ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 4 จากทั้งหมด 74 หน้า แสดงรายการที่ 61 - 80 จากข้อมูลทั้งหมด 1463 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
61 | รายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | กค. | 28/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบรายงานการเงินรวมภาครัฐ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ และบทวิเคราะห์รายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงินของรัฐบาล หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน ๘,๔๒๔ หน่วยงาน จากจำนวนทั้งหมด ๘,๔๔๓
หน่วยงาน คิดเป็นร้อยละ ๙๙.๙๗
โดยมีหน่วยงานของรัฐที่ไม่ส่งรายงานการเงินภายในระยะเวลาตามมาตรา ๗๐ จำนวน ๕๖
หน่วยงาน คิดเป็นร้อยละ ๐.๖๖ ประกอบด้วย
หน่วยงานของรัฐที่ส่งรายงานการเงินภายในระยะเวลาที่กำหนด จำนวน ๓๗ หน่วยงาน และหน่วยงานของรัฐที่ไม่ส่งรายการเงิน
จำนวน ๑๙ หน่วยงาน และให้หน่วยงานของรัฐที่ไม่ส่งรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ส่งรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
พร้อมทั้งรายงานเหตุผลหรือปัญหา อุปสรรค
และแนวทางแก้ไขให้กระทรวงเจ้าสังกัดและกระทรวงการคลังภายใน ๖๐ วัน
นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
และให้หน่วยงานของรัฐส่งรายงานการเงินประจำปีงบประมาณถัดไปให้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนด
เพื่อให้การจัดทำรายงานการเงินรวมภาครัฐมีความครบถ้วนสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด
รวมทั้งหน่วยงานที่มีเงินได้มากกว่าที่มีการใช้จ่ายจริง หรือมีเงินสะสมคงเหลือ
โดยให้นำเงินดังกล่าวมาใช้จ่ายเป็นลำดับแรก หรือสมทบกับเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีในการดำเนินงานตามภารกิจของหน่วยงาน
ตลอดจนควรทบทวนการขอรับจัดสรรงบประมาณเท่าที่จำเป็น โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า
ความเหมาะสม และประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
62 | การปรับเพิ่มเงินค่าตอบแทนของผู้บริหารและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล [ร่างระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเงินค่าตอบแทนนายกองค์การบริหารส่วนตำบล รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบล รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบล สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบล และเลขานุการสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | มท. | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง แนวทางการปรับค่าตอบแทนของผู้บริหารและสมาชิกสภาท้องถิ่น)
เฉพาะในส่วนที่กำหนดหลักการให้ปรับเงินเดือนหรือค่าตอบแทนของผู้บริหารและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลไม่เกินร้อยละ
๒๐ สำหรับการออกระเบียบในเรื่องนี้ มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามาอำนาจหน้าที่ภายใต้กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ที่ควรพิจารณาความคุ้มค่า
ต้นทุนและผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐด้วย และการนำรายได้ที่ไม่รวมเงินอุดหนุนและเงินกู้หรือเงินอื่นใดนั้นองค์การบริหารส่วนตำบลแต่ละแห่งจะกำหนดสูงกว่าร้อยละสี่สิบของเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นไม่ได้
ตามนัยมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒
และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เพื่อให้เป็นไปตามหลักแห่งการปกครองของท้องถิ่นอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของผู้บริหารและสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลดังกล่าวควรสอดคล้องกับศักยภาพและความสามารถในการปกครองตนเองในด้านรายได้ขององค์กรปกครองท้องถิ่นเป็นสำคัญ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
63 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... [การปรับปรุงการจัดเก็บภาษีจากโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token)] | กค. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
และยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่
๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังจัดทำข้อมูลการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผ่านมาจากการเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนต่อประชาชน
แล้วส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการตรวจพิจารณาร่างผระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้ ๓. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของรองนายกรัฐมนตรี
(นายวิษณุ เครืองาม) สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าการยกเว้นการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนต่อประชาชนตามร่างพระราชกฤษฎีกาที่กระทรวงการคลังเสนอขายในครั้งนี้
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ซึ่งเดิมที่เคยมีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวตามประมวลรัษฎากรและได้จัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปแล้วนั้น
