอนด์จี ตาก อินดัสเทรียล พาร์ก ออกไปอีก ๓๐ วัน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเคร่งครัด ๒. หากส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐจะเสนอเรื่องเกี่ยวกับเขตเศรษฐกิจพิเศษในกรณีไม่เป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน ให้รอนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษเมื่อร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. .... ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๓ มีผลใช้บังคับต่อไป ๓. เพื่อให้การช่วยเหลือภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ในภาพรวมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั่วถึงและเป็นธรรม ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดจัดทำหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือภาคเอกชนและการบริหารสัญญาระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนซึ่งเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐในการดำเนินโครงการ/กิจการต่าง ๆ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๓ [เรื่อง หลักเกณฑ์การบริหารสัญญาระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนเพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19)] ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
192 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับธุรกิจประกันชีวิตในระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียบสำหรับธุรกิจประกันวินาศภัยในระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) พ.ศ .... รวม 2 ฉบับ | กค | 08/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอขอเลื่อนการพิจารณาร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับธุรกิจประกันชีวิตในระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับธุรกิจประกันวินาศภัยในระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) พ.ศ .... รวม ๒ ฉบับ ไปในการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
193 | การเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รายการ โมโต จีพี ประจำปี 2564 - 2568 (5 ปี) | กก | 08/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รายการ โมโต จีพี ประจำปี ๒๕๖๔-๒๕๖๘ (๕ ปี) และกรอบวงเงินงบประมาณค่าลิขสิทธิ์การจัดการแข่งขัน วงเงิน ๙๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยในส่วนของแหล่งที่มาของงบประมาณและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การกีฬาแห่งประเทศไทย) ดำเนินการขอรับการสนับสนุนจากเอกชนและใช้รายได้จากการบริหารสิทธิ์เป็นลำดับแรกก่อน หากไม่เพียงพอหรือมีความจำเป็นให้ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ โดยให้มีการติดตามประเมินผลการดำเนินงานเป็นรายปี เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาปรับแผนการดำเนินงานในแต่ละปีให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การกีฬาแห่งประเทศไทย) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุดที่เห็นว่า (๑) หากสามารถจัดการแข่งขันกีฬาชนิดอื่น ๆ ในจังหวัดต่าง ๆ ด้วย น่าจะเป็นการสร้างและกระจายรายได้ให้แก่จังหวัดอื่น ๆ และประชาชนได้อย่างทั่วถึงอีกทางหนึ่ง (๒) ควรประเมินความเป็นไปได้ในการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด (๓) การพิจารณาจัดการแข่งขันฯ ควรให้ความสำคัญกับการประเมินความเสี่ยงจากการระบาดของโรค COVID-19 อย่างรอบด้าน และจัดทำแผนป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด (๔) ควรพิจารณาหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกเอกชนและจัดทำข้อตกลงกับเอกชน โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยควรจัดทำเงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการจัดการแข่งขันฯ ร่วมกับเอกชนให้ชัดเจนก่อนด้วย และ (๕) ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดส่งร่างสัญญาหรือร่างข้อตกลงที่จะต้องลงนามไปให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจพิจารณาก่อนด้วย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
194 | การสำรวจภาวะการทำงานของประชาชน | นร | 08/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ได้เริ่มคลี่คลายลง และภาครัฐได้มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมต่าง ๆ ทำให้ผู้ประกอบการและประชาชนสามารถดำเนินกิจการและกิจกรรมต่าง ๆ ได้มากขึ้นตามลำดับ รวมทั้งนายจ้างสามารถเริ่มกระบวนการจ้างงานได้อีกครั้ง มีผลทำให้ตัวเลขอัตราการว่างงานเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงแรงงานเร่งสำรวจและรวบรวมข้อมูลภาวะการทำงานของประชาชนในภาพรวมของประเทศ และปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในการพิจารณากำหนดนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการกระตุ้นให้เกิดการจ้างงานได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม สอดคล้องกับสภาพการณ์ที่เป็นจริงต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
195 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสหนึ่ง ปี 2563 | นร11 | 08/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะสังคมไทยไตรมาสหนึ่ง ปี ๒๕๖๓ (๑ มกราคม-๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓) ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ความเคลื่อนไหวทางสังคมไตรมาสหนึ่ง ปี ๒๕๖๓ ประกอบด้วย (๑) การจ้างงานลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยผู้มีงานทำมีจำนวน ๓๗.๔๒ ล้านคน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ ๐.๗ โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในปี ๒๕๖๓ ได้แก่ การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 และผลกระทบจากภัยแล้งต่อการจ้างงานภาคเกษตรกรรม (๒) หนี้ครัวเรือนชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อน โดยมีมูลค่า ๑๓.๔๗ ล้านล้านบาท ขยายตัวร้อยละ ๕.๐ ชะลอลดลงจากร้อยละ ๕.๕ ในไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลจากการปรับตัวลดลงของสินเชื่อทุกประเภท ขณะที่สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP อยู่ที่ร้อยละ ๗๙.๘ สูงสุดในรอบ ๑๔ ไตรมาส เนื่องจากเศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง และ (๓) ความเคลื่อนไหวทางสังคมอื่น ๆ เช่น การเจ็บป่วยด้วยโรคเฝ้าระวังลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ ๑๙.๙ การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขยายตัวร้อยละ ๕.๕ ขณะที่การบริโภคบุหรี่ลดลงร้อยละ ๑.๐ คดีอาญารวมลดลงร้อยละ ๔.๘ จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และการเกิดอุบัติเหตุจราจรทางบกและจำนวนผู้เสียชีวิตลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ ๖.๔ และ ๒๐๘ ตามลำดับ เป็นต้น ๒. สถานการณ์ทางสังคมที่สำคัญ ได้แก่ การเลิกเรียนกลางคัน : ความเสี่ยงอนาคตเยาวชนไทย พฤติกรรมทางการเงินของครัวเรือนไทยและความเสี่ยงทางการเงิน และบทความเรื่อง “วิกฤต COVID-19 : บทเรียนเพื่อการก้าวต่อไปอย่างมีภูมิคุ้มกัน”
