ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 7 จากทั้งหมด 15 หน้า แสดงรายการที่ 121 - 140 จากข้อมูลทั้งหมด 299 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
121 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเร่งด่วนว่าด้วยการบริหารการจัดการศึกษาในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่เหมาะสมกับสังคมไทย ของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา | สว. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเร่งด่วนว่าด้วยการบริหารการจัดการศึกษาในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ที่เหมาะสมกับสังคมไทย
ของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณารายงานพร้อมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ
แล้ว โดยได้ดำเนินการตามมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาการจัดการศึกษาที่เหมาะสมกับสังคมไทย
โดยกระทรวงศึกษาธิการกระจายอำนาจจากส่วนกลางไปยังศึกษาธิการจังหวัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
และสถานศึกษา โดยเปิดโอกาสให้ร่วมกันตัดสินใจ ร่วมกันวางแผน
เลือกรูปแบบการจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับบริบทบนพื้นฐานของความปลอดภัยของนักเรียนและบุคลากรในโรงเรียนภายใต้
“ความปกติใหม่” (New Normal) จัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจ (COVID-19) ทุกสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
และมาตรการระยะยาวได้กำหนดมาตรการการเปิด-ปิดโรงเรียนให้สอดคล้องและยืดหยุ่นตามความรุนแรงของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙
จัดเตรียมอุปกรณ์ให้แก่นักเรียนที่มีความเสี่ยงที่จะเสียโอกาสจากการเรียนทางไกลในกรณีที่โรงเรียนต้องปิดเพราะพื้นที่มีการระบาดรุนแรง
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
122 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายใต้โครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับประชาชนไทย โดยการจองล่วงหน้า (AstraZeneca) | สธ. | 02/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบรายละเอียดการดำเนินงานจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) สำหรับประชาชนไทย โดยการจองซื้อล่วงหน้า (AstraZeneca) ในส่วนของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ๑.๒ อนุมัติการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ วงเงิน
๒,๗๔๑,๓๓๖,๐๐๐ บาท ภายใต้โครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(COVID-19) สำหรับประชาชนไทยโดยการจองล่วงหน้า
(AstraZeneca) ในส่วนที่กรมควบคุมโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุข
เกี่ยวข้อง ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
123 | การขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่ม | กค. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบการขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่ม
เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19
ระลอกใหม่ ให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการโดยทั่วไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับแบบแสดงรายการภาษี
ภ.ง.ด. ๙๐ และ ภ.ง.ด. ๙๑ ของปีภาษี ๒๕๖๓ ที่ยื่นผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
จากเดิมภายในเดือนมีนาคม ๒๕๖๔ ออกไปเป็นภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ ๑.๒ การขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการ นำส่ง
และชำระภาษีของเดือนมกราคม ๒๕๖๔ ถึงเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔
ที่ต้องยื่นและนำส่งหรือชำระในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ถึงเดือนมิถุนายน ๒๕๖๔
แล้วแต่กรณี ออกไปเป็นภายในวันสุดท้ายของเดือนนั้น ๆ เฉพาะการยื่นแบบแสดงรายการ
นำส่ง และชำระภาษีผ่านระบบอินเทอร์เน็ต สำหรับแบบแสดงรายการดังต่อไปนี้ ๑.๒.๑
แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา ๕๙ แห่งประมวลรัษฎากร (ภ.ง.ด. ๑) ๑.๒.๒
แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา ๕๙ แห่งประมวลรัษฎากร (ภ.ง.ด. ๒) ๑.๒.๓
แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา ๕๙ แห่งประมวลรัษฎากร (ภ.ง.ด. ๓) ๑.๒.๔
แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา ๓ เตรส และมาตรา ๖๙ ทวิ
และการเสียภาษีตามมาตรา ๖๕ จัตวา แห่งประมวลรัษฎากร (ภ.ง.ด. ๕๓) ๑.๒.๕
แบบยื่นรายการนำส่งภาษีเงินได้นิติบุคคล และการจำหน่ายเงินกำไร ตามมาตรา ๗๐
และตามมาตรา ๗๐ ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร (ภ.ง.ด. ๕๔) ๑.๒.๖
แบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามประมวลรัษฎากร (ภ.พ. ๓๐) ๑.๒.๗.
แบบนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามประมวลรัษฎากร (ภ.พ. ๓๖)
๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
124 | รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2564 เพื่อเร่งรัดการสรรหาและบรรจุบุคคล เข้ารับราชการ | นร.10 | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๒ มกราคม ๒๕๖๔ เพื่อเร่งรัดการสรรหาและบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ ตามที่สำนักงาน
ก.พ. เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. การเร่งรัดการดำเนินการสอบเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ ได้แก่ (๑)
แนวทางการเพิ่มโอกาสและช่องทางการสมัครสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค
ก.) ประจำปี ๒๕๖๔ (๒) แนวทางการเรียกบรรจุบุคคลเข้ารับราชการจากบัญชีผู้สอบแข่งขันได้
(๓) การสนับสนุนการบรรจุบุคคลเข้ารับราชการโดยวิธีอื่น
นอกเหนือจากวิธีการสอบแข่งขัน และ (๔) การสำรวจสถานะอัตราว่างของทุกส่วนราชการ ๒.
แนวทางเพิ่มโอกาสการจ้างงานผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ของส่วนราชการ
ได้แก่ (๑) การจ้างพนักงานราชการตามกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการ รอบที่ ๕
(ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๗) และ (๒)
แนวทางเพิ่มโอกาสการจ้างงานผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ด้วยระบบพนักงานราชการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
125 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ 2/2563 | นร.52 | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
(กพต.) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เฉพาะในส่วนของเรื่อง (๑)
โครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นกรณีเร่งด่วน
และการจัดทำปะการังเทียมพื้นที่ชายฝั่งทะเลจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ (๒)
แผนปฏิบัติการช่วยเหลือและพัฒนาแรงงานไทยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กลุ่มที่เดินทางกลับจากต่างประเทศภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19)
๒.
ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้นำเรื่องที่ขอถอนคืนทั้ง ๔ เรื่อง
ได้แก่ (๑) รายงานความคืบหน้าการดำเนินการปรับผังเมืองเพื่อรองรับเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต
อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา (๒) รายงานความคืบหน้าการดำเนินการจัดสรรโควตาพลังงานไฟฟ้า
๑,๗๐๐ เมกะวัตต์
เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินการพัฒนาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม
๒๕๖๒ (๓) รายงานความคืบหน้าการดำเนินการพิจารณามาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต
อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ตามแผนการลงทุนของภาคเอกชน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๑ มกราคม ๒๕๖๓ และ (๔) แผนพัฒนาระบบสาธารณสุข ๔ อำเภอชายแดนของจังหวัดสงขลาและงานสาธารณสุขต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
รองรับการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคตอำเภอจะนะ
จังหวัดสงขลา (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๗) ไปหารือในรายละเอียดร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ให้ละเอียดรอบคอบอีกครั้งหนึ่ง ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
126 | มาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในปี 2564 | กค. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบมาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะจัดเก็บตามกฎหมายว่าด้วยภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
ในอัตราร้อยละ ๙๐ ของจำนวนภาษีที่คำนวณได้ สำหรับการจัดเก็บภาษีของปีภาษี พ.ศ.
๒๕๖๔ และมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย
เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่สร้างเสร็จพร้อมขายเป็นของตนเองในระดับราคาที่ไม่สูงมากและเหมาะสมกับศักยภาพของประชาชนแต่ละกลุ่ม
รวมถึงช่วยรักษาระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเชื่อมโยงกับการจ้างงาน
และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.
เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาลดภาษีสำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบางประเภท (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ลดจำนวนภาษีในอัตราร้อยละเก้าสิบ
ของจำนวนภาษีที่คำนวณได้ ตามมาตรา ๔๒ หรือมาตรา ๙๕ แล้วแต่กรณี
สำหรับการจัดเก็บภาษีของปีภาษี พ.ศ. ๒๕๖๔ สำหรับที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม
ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ใช้ประโยชน์อื่น และทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ
โดยให้บังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.
เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน
กรณีอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นที่ดินพร้อมอาคาร ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
และเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
กรณีห้องชุด ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์
จากเดิมร้อยละ ๒ เหลือร้อยละ ๐.๐๑ และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์
จากเดิมร้อยละ ๑ เหลือร้อยละ ๐.๐๑ เฉพาะการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ดังนี้ (๑)
ที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์
จากผู้จัดสรรที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน หรือ (๒)
ห้องชุดจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนอาคารชุด ในราคาไม่เกิน ๓ ล้านบาทต่อหน่วย
โดยการจดทะเบียนการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยต้องดำเนินการในคราวเดียวกัน
โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาถึงวันที่ ๓๑
ธันวาคม ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๔.
ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น)
และกระทรวงการคลังเร่งรัดดำเนินการสำรวจผลการจัดเก็บภาษี ณ สิ้นปี พ.ศ. ๒๕๖๓
ในส่วนของภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างว่ามีการสูญเสียรายได้เป็นจำนวนเท่าใด
และความเป็นไปได้ในการเพิ่มรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
ด้วยการนำเงินภาษีที่รัฐบาลจัดเก็บและแบ่งให้
เพื่อประกอบการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
๕.
ให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีแนวทางในการบริหารจัดการเพื่อรองรับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ที่ส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของ
อปท. และก่อให้เกิดภาระในการจัดสรรงบประมาณเพื่อชดเชยรายได้ให้แก่ อปท.
โดยอาจพิจารณาใช้การกำหนดอัตราการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้มีความแตกต่างกันตามประเภทการใช้ประโยชน์
ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อการสูญเสียรายได้ของ อปท.
และลดภาระทางงบประมาณได้อีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ มาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย
ควรพิจารณาให้ครอบคลุมกลุ่มถึงประชาชนและธุรกิจที่ประกอบการในรูปแบบบุคคลธรรมดาด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
127 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายใต้โครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับประชาชนไทยโดยการจองล่วงหน้า (AstraZeneca) เพิ่มเติม | สธ. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑
เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ที่ขอปรับกรอบงบประมาณโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) สำหรับประชาชนไทย โดยการจองล่วงหน้า (AstraZeneca)
จากวงเงิน ๖,๐๔๙.๗๒ ล้านบาท เป็นวงเงิน ๖,๒๑๖.๒๕ ล้านบาท
โดยเพิ่มงบประมาณในส่วนการจัดหาวัคซีนโดยการจองล่วงหน้าผ่านความร่วมมือแบบทวิภาคีกับบริษัท
AstraZeneca จาก ๒,๓๗๙.๔๓๐,๖๐๐ บาท เป็น ๒,๕๔๕.๙๖๐,๖๐๐ บาท
เพื่อให้มีงบประมาณเพียงพอสำหรับค่าภาษีมูลค่าเพิ่มในการดำเนินงานดังกล่าว ๑.๒ อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อจ่ายเป็นค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม วงเงิน ๑๖๖,๕๓๐,๐๐๐ บาท
ภายใต้โครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับประชาชนไทย
โดยการจองล่วงหน้า (AstraZeneca) ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
128 | ขอความเห็นชอบและอนุมัติให้มีการรับรองเอกสารร่างแถลงการณ์ (Communique) สำหรับการประชุม Global Forum for Food and Agriculture (GFFA) ครั้งที่ 13 และการประชุม Berlin Agriculture Ministers’ Conference ครั้งที่ 13 | กษ. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติให้มีการรับรองเอกสารร่างแถลงการณ์
