ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 5 จากทั้งหมด 15 หน้า แสดงรายการที่ 81 - 100 จากข้อมูลทั้งหมด 299 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
81 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระยะการระบาดระลอกเมษายน 2564 | สธ. | 10/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบโครงการแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) ระยะการระบาดระลอกเมษายน ๒๕๖๔ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ และอนุมัติรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ระยะการระบาดระลอกเมษายน ๒๕๖๔ จำนวนเงินทั้งสิ้น ๑๒,๖๖๙,๒๑๘,๓๑๘ บาท และขยายระยะเวลาการปฏิบัติงานและการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ในโครงการเตรียมความพร้อมรับมือและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) ระยะการระบาดระลอกเมษายน
๒๕๖๔ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔
ออกไปเป็นระยะเวลา ๖ เดือน (เดือนเมษายน ถึง กันยายน ๒๕๖๔) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเพิ่มเติม
ดังนี้ ๒.๑
ควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโครานา 2019 ให้อยู่ในวงจำกัดโดยเร็วที่สุด
โดยให้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนทุกภาคส่วนอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
รวมทั้งให้พิจารณาปรับปรุงระบบการตรวจคัดกรองระดับ/ประเภทผู้ป่วยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเพื่อให้สามารถให้การช่วยเหลือและนำผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษาพยาบาลและเข้าถึงอย่างรวดเร็วทั่วถึง
และทันเวลา ๒.๒
ให้ปรับปรุงระบบการบริหารจัดการและการกระจายยาที่ใช้ในการรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 อาทิ ยาฟาวิพิราเวียร์ ไปยังผู้ป่วยที่รักษาตัวในโรงพยาบาล
รวมถึงผู้ป่วยในระบบการแยกกักตัวที่บ้าน (Home isolation) และการกักตัวในชุมชน (Community
isolation) ให้รวดเร็วและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น ๒.๓
ให้ประเมินสถานการณ์ ตรวจสอบ และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในขั้นตอนต่าง ๆ เช่น
การเฝ้าระวังโรค การเข้าตรวจโรค และการรักษาพยาบาล เป็นต้น อย่างใกล้ชิด
เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ๒.๔ ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
82 | รายงานผลการดำเนินงานมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาภาระหนี้สินของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 | กค. | 10/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาภาระหนี้สินของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ
COVID-19 ประกอบด้วย (๑) มาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้
ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม Small and Medium Enterprises (SMEs) และลูกหนี้รายย่อยด้วยการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยของสถาบันการเงินเฉพาะกิจและสถาบันการเงิน
โดยพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมเป็นระยะเวลาอย่างน้อย ๒ เดือน และ (๒)
มาตรการควบคุมการทวงถามหนี้ที่ดำเนินการไม่เป็นธรรมกับประชาชน เช่น
การจัดทำร่างประกาศคณะกรรมการกำกับติดตามทวงถามหนี้ เรื่อง
การกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใด ๆ ในการทวงถามหนี้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
83 | รายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 (ไตรมาสที่ 3) | นร.07 | 27/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ (ไตรมาสที่ ๓) ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
ผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ (ไตรมาสที่ ๓) วงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น
๓,๒๘๕,๙๖๒.๔๗๙๗ ล้านบาท มีการเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒,๒๘๓,๓๒๘.๘๐๖๙ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๒,๔๖๕,๖๑๕.๕๓๓๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๙.๔๙ และ ๗๕.๐๓ ตามลำดับ ๒.