อาจมีผลกระทบต่อการจัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
จึงควรพิจารณาประเด็นดังกล่าวโดยคำนึงถึงการจัดสรรรายได้ที่รัฐจัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผ่านมาด้วย
ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และพิจารณาดำเนินการตามนัยมาตราของมาตรา
๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
64 | การขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อก่อสร้าง/ปรับปรุง ซ่อมแซมถนน แหล่งกักเก็บน้ำหรือสิ่งสาธารณประโยชน์อื่น ๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งได้รับความเสียหายจากสาธารณภัย | มท. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อก่อสร้าง/ปรับปรุง ซ่อมแซมถนน แหล่งกักเก็บน้ำ
หรือสิ่งสาธารณประโยชน์อื่น ๆ
ที่อยู่ในความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ซึ่งได้รับความเสียหายจากสาธารณภัย จำนวน ๗๖ จังหวัด ๒,๗๖๕ โครงการ งบประมาณ ๘,๑๗๑,๕๙๘,๘๐๐ บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
และให้ความสำคัญกับการบำรุงรักษาถนน แหล่งกักเก็บน้ำ และสิ่งสาธารณประโยชน์ดังกล่าวให้อยู่ในสภาพที่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
65 | ขออนุมัติให้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2565 เพิ่มเติมสำหรับกรณีพื้นที่ประสบอุทกภัย ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2566 ภายใต้กรอบวงเงินที่ได้รับการจัดสรร ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 | มท. | 28/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน
ปี ๒๕๖๕ เพิ่มเติมสำหรับกรณีพื้นที่ประสบอุทกภัย ตั้งแต่วันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๕ ถึงวันที่
๓๑ มกราคม ๒๕๖๖ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัด ๑๕ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร
ตรัง นครปฐม นครศรีธรรมราช นราธิวาส ประจวบคีรีขันธ์ ปัตตานี พัทลุง ยะลา ระนอง
สงขลา สตูล สมุทรสาคร สุราษฎร์ธานี และจังหวัดอ่างทอง โดยใช้จ่ายจากวงเงินงบประมาณ
ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น งบเงินอุดหนุน
ลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไปจากสำนักงบประมาณแล้ว และใช้หลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือ
เช่นเดียวกันกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี ๒๕๖๕
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ทั้งนี้
ครัวเรือนที่จะได้รับความช่วยเหลือในกรณีนี้จะต้องไม่เป็นครัวเรือนที่ได้รับความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน
ปี ๒๕๖๕ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ มาแล้ว โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสำรวจ
หรือผู้ประสบภัยยื่นคำร้องขอความช่วยเหลือภายใน ๓๐
วันนับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ
และให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับธนาคารออมสินเร่งรัดการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้แลวเสร็จภายใน
๖๐ วัน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทย
(กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๔/๔๙๕๖ ลงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖) ที่เห็นควรพิจารณาดำเนินการเร่งรัด
และตรวจสอบความถูกต้องในส่วนที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนต่อไป
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
66 | การจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารี (องค์การมหาชน) | นร.12 | 28/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการทบทวนการโอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีไปเป็นขององค์การสวนสัตว์
และเห็นชอบในหลักการการจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารี (องค์การมหาชน)
และมอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร.
ดำเนินการร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในการจัดร่างกฎหมาย
เพื่อการจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารี (องค์การมหาชน)
และปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนเสนอ
และให้คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร.
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
หลักเกณฑ์ ออกตามความในพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. ๒๕๖๒
กฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ และกฎหมายอื่น
ตลอดจนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
และหากการดำเนินการรับโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้
และงบประมาณของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีแล้วเสร็จ
ไปเป็นของหน่วยงานของรัฐประเภทอื่น (มิได้เป็นส่วนราชการหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ
พ.ศ. ๒๕๖๒) จะต้องยื่นขอเช่าอาคารและสิ่งปลูกสร้าง
ซึ่งเป็นที่ราชพัสดุให้ถูกต้องตามกฎหมายที่ราชพัสดุต่อไป หากมีการจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารี
(องค์การมหาชน) จำเป็นต้องกำหนดให้มีการติดตามและประเมินผลองค์กร โดยเฉพาะในช่วง ๕
ปีแรกของการดำเนินงาน
และควรมีการกำหนดมาตรการ/แนวทางการดำเนินงานเพื่อรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้น
กรณีผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้
เพื่อไม่ให้เป็นภาระด้านงบประมาณของภาครัฐ และในเรื่องของการจ่ายค่าตอบแทนการเลิกจ้างและเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ปฏิบัติงาน
ควรกำหนดจ่ายในอัตราเดียวกันกับที่จ่ายแก่เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาพิงคนคร
(องค์การมหาชน)
ในส่วนที่ปฏิบัติงานในศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ๗
รอบพระชนมพรรษา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑
เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและอยู่บนบรรทัดฐานเดียวกัน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
67 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ซึ่งจะต้องมีการก่อหนี้ผูกพันมากกว่าหนึ่งปีงบประมาณสำหรับรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นหน่วยรับงบประมาณ | มท. | 24/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินโครงการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
จำนวน ๒ แห่ง รวม ๒ รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓,๐๓๙.๙๖๐๐ ล้านบาท
โดยยื่นเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ต่อสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้
โครงการดังกล่าวข้างต้นมีวงเงินงบประมาณมากสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อรายได้สุทธิของรัฐบาลจะส่งผลกระทบวงเงินงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น
เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการจัดสรรงบประมาณ ขอให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาใช้จ่ายจากแหล่งเงินอื่นร่วมด้วย
เช่น เงินรายได้ หรือเงินสะสมคงเหลือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เงินกู้
เอกชนร่วมลงทุน แล้วแต่กรณี ในโอกาสแรก หรือประสานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
ตามภารกิจเพื่อดำเนินการแทน เช่น กรมชลประทาน และการประปาส่วนภูมิภาค เป็นต้น และขอให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ความประหยัด ภาระทางการคลังที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
และผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น)
รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม ที่เห็นว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น
กระทรวงมหาดไทย หากส่งผลกระทบต่อโครงข่ายทางและสะพาน
หรือต้องขอใช้เขตทางของกรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท
ขอให้ประสานและขออนุญาตตามระเบียบที่เกี่ยวข้องก่อน
และหากมีการดำเนินการในพื้นที่ที่รับผิดชอบของกรมเจ้าท่า
ตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ขอให้ยื่นคำร้องขอทำสิ่งล่วงล้ำลำน้ำต่อกรมเจ้าท่าด้วย และให้ปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมาภิบาลโดยเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
68 | ขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม [รายการค่าใช้จ่ายค้างชำระโครงการเน็ตประชารัฐ และโครงการขยายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต (โครงการงบ Big Rock)] | ดศ. | 24/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้สำนักงานปลัดกระทรวงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
เสนอคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามขั้นตอน โดยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
พร้อมรายละเอียดที่เกี่ยวข้องตามความพร้อม ความจำเป็น
และความเหมาะสมที่จะต้องใช้จ่ายในแต่ละปีงบประมาณ ให้สอดคล้องกับระยะเวลาตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
ความครอบคลุมของแหล่งงบประมาณ ศักยภาพและความสามารถในการใช้จ่ายงบประมาณในปีที่ผ่านมา
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณและให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการภาครัฐ
ตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
และตามขั้นตอนการพิจารณาเสนองบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรมอบให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
และกระทรวงมหาดไทย พิจารณาหารือร่วมกันในประเด็นการทบทวนความเหมาะสมของจุดที่ตั้งโครงการฯ
และโครงการจัดให้มีสัญญาณระบบเคลื่อนที่และจัดให้มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในหมู่บ้าน
(USO Net)
กำหนดคุณภาพและระดับบริการของโครงการและโครงการ (USO Net)
ให้มีมาตรฐานการให้บริการใกล้เคียงกัน และพิจารณาความเหมาะสมของการถ่ายโอนกิจการในการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในหมู่บ้านให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
69 | การประกาศพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา | กก. | 27/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบการประกาศพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนลุ่มทะเลทราบสงขลาขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