(Zero Draft-2021 Communique) โดยไม่มีการลงนามในการประชุมระดับรัฐมนตรีเกษตรเบอร์ลิน
(Berlin Agriculture Ministers’ Conference) ครั้งที่ ๑๓ ซี่งเป็นส่วนหนึ่งของการประชุม Global Forum for
Food and Agriculture (GFFA) ครั้งที่ ๑๓
ในวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๔ ผ่านการประชุมออนไลน์ลักษณะเสมือนจริง (virtual
event) โดยร่างแถลงการณ์ฯ
มีสาระสำคัญเป็นการเรียกร้องให้ผู้เข้าร่วมดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ
ในภาคการเกษตรต่อกรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น
การขจัดความอดอยากหิวโหย การพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่และเพิ่มรายได้ของเกษตรกร
การทำการเกษตรที่ยั่งยืน การเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร
การป้องกันโรคระบาดพืชและสัตว์
การบรรเทาความเสียหายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การบริหารจัดการความเสี่ยงในภาคการเกษตร
การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการทำการเกษตร การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
และการส่งเสริมความปลอดภัยอาหาร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
129 | ผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลของส่วนราชการในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กรมประชาสัมพันธ์ และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) | นร.01 | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลของส่วนราชการในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี
(สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กรมประชาสัมพันธ์
และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓
ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
เช่น การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยจัดงานเนื่องในวันสำคัญต่าง ๆ
และการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการ เป็นต้น ๒. กรมประชาสัมพันธ์
เช่น
การเป็นศูนย์ข้อมูลต้นทางของประเทศในการบริหารจัดการศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์การแพร่ระบาดของ
COVID-19 ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ การจัดทำเพจ Facebook ศูนยข้อมูลโควิด-๑๙
และการบริหารข้อมูลข่าวสารและแก้ไขข่าวปลอม (Fake News) เป็นต้น ๓. สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
เช่น การปฏิรูปการบริหารจัดการภาครัฐ โดยพัฒนาฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big
Data) ร่วมกับหน่วยงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคที่เกี่ยวข้อง
และการปฏิรูปกฎหมาย โดยรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับ (ร่าง) ประกาศต่าง ๆ
และการจัดทำแผนพัฒนากฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๖ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
130 | มาตรการด้านการเงินเพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | กค. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการด้านการเงินเพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVIC-๑๙) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.
มาตรการเสริมสภาพคล่อง (สินเชื่อและค้ำประกันสินเชื่อ)
เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
COVID-๑๙
ให้มีสภาพคล่องสำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและการดำเนินธุรกิจ
กระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยและสถาบันการเงินเฉพาะกิจได้ดำเนินมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำและมาตรการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการและประชาชน ๒.
มาตรการบรรเทาภาระหนี้สิน (พักชำระหนี้)
สถาบันการเงินเฉพาะกิจแต่ละแห่งได้มีการจัดกลุ่มลูกหนี้ แบ่งเป็น ๓ กลุ่ม ได้แก่
(๑) กลุ่มสีเขียว คือกลุ่มที่สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ปกติ (๒) กลุ่มสีเหลือง
คือกลุ่มที่กลับมาชำระหนี้ได้บางส่วนไม่เต็มจำนวนที่ต้องจ่าย และ (๓) กลุ่มสีแดง
คือกลุ่มที่มีปัญหาไม่สามารถชำระหนี้ได้ โดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจจะมีการพิจารณามาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้แต่ละรายเพิ่มเติมเป็นการเฉพาะ
ไม่ว่าจะเป็นการขยายระยะเวลาชำระหนี้ การปรับปรุงโครงสร้างหนี้
และการให้สินเชื่อเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง รวมถึงมีการติดต่อลูกค้าเพื่อช่วยเหลือในเชิงรุก
