คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการคัดเลือกประธานกรรมการมาตรฐานการ 
บริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น โดยมีหลักการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ประกาศ กำหนดวัน 
เวลา และสถานที่การประชุม   และให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้จัดให้มีการประชุมเพื่อเสนอชื่อผู้สมัครได้
รับการคัดเลือก เป็นประธานกรรมการ ฯ ฝ่ายละ 3 คน  รวม  9  คน  โดยให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยแต่งตั้ง  
ข้าราชการ เป็นเลขาธิการการประชุม สำหรับการคัดเลือกให้ใช้วิธีออกเสียงลงคะแนนวิธีลับหากคะแนนเท่า  
กันให้ใช้วิธีจับสลาก กรณีที่มีข้อทักท้วงเกี่ยวกับการนับคะแนนให้เลขานุการการประชุมเป็นผู้วินิจฉัย โดยให้ 
ถือว่าเป็นที่สุด กับให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยเสนอรายชื่อผู้ที่ได้รับการคัดเลือกต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวง  
มหาดไทยเพื่อประกาศแต่งตั้งต่อไป   รวมทั้งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามหลักเกณฑ์
และเงื่อนไขนี้ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ  ทั้งนี้  ให้เพิ่มเติมข้าราชการผู้ดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าระดับ 8  
หนึ่งคน ตามที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยมอบหมายทำหน้าที่เป็นเลขานุการร่วมของที่ประชุม  ตามความเห็น  
ของสำนักงาน ก.พ.   และให้จัดทำเป็นประกาศกระทรวงมหาดไทยแทนประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี  ตาม 
ความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการศึกษาในโครงการศึกษาแนวทางการบริหารและจัดการการท่องเที่ยว 
ในพื้นที่รับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และสภาตำบล (สต.) รวมทั้งอนุมัติแนวทางการบริหาร  
และจัดการการท่องเที่ยว ฯ   โดยให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย  อบต. และ สต. ถือเป็นแนวทางปฏิบัติ 
ต่อไป ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอดิศัย โพธารามิก) ประธานกรรมการการท่องเที่ยวแห่ง   
ประเทศไทย  (ททท.)  เสนอ  โดยให้  ททท.  รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงาน  
ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (เกี่ยวกับการบริหารและจัดการการท่องเที่ยวในท้องถิ่นต้องให้ความสำคัญกับทรัพยา  
กรแหล่งท่องเที่ยวของท้องถิ่นอย่างแท้จริง  โดยเฉพาะแหล่งโบราณสถาน  โบราณวัตถุ  และแหล่งประวัติศาสตร์  
ต่าง ๆ โดยหารือกับกรมศิลปากรซึ่งเป็นหน่วยงานดูแลสถานที่ดังกล่าวก่อน  นอกจากนี้  แนวทางในการดำเนิน 
การบริหารและจัดการการท่องเที่ยวในพื้นที่รับผิดชอบ ฯ  โดยการถ่ายโอนภารกิจสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  
ซึ่งองค์กรปกครอง  ฯ    สามารถจะเลือกรูปแบบในการบริหารและจัดการด้านการท่องเที่ยวที่เหมาะสมกับพื้นที่ 
ได้ และให้ขอรับการสนับสนุนจากส่วนกลางเช่น การสนับสนุนทางด้านงบประมาณในโครงการขนาดใหญ่ที่เกิน
ขีดความสามารถ  และการสนับสนุนทางด้านวิชาการ   การฝึกอบรมอาสาสมัครและบุคลากร) ไปประกอบการ 
พิจารณาดำเนินการด้วย
            

                คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ (คศก.) โดยเห็นชอบ  