ปัญหาและอุปสรรค เช่น สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ระลอกที่สาม
เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน ๒๕๖๔ เป็นต้นมา ส่งผลกระทบต่อการขับเคลื่อนการใช้จ่ายภาครัฐและส่งผลให้การจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยรับงบประมาณไม่เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานหรือเป้าหมายที่กำหนดไว้
ขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างหน่วยรับงบประมาณมีการปรับปรุงแก้ไขร่างขอบเขตของงานและรูปแบบรายการหลายครั้ง
และรายการผูกพันใหม่ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ที่มีวงเงินเกิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท บางรายการยังไม่เข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
84 | การประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 และประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.12 | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแนวทางการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ และประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และกรอบและแนวทางการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามมติคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ในการประชุมครั้งที่
๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สำนักงาน ก.พ.ร. และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) สำนักงบประมาณ
สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่เห็นว่าควรมุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาระบบบริการดิจิทัลแบบครบวงจร
(end-to-end Service) ที่สอดคล้องกับความต้องการพื้นฐานของประชาชน ความคุ้มค่าในการลงทุน
และออกแบบให้รองรับการเชื่อมต่อกระบวนงานและข้อมูลระหว่างบริการดิจิทัลที่เกี่ยวเนื่องในอนาคตด้วย
กำหนดรูปแบบ (Format) ของรายงานการปฏิบัติราชการให้เป็นรูปแบบเดียวกัน
เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติงานของส่วนของราชการ การปรับแนวทางการประเมินส่วนราชการฯ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เหมาะสมกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของหลายส่วนราชการ
ทำให้การปฏิบัติงานไม่เป็นไปตามแผนหรือเป้าหมายที่กำหนดไว้ และแนวทางการประเมินส่วนราชการฯ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
จะทำให้ตัวชี้วัดระดับกระทรวงและกรมสอดคล้องกับการบรรลุเป้าหมายระดับชาติในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ
แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ และแผนระดับชาติอื่นๆ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.
ในส่วนของการเชื่อมโยงการประเมินส่วนราชการกับการประเมินผลการปฏิบัติงานรายบุคคลในระดับหัวหน้าส่วนราชการ
(ปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า อธิบดีหรือเทียบเท่า ผู้ว่าราชการจังหวัด) ให้สำนักงาน
ก.พ.ร. ร่วมกับสำนักงาน ก.พ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการประเมินผลการปฏิบัติงานรายบุคคลให้ชัดเจนและเหมาะสม
เพื่อถือปฏิบัติต่อไป
โดยอาจพิจารณากำหนดตัวชี้วัดที่แสดงให้เห็นถึงภาวะความเป็นผู้นำ มีการทำงานเชิงรุกสามารถบริหารงานและแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างทันท่วงที
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสภาวะวิกฤตให้เกิดผลสัมฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้
อาจพิจารณาหลักเกณฑ์และแนวทางดังกล่าวไปใช้ในการประเมินเพื่อเลื่อนระดับหรือพิจารณาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นด้วย ๓. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับประเด็นการปรับปรุงพัฒนาเว็บไซต์ของส่วนราชการให้เป็นปัจจุบัน
มีความทันสมัย สอดคล้องกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ มีการนำเสนอที่น่าสนใจ
และง่ายต่อการเข้าถึงของประชาชน
เพื่อพิจารณากำหนดเป็นส่วนหนึ่งของตัวชี้วัดในการประเมินส่วนราชการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
85 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการส่งเสริมการมีงานทำของคนพิการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา | สว. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง แนวทางการส่งเสริมการมีงานทำของคนพิการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ
และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นหน่วยงานหลักรับรายงานพร้อมข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ
ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปได้ ดังนี้ (๑) รัฐบาลควรเร่งรัดให้หน่วยงานของรัฐจ้างงานคนพิการให้ครบถ้วนตามกฎหมาย
(๒) ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงานคนพิการ
เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการจ้างงานคนพิการ (๓) เร่งรัดการดำเนินการตามกฎหมายเกี่ยวกับการจ้างงานคนพิการที่มีอยู่ในปัจจุบัน
(๔) พัฒนาระบบฐานข้อมูลและระบบตรวจสอบการจ้างงานคนพิการแบบบูรณาการระหว่างหน่วยงานต่าง
ๆ (๕) หารือและสร้างความเข้าใจให้แก่สถานประกอบการเกี่ยวกับแนวทางการจ้างงานคนพิการ
(๖)
จัดตั้งกลไกการส่งเสริมการมีงานทำของคนพิการในการสร้างความเข็มแข็งและประสานงานกับเครือข่าย
หน่วยงาน และศูนย์บริการทั่วไป (๗) ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้กับคนพิการเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ต่าง
ๆ ของคนพิการ และ (๘)
ปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้กับผู้ประกอบการที่ดำเนินมาตรการส่งเสริมการมีงานทำของคนพิการ
และเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีของมาตรการคงแรงงานในช่วงสถานการณ์ COVID-19 ให้กับบริษัทที่มีการจ้างงานคนพิการด้วย
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
86 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระยะที่ 7 | กห. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โรคโควิด
19) วงเงิน ๔๔๐,๙๗๒,๙๐๐ บาท ให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ระยะที่๗ (วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๔-๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔)
สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการพื้นกักกันโรคแห่งรัฐ (State Quarantine) ในส่วนของสถานที่เอกชน ประกอบด้วย (๑) ค่าตอบแทนบุคลากร วงเงิน ๑๗,๔๘๕,๐๐๐ บาท (๒)
ค่าเช่าที่พักและค่าอาหารของเจ้าหน้าที่ วงเงิน ๔๖,๒๓๑,๒๐๐ บาท (๓) ค่าเช่าที่พักและค่าอาหารของผู้ถูกกักกันโรค วงเงิน ๓๗๑,๑๗๕,๖๐๐ บาท (๔) ค่าวัสดุการแพทย์ วงเงิน ๓๓๖,๐๐๐ บาท (๕) ค่าจ้างเหมา วงเงิน ๓,๙๑๐,๘๐๐ บาท และ (๖) ค่าใช้จ่ายยานพาหนะในภารกิจโควิด 19
วงเงิน ๑,๘๓๔,๓๐๐ บาท
ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
87 | มาตรการสินเชื่ออิ่มใจ | กค. | 06/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบมาตรการสินเชื่ออิ่มใจ และอนุมัติงบประมาณวงเงินรวม ๑,๐๐๐ ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อดำเนินมาตรการสินเชื่ออิ่มใจ
พร้อมทั้งมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
โดยมาตรการสินเชื่ออิ่มใจ
มีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ประกอบการร้านอาหารหรือเครื่องดื่มที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
COVID-19 ที่เป็นร้านจำหน่ายแบบถาวร
เช่น ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารที่เปิดในห้องแถวหรืออาคารพาณิชย์
ภัตตาคาร ร้านที่มีลักษณะเป็นบูธ เป็นต้น ซึ่งไม่ใช่เป็นร้านแบบเคลื่อนที่ได้ เช่น
หาบเร่ แผงลอย รถเข็น เป็นต้น โดยธนาคารออมสินสนับสนุนสินเชื่อวงเงินรวม ๒,๐๐๐
ล้านบาท วงเงินสินเชื่อต่อรายสูงสุด ๑๐๐,๐๐๐ บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๙๙
ต่อปี (Effective Rate) ระยะเวลากู้ไม่เกิน ๕ ปี
(ปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ๖ งวดแรก)
ระยะเวลาดำเนินงานตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔
โดยมีกรอบวงเงินงประมาณรัฐบาลชดเชยความเสียหายที่เกิดจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
(Non-Performing Loans : NPLs) ร้อยละ ๑๐๐ สำหรับ NPLs ที่ไม่เกินร้อยละ ๕๐
ของสินเชื่อที่อนุมัติทั้งหมด ๒,๐๐๐ ล้านบาท รวมทั้งสิ้นไม่เกิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการชดเชยความเสียหายที่เกิดจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
เพื่อไม่ให้เป็นภาระงบประมาณเกินความจำเป็นและกรอบที่กำหนดไว้ และควรพิจารณาให้สินเชื่อตามกลุ่มเป้าหมายอย่างเหมาะสม
โดยให้กระจายไปยังกลุ่มที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ
และไม่ซ้ำซ้อนกับกลุ่มเป้าหมายของโครงการภาครัฐอื่นซึ่งมีอยู่แล้ว
รวมทั้งควรทบทวนหลักเกณฑ์การพิจารณาการให้สินเชื่อดังกล่าวให้สอดคล้องกับสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
88 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 21/2564 ครั้งที่ 22/2564 และครั้งที่ 23/2564 | นร.11 | 06/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและอนุมัติของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่
๒๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๒๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม
๒๕๖๔ และครั้งที่ ๒๓/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ได้แก่ อนุมัติให้นำวงเงินเพื่อการตามมาตรการ ๕ (๒)
มาใช้เพื่อการตามมาตรการ ๕ (๑) เพิ่มเติม (ครั้งที่ ๑) จำนวน ๕,๘๗๑.๘๗๑๐ ล้านบาท
อนุมัติโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา ๓๓
ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