สำหรับลูกค้าที่อยู่ในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดตามประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (ศบค.)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
131 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ระยะที่ 5 | กห. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง
รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ วงเงิน
๔๗๓,๑๕๐,๐๐๐ บาท ให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ระยะที่ ๕
สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการพื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ (State
Quarantine) ในส่วนของสถานที่เอกชนต่อไป ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงกลาโหมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
132 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) | กค. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) ได้แก่
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๓ เรื่อง มาตรการการเงินการคลังเพื่อสนับสนุนการลงทุนในประเทศ
ปี ๒๕๖๓ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๓ เรื่อง มาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม
ระยะที่ ๒ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๓ เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีและเสนอมาตรการช่วยเหลือ
SMEs เพิ่มเติม
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑.๑
การปรับปรุงการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีรายได้ประจำที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) และขยายระยะเวลาโครงการสินเชื่อเพิ่มเสริมพลังฐานราก
โดยจัดสรรวงเงินที่เหลือประมาณ ๒,๙๘๗ ล้านบาท
จากการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีรายได้ประจำที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) ให้ธนาคารออมสินดำเนินโครงการสินเชื่อเสริมพลังฐานราก
พร้อมทั้งขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการสินเชื่อเสริมพลังฐานราก
จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ ๑.๒
ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) วงเงินสินเชื่อรวม
๔๐,๐๐๐ ล้านบาท แบ่งเป็น ธนาคารออมสิน วงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท
และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) วงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท
ให้แก่ประชาชนที่มีอาชีพอิสระไม่มีรายได้ประจำหรือเกษตรกรรายย่อย
คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) ไม่เกินร้อยละ ๐.๑๐
ต่อเดือน ระยะเวลากู้ไม่เกิน ๒ ปี ๖ เดือน (ระยะเวลาปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ๖
เดือน) สิ้นสุดรับคำขอสินเชื่อถึงวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓ โดยอนุมัติสินเชื่อไปแล้ว
รวมจำนวน ๒๕,๖๓๕ ล้านบาท (ธนาคารออมสิน ๑๗,๐๑๐ ล้านบาท และ ธ.ก.ส. ๘,๖๒๕ ล้านบาท)
ยังมีวงเงินคงเหลือภายใต้โครงการดังกล่าวอีก จำนวน ๑๔,๓๖๕ ล้านบาท ดังนั้น
เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการช่วยเหลือประชาชน
จึงขอขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อออกไปเป็นวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ ๑.๓
ขยายระยะเวลามาตรการสินเชื่อเพื่อการลงทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
(ธสน.) ภายใต้มาตรการการเงินการคลังเพื่อสนับสนุนการลงทุนในประเทศ ปี ๒๕๖๓
วงเงินรวม ๕,๐๐๐ ล้านบาท สนับสนุนสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการส่งออกและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง
รวมถึงผู้นำเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อพัฒนาประเทศ โดยคิดอัตราดอกเบี้ย ปีที่
๑-๒ ร้อยละ ๒ ต่อปี ในปีที่ ๓-๕ คิดอัตรา Prime Rate-ร้อยละ
๒ ต่อปี และปีที่ ๖-๗ คิดอัตรา Prime Rate ต่อปี
(ปัจจุบันอัตรา Prime Rate ของ ธสน. อยู่ที่ร้อยละ ๖) ณ
วันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๓ ธสน. อนุมัติสินเชื่อไปแล้ว จำนวน ๒,๘๕๘ ล้านบาท
ยังคงมีวงเงินคงเหลืออีก จำนวน ๒,๑๔๒ ล้านบาท
จึงขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการดังกล่าว
จากเดิมสิ้นสุดการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อไม่เกินวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓
ออกไปเป็นสิ้นสุดการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อไม่เกินวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔
๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการและโครงการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานการดำเนินงานตามมาตรการและโครงการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