(องค์การมหาชน) และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา [องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน)]
รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นว่าในการดำเนินการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา
ขอให้ปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ควรมีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของงบประมาณแผ่นดิน
และคำนึงถึงภารกิจหน้าที่และความรับผิดชอบของหน่วยงานเป็นหลัก
และการดำเนินงานด้านงบประมาณต้องพิจารณาอย่างละเอียด รอบคอบ
และเป็นไปตามกฎหมายของทางราชการ รวมทั้ง
ไม่ส่งผลต่อวงเงินงบประมาณในการพัฒนาพื้นที่เป็นสำคัญ
ควรกำหนดเพิ่มเติมในแผนยุทธศาสตร์การบริหารพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาว่า
กรณีเป็นแผนหรือโครงการที่ต้องดำเนินการในเขตโบราณสถาน
จะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ
และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ก่อนดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการดังกล่าว
และควรกำหนดตัวชี้วัดการดำเนินงานตามแผนการขับเคลื่อนฯ ให้มีความชัดเจน
รวมทั้งควรพิจารณาถึงกรอบวงเงินรวมค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรขององค์การมหาชนตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๑
อย่างเคร่งครัดในการจัดตั้งสำนักงานการพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการเพิ่มขึ้นของงบประมาณในอนาคต
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวกับการเสนอแผนงานยุทธศาสตร์ชาติการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา
และดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณในส่วนที่เกี่ยวกับการขอรับการจัดสรรงบประมาณ ๓.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่า
เมื่อการพิจารณาประกาศกำหนดให้พื้นที่ใดเป็นพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนได้ผ่านขั้นตอนการพิจารณาตามลำดับในลักษณะ
Bottom Up จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องไปสู่คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติแล้ว
ยังสมควรที่จะต้องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการประกาศกำหนดพื้นที่ดังกล่าวหรือไม่
ประการใด เพื่อพิจารณาทบทวนและแก้ไขพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
(องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
70 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองพังงา พ.ศ. .... | มท. | 20/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองพังงา
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลนบปริง
ตำบลถ้ำน้ำผุด ตำบลท้ายช้าง ตำบลตากแดด ตำบลเกาะปันหยี อำเภอเมืองพังงา
จังหวัดพังงา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมือง และบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน
การคมนาคมและการขนส่งการสาธารณูปโภค การบริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อมให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งสอดคล้องกับนโยบายของจังหวัดพังงาและมาตรการในการส่งเสริมและพัฒนาชุมชนมืองให้เป็นศูนย์กลางการบริหารและการปกครอง
การส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยว
โดยดำรงรักษารูปแบบการตั้งถิ่นฐานที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชน และได้มีการกำหนดแผนผังและการใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมืองรวมจำแนกออกเป็น
๙ ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทจะกำหนดลักษณะกิจการที่ได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์การใช้ประโยชน์ที่ดินแต่ละประเภทนั้น
ๆ รวมทั้งกำหนดประเภทหรือชนิดของโรงงานที่ให้ดำเนินการในที่ดินแต่ละประเภท
ตลอดจนกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินตามแผนผังโครงการคมนาคมและขนส่ง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าการใช้ประโยชน์ในที่ดินประเภทปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
จะต้องปฏิบัติกฎหมาย กฎ หรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง ควรกำหนดพื้นที่ว่างตามแนวขนานริมฝั่งตามธรรมชาติในระยะที่มีความเหมาะสมโดยเฉพาะที่ดินประเภทสถาบันราชการในแปลงศูนย์ราชการจังหวัดพังงา
สถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ควรพิจารณากำหนดระยะห่างระหว่างสถานประกอบกิจการกับที่ดินของผู้อื่นหรือริมเขตถนนสาธารณะไม่น้อยกว่าตามที่กฎหมายกำหนด
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรกำกับดูแลการอนุญาตและควบคุมการประกอบกิจการโรงงานให้ได้มาตรฐานอย่างเคร่งครัด
รวมถึงกรมโยธาธิการและผังเมืองควรสนับสนุนให้เจ้าพนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำกับ
ดูแล
และควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามข้อกำหนดของผังเมืองอย่างเข้มงวดต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