(กรุงเทพมหานครและปริมณฑล) ของสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน กรอบวงเงินจำนวน
๒,๕๑๙.๓๘๐๐ ล้านบาท
อนุมัติโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-๑๙) สำหรับบริการประชาชนในประเทศไทย เพิ่มเติมจำนวน ๑๐.๙ ล้านโดส ของกรมควบคุมโรค
กระทรวงสาธารณสุข กรอบวงเงิน ๖,๑๑๑.๔๑๒๐ ล้านบาท อนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายโครงการกำลังใจ
เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและเร่งรัดการเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด
อนุมัติให้จังหวัดตราดยกเลิกการดำเนินกิจกรรมย่อยภายใต้โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภาคเกษตรกรรมด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
จำนวน ๕ กิจกรรม วงเงิน ๒,๕๗๘,๘๐๐ บาท อนุมัติให้จังหวัดนครสวรรค์ยกเลิกการดำเนินโครงการ
จำนวน ๓ โครงการ วงเงินรวม ๕,๖๘๔,๓๐๐
บาท
รวมถึงปรับแผนการดำเนินโครงการรายย่อยใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนาการผลิตสินค้าเกษตรตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
จำนวน ๒ โครงการ วงเงิน ๑๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท
และอนุมัติให้จังหวัดมหาสารคามยกเลิกการดำเนินโครงการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานรองรับความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต
วงเงิน ๘๕๔,๖๐๐ บาท
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติดำเนินการอย่างเคร่งครัด
และเร่งดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามขั้นตอนและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างโปร่งใส และตรวจสอบได้ภายใต้กรอบระยะเวลาตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
รวมถึงรายงานผลการดำเนินโครงการรายเดือนตามรูปแบบและระยะเวลาที่กระทรวงการคลังกำหนดในระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ
(eMENSCR) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ในการดำเนินการโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 สำหรับบริการประชาชนในประเทศไทย เพิ่มเติม จำนวน ๑๐.๙ ล้านโดส
กระทรวงสาธารณสุขควรบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ให้อยู่ในวงจำกัดโดยเร็วที่สุด โดยเร่งรัดการกระจายวัคซีนอย่างเป็นระบบ
รวดเร็ว ทั่วถึงและเป็นธรรม รวมทั้งให้สร้างความเข้าใจแก่ประชาชนให้มีความพร้อมในการเข้ารับการฉีดวัคซีนและการป้องกันโรคในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้
ให้เผยแพร่ข้อมูลผลการดำเนินการดังกล่าวต่อสาธารณชนให้ถูกต้อง ทั่วถึง
และโปร่งใสด้วย ๓. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
89 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสหนึ่ง ปี 2564 | นร.11 | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะสังคมไทยไตรมาสหนึ่ง ปี ๒๕๖๔
ซึ่งมีสาระสำคัญประกอบด้วย (๑) ความเคลื่อนไหวทางสังคมไตรมาสหนึ่ง ปี ๒๕๖๔ เช่น
สถานการณ์แรงงานและหนี้สินครัวเรือน (๒) สถานการณ์ทางสังคมที่สำคัญ จำนวน ๓ เรื่อง
ได้แก่ สังคมไร้เงินสดในบริบทของไทย กัญชา : โอกาสใหม่ที่ต้องควบคุมอย่างเหมาะสม
การคืนเด็กดีสู่สังคม : แนวทางการสร้างโอกาส และการยอมรับ และ (๓) บทความเรื่อง
“การพัฒนาวัคซีน COVID-19 ของไทย”
ซึ่งได้เสนอแนะแนวทางการพัฒนา/ผลิตวัคซีน เพื่อให้สามารถพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
90 | หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID - 19)] (ฉบับที่ 4) | สธ. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบหลักเกณฑ์
วิธีการ
และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด
19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] (ฉบับที่ ๔) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นว่าให้กระทรวงสาธารณสุขกำกับ ติดตาม
และตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
เงื่อนไข อัตราที่กำหนดและสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน
พร้อมกับดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ค่าใช้จ่ายของกระทรวงการคลังด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
91 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระลอกใหม่ | กค. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙)
ระลอกใหม่ โดยการขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา
(โควิด-๑๙) จากเดิมวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ ออกไปเป็นวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๔
การปรับปรุงการดำเนินโครงการ Soft Lone ออมสินฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย
เช่น ขยายระยะเวลาเงินกู้ ขยายระยะเวลาปลอดชำระเงินต้น ขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อ
และการปรับปรุงการดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ SMEs มีที่
มีเงิน สำหรับธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่เห็นว่าควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการและโครงการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งการจัดทำประมาณการรายได้ ตลอดจนติดตาม ประเมินผลสัมฤทธิ์
และรายงานการดำเนินงานตามมาตรการและโครงการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
และพิจารณาดำเนินการให้ลูกหนี้ที่มีความเปราะบางซึ่งมีข้อจำกัดในการเข้าถึงสินเชื่อจากแหล่งอื่นสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
และทบทวนหลักเกณฑ์การพิจารณาการให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์
เพื่อช่วยเหลือประคองธุรกิจให้อยู่รอดต่อไป
ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
92 | รายงานผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินเฉพาะกิจตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 | กค. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินเฉพาะกิจตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔ สรุปได้ ดังนี้ (๑)
ผลการดำเนินงานของมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-๑๙) ผ่าน
SFIs เช่น มาตรการพักชำระหนี้
ได้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้โดยการพักชำระหนี้ ด้วยการพักชำระหนี้เงินต้น และ/หรือ
ดอกเบี้ย และ/หรือ ลดอัตราดอกเบี้ย และ/หรือ ขยายระยะเวลาชำระหนี้แล้ว รวมทั้งสิ้น
๗.๕๖ ล้านราย วงเงิน ๓.๔๖ ล้านล้านบาท โดยมีลูกหนี้ที่ยังอยู่ในมาตรการ ๓.๒๓
ล้านราย วงเงิน ๑.๒๖ ล้านล้านบาท แบ่งเป็นประชาชนทั่วไป ๓.๒๑ ล้านราย วงเงิน ๑.๑๘
ล้านล้านบาท และธุรกิจ ๒๑,๓๑๐ ราย วงเงิน ๘๗,๙๔๘ ล้านบาท (๒)
มาตรการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจาก
COVID-๑๙
ที่นอกเหนือจากมาตรการสินเชื่อภายใต้พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ (๓)
ผลการดำเนินงานของมาตรการสินเชื่อภายใต้พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกอบด้วย มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ (มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู)
วงเงิน ๒๕๐,๐๐๐ ล้านบาท และ มาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้
(มาตรการพักทรัพย์ พักหนี้) วงเงิน ๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
93 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหา ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 | สว. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหา
ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง วุฒิสภา โดยกระทรวงการคลังได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สรุปได้ว่าปัจจุบันการดำเนินการของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับแนวทางการแก้ไขปัญหาฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ เป็นไปในทิศทางเดียวกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ แล้ว เช่น
การจัดทำแผนป้องกันหรือบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 การเตรียมความพร้อมด้านงบประมาณ
รวมทั้งการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้เกิดความรวดเร็วและลดขั้นตอน อย่างไรก็ดี
กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีความเห็นและข้อสังเกตเพิ่มเติม
ในเรื่องการขยายอายุกองทุนประกันสังคม การให้ความสำคัญภาคการผลิตและภาคบริการ
การพัฒนาทักษะผู้ว่างงาน รวมทั้งการใช้ระบบการทำงานแบบดิจิทัล
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
94 | ขอความเห็นชอบร่างแถลงการณ์ของการประชุมรัฐมนตรีกลุ่มเคร์นส์ ครั้งที่ 42 | พณ. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างแถลงการณ์ของการประชุมรัฐมนตรีกลุ่มเคร์นส์
ครั้งที่ ๔๒ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเข้าร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ฯ
ในการประชุมรัฐมนตรีกลุ่มเคร์นส์ ครั้งที่ ๔๒ (42th
Cairns Group Ministerial Meeting : CGMM) ในวันที่
๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยร่างแถลงการณ์ฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการเปิดเสรีการค้าสินค้าเกษตรให้มากขึ้น
และรองรับผลกระทบจากสถานการณ์โรคติดเชื้อ COVID-19 ความไม่มั่นคงทางอาหาร รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โดยเห็นพ้องร่วมกันที่จะมีการดำเนินการ เช่น
การลดอุปสรรคทางการค้าและการบิดเบือนทางการค้า และการปฏิรูปการค้าสินค้าเกษตรเพื่อสนับสนุนการพัฒนาของแต่ละประเทศ
เป็นต้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
95 | ข้อเสนอแนวทางการจัดสรรกรอบอัตรากำลังและกลไกการบริหารจัดการพนักงานราชการเฉพาะกิจ เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | นร.10 | 08/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบข้อเสนอแนวทางการจัดสรรกรอบอัตรากำลังและกลไกการบริหารจัดการพนักงานราชการเฉพาะกิจ
จำนวน ๑๐,๐๐๐ อัตรา เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) และอนุมัติการขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๒,๒๕๔,๓๒๐,๐๐๐ บาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานราชการเฉพาะกิจเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19)
ตามนโยบายของรัฐบาลให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
โดยให้สำนักงาน ก.พ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพลังงาน
สำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๓๐/๑๑๑๐๘ ลงวันที่ ๑๗
พฤษภาคม ๒๕๖๔) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
เกี่ยวกับการจ้างงานตามกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการเฉพาะกิจที่ได้รับการจัดสรรที่กำหนดให้ส่วนราชการที่ได้รับการจัดสรรรายงานผลการจ้างงาน
ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔
พร้อมทั้งสภาพปัญหาและอุปสรรคที่ทำให้ไม่สามารถจ้างพนักงานราชการเฉพาะกิจให้สำนักงาน
ก.พ. ภายในวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๔ มีระยะเวลาสั้นเกินไป ส่วนราชการอาจดำเนินการไม่ทันตามระยะเวลาที่กำหนด
จึงควรขยายระยะเวลาจนถึง ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ อีกทั้งแนวทางฯ ดังกล่าว
เป็นการบรรเทาปัญหาการว่างงานระยะสั้นเพียง ๑ ปี
ควรมีแนวทางในการแก้ปัญหาในระยะกลาง และระยะยาวต่อไป
และเพื่อให้การจ้างพนักงานราชการเฉพาะกิจมีความคุ้มค่ามากที่สุด ควรกำหนดผลผลิตและผลลัพธ์ในการทำงานของพนักงานราชการให้ชัดเจน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลักดันนโยบายรัฐบาลดิจิทัลและนโยบาย BCG Economy แทนที่จะให้พนักงานราชการเฉพาะกิจนี้ทำงานปกติประจำ (routine) ซึ่งไม่มีมูลค่าเพิ่มต่อการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจมากนัก
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
96 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 17/2564 และครั้งที่ 18/2564 | นร.11 | 01/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและอนุมัติผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๗/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔ และครั้งที่ ๑๘
เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ตามที่สำนักเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และที่เสนอเพิ่มเติม ทั้งนี้
โครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัยสำหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน
(อสม.) ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ในชุมชน ให้เป็นไปตามมติข้อ
๒ สำหรับโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-2019) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย เพิ่มเติมจำนวน ๓๕ ล้านโดส
เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา
และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
สำหรับโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-2019) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย
เพิ่มเติมจำนวน ๓๕ ล้านโดส) โดยให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงานหรือโครงการเพื่อจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุข
ยารักษาโรค วัคซีนป้องกันโรค และห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ (แผนงานที่ ๑.๒)
ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. อนุมัติโครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย
และเสี่ยงภัย สำหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)
ในการเฝ้าระวังป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ในชุมชน
ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ในกรอบวงเงินรวม ๑,๕๗๕.๔๙๕ ล้านบาท
และให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเคร่งครัด ๓. อนุมัติเป็นหลักการให้ดำเนินการคดีอาญากับผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตในการดำเนินงานโครงการต่าง
ๆ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยรวดเร็ว และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินคดีโดยไม่ชักช้า
และให้รายงานผลความคืบหน้าในการดำเนินคดีต่อคณะรัฐมนตรีทุก ๓ เดือน
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ทั้งนี้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานงานและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ๔. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