133 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่.. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินสนับสนุนหรือประโยชน์อื่นใดที่ได้รับจากภาครัฐตามมาตรการหรือโครงการอันเนื่องมาจากการเยียวยาและฟื้นฟูผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019) | กค. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เงินสนับสนุนหรือประโยชน์อื่นใดที่ได้รับจากมาตรการชดเชยรายได้แก่ลูกจ้างของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบหรือผู้ได้รับผลกระทบอื่น
ๆ ของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) โครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการกำลังใจ และโครงการคนละครึ่ง เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
134 | การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันหุ่นยนต์ระดับโลก RoboCup 2022 | อว. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันหุ่นยนต์ระดับโลก RoboCup
2022 ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
(มหาวิทยาลัยมหิดล) ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๕ ณ
ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา โดยใช้กรอบงบประมาณวงเงินทั้งสิ้น ๒๐
ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ [ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานรวมทั้งสิ้น
๗๐ ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก ๕๐ ล้านบาท
จะขอรับงบประมาณสนับสนุนจากสมาพันธ์ระดับนานาชาติ RoboCup และหน่วยงานอื่น
เช่น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กระทรวงศึกษาธิการ)
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) เป็นต้น]
สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม (มหาวิทยาลัยมหิดล)
พิจารณาถึงความครอบคลุมทุกแหล่งเงินที่ต้องใช้ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฯ
จากเงินรายได้และหรือเงินอื่นใดที่มีอยู่หรือนำมาใช้จ่ายได้
รวมทั้งการสนับสนุนจากภาคเอกชนหรือหน่วยงานอื่นมาสมทบการดำเนินงานในลำดับแรกก่อน
เพื่อให้เกิดภาระต่องบประมาณในสัดส่วนที่เหมาะสม
และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ทั้งนี้ การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฯ
ควรคำนึงถึงความปลอดภัย การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ
ภายใต้สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) รวมทั้งการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีให้ถูกต้องครบถ้วนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (มหาวิทยาลัยมหิดล)
รับความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันดังกล่าว
เช่น ควรมีการเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุขตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กำหนด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
135 | วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.07 | 05/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๓,๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาท
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตและความเห็นของที่ประชุมเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การลงทุนของประเทศในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
ควรพิจารณาให้ครอบคลุมการลงทุนจากทุกแหล่งเงิน ประกอบด้วย
การลงทุนจากเงินงบประมาณของภาครัฐ การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public
Private Partnership : PPP) การลงทุนของรัฐวิสาหกิจ
การลงทุนโดยใช้เงินจากกองทุน เช่น กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand
Future Fund : TFF) และการลงทุนจากต่างประเทศ
เป็นต้น ๑.๒
ควรมีการกำหนดเงื่อนไขของการใช้จ่ายเงินงบประมาณ
โดยเฉพาะการใช้จ่ายที่มีลักษณะเป็นการโอนเงินให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) เช่น
การให้ความช่วยเหลือแบบให้เปล่ากับผู้ถูกเลิกจ้างหรือผู้ที่อยู่ระหว่างหางานทำ
ควรมีการกำหนดเงื่อนไขให้มีการฝึกอบรมทักษะที่สอดคล้องกับความต้องการของภาคธุรกิจเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับผู้ถูกเลิกจ้างในการหางานทำต่อไป
และทำให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นต้น ๑.๓
เพื่อเป็นการสร้างศักยภาพของประเทศและความยั่งยืนในระยะต่อไปตามแผนการคลังระยะปานกลาง
เห็นควรให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อการลงทุนมากขึ้น
และชะลอรายจ่ายประจำปีที่สามารถดำเนินการได้ ๒.
ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
136 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง ค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 | สธ. | 05/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบโครงการเตรียมความพร้อมรับมือและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) ระยะการระบาดระลอกใหม่ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ และอนุมัติการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ จำนวน
๔,๖๖๑,๑๑๖,๒๐๓ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) ระยะการระบาดระลอกใหม่
รวมทั้งการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของแผนงาน/โครงการอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
137 | การเตรียมความพร้อมบุคลากรเพื่อรองรับการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) | นร.04 | 29/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า
ตามที่ได้มีข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๐
เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมของบุคลากรและแรงงานไทยเพื่อรองรับการขับเคลื่อนการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(Eastern Economic Corridor : EEC)
โดยให้กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
จัดทำฐานข้อมูลแรงงานและประมาณการความต้องการแรงงานในสาขาต่าง ๆ
ของอุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่ EEC เพื่อนำไปใช้กำหนดเป้าหมายในการผลิตบุคลากรแต่ละประเภทและระดับให้ตรงตามความต้องการ
รวมทั้งให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกระทรวงแรงงาน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดให้มีหลักสูตรเพื่อพัฒนาบุคลากรในสาขาวิชาต่าง ๆ
เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่ EEC ด้วยนั้น เพื่อให้การเตรียมความพร้อมบุคลากรดังกล่าวข้างต้นมีความเหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการแรงงาน
ตลอดจนสภาวะการทำงานของแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวที่มีอยู่ในประเทศไทยในปัจจุบัน
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีดังกล่าวข้างต้นให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
โดยให้นำปัจจัยเกี่ยวกับผลกระทบด้านแรงงานจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) มาประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย
และให้รายงานผลให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
138 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 15/2563 | นร. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ ๑๕/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๓ ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ
ได้แก่ (๑) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ (๒) ความคืบหน้าการพัฒนาและผลิตวัคซีนโรคโควิด-19
(๓) การป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ตามแนวชายแดน (๔) การดำเนินการให้เป็นไปตามข้ออนุมัติของนายกรัฐมนตรีตามการเสนอของคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (๕) ร่างเอกสารข้อเสนอการจัดทำข้อตกลงความร่วมมือช่องทางพิเศษของฝ่ายไทย
(Special Arrangement) (๖) การรายงานความคืบหน้าแอปพลิเคชัน
Thailand Plus (๗) การให้ความช่วยเหลือจากบัญชี
“สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อรับบริจาคสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) (๘) การบูรณาการการบริหารสำหรับการป้องกัน
ควบคุม หรือรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และ (๑๐)
ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
139 | รายงานผลการกู้เงินจากธนาคารพัฒนาเอเชียภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินจากธนาคารพัฒนาเอเชียภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ลงนามในสัญญาเงินกู้ COVID-19 Active Response and Expenditure Support Program (Loan Numbers 3945/3949-THA) เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เพื่อกู้เงินวงเงิน ๑,๕๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ
จากธนาคารพัฒนาเอเชีย
โดยรายละเอียดสัญญาเงินกู้ดังกล่าวมีสาระสำคัญและเงื่อนไขเป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบเมื่อวันที่
๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ ทุกประการ ทั้งนี้
กระทรวงการคลังได้ส่งประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการกู้เงินดังกล่าวไปเพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไปด้วยแล้ว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
140 | โครงการ "ส่งความสุขปีใหม่ มอบให้เกษตรกร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์" ปี พ.ศ. 2564 | กษ. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการ
“ส่งความสุขปีใหม่ มอบให้เกษตรกร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์” ปี พ.ศ. ๒๕๖๔
ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจภายในประเทศมีเงินหมุนเวียนในระบบเพิ่มขึ้น
โดยการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก สร้างรายได้เพิ่ม และลดรายจ่ายครัวเรือน
ให้กับเกษตรกรและประชาชน
ในสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจที่ทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) และเพื่อส่งมอบความสุข จากการเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศเกษตรที่สวยงาม
พร้อมกับได้รับความรู้ทางด้านการเกษตร โดยมีกิจกรรม ประกอบด้วย (๑)
มอบของขวัญเกษตรกรไทย มีกิน มีใช้ มีรายได้เพียงพอ (๒) เสริมพลังปีใหม่
จำหน่ายสินค้าราคาพิเศษ สินค้าเกษตรคุณภาพ และ (๓) เพิ่มสุขปีใหม่ เที่ยวทั่วไทย
สุขใจไปกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|