71 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2566 ให้แก่ประชาชน | กค. | 20/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบและรับทราบมาตรการและการดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่พ.ศ.
๒๕๖๖ ให้แก่ประชาชน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.
เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาลดภาษีสำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบางประเภท (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วและให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.
เห็นชอบ ๓.๑
ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ๓.๒
ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับการโอนและการจำนองจากการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
พ.ศ. .... ๓.๓
ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับการโอนและการจำนองจากการซื้อขายห้องชุดเพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
พ.ศ. …. ๓.๔
ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓.๕
ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายสุรา ใบอนุญาตขายยาสูบ และใบอนุญาตขายไพ่
ตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....รวม ๕ ฉบับ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๔.
การจัดสรรงบประมาณเพื่อชดเชยรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามมาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปี
๒๕๖๖ ให้เป็นไปตามความเห็นสำนักงบประมาณ ๕.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ควรจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
มติคณะรัฐมนตรีและความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งความโปร่งใสในการดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาลเป็นไปเพื่อประโยชน์ของรัฐ
และประชาชนเป็นสำคัญ ควรกำหนดมาตรการที่ชัดเจน เพื่อให้ อปท. มีรายได้เพียงพอสำหรับการจัดบริการสาธารณะและการลงทุนเพื่อพัฒนาท้องถิ่นในระยะต่อไป
นอกเหนือจากการลดอัตราภาษีน้ำมันแล้ว
ภาครัฐควรเร่งดำเนินมาตรการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวให้กลับมาอยู่ในระดับก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
โดยเร็ว และให้หน่วยงานผู้ดำเนินโครงการให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์ให้ทั่วถึงต่อไป
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
72 | รายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ ตามมาตรา 50 และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ และความเสี่ยงทางการคลัง ตามมาตรา 76 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ณ วันสิ้นปีงบประมาณ 2565 | กค. | 29/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ ตามมาตรา ๕๐ และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ และความเสี่ยงทางการคลัง
ตามมาตรา ๗๖ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ณ
วันสิ้นปีงบประมาณ ๒๕๖๕ โดยสัดส่วนหนี้สาธารณะ ตามมาตรา ๕๐ ได้กำหนดกรอบในการบริหารหนี้สาธารณะ ดังนี้ ๑)
สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ต้องไม่เกินร้อยละ ๗๐ ๒) สัดส่วนภาระหนี้ของรัฐบาลต่อประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ
ต้องไม่เกินร้อยละ ๓๕ ๓) สัดส่วนหนี้ภาระสาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อหนี้สาธารณะทั้งหมด
ต้องไม่เกินร้อยละ ๑๐ และ ๔)
สัดส่วนหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อรายได้จากการส่งออกสินค้าและบริการ
ต้องไม่เกินร้อยละ ๕ และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ
หนี้ภาครัฐ และความเสี่ยงทางการคลัง ตามมาตรา ๗๖ ดังนี้ ๑) มีหนี้สาธารณะคงค้าง จำนวน
๑๐.๓๗ ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๖๐.๔๑ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าจำนวน ๑.๐๔ ล้านล้านบาท ๒)
หนี้เงินกู้คงค้างของหน่วยงานของรัฐ เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๗๘๕๐ แห่ง
มีจำนวน ๓.๖๕ หมื่นล้านบาท ธนาคารแห่งประเทศไทย มีจำนวน ๔.๐๒ ล้านล้านบาท เป็นต้น และ ๓) ความเสี่ยงทางการคลัง
พบว่า ยังอยู่ภายใต้กรอบในการบริหารหนี้สาธารณะที่คณะกรรมการฯ กำหนด
ซึ่งหนี้สาธารณะ จำนวน ๑๐.๓๗ ล้านล้านบาท โดยหนี้ส่วนใหญ่ (ร้อยละ ๙๘.๒๙)
เป็นหนี้ในประเทศ และร้อยละ ๘๓.๘๐
ของหนี้สาธารณะเป็นหนี้ที่เป็นภาระต่องบประมาณโดยตรง
และหนี้เงินกู้ของหน่วยงานของรัฐที่ไม่นับเป็นหนี้สาธารณะ ไม่มีผลกระทบต่อภาระทางการคลัง
หรือเงินงบประมาณแผ่นดินในภาพรวม
เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีสถานะการดำเนินงานที่มั่นคงและมีรายได้เพียงพอที่จะชำระหนี้เงินกู้ได้เอง
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
73 | (ร่าง) นโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ (พ.ศ. 2566-2580) | นร16 | 22/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ (ร่าง) นโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๘๐) โดย (ร่าง) นโยบายและแผนฯ
มีนโยบายหลัก ๔ ด้าน ได้แก่ (๑) การสงวนหวงห้ามที่ดินของรัฐอย่างมีประสิทธิภาพ
และการรักษาสมดุลทางธรรมชาติ (๒)
การใช้ที่ดินและทรัพยากรที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด (๓)
การกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และ
(๔) การบูรณาการและเสริมสร้างการมีส่วนร่วมเพื่อการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินอย่างมีเอกภาพ
และมีตัวชี้วัดรวมทั้งหมด ๑๙ ตัวชี้วัด มี ๑๑ แนวทางการพัฒนาหลัก และ ๑๗
แผนงานที่สำคัญ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคม และข้อเสนอแนะของกระทรวงมหาดไทย เช่น ควรมีการประเมินความคุ้มค่าในการใช้ประโยชน์ที่ดินทั้งของภาครัฐ
เอกชน รวมถึงประชาชนที่ได้รับการจัดที่ดินทำกินตามนโยบายของ คทช.
เพื่อประเมินผลและปรับปรุงแผนการดำเนินงานต่อไป ให้ความสำคัญกับการบูรณาการการดำเนินงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการขับเคลื่อนประเด็นนโยบายต่าง
ๆ และควรให้ภาคประชาชนในพื้นที่ที่มีส่วนร่วม
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
74 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ทางเลือกเชิงนโยบายในการช่วยเหลือและสนับสนุนด้านการเงินแก่ผู้ประกันตนและนายจ้าง ของคณะกรรมาธิการการแรงงาน วุฒิสภา | สว. | 15/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
ทางเลือกเชิงนโยบายในการช่วยเหลือและสนับสนุนด้านการเงินแก่ผู้ประกันตนและนายจ้าง
ของคณะกรรมาธิการการแรงงาน วุฒิสภา ซึ่งกระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณารายงานผลการศึกษาดังกล่าว
โดยเห็นว่าการปรับปรุงหรือพัฒนากฎหมาย โดยใช้หลักการจัดระบบเงินสมทบ (Define Contribution)
ควบคู่ไปกับการจัดระบบประโยชน์ทดแทน (Define Benefit)
ที่เหมาะสม อาจเกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้ประกันตนที่มีสัญชาติไทยและผู้ประกันตนที่ไม่มีสัญชาติไทยและอาจไม่เป็นไปตามหลักสากล
รวมถึงการเยียวยาภัยพิบัติเชิงรุกในรูปแบบต่าง ๆ ควรมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เป็นภารกิจหลักโดยตรงดำเนินการ และการจัดตั้งธนาคารเพื่อแรงงาน
ควรมีการวิเคราะห์ข้อดี ข้อเสีย และผลกระทบ
รวมทั้งแหล่งที่มาของเงินทุนอย่างครบถ้วน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
75 | แนวทางเสริมสร้างศักยภาพการคลังท้องถิ่น (แบบประเมินสุขภาพการคลังท้องถิ่น) | นร.12 | 15/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบ ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ ดังนี้ ๑. รับทราบแนวทางเสริมสร้างศักยภาพการคลังท้องถิ่น
(แบบประเมินสุขภาพการคลังท้องถิ่น) และแนวทางการขับเคลื่อน ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลัง
โดยคณะผู้บริหารการคลังประจำจังหวัด (คบจ.) เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินการ
ดังนี้ ๒.๑
นำแนวทางเสริมสร้างศักยภาพการคลังท้องถิ่น (แบบประเมินสุขภาพการคลังท้องถิ่น)
ไปใช้เป็นเครื่องมือประเมินสถานะด้านการคลังและงบประมาณของท้องถิ่น
และให้ประเมินตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
โดยใช้ข้อมูลผลการปฏิบัติงานของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
ในการประเมินและให้พิจารณาคัดเลือก อปท. ให้ครอบคลุมทุกประเภท ยกเว้น อปท.
รูปแบบพิเศษ ๒.๒ ในการณีที่ คบจ.
พบประเด็นที่ควรเพิ่มความเข้มแข็ง ปัญหา หรือข้อจำกัดจากการประเมิน
สามารถให้ความช่วยเหลือทั้งด้านวิชาการและการปฏิบัติอย่างเหมาะสมโดยตรงหรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งเสนอแนะหน่วยงานที่รับผิดชอบพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.๓
นำข้อมูลเผยแพร่ให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน
รวมทั้งสาธารณชนภายในจังหวัดได้รับทราบเพื่อร่วมกันส่งเสริมและผลักดันให้ อปท.
มีศักยภาพในการบริหารการเงินและงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
๓. ให้กระทรวงการคลังสรุปและรายงานผลการประเมินในภาพรวม
และแผนการดำเนินการในระยะต่อไปต่อ ก.พ.ร.
เพื่อสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องมือประเมินสถานะด้านการคลังและงบประมาณของท้องถิ่น
และให้ข้อเสนอแนะเพื่อสร้างความเข็มแข็งการให้บริการประชาชนในพื้นที่ โดยให้คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
กระทรวงการคลัง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตเพิ่มเติมของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่เห็นควรกำหนดตัวชี้วัดที่สะท้อนการดำเนินงานของ
อปท. เพื่อบรรลุเป้าหมายและตัวชี้วัดของผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่กำหนดไว้
ในปีถัดไปควรทำประเมิน อปท. ให้ครบทุกแห่งทั่วประเทศ
รวมทั้งควรมีการสร้างการรับรู้และความเข้าใจในแนวทางประเมินให้กับท้องถิ่นอย่างทั่วถึง
เพื่อให้การประเมินเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน
และแนวทางเสริมสร้างศักยภาพการคลังท้องถิ่น ด้านรายได้
ควรที่จะกำหนดตัวชี้วัดให้ครอบคลุมทุกประเภทรายได้ของ อปท. ด้านงบประมาณรายจ่าย
เนื่องจากงบประมาณรายจ่ายของ อปท.
จะมีความสัมพันธ์กับรายได้ที่เป็นภาษีที่รัฐจัดเก็บและแบ่งให้ อปท.
รวมทั้งเงินอุดหนุนทั่วไปซึ่งเป็นรายได้หลักที่ได้รับจัดสรรจากรัฐบาลโดยจัดสรรเป็นงวดและไม่มีระยะเวลาที่แน่นอนในการจัดสรรทำให้ส่งผลต่อการประเมินประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีของ
อปท. ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
76 | ขอรับการสนับสนุนการดำเนินโครงการซ่อมแซมแหล่งน้ำขนาดเล็กของส่วนราชการที่ยังไม่ได้ถ่ายโอนให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปี พ.ศ. 2565-2570 ของมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ | นร.14 | 01/11/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการโครงการซ่อมแซมแหล่งน้ำขนาดเล็กของส่วนราชการที่ยังไม่ได้ถ่ายโอนให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ปี พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๐ ของมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริในกรอบวงเงิน
๕๓๑.๓๕๙๗ ล้านบาท ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเลื่อนระยะเวลาโครงการจากปี พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๐ เป็น
ปี พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐ ตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำหรับการดำเนินโครงการและค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
และในปีต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมพัฒนาที่ดินและกรมชลประทาน)
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรน้ำ)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(กรมพัฒนาที่ดินและกรมชลประทาน) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(กรมทรัพยากรน้ำ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เช่น ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการกำกับดูแลโครงการให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ หลักเกณฑ์ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมาภิบาลให้ถูกต้องและครบถ้วนในทุกขั้นตอน
เร่งรัดการถ่ายโอนแหล่งน้ำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเมื่อดำเนินโครงการซ่อมแซมแล้วเสร็จ
คำนึงถึงความจำเป็นและภารกิจของหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ควรวางระบบติดตามผลการดำเนินงานควบคู่ไปด้วยเพื่อประกอบการตัดสินใจในการดำเนินโครงการในระยะต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
77 | การขออนุมัติดำเนินงานก่อสร้างโครงการสะพานเชื่อมเกาะลันตา ตำบลเกาะกลาง-ตำบลเกาะลันตาน้อย อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ของกรมทางหลวงชนบท | คค. | 18/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้กรมทางหลวงชนบทดำเนินการก่อสร้างโครงการสะพานเชื่อมเกาะลันตา
ตำบลเกาะกลาง-ตำบลเกาะลันตาน้อย อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ภายในกรอบวงเงิน ๑,๘๔๙.๕
ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าก่อสร้าง จำนวน ๑,๘๐๐ ล้านบาท ในอัตราส่วนของแหล่งเงินกู้เงินงบประมาณ
๗๐:๓๐ และค่าควบคุมงาน ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน ๔๙.๕
ล้านบาท ในอัตราร้อยละ ๒.๗๕ ของวงเงินค่าก่อสร้าง
โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีและแหล่งเงินกู้ตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
โดยให้กระทรวงการคลังพิจารณาจัดหาแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสมสำหรับวงเงินงบประมาณขอให้กรมทางหลวงชนบทเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
โดยในส่วนของแหล่งเงินกู้ให้ใช้เงินกู้ต่างประเทศตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวงชนบท) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้การสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศ
เพื่อจัดทำแนวทางการบรรเทาผลกระทบให้สอดคล้องกับมาตรฐานทางสิ่งแวดล้อมและสังคม (Environmental
and Social Standard : ESS)
ของสถาบันการเงินระหว่างประเทศ เร่งรัดการดำเนินการตามกฎหมาย
และระเบียบที่เกี่ยวข้อง อาทิ การขออนุมัติรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
การขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรี การห้ามใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน
และการขออนุญาตเข้าไปทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
และการขอความเห็นชอบการขอใช้ที่ดินของส่วนราชการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เพื่อให้สามารถก่อสร้างโครงการฯ ได้ตามแผนการดำเนินงานต่อไป กรมทางหลวงชนบท
และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
พิจารณากำหนดมาตรการด้านความปลอดภัยในการใช้ทางร่วมกันของยานพาหนะต่าง ๆ อาทิ
การติดตั้งป้ายกำหนดความเร็วในบริเวณเขตชุมชนและจุดเสี่ยงในการสัญจร
เพื่อรองรับปริมาณการสัญจรทางถนนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการดำเนินโครงการฯ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
78 | การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีกับหน่วยงานเครือข่าย | นร.01 | 11/10/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีกับหน่วยงานเครือข่าย
เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้เสีย ประกอบด้วย (๑)
พัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพระบบการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ (๒)
ด้านกลไกและวิธีการจัดการเรื่องร้องทุกข์ (๓) ด้านการพัฒนาศักยภาพบุคลากร และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการพัฒนาปรับปรุงการให้บริการ/การปฏิบัติงานเรื่องร้องทุกข์
ดังนี้ (๑)
ขอความร่วมมือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดกรอบระยะเวลาแล้วเสร็จในการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องทุกข์
เพื่อให้ประชาชนทราบถึงระยะเวลาในการดำเนินการแก้ไขปัญหา
ซึ่งจะช่วยให้ลดเวลารอคอยและลดการติดตามเรื่องกับผู้ปฏิบัติงาน
และผลักดันให้เกิดการขยายผลและเชื่อมโยงเครือข่ายด้านการจัดการเรื่องร้องทุกข์ไปยังระดับภูมิภาคและท้องถิ่น
เพื่อให้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้รับการดูแลแก้ไขอย่างครอบคลุมและเป็นธรรม ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
และให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงยุติธรรม สำนักงาน ก.พ.ร.