97 | ขออนุมัติการขอรับการอุดหนุนเงินทุนหมุนเวียนกรมท่าอากาศยานในการดำเนินการตามมาตรการบรรเทาผลกระทบของสายการบินจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ระยะที่ 3 | คค. | 01/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการขอรับการอุดหนุนเงินทุนหมุนเวียนกรมท่าอากาศยานในการดำเนินการตามมาตรการบรรเทาผลกระทบของสายการบินจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส
COVID-19 ระยะที่ ๓ ในกรอบวงเงิน
๑๖๗,๑๐๐,๐๐๐ บาท และให้กระทรวงคมนาคม (กรมท่าอากาศยาน) ดำเนินการให้ถูกต้อง
ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
รวมทั้งรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายจากเงินทุนหมุนเวียนกรมท่าอากาศยาน
โดยให้ความสำคัญกับการรักษาระดับมาตรฐานความปลอดภัยของผู้โดยสารและการให้บริการ
รวมทั้งการบำรุงรักษาสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นในการบริการให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน
เพื่อให้ท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของกรมท่าอากาศยานมีความพร้อมในการดำเนินงานและสามารถรักษาระดับมาตรฐานในการให้บริการที่เหมาะสม
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
98 | ข้อเสนอเชิงนโยบายในการจัดระบบบริการและระบบประกันสุขภาพสำหรับผู้ต้องขังที่มีปัญหาสถานะบุคคลและต่างด้าวในเรือนจำ | ยธ. | 25/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการจัดระบบบริการและระบบประกันสุขภาพสำหรับผู้ต้องขังที่มีปัญหาสถานะบุคคลและต่างด้าวในเรือนจำ
โดยให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้จัดการระบบบริการและระบบประกันสุขภาพสำหรับผู้ต้องขังที่มีปัญหาสถานะบุคคลและต่างด้าวในเรือนจำ ไปพลางก่อน
สำหรับงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมราชทัณฑ์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดตรวจสอบจำนวนผู้ต้องขังที่มีปัญหาสถานะบุคคลและต่างด้าวในเรือนจำให้ถูกต้องครบถ้วนตามจำนวนที่มีอยู่จริงเพื่อการจัดระบบบริการและระบบประกันสุขภาพให้เหมาะสม
รวมทั้งเพื่อให้หน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวข้อง
สามารถเสนอขอรับงบประมาณได้อย่างถูกต้องตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๒ ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมราชทัณฑ์)
เป็นหน่วยงานหลักในการจัดประชุมหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณากำหนดแนวทางในการจัดการระบบและระบบประกันสุขภาพสำหรับผู้ต้องขังที่มีปัญหาสาถนะบุคคลและต่างด้าวในระยะยาวให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม
เช่นหน่วยงานหลักในการดูแลระบบบริการและระบบประกันสุขภาพ
อัตราค่ารักษาพยาบาลที่เหมาะสมและเป็นธรรม เป็นต้น โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาดำเนินการ
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๓ ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมราชทัณฑ์) ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางในการตรวจสอบและยืนยันตัวตนของผู้กระทำความผิดให้ถูกต้อง
ชัดเจน ตั้งแต่กระบวนการจับกุมและตรวจสอบประวัติ
รวมทั้งแนวทางการแก้ไขปัญหาในกรณีที่ไม่สามารถยืนยันตัวตนของผู้กระทำความผิดได้ด้วย ๔. ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมราชทัณฑ์)
เร่งจัดทำแนวทางการบริหารจัดการเพื่อรองรับสถานการณ์กรณีที่มีโรคติดต่ออุบัติใหม่เกิดขึ้นในเรือนจำ
เช่น โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ให้มีความรัดกุม รอบคอบ และสอดคล้องกับหลักเกณฑ์การป้องกันและรักษาโรคติดต่ออุบัติใหม่ ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด
เพื่อใช้เป็นแนวทางในการควบคุมกรณีเกิดโรคติดต่ออุบัติใหม่ในเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
99 | การบริหารจัดการการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | นร. | 18/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ตามมติตณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๗ เมษายน ๒๕๖๓ และวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔ กำหนดให้การบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) เป็นวาระแห่งชาติ
และให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักเร่งบูรณาการการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การจัดหา การกระจาย และการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกัน COVID-19 เป็นไปอย่างรวดเร็ว เหมาะสม ทั่วถึง
ตามลำดับความจำเป็นเร่งด่วน
รวมทั้งให้ร่วมกันรณรงค์สร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นและเข้ารับการฉีดวัคซีน
และเพื่อให้การบริหารจัดการการฉีดวัคซีนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น
จึงมีมติให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้กระทรวงสาธารณสุขปรับปรุงแอปพลิเคชันหมอพร้อมให้สามารถแสดงข้อมูลที่ชัดเจนและรวดเร็ว