ในหลักการโครงการชลประทานระบบส่งน้ำ จำนวน 12 โครงการ ในพื้นที่ 12 จังหวัด วงเงิน 699 ล้านบาท  ซึ่งมี  
วัตถุประสงค์เพื่อให้มีระบบการพัฒนาที่สอดคล้องกับกรอบมาตรการด้านนโยบาย  (policy  Matric)  โดยให้ความ 
สำคัญกับการมีส่วนร่วมของเกษตรกรและองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นในการบริหารจัดการโครงการ   รวมทั้งการ   
ดูแลและบำรุงรักษาการใช้ประโยชน์อย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาเป็นแหล่งผลิตสินค้าพืชเศรษฐกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง  
คุ้มค่าการลงทุน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้กระทรวงเกษตร ฯ รับความเห็นและข้อสังเกตของ
คศก. ( เกี่ยวกับการพิจารณาคัดเลือกพื้นที่และเกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการ ฯ  ควรจะตรวจสอบความพร้อมของ 
เกษตรกรในการลงทุนก่อสร้างเพิ่มเติมระบบให้น้ำในแปลงไร่นาและการออกค่าใช้จ่าย  รวมไปถึงความพร้อมของ 
โครงการ ฯ  กับให้พิจารณาและกำหนดแนวทางการดำเนินการร่วมกันกับกระทรวงวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยีและ  
สิ่งแวดล้อม ซึ่งมีการดำเนินการในลักษณะเช่นเดียวกันเพื่อให้มีความชัดเจนและไม่ซ้ำซ้อนกัน  นอกจากนี้  ให้กรม  
ชลประทานซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโครงการ ฯ  ดำเนินการร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตรในการส่งเสริมให้เกษตรกร   
เพาะปลูกพืชเศรษฐกิจในพื้นที่ที่ระบบส่งน้ำไปถึง และประเมินผลการดำเนินโครงการ พร้อมทั้งรายงานให้  คศก.
ทราบ) ไปดำเนินการ

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวง  ทบวง  กรม  และส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะ 
เทียบเท่ากรม   รวมทั้งรัฐวิสาหกิจในสังกัดต่าง ๆ  ตลอดจนองค์กรของรัฐส่งข้าราชการ  พนักงาน  เจ้าหน้าที่ 
กลุ่มอาสาสมัครหรือกลุ่มพลังมวลชนต่าง ๆ ในสังกัดทุกประเภทและทุกระดับทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและ
ส่วนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการรณรงค์ประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  และสอดส่อง
ดูแลป้องกันการทุจริต การกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย  บริสุทธิ์
ยุติธรรม ปราศจากการทุจริตซื้อสิทธิขายเสียงไปพร้อมกันกับการดำเนินการของกระทรวงมหาดไทย  ตามที่
กระทรวงมหาดไทยเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้โครงการถ่ายโอนกำลังคนเพื่อสนับสนุนมาตรการเสริมการพัฒนาชนบท
และชุมชน (มพช.) ทดลองถ่ายโอนข้าราชการที่ดำรงตำแหน่งในสายงานที่เกี่ยวข้องกับภารกิจที่มีการถ่ายโอนลง  
ไปยังท้องถิ่นในปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 โดยคงจำนวนข้าราชการที่จะไปปฏิบัติงานไว้ทั้งหมด  8,000  คน  และ  
งบประมาณดำเนินการ  577,000,00  บาท ตามเป้าหมายเดิม  โดยให้มีเวลาปฏิบัติงานนับตั้งแต่วันที่ได้รับการ 
คัดเลือกไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2544  และมีสถานภาพ  รวมทั้งได้รับสิทธิประโยชน์ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ  
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2543  โดยถือว่าโครงการนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลที่จะส่งเสริมและสนับสนุนความเข้มแข็ง  