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
196 | การเตรียมการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ก่อนการเปิดภาคเรียนปีการศึกษา 2563 ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) | ศธ | 30/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเตรียมการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ก่อนการเปิดภาคเรียนปีการศึกษา ๒๕๖๓ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ประกอบด้วย (๑) การจัดทำแนวทางการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) (๒) การสำรวจความพร้อมการเปิดเรียน ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๓ ของโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (๓) แนวทางการใช้จ่ายเงินอุดหนุนสำหรับโรงเรียนที่จัดสถานที่พักนอนให้กับนักเรียนในพื้นที่ยากลำบาก ห่างไกล ไม่สามารถเดินทางไป-กลับได้ (๔) แนวทางการใช้จ่ายงบอุดหนุนสำหรับโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย (๕) การอนุมัติการจบการศึกษาปีการศึกษา ๒๕๖๒ ภายหลังวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๓ (ระหว่างวันที่ ๑๖ พฤษภาคม-๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓) และ (๖) การขอรับจัดสรรกล่องรับสัญญาณโทรทัศน์ระบบดิจิทัลจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จำนวน ๑,๑๕๘,๙๓๑ กล่อง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
197 | มาตรการช่วยเศรษฐกิจ "พลังงานสร้างไทย" | พน | 30/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการช่วยเศรษฐกิจ “พลังงานสร้างไทย” เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการ สืบเนื่องจากผลกระทบจาก COVID-19 ประกอบด้วย (๑) การลดค่าครองชีพของประชาชนและช่วยเหลือผู้ประกอบการ (๒) การเร่งรัดการลงทุนตามแผนด้านพลังงาน และ (๓) การกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) เริ่มคลี่คลาย ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
198 | มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ | นร04 | 30/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ได้เริ่มคลี่คลายลง และภาครัฐได้มีการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจและกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ จึงมีมติ ดังนี้
๑. ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณและให้สามารถจัดการประชุม อบรม และสัมมนา ในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศได้ตามความเหมาะสม โดยให้คำนึงถึงการรักษาสุขอนามัยในการจัดกิจกรรมและความปลอดภัยในการป้องกันโรคด้วย ทั้งนี้ ให้รายงานผลการจัดประชุมสัมมนาและการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรีทราบด้วย ๒. ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเร่งรัดการดำเนินการจ้างงานในกิจกรรม/โครงการต่าง ๆ ในความรับผิดชอบเพื่อรองรับแรงงานที่ว่างงานจำนวนมากเนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
199 | การลงคะแนนรับรองข้อเสนอเลื่อนกำหนดจัดงาน World Expo 2020 Dubai | ดศ | 23/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการลงคะแนนรับรองข้อเสนอเลื่อนกำหนดจัดงาน World Expo 2020 Dubai ซึ่งเดิมงานนิทรรศการ World Expo 2020 Dubai มีกำหนดจัดในวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๓-๑๐ เมษายน ๒๕๖๔ แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ดังนั้น รัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในฐานะประเทศเจ้าภาพจัดงาน World Expo 2020 Dubai จึงได้ยื่นเสนอเลื่อนกำหนดจัดงานต่อองค์การนิทรรศการนานาชาติ เป็นวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔-๓๑ มีนาคม ๒๕๖๕ โดยยังคงใช้ชื่องานว่า “Expo 2020 Dubai” ซึ่งประเทศสมาชิกได้ลงคะแนนผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อรับรองข้อเสนอดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว และองค์การนิทรรศการนานาชาติได้มีหนังสือแจ้งผลการรับรองข้อเสนอในการเลื่อนกำหนดการจัดงานแล้วเมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
200 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ครั้งที่ 1/2563 | กษ | 23/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๓ โดยที่ประชุมฯ ได้มีมติเห็นชอบโครงการสำคัญ ได้แก่ โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการไม้ยางและผลิตภัณฑ์ โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ ๒ รวมทั้งเห็นชอบการดำเนินการที่สำคัญในการสนับสนุนเกษตรกรชาวสวนยาง เช่น การขยายระยะเวลาชำระคืนเงินกู้โครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง และโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง การปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินงานโครงการสนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบการผลิตผลิตภัณฑ์ยาง การเพิ่มกิจกรรมช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการยาง (ยางแห้ง) ในสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ภายใต้โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการยาง (ยางแห้ง) วงเงินสินเชื่อ ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท และการเพิ่มเติมวงเงินงบประมาณโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ ๑ ตามที่คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติเสนอ
|