และข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่เห็นควรปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
จัดให้มีการประกาศเกียรติคุณหรือรางวัลให้แก่หน่วยงานที่สามารถจัดการเรื่องร้องทุกข์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ควรมีการประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ของหน่วยงานในภาพรวมให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึงในหลายช่องทางด้วย
ควรมีการกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจนให้ทุกส่วนราชการปฏิบัติ
โดยมีกลไกในการแจ้งความคืบหน้าให้แก่ผู้ร้อง และควรขยายผลการรับเรื่องผ่านไลน์สร้างสุข
(@psc1111) และ
Traffy Fondue (@traffyfondue) ไปยังส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
องค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบล และเทศบาลทั่วประเทศ
เพื่อเป็นการเพิ่มความสะดวก และเพิ่มประสิทธิภาพระบบการจัดการเรื่องร้องทุกข์
อีกทั้งยกระดับมาตรฐานการรับเรื่องและบริหารจัดการปัญหาและข้อร้องเรียนของภาครัฐ
ไปพิจารณาดำเนินการให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนก่อนแจ้งให้ส่วนราชการ/หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
79 | รายงานสรุปผลการพิจารณาการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน กรณีการชุมนุมทางการเมืองในระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2564 | สม. | 27/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน
กรณีการชุมนุมทางการเมืองในระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายน ๒๕๖๔
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๒๔๗ วรรค ๒
และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐
มาตรา ๔๓ วรรคหนึ่ง ซึ่งได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเมื่อวันที่ ๒๑
เมษายน ๒๕๖๕ โดยมีผลสรุปในภาพรวมว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นข้อยกเว้น
เพื่อใช้ควบคุมสถานการณ์ที่จำเป็นอย่างยิ่ง
ซึ่งมีกลไกทางกฎหมายที่จะเข้ามามีการควบคุม ดูแลความสงบเรียบร้อยในการชุมนุม
โดยผ่านกระบวนการพิจารณาและกลั่นกรองตามที่กฎหมายกำหนดไว้ทุกขั้นตอนแล้ว
และจะเป็นทางเลือกสุดท้ายที่รัฐบาลจะใช้เพื่อควบคุมสถานการณ์ที่จำเป็นอย่างยิ่งเท่านั้น
สำหรับการเร่งรัดจัดทำกฎหมายหรือระเบียบกลางในการช่วยเหลือเยียวยาที่ครอบคลุมทุกกรณี
กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณาจัดทำกฎหมายกลางดังกล่าว
รวมทั้งเห็นควรให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(กรุงเทพมหานคร) ร่วมกันกำหนดแนวทางในการหารือกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นเพื่อแลกเปลี่ยนและแสวงหาทางออกร่วมกันและลดแรงกดดันต่าง
ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
80 | สรุปผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง “ปัญหาการถ่ายโอนถนนทางหลวงชนบทให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาการถ่ายโอนถนนทางหลวงชนบทให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 13/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง “ปัญหาการถ่ายโอนถนนทางหลวงชนบทให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น”
ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาการถ่ายโอนถนนทางหลวงชนบทให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปได้ว่า
ด้านบุคลากรและเครื่องมือเครื่องจักร
สำนักงบประมาณได้สนับสนุนงบประมาณให้กับกรมทางชนบทเพื่อใช้ในการอบรมบุคลากรด้านช่างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ
เพื่อส่งเสริมให้บุคลากรมีความรู้ความชำนาญ
ซึ่งถือว่ามีความสำคัญที่จะช่วยในการควบคุมดูแลการก่อสร้าง
ปรับปรุงบำรุงรักษาถนนให้มีคุณภาพ
การถ่ายโอนภารกิจงานทางให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารจัดการภารกิจก่อสร้างและบำรุงรักษาถนนและสะพานเพื่อพิจารณากลั่นกรองการแก้ไขปัญหาภารกิจทางหลวงแผ่นดินและทางหลวงชนบทที่ผ่านการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการอำนวยการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับจังหวัด
เพื่อไม่ให้กระทบต่อหลักการกระจายอำนาจที่กำหนดไว่ก่อนเสนอคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาให้ความเห็นชอบการถ่ายโอนภารกิจคืนไปยังกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทต่อไป
ด้านงบประมาณ ควรเพิ่มงบประมาณตามจำนวนภารกิจที่รับโอนไปดำเนินการ
เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณสอดคล้องกับภารกิจส่วนราชการ
และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีงบประมาณที่เหมาะสมเพียงพอ
ต่อการบำรุงรักษาถนนที่ได้รับการถ่ายโอนในส่วนของเงินอุดหนุนเฉพาะกิจเพื่อก่อสร้างปรับปรุงถนน
ควรจัดสรรตามภารกิจที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับการถ่ายโอน
และถนนที่อยู่ในความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
โดยอาจจะทำแผนพัฒนาการก่อสร้าง/ปรับปรุงถนนในระยะ ๕ ปี และจัดสรรตามแผนพัฒนา
ตามกรอบวงเงินที่ได้รับการจัดสรร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|