ของท้องถิ่นเพื่อรองรับการกระจายอำนาจตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ พร้อมทั้งมอบให้คณะทำงานการถ่าย  
โอนบุคลากรและอำนาจหน้าที่พิจารณาดำเนินการในรายละเอียดต่อไป และอนุมัติให้ดำเนินการ ตามที่รัฐมนตรี  
ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) เสนอ  โดยให้กระทรวงมหาดไทยยกร่างระเบียบกระทรวง 
กระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น  พ.ศ. 2535   และว่าด้วยการพัสดุ 
ขององค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2538 โดยให้มีระบบควบคุมและตรวจสอบในระดับจังหวัดด้วย  แล้วให้เสนอ 
คณะอนุกรรมการด้านการเงิน การคลัง งบประมาณ และบุคลากร ตลอดจนคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่ 
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยจัดทำคู่มือการปฏิบัติงานตามระเบียบใน  
เรื่องนี้ด้วย  กับให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดทำระบบในการควบคุมตรวจผู้มีอำนาจเกี่ยวกับการเงินการคลัง    
นอกจากนี้   เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างรูปธรรม   เห็นควรให้ผู้แทนหน่วยงานที่จะต้องถ่ายโอนกำลังคน
และภารกิจร่วมชี้แจงรายละเอียดในแต่ละหน่วยงานด้วย

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)  ออกตามความในพระราชบัญญัติ
โรงงาน พ.ศ. 2535 (เพิ่มประเภทหรือชนิดของโรงงาน ลำดับที่ 105 และ 106 ได้แก่ โรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับ
การคัดแยกหรือฝังกลบสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วจากการประกอบกิจการของโรงงาน       และการนำผลิตภัณฑ์ 
อุตสาหกรรมที่ไม่ใช้แล้ว   และ/หรือของเสียจากโรงงานมาผลิตเป็นวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์อุสาหกรรม  โดยการผ่าน 
กรรมวิธีการผลิตทางอุตสาหกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งในทางเชิงกลหรือทางเคมี   โดยให้โรงงานดังกล่าวเป็นโรงงาน  
จำพวกที่ 3    ซึ่งจะต้องขออนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมก่อนประกอบกิจการ) ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม  
เสนอ    และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา     โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข
และกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม   (เกี่ยวกับการจำกัดสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยซึ่งเป็นอำนาจหน้า    
ที่ของส่วนราชการส่วนท้องถิ่นโดยตรง  นั้น   จะขัดต่อหลักการและนโยบายการกระจายอำนาจของรัฐหรือไม่   ส่วน     
กรณีการกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยโดยการฝั่งกลบ     รวมทั้งการนำขยะมูลฝอยไปใช้ประโยชน์ใหม่    หรือมอบให้  
ผู้อื่นดำเนินการแทนภายใต้การควบคุมของส่วนราชการส่วนท้องถิ่น   ต้องขออนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม  
หรือไม่   นอกจากนี้    การกำหนดลักษณะการประกอบการในแต่ละประเภทและชนิดของโรงงาน   และการกำหนด   
ขนาดของโรงงานที่จัดให้เป็นโรงงานจำพวกที่   3   ยังขาดความชัดเจน     และไม่สอดคล้องกับเขตอำนาจหน้าที่ของ 
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น)  ไปพิจารณาด้วย  แล้วดำเนินการต่อไปได้
 

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมติคณะกรรมการนโยบายกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น (กนภ.) 