(Immediate response) แก่ผู้ใช้งานแอปพลิเคชันดังกล่าว โดยเฉพาะความชัดเจนของข้อมูลในการลงทะเบียนเพื่อขอรับการฉีดวัคซีน
การให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
ทั้งกรณีที่การลงทะเบียนขอรับการฉีดวัคซีนสำเร็จและไม่สำเร็จ เช่น
กำหนดวันและเวลาในการลงทะเบียนใหม่ หรือวันที่จะได้รับการฉีดวัคซีนที่แน่นอน
ทั้งนี้ เมื่อประชาชนได้รับการยืนยันสิทธิในการเข้ารับการฉีดวัคซีนแล้ว
ไม่ควรมีการปรับเปลี่ยนหรือยกเลิก
เว้นแต่กรณีที่มีเหตุจำเป็นที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดทำแผนการบริหารจัดการวัคซีน
แต่ให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมกับปริมาณวัคซีนที่ได้รับจริงและสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงไป
โดยให้แบ่งเป็น แผนหลัก ที่ใช้ข้อมูลปริมาณวัคซีนที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน และแผนสำรอง
ที่ใช้ข้อมูลปริมาณวัคซีนที่อาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงในระยะต่อไป โดยจัดทำในรูปแบบของ Dashboard (การนำเสนอข้อมูลในรูปแบบที่กระชับ
ทันสมัย และเข้าใจง่าย เช่น แผนภาพ แผนภูมิ เป็นต้น) เพื่อให้สามารถกำกับ ติดตาม
และบริหารการจัดหาและจัดสรรวัคซีนให้เป็นไปอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้
การฉีดวัคซีนยึดตามกลุ่มเสี่ยงและประชาชนที่ลงทะเบียนในแอปพลิเคชันหมอพร้อมเป็นหลัก
ในส่วนของการลงทะเบียนขอรับการฉีดวัคซีน ณ จุดบริการ (On-site
registration) จะเป็นกรณีเสริมเท่านั้น
โดยให้มีการจัดระบบและเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ ให้ชัดเจน เช่น
การประชาสัมพันธ์ข้อมูล การจัดเตรียมสถานที่ฉีดวัคซีน
และสถานที่พักคอยที่ต้องเหมาะสมและไม่แออัด ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขและคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค
COVID-19 และการวัคซีนของประชาชนอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้กระทรวงศึกษาธิการประเมินความพร้อมในการเปิดภาคการศึกษาของสถานศึกษาต่าง ๆ
ในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งกำหนดมาตรการที่จำเป็นในการแก้ไขปัญหาและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค
COVID-19 ต่อไป ๔. ให้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) (ศบค.)
เป็นหน่วยงานหลักในการให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับวัคซีน
ซึ่งจะต้องเป็นข้อมูลข่าวสารที่ได้ข้อยุติแล้วจาก ศบค. เพื่อลดความสับสนของประชาชน
รวมทั้งให้ปรับปรุงรูปแบบสื่อสารในช่องทางต่าง ๆ
ให้กระชับและเข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
100 | ร่างพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. .... | กค. | 18/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑.อนุมัติหลักการร่างพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. .... ภายใต้กรอบวงเงิน
ไม่เกิน ๗๐๐,๐๐๐
ล้านบาท ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหา
ช่วยเหลือ เยียวยา หรือชดเชยให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการ และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจาการระบาดระลอกใหม่ของ
COVID-๑๙ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ สำหรับค่าใช้จ่ายชำระดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายในการกู้เงิน การออกและการจัดการตราสารหนี้ภายใต้พระราชกำหนด
ที่อาจจะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ให้กระทรวงการคลังโดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
จัดทำรายละเอียดวงเงินเท่าที่จำเป็นและเสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามขั้นตอนต่อไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒ เห็นชอบให้นำระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการประเมินผลการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ มาใช้ในการติดตาม ประเมินผล และรายงานผลการใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้ร่างพระราชกำหนดนี้โดยอนุโลม
ทั้งนี้ ตามนัยมาตรา ๕๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๓.ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้ร่วมกับสำนักงบประมาณในการบริหารการใช้จ่ายงบประมาณและการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้ตามร่างพระราชกำหนดฯ
เป็นไปตามความจำเป็น พร้อมทั้งให้กระทรวงการคลังปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรกำหนดให้รายจ่ายลงทุนภายใต้พระราชกำหนดฯ เป็นส่วนหนึ่งในมาตรการแก้ไขปัญหากรณีงบประมาณของรายจ่ายลงทุน
มีจำนวนน้อยกว่าวงเงินส่วนที่ขาดดุลของงบประมาณประจำปีด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๕. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|