ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 8 จากทั้งหมด 74 หน้า แสดงรายการที่ 141 - 160 จากข้อมูลทั้งหมด 1463 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
141 | การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | มท. | 12/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบอื่น
ซึ่งตามผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
กระทรวงมหาดไทย ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ เห็นว่า
กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งมีความพร้อมในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในรูปแบบอื่นต่อไปแล้ว
คือ เทศบาล
ประกอบกับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ยกร่างแผนการจัดการเลือกตั้งสำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี
ซึ่งคาดว่าจะให้มีการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ ๒๑ หรือ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๔
รวมทั้งได้กำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ไว้แล้ว
ตลอดจนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ตั้งงบประมาณสำหรับการเลือกตั้งขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ไว้พร้อมแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒.
ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นของเทศบาล
และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
142 | ขออนุมัติใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับดำเนินงานโครงการเยียวยาเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นม พลิกฟื้นเศรษฐกิจภาคการเลี้ยงโคนมและผลิตภัณฑ์นม | กษ. | 12/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๑,๔๗๗,๗๕๘,๔๐๐บาท
เพื่อดำเนินงานโครงการเยียวยาเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นม
พลิกฟื้นเศรษฐกิจภาคการเลี้ยงโคนมและผลิตภัณฑ์นม โดยเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับจัดซื้อนมโรงเรียนชนิด
ยู เอช ที ให้กับเด็กนักเรียนระดับชั้นก่อนประถมศึกษาถึงระดับชั้นประถมศึกษาปีที่
๖ จำนวน ๗,๐๓๖,๙๔๕ คน ได้ดื่มนมเพิ่มขึ้นคนละ ๓๐ กล่อง ในราคากล่องละ ๗ บาท โดยให้หน่วยงานที่รับผิดชอบจัดซื้อนมโรงเรียน
ประกอบด้วย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงศึกษาธิการ กรุงเทพมหานคร และเทศบาลเมืองพัทยา
ดำเนินการจัดหานมโรงเรียนตามวัตถุประสงค์ของโครงการดังกล่าว
โดยปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณมาดำเนินการก่อนในโอกาสแรก
และให้กรมปศุสัตว์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าวตรวจสอบปริมาณผลิตภัณฑ์นมโรงเรียนที่ยังคงค้างอยู่กับผู้ประกอบการ
รวมทั้งจำนวนนักเรียนกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบให้เป็นไปตามข้อเท็จจริง
เพื่อจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการดังกล่าว โดยทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป สำหรับแนวทางในการแก้ไขปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาด
เห็นควรที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์
พิจารณาดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓ โดยเคร่งครัดต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณามาตรการเตรียมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ รอบใหม่ อย่างรวดเร็ว และควรพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาการส่งนมโรงเรียนตามโครงการอาหารเสริม
(นม) โรงเรียน ที่ต้องให้นักเรียนดื่มนมครบตามระยะเวลาโครงการฯ รวมทั้งควรเร่งพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะแนวทางการแปรรูปผลิตภัณฑ์นมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มตามความต้องการของตลาดเพื่อพัฒนาและยกระดับการผลิตของผลิตภัณฑ์นมได้อย่างแท้จริง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
143 | รายงานผลดำเนินงานตามมาตรการลดภาระค่าธรรมเนียมสำหรับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม กรณีอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง เมื่อสิ้นสุดโครงการ ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2562 - 23 มิถุนายน 2563 ระยะเวลารวม 1 ปี | พม. | 05/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลดำเนินงานตามมาตรการลดภาระค่าธรรมเนียมสำหรับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม
กรณีอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง
เมื่อสิ้นสุดโครงการ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๒-๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๓ ระยะเวลารวม
๑ ปี ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
ผลการดำเนินงานตามมาตรการฯ เมื่อสิ้นสุดโครงการ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๒-๒๓
มิถุนายน ๒๕๖๓ รวมระยะเวลา ๑ ปี สามารถช่วยลดภาระและเพิ่มกำลังซื้อให้กับกลุ่มประชาชนผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในระดับราคาที่ไม่สูงมากนักและมีความสามารถในการผ่อนชำระได้
ได้ตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยได้เร็วขึ้น ได้เข้าถึงในกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย
จำนวน ๑๑๑,๖๓๕ ราย สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ ๙๑.๓๕ ของเป้าหมายรวม ๑๒ เดือน จำนวน
๕๘,๓๔๐ ครัวเรือน (จำนวนผู้อยู่อาศัยเฉลี่ยต่อครัวเรือนของประเทศเท่ากับ ๓ ราย
คิดเป็นประชาชนเป้าหมายรวม ๑๗๕,๐๒๐ ราย) ๒. ผลกระทบต่อรายได้การเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมซี่งเป็นรายได้ของรัฐ
โดยกรมที่ดินเป็นผู้จัดเก็บให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นลดลง
เมื่อสิ้นสุดโครงการ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๒-๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๓ ระยะเวลารวม
๑ ปี จำนวน ๑,๕๑๒.๓๖๗ ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย ร้อยละ ๑๑.๐๔
จากการคาดการณ์ที่รัฐต้องสูญเสียรายได้ จำนวน ๑,๗๐๐ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
144 | แผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2565-2568) | กค. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ ๒๕๖๕-๒๕๖๘)
เพื่อให้หน่วยงานของรัฐนำไปใช้ประกอบการพิจารณาในการจัดเก็บหรือหารายได้
การจัดทำงบประมาณ และการก่อหนี้ของหน่วยงานของรัฐ ตามมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป
ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐเสนอ ๒.
ให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ กระทรวงการคลัง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นว่า
ในการบริหารนโยบายการคลังในปี ๒๕๖๔
ควรให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการด้านรายรับและรายจ่าย เพื่อรักษาดุลการคลังให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และในระยะปานกลางควรให้ความสำคัญกับการเร่งรัดดำเนินการปฏิรูปการจัดเก็บรายได้โดยการทบทวนโครงสร้างภาษีในปัจจุบันควบคู่กับใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบการจัดเก็บรายได้
การควบคุมการจัดสรรงบประมาณ
การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดทำงบประมาณให้ครอบคลุมทุกแหล่งเงิน และการเพิ่มศักยภาพการถ่ายโอนภารกิจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
และการบริหารหนี้สาธารณะตามที่เสนอไว้ในแผนการคลังระยะปานกลาง
เพื่อรักษากรอบวินัยการเงินการคลังและฐานะการคลังของภาครัฐ นอกจากนี้
ควรมีการประเมินผลกระทบต่อฐานะการคลังภายใต้สถานการณ์จำลองต่าง ๆ (scenario
planning) เพื่อให้สามารถวางแผนรับมือได้อย่างทันการณ์
และให้ความสำคัญกับการสื่อสารต่อสาธารณชนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อแนวทางการดำเนินนโยบายการคลังและฐานะการคลังในระยะข้างหน้า
โดยเฉพาะการเพิ่มศักยภาพสู่ความยั่งยืนทางการคลังผ่านหลัก 3Rs ได้แก่ (๑) Reform : การปฏิรูปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้
(๒) Reshape : การปรับโครงสร้างการจัดสรรงบประมาณ และ (๓) Resilience
: การบริหารหนี้สาธารณะอย่างมีภูมิคุ้มกันและสามารถรองรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
145 | รายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน | นร.01 | 08/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน
ประจำเดือนกันยายน ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
การจัดฝึกอบรมชุดปฏิบัติการจิตอาสาภัยพิบัติประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
ข้อมูล ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ อปท. ทุกแห่ง ได้จัดตั้งชุดปฏิบัติการจิตอาสาภัยพิบัติฯ
ครบถ้วน จำนวน ๗,๕๕๐ แห่ง และบันทึกรายชื่อผู้สมัครในระบบรายงานแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Report)
ของกรมการปกครองแล้ว ๔๔๘,๙๒๖ คน โดยมีผู้ผ่านการอบรมแล้ว จำนวน ๑๙๔,๕๖๐
คน ๒.
การจัดกิจกรรมจิตอาสาเพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในโอกาสวันสำคัญของชาติไทย
เมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๓ เนื่องในวันมหิดล จังหวัดต่าง ๆ ได้จัดกิจกรรมพัฒนาโรงพยาบาล/สถานพยาบาลภายในพื้นที่จังหวัด
เช่น การทำความสะอาด ปรับปรุงภูมิทัศน์ อาคารสถานที่ของโรงพยาบาลและกิจกรรมสาธารณประโยชน์
เป็นต้น ๓.
การติดตามผลการดำเนินการที่สำคัญของศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน เช่น ความคืบหน้าการดำเนินการโครงการฟาร์มตัวอย่างต้านภัยโควิด-๑๙
ความคืบหน้าการดำเนินโครงการพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โคก หนอง นา
แห่งน้ำใจและความหวัง และความคืบหน้าการพัฒนาคลองเปรมประชากร
การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ไม่ทิ้งขยะลงคลองเปรมประชากร เป็นต้น ๔.
ข้อมูลจำนวนจิตอาสาและกิจกรรมจิตอาสา ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ มีจิตอาสาลงทะเบียน
รวม ๖,๗๐๙,๐๔๙ คน และมีการจัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา จำนวน ๕๒,๐๔๕ ครั้ง
กิจกรรมจิตอาสาภัยพิบัติ จำนวน ๖๕๖ ครั้ง
และการบรรยายขยายผลให้ความรู้เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์กับประเทศไทย จำนวน ๑,๐๐๑
ครั้ง มีผู้เข้ารับฟังการบรรยาย ๖๓๔,๗๑๑ คน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
146 | ร่างกฎกระทรวงการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การขอออกใบแทนใบอนุญาต การพักใช้ใบอนุญาตและการเพิกถอนใบอนุญาตเพื่อจัดการบริหารพื้นที่คุ้มครองสมุนไพร หรือใช้ประโยชน์จากสมุนไพร พ.ศ. .... | สธ. | 08/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาต
การต่ออายุใบอนุญาต การขอออกใบแทนใบอนุญาต
การพักใช้ใบอนุญาตและการเพิกถอนใบอนุญาตเพื่อจัดการบริหารพื้นที่คุ้มครองสมุนไพร
หรือใช้ประโยชน์จากสมุนไพร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต
การขอออกใบแทนใบอนุญาต การพักใช้ใบอนุญาตเพื่อจัดการบริหารพื้นที่คุ้มครองสมุนไพรหรือใช้ประโยชน์จากสมุนไพร
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงมหาดไทยที่เห็นควรเพิ่มเติมเอกสารและหลักฐานทางวิชาการด้านการสำรวจทรัพยากรป่าไม้หรือพืชสมุนไพรของหน่วยงานราชการประกอบการดำเนินการขอใบอนุญาตตามที่กำหนดไว้ในร่างข้อ
๓ นอกจากนี้ ร่างข้อ ๑๐ ที่กำหนดว่า กรณีที่การอนุญาตเป็นพื้นที่ในความรับผิดชอบหรือดูแลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(อปท.) หรือชุมชน ให้ผู้ยื่นคำขอและผู้อนุญาตจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจาก อปท.
หรือชุมชนนั้น เห็นควรตัดการรับฟังความคิดเห็นจาก อปท.
เนื่องจากเป็นการสร้างเงื่อนไขและขั้นตอนการอนุญาตเกินความจำเป็น
ตลอดจนอาจเป็นประเด็นปัญหาข้อกฎหมายว่าต้องรับฟังความคิดเห็นจากผู้บริหารท้องถิ่น
สภาท้องถิ่น หรือประชาชนในท้องถิ่น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งดำเนินการออกกฎกระทรวงกำหนดพื้นที่คุ้มครองสมุนไพร
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
147 | ขอความเห็นชอบร่างบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการบางซื่อระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และการรถไฟแห่งประเทศไทย กับกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น และองค์กรพัฒนาและฟื้นฟูเมืองของญี่ปุ่น | คค. | 23/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการบางซื่อระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย
และการรถไฟแห่งประเทศไทย กับกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง
และการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น และองค์กรพัฒนาและฟื้นฟูเมืองของญี่ปุ่น [
Memorandum of Cooperation (MoC) on the Bang Sue Project between the Ministry of
Transport of the Kingdom of Thailand, the State Railway of Thailand, the
Ministry of Land, Infrastructure, Transport and Tourism of Japan, and the Urban
Renaissance Agency of Japan] และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยสำหรับการลงนามดังกล่าว
โดยร่างบันทึกข้อตกลงฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดขอบเขตและกระชับความร่วมมือระหว่างไทยและญี่ปุ่น
เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการดำเนินโครงการพัฒนาเมืองให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น
โดยการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดและประสบการณ์ซึ่งกันและกัน
เพื่อผลักดันแผนการพัฒนาไปสู่การปฏิบัติต่อไปในการพัฒนาพื้นที่บางซื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกข้อตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เช่น (๑)
ให้กระทรวงคมนาคมผลักดันแผนการพัฒนาเชิงพื้นที่ของโครงการบางซื่อไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
โดยกำหนดให้มีกลไกการมีส่วนร่วมของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานภาครัฐ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน ภาคประชาชน
เพื่อบูรณาการการพัฒนาให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และ (๒)
ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการตามร่างบันทึกข้อตกลงฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๔
ให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรและการรถไฟแห่งประเทศไทยปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือใช้จ่ายจากเงินรายได้ในโอกาสแรก
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
148 | ร่างแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” (พ.ศ. 2563) และแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง | ทส. | 23/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง
ซึ่งเป็นแผนที่จะต้องเร่งรัดให้มีการดำเนินการเพื่อเตรียมการสำหรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในปี
๒๕๖๔ (เดือนธันวาคม ๒๕๖๓-เมษายน ๒๕๖๔) รวม ๑๒ ข้อ มีรายละเอียด เช่น
การเร่งขับเคลื่อนโครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า
ภายใต้ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน โดนกำหนดเป้าหมาย ๑๒ จังหวัด ภายในปี ๒๕๖๓
และครบ ๗๖ จังหวัด ภายในปี ๒๕๗๐
และการเร่งรัดการเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายโอนภารกิจการควบคุมไฟป่าให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนเฉพาะกิจฯ ต่อไป
โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปี ๒๕๖๓
เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรร
หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือโอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร
หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ แล้วแต่กรณี ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ
ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเท่าที่จำเป็น เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. สำหรับร่างแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ
“การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” (พ.ศ. ๒๕๖๓)
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณากลั่นกรองนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง
แนวทางการเสนอแผนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี)
ตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
๓.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคม เช่น
ควรมีมาตรการรองรับเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสุขภาพอนามัยและสิ่งแวดล้อม
และควรให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้ การมีส่วนร่วม และคำนึงถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตของภาคประชาชน
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
149 | รายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน | นร.01 | 23/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินโครงการจิตอาสาพระราชทาน
ประจำเดือนสิงหาคม ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
การจัดฝึกอบรมชุดปฏิบัติการจิตอาสาภัยพิบัติประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ข้อมูล
ณ วันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๓ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง
ได้จัดตั้งชุดปฏิบัติการจิตอาสาภัยพิบัติฯ ครบถ้วนแล้ว
และบันทึกรายชื่อผู้สมัครในระบบรายงานแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Report) ของกรมการปกครอง ๔๔๖,๐๐๔ คน โดยมีผู้ผ่านการอบรมแล้ว ๑๐๒,๖๖๕ คน ๒.
การฝึกทบทวนหลักสูตรจิตอาสา ๙๐๔ (Upgrade) โรงเรียนจิตอาสาพระราชทานกำหนดให้มีการฝึกทบทวนหลักสูตรฯ
จำนวน ๗ รุ่น ระหว่างวันที่ ๑๗ สิงหาคม-๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ ให้แก่ผู้ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรฯ
ได้ตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ของตน เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับประชาชน มีความเสียสละ
มีระเบียบวินัย มีความเป็นผู้นำ และเป็นแกนหลักให้กับประชาชนในการทำหน้าที่ของจิตอาสา ๓. การจัดกิจกรรมจิตอาสา
๙๐๔ พบปะผู้นำชุมชนและประชาชนในพื้นที่ ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทานได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยจัดกิจกรรมดังกล่าว
เพื่อเป็นเครือข่ายพัฒนาพื้นที่ร่วมกับจิตอาสาภาคประชาชน ประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งให้พิจารณาจัดกิจกรรมที่มีความเหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้แจ้งให้จังหวัดดำเนินการจัดทำทำเนียบผู้ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรจิตอาสา
๙๐๔ ของทุกหน่วยงานในจังหวัด และจัดให้มีกิจกรรมจิตอาสา ๙๐๔
ของจังหวัดพบปะผู้นำชุมชน ประชาชน และหน่วยงานในพื้นที่ อย่างน้อยเดือนละ ๑ ครั้ง ๔.
ข้อมูลจำนวนจิตอาสาและกิจกรรมจิตอาสา ณ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๓ มีจิตอาสาลงทะเบียน รวม ๖,๖๘๕,๐๐๗
คน และมีการจัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา ๕๑,๒๗๖ ครั้ง กิจกรรมจิตอาสาภัยพิบัติฯ ๖๔๓
ครั้ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
150 | ผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2563 | นร.14 | 03/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๓ โดยที่ประชุมได้รับทราบและพิจารณาเรื่องที่หน่วยงานเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ เรื่องเพื่อทราบ ๕ เรื่อง ได้แก่
ผลการประชุมคณะอนุกรรมการภายใต้ กนช. จำนวน ๗ คณะ
ผลการประชุมคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม
๒๕๖๓ ความก้าวหน้าแผนงานโครงการที่เสนอในคณะรัฐมนตรี และงานนโยบายที่นายกรัฐมนตรี
ตรวจงานในพื้นที่ และการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ความก้าวหน้าการใช้จ่ายงบประมาณตามแผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
และงบประมาณรายจ่ายแผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
ตามร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
และรายงานสถานการณ์น้ำที่ผ่านมา สถานการณ์น้ำปัจจุบัน และการคาดการณ์ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ ๑.๒ เรื่องเพื่อพิจารณา ๔ เรื่อง ได้แก่
โครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ ที่วงเงินงบประมาณเกิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท
ข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อกำหนดขอบเขต บทบาท ภารกิจ
หน้าที่และอำนาจของหน่วยงานด้านการบริหารทรัพยากรน้ำของประเทศ
การมอบหมายให้คณะกรรมการลุ่มน้ำคณะหนึ่งคณะใด ปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการลุ่มน้ำประจำลุ่มน้ำตามมาตรา
๒๗ (มาตรา ๑๐๐ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑)
และการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหาร พัฒนา อนุรักษ์
ฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติและแม่น้ำลำคลอง ภายใต้ กนช. และคณะทำงานภายใต้คณะอนุกรรมการฯ ๑.๓ เรื่องอื่น ๆ ๒ เรื่อง ได้แก่
การปรับปรุงองค์ประกอบ หน้าที่และอำนาจ ของคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด
และการแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนการดำเนินงานประปาหมู่บ้าน ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๒. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และข้อสั่งการของประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๓ ที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีการบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพและเพียงพอต่อความต้องการใช้ของประชาชนทั้งประเทศ
และการประชุมในครั้งนี้ เป็นการร่วมกันแก้ไขปัญหาน้ำให้กับประชาชน
ทั้งน้ำอุปโภค-บริโภค น้ำเพื่อการเกษตร อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว
ทุกหน่วยงานต้องร่วมกันหาวิธีการดำเนินงานอย่างไรให้มีการกระจายน้ำได้อย่างทั่วถึง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
151 | รายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน | นร.01 | 28/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน
ประจำเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. การจัดฝึกอบรมชุดปฏิบัติการจิตอาสาภัยพิบัติประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(อปท.) โดย อปท. ทุกแห่งได้จัดตั้งชุดปฏิบัติการจิตอาสาภัยพิบัติฯ
ครบถ้วนและบันทึกรายชื่อผู้สมัครในระบบรายงานแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Report)
ของกรมการปกครอง ๔๓๕,๗๓๕ คน และได้จัดฝึกอบรมชุดปฏิบัติการจิตอาสาภัยพิบัติฯ
ใน ๖๒ จังหวัด ๑,๔๔๑ อปท. มีผู้ผ่านการอบรมแล้ว จำนวน ๗๔,๔๖๖ คน ๒. การฝึกอบรม
“จิตอาสาราชทัณฑ์ (จอส.รท.)”
เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังที่มีจิตอาสาได้เข้าร่วมโครงการในการเป็นจิตอาสาช่วยเหลือเรือนจำและสังคม
โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ก่อให้เกิดความภาคภูมิใจแก่ตัวผู้ต้องขัง
ซึ่งมีหลักสูตรระยเวลาการฝึกอบรม จำนวน ๓ วัน ชั่วโมงการศึกษา ๑๕ ชั่วโมง หมวดวิชา
จำนวน ๗ วิชา ผู้เข้ารับการฝึกอบรมตั้งแต่ ๒๐ คนขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๕๐ คน ต่อรุ่น ๓.
โครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า โดยศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนได้จัดทำโครงการดังกล่าว
โดยกำหนดพื้นที่เป้าหมายดำเนินโครงการในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น ๑ และชั้น ๒ ครอบคลุมป่าต้นน้ำ
ป่าชายเลน ป่าพรุ และที่ดินของรัฐประเภทอื่น ๆ ไม่น้อยกว่า ๒.๖๘ ล้านไร่ ในพื้นที่
๗๖ จังหวัด และกรุงเทพมหานคร ในช่วงปี ๒๕๖๓-๒๕๗๐ ๔.
การจัดกิจกรรมจิตอาสา เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ได้แก่ การจัดกิจกรรมจิตอาสา
“ชีวิตใหม่ใต้ร่มพระบารมี...เราสร้างไปด้วยกัน” และการจัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา
บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ๕.
ข้อมูลจำนวนจิตอาสาและกิจกรรมจิตอาสา ณ วันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ มีจิตอาสาลงทะเบียน
รวมทั้งสิ้น ๖,๖๖๑,๐๔๗ คน โดยมีการจัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา จำนวน ๔๙,๘๔๔ ครั้ง และกิจกรรมจิตอาสาภัยพิบัติฯ
จำนวน ๖๒๗ ครั้ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
152 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สธ. | 12/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงว่าด้วยการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ พ.ศ.
๒๕๔๕
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขสามารถประกาศกำหนดมูลฝอยติดเชื้อเพิ่มเติมจากที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงดังกล่าวได้
และกำหนดมาตรการเพิ่มเติมสำหรับการเก็บและการขนมูลฝอยติดเชื้อ
เพื่อคุ้มครองสุขภาพอนามัยของประชาชนและป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอันเกิดจากการจัดการมูลฝอยติดเชื้อนั้น
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่เห็นควร (๑)
พิจารณาแก้ไขชื่อร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้เป็น “ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการจัดการมูลฝอยติดเชื้อ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....” เนื่องจากบทบัญญัติของร่างกฎกระทรวงดังกล่าวครอบคลุมถึงการเก็บ
ขน และการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ (๒) กำหนดให้มีการคัดแยกประเภทหรือชนิดความอันตรายของมูลฝอยติดเชื้อ
กำหนดเครื่องหมายหรือข้อความที่ระบุบนภาชนะที่ใช้จัดเก็บมูลฝอยติดเชื้ออย่างเหมาะสม
และกำหนดผู้ดำเนินการหรือผู้รับผิดชอบในแต่ละขั้นตอน (๓) มีข้อกำหนดที่รัดกุมเกี่ยวกับการควบคุมการเก็บ
ขน และการป้องกันการลักลอบทิ้งมูลฝอยติดเชื้อของเอกชน รวมทั้งกำหนดมาตรการการสร้างแรงจูงใจในเชิงบวกนอกเหนือจากการกำกับดูแล
และ (๔) พิจารณาถึงความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยอาจพิจารณาตั้งงบประมาณและบุคลากรในการช่วยอบรมให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
และการเตรียมความพร้อมของแหล่งกำเนิดมูลฝอยติดเชื้อ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
153 | โครงการเพื่อการพัฒนาปี 2563 ของการประปาส่วนภูมิภาค (เพิ่มเติม) | มท. | 12/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการโครงการเพื่อการพัฒนาปี ๒๕๖๓ ของการประปาส่วนภูมิภาค (เพิ่มเติม)
จำนวน ๖ โครงการ ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างปรับปรุงขยายการประปาส่วนภูมิภาค จำนวน ๔
สาขา ได้แก่ สาขาเพชรบูรณ์-หล่มสัก สาขาเดิมบางนางบวช สาขาสมุทรสาคร-นครปฐม
และสาขาด่านช้าง
และเป็นโครงการก่อสร้างปรับปรุงกิจการประปาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน ๒ สาขา
ได้แก่ สาขานครศรีธรรมราช องค์การบริหารส่วนตำบลท่าเรือ และสาขานครศรีธรรมราช
เทศบาลตำบลการะเกด วงเงินรวม ๑๑,๔๕๑.๕๖ ล้านบาท ประกอบด้วย เงินอุดหนุน จำนวน
๘,๐๒๗.๔๑ ล้านบาท เงินรายได้ของการประปาส่วนภูมิภาค จำนวน ๗๔๘.๓๕ ล้านบาท
และเงินกู้ภายในประเทศ จำนวน ๒,๖๗๕.๗๐ ล้านบาท สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น
ให้กระทรวงมหาดไทย (การประปาส่วนภูมิภาค) จัดทำรายละเอียดแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของโครงการที่แสดงถึงศักยภาพและความพร้อมในทุกมิติเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้การประปาส่วนภูมิภาคใช้จ่ายเงินลงทุนจากรายได้เป็นลำดับแรก
และหากมีความจำเป็นต้องใช้เงินกู้ให้กู้เงินในประเทศ
โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าว ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒. ให้การประปาส่วนภูมิภาครับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เช่น (๑)
หากมีโครงการบางส่วนไม่สามารถจัดหาที่ดินและแหล่งน้ำดิบได้และจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงที่ตั้งโครงการหรือยกเลิกโครงการ
การประปาส่วนภูมิภาคควรพิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกโครงการตามขั้นตอนต่อไป
(๒)
การประปาส่วนภูมิภาคควรเร่งดำเนินการจัดหาที่ดินตามแผนการดำเนินงานให้แล้วเสร็จก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโครงการ
(๓) การประปาส่วนภูมิภาคควรจัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ในแต่ละพื้นที่โครงการ
และในอนาคตต้องดำเนินการขออนุญาตใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๖๓
(เรื่อง โครงการเพื่อการพัฒนาปี ๒๕๖๓ ของการประปาส่วนภูมิภาค)
ที่ให้กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลให้การประปาส่วนภูมิภาคเร่งรัดการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดหาที่ดิน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการที่ยังไม่มีความพร้อมด้านที่ดิน
เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ในปีต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลให้การประปาส่วนภูมิภาคเร่งดำเนินการจัดหาที่ดินตามแผนการดำเนินงานให้แล้วเสร็จก่อนนำโครงการเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
อย่างเคร่งครัดด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
154 | เสนอคณะรัฐมนตรีเห็นสมควรให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | มท. | 06/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์การบริหารส่วนจังหวัดก่อน
และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบต่อไป
สำหรับการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประเภทอื่นจะได้พิจารณาในโอกาสต่อไป
โดยคำนึงถึงสถานการณ์ เช่น ระยะห่างกับการดำเนินการตามกระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
(การลงประชามติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ)
และความพร้อมของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
155 | มาตรการขับเคลื่อนสังคมสูงวัยคนไทยอายุยืน 4 มิติ (เศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม สุขภาพ และสังคม) | พม. | 29/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการมาตรการขับเคลื่อนสังคมสูงวัยคนไทยอายุยืน