ครั้งที่ 2/2543  วันที่ 21 สิงหาคม 2543   เกี่ยวกับการสนับสนุนการบริหารจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในปี
งบประมาณ พ.ศ. 2544 เพื่อเตรียมรับการถ่ายโอนภารกิจและการปรับระบบบริหารงานพัฒนาภูมิภาคและท้องถิ่น
ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติเสนอ     โดยให้เพิ่มสำนักงานคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น     สำนักงาน  
ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี    ในการดำเนินงานร่วมกับสำนักงบประมาณ  กระทรวงการคลัง      กระทรวงเกษตรและ  
สหกรณ์  กระทรวงมหาดไทย  เพื่อพิจารณาและประสานกับหน่วยงานที่มีการถ่ายโอนงบประมาณ และภารกิจให้แก่
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น   จัดทำแนวทางปฏิบัติในการถ่ายโอนภารกิจให้เป็นแนวทางเดียวกันทุกหน่วยงานต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมติที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาเมืองแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2543  วันที่  
8 พฤษภาคม 2543 เกี่ยวกับการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการการตั้งถิ่นฐานมนุษย์  (Habitat  Agenda) 
เป็นไปอย่างต่อเนื่อง    และแนวทางการนำนโยบายการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน :  เมืองน่าอยู่และชุมชนน่า  
อยู่ไปสู่การปฏิบัติ    และอนุมัติให้ดำเนินการต่อไปได้     รวมทั้งเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี  
ว่าด้วยการพัฒนาเมืองแห่งชาติ  พ.ศ. ....  (ให้มีคณะกรรมการพัฒนาเมืองแห่งชาติ (กมช.) มีอำนาจหน้าที่  
กำหนดนโยบาย มาตรการ และแนวทางการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน : เมืองน่าอยู่และชุมชนน่าอยู่ กำหนด   
หลักเกณฑ์วิธีดำเนินการ และสนับสนุนการดำเนินการ กลั่นกรองแผนงานโครงการกำกับ เร่งรัด  และติด    
ตามการดำเนินงาน  แก้ไขปัญหา  อุปสรรค  จัดทำข้อมูล  ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่   กับให้มีสำนักงาน  
คณะกรรมการพัฒนาเมืองแห่งชาติ  (ส.กมช.)  เป็นหน่วยงานภายในสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ 
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของสำนักงานพัฒนาเมืองแห่งชาติ) ตามที่  
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ  
กฤษฎีกาตรวจพิจารณา   แล้วดำเนินการต่อไปได้   โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับข้อสังเกต  
ของคณะรัฐมนตรี  (เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของ  กมช.  และ  ส.กมช.  มีส่วนคาบเกี่ยวหรือเหลื่อมล้ำซ้ำซ้อน  
กับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น        และสำนักงาน
คณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น      ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและ 
ขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  พ.ศ. 2542  ซึ่งควรพิจารณาให้มีลักษณะที่
ส่งเสริมสนับสนุนซึ่งกันและกัน) ไปพิจารณาด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมติที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาเมืองแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2543  วันที่  
8 พฤษภาคม 2543 เกี่ยวกับการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการการตั้งถิ่นฐานมนุษย์  (Habitat  Agenda) 
เป็นไปอย่างต่อเนื่อง    และแนวทางการนำนโยบายการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน :  เมืองน่าอยู่และชุมชนน่า  
อยู่ไปสู่การปฏิบัติ    และอนุมัติให้ดำเนินการต่อไปได้     รวมทั้งเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี  
ว่าด้วยการพัฒนาเมืองแห่งชาติ  พ.ศ. ....  (ให้มีคณะกรรมการพัฒนาเมืองแห่งชาติ (กมช.) มีอำนาจหน้าที่  
กำหนดนโยบาย มาตรการ และแนวทางการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน : เมืองน่าอยู่และชุมชนน่าอยู่ กำหนด   
หลักเกณฑ์วิธีดำเนินการ และสนับสนุนการดำเนินการ กลั่นกรองแผนงานโครงการกำกับ เร่งรัด  และติด    
ตามการดำเนินงาน  แก้ไขปัญหา  อุปสรรค  จัดทำข้อมูล  ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่   กับให้มีสำนักงาน  
คณะกรรมการพัฒนาเมืองแห่งชาติ  (ส.กมช.)  เป็นหน่วยงานภายในสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ 