๔ มิติ (เศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม สุขภาพ และสังคม)
เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับสังคมสูงวัยคนไทยอายุยืนในอนาคต
โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสนับสนุนการขับเคลื่อนงานทุกมิติ
และเพื่อให้มีกลไกขับเคลื่อนงานรองรับสังคมสูงวัยคนไทยอายุยืนอย่างต่อเนื่อง
โดยมาตรการดังกล่าวประกอบด้วยประเด็นที่ต้องเร่งดำเนินการ เช่น
การบูรณาการระบบบำนาญ และระบบการออมเพื่อยามสูงอายุ
การปรับปรุงกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ/ผู้สูงอายุให้มีผลใช้บังคับให้สอดคล้อง
ครอบคลุม และมีประสิทธิภาพในการบังคับใช้มากขึ้น การยกระดับผู้บริบาลมืออาชีพ
และเพิ่มบทบาทองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการบูรณาการและขับเคลื่อนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกมิติ
เป็นต้น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับไปหารือในรายละเอียดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคม
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงาน ก.พ.
รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เช่น (๑)
ควรบูรณาการและประสานการทำงานระหว่างส่วนราชการทั้งส่วนกลางและระดับพื้นที่
โดยเฉพาะกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (๒) ไม่ควรออกมาตรการให้มีการปรับปรุงกฎกระทรวงให้ใช้บังคับย้อนหลังกับอาคารเก่าที่สร้างก่อนออกกฎกระทรวง
(ที่เสนอให้ปรับปรุงใหม่) ควรใช้มาตรการอื่นและควรจัดสรรงบประมาณสำหรับการดำเนินการดังกล่าวด้วย
(๓)
ควรกำหนดขอบเขตการดำเนินการระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับกรมกิจการผู้สูงอายุ
และ (๔)
ควรพิจารณาเพิ่มมาตรการสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อรองรับสังคมสูงวัยคนไทยอายุยืน
๔ มิติ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจน
ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๒.
สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โดยคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงินและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
156 | รายงานประจำปี 2562 คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร.01 | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี
๒๕๖๒ ของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ แล้ว
โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการกระจายอำนาจด้านการถ่ายโอนภารกิจ
การกระจายอำนาจด้านการเงิน การคลัง และงบประมาณ การดำเนินการแก้ไขกฎหมาย
การส่งเสริมการบริหารงานท้องถิ่นและการมีส่วนร่วมของประชาชน การติดตามและประเมินผล
และการเผยแพร่ข้อมูลด้านการกระจายอำนาจ ตามที่คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
157 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ปัญหาและผลกระทบจากการบังคับใช้พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 | สผ. | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง ปัญหาและผลกระทบจากการบังคับใช้พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
พ.ศ. ๒๕๖๒ ของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร
ได้แก่ กรณีความไม่ชัดเจนของบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
พ.ศ. ๒๕๖๒
การคำนวณภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมและมีผลกระทบต่อประชาชน
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้ประกอบการ
และกรณีการแก้ไขเพิ่มเติมและการบังคับใช้กฎหมาย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
158 | การจัดหาเครื่องจักรกลและเครื่องมือทางการเกษตรให้แก่เกษตรกร | นร. | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับไปประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ในการจัดหาเครื่องจักรกลและเครื่องมือทางการเกษตรให้แก่เกษตรกรในท้องที่ที่ขาดแคลน
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร ทั้งนี้
ให้พิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการในรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน
ถูกต้อง เช่น การกำหนดคัดเลือก กลั่นกรองเกษตรกรกลุ่มเป้าหมาย
ประเภท/ชนิดของเครื่องจักรกลหรือเครื่องมือที่ต้องการ การครอบครองและการบำรุงรักษา
เป็นต้น
โดยให้ยึดหลักความเหมาะสมเท่าที่จำเป็นสอดคล้องกับความต้องการและการใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืนของเกษตรกร
แล้วดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
159 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สาขาฉุกเฉินการแพทย์เป็นสาขาการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. .... | สธ. | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สาขาฉุกเฉินการแพทย์เป็นสาขาการประกอบโรคศิลปะ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สาขาฉุกเฉินการแพทย์เป็นสาขาการประกอบโรคศิลปะตามพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ
พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้บริการด้านฉุกเฉินการแพทย์แก่ผู้ป่วยซึ่งเป็นการดูแลรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินนอกที่ตั้งสถานพยาบาล
รวมถึงการเคลื่อนย้ายหรือลำเลียงผู้ป่วยตั้งแต่ที่เกิดเหตุจนถึงสถานพยาบาล
เพื่อให้การให้บริการมีมาตรฐานในการประกอบวิชาชีพ
เพื่อให้การช่วยเหลือและรักษาชีวิตของผู้ป่วยให้ทันเวลา ลดความสูญเสียและความพิการ
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และสำนักงาน ก.พ.
ที่เห็นควรพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของการกำหนดให้ปริญญาหรือประกาศนียบัตรด้านทันตกรรมเป็นสาขาที่เทียบเท่าด้านฉุกเฉินการแพทย์
รวมทั้งควรพิจารณากำหนดนิยามของ “นักฉุกเฉินการแพทย์” ให้ชัดเจน และควรพิจารณากำหนดชื่อหน่วยงานในร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ให้สอดคล้องตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๖๓ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร.
ที่เห็นควรเร่งรัดการดำเนินการตามแผนปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุขที่ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินงานและบริหารจัดการการแพทย์ฉุกเฉินของจังหวัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
160 | รายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน | นร.01 | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน
ประจำเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
สรุปได้ ดังนี้ ๑. การจัดฝึกอบรมชุดปฏิบัติการจิตอาสาภัยพิบัติประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(อปท.) ได้จัดตั้งชุดปฏิบัติการจิตอาสาภัยพิบัติฯ ครบเรียบร้อยแล้ว
และมีการบันทึกรายชื่อผู้สมัครในระบบรายงานแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Report) ของกรมการปกครองแล้ว ๔๒๙,๕๔๑ คน
และมีการฝึกอบรมชุดปฏิบัติการจิตอาสาภัยพิบัติประจำ อปท. ๖๑ จังหวัด ๑,๒๘๖ อปท.
โดยมีผู้ผ่านการอบรม ๖๖,๗๓๒ คน ๒.
การสำรวจข้อมูลความต้องการได้รับความช่วยเหลือด้านเครื่องอุปโภคและบริโภคของวัดที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลหรือขาดแคลน
และข้อมูลความต้องการถุงยังชีพของประชาชน มีวัดในพื้นที่ได้รับผลกระทบและต้องการความช่วยเหลือ
๖๗ จังหวัด ในพื้นที่ ๕๕๓ อำเภอ จำนวน ๘,๑๕๕ วัด และพระสงฆ์ ๕๓,๖๔๑ รูป รวมทั้งมีประชาชนที่ต้องการรับความช่วยเหลือถุงยังชีพ
๓๐๙,๐๒๖ คน ๓.
โครงการฟาร์มตัวอย่างต้านภัย โควิด-๑๙ ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทานร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องนำโครงการฟาร์มตัวอย่างในพระราชดำริ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จำนวน ๓๐ ฟาร์ม
(จาก ๖๑ ฟาร์ม) มาสนับสนุนการจ้างงาน ๑,๑๐๔ คน ๔. กิจกรรม
“จิตอาสาต้านภัยแล้ง การประสานความร่วมมือการแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างยั่งยืน” ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทานได้ดำเนินการจัดกิจกรรมฯ
ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา (จังหวัดต้นแบบ) และจังหวัดที่มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน
(ภัยแล้ง) แล้ว ๒,๐๕๔ ครั้ง ๕.
ข้อมูลจำนวนจิตอาสาและกิจกรรมจิตอาสา ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓
มีจิตอาสาลงทะเบียน ๖,๖๔๙,๒๕๕ คน จัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา ๔๘,๐๗๖ ครั้ง และกิจกรรมจิตอาสาภัยพิบัติ
๖๐๕ ครั้ง
|