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของสำนักงานพัฒนาเมืองแห่งชาติ) ตามที่  
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ  
กฤษฎีกาตรวจพิจารณา   แล้วดำเนินการต่อไปได้   โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับข้อสังเกต  
ของคณะรัฐมนตรี  (เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของ  กมช.  และ  ส.กมช.  มีส่วนคาบเกี่ยวหรือเหลื่อมล้ำซ้ำซ้อน  
กับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น        และสำนักงาน
คณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น      ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและ 
ขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  พ.ศ. 2542  ซึ่งควรพิจารณาให้มีลักษณะที่
ส่งเสริมสนับสนุนซึ่งกันและกัน) ไปพิจารณาด้วย

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราช 
บัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 (ให้มีกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์ทั่วไปสำหรับกิจการที่เป็นอันตราย 
ต่อสุขภาพ  เพื่อให้ราชการส่วนท้องถิ่นใช้เป็นมาตรฐาน   หลักเกณฑ์   และวิธีการในการควบคุมดูแลสถาน  
ประกอบกิจการให้มีการดำเนินการให้ถูกต้องด้วยสุขลักษณะ และสามารถป้องกันเหตุเดือดร้อนรำคาญได้)  
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา  โดยรับความ    
เห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม (เกี่ยวกับการกำหนด   
ความหมายของคำว่า  "คนงาน"  "สถานที่ตั้ง"  และ "การควบคุมของเสียและมลพิษ"  บทบัญญัติของสถาน 
ประกอบกิจการที่เข้าข่ายเป็นโรงงาน หรือมีการประกอบกิจการเกี่ยวกับวัตถุอันตราย   อำนาจหน้าที่ของ    
ส่วนราชการตามร่างกฎกระทรวง  ฯ   และการกำหนดผู้มีอำนาจในการประกาศกำหนดมาตรฐานที่อาจมี  
ผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของสาธารณชน และการกำหนดมาตรฐานสภาวะความเป็นอยู่ที่เหมาะสมกับ   
การดำรงชีพของประชาชน) และข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี  (เกี่ยวกับบทนิยามของคำว่า  
"ผู้ดำเนินกิจการ"  ซึ่งไม่ปรากฏว่ามีที่ใช้อยู่ในร่างกฎกระทรวง ฯ  จึงไม่สมควรนำมากำหนดไว้ในบทนิยาม    
นอกจากนี้    การกำหนดให้กรมอนามัยมีอำนาจประกาศกำหนดประเภทกิจการที่อาจก่อให้เกิดอันตราย  
ต่อสุขภาพของประชาชนนั้น เป็นอำนาจของรัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการสาธารณสุข รวมทั้ง 
ความซ้ำซ้อนในการกำหนดมาตรฐานต่าง ๆ   ภายในร่างกฎกระทรวง  ฯ)  ไปประกอบการพิจารณาด้วย 
แล้วดำเนินการต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการโครงการพัฒนาผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ครู 
ผู้นำชุมชน  และผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  และให้กระทรวง  ทบวง  กรม  สถาบันผลิตครูและหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามโครงการ       โดยมีสำนักงานปฏิรูปการศึกษาทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการ  กับให้   
มีการประสานการใช้งบประมาณเพื่อการพัฒนาบุคลากรของหน่วยงานต่าง ๆ  ที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ  
พ.ศ.  2543  และ  2544  เพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน  รวมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานโครงการ ฯ  
ทำหน้าที่ประสานและส่งเสริมการดำเนินการ  ตลอดจนการให้คำปรึกษา  ติดตาม ประเมินผลในการดำเนินงาน
ดังกล่าว   และอนุมัติให้ดำเนินการต่อไปได้  ตามมติคณะกรรมการบริหารสำนักงานปฏิรูปการศึกษาตามที่  
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามมติคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ  
ที่ให้สิทธิพิเศษแก่องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท.)  ในการให้บริการเลขหมายโทรศัพท์ของ  ทศท.     
แก่หน่วยราชการ  รัฐวิสาหกิจ  และหน่วยงานอื่นของรัฐ  เว้นแต่กรณีที่ไม่อาจให้บริการได้ในระยะเวลาอันสั้น  
โดยให้ลดและยกเว้นค่าบริการสำหรับโทรศัพท์พื้นฐานร้อยละ  5   สำหรับค่าติดตั้ง  ค่าทางสายเกิน    และ  
ค่าเดินสายภายใน ค่าเช่าประจำเดือน ค่าใช้บริการประจำเดือน ค่าทางไกลภายในประเทศประจำเดือน และ 
ค่าบริการพิเศษชุมสาย  SPC  โดยให้มีผลนับแต่วันที่  26 กันยายน 2543  จนกว่า ทศท. จะดำเนินการแปรรูป
แล้วเสร็จ  ทั้งนี้  ให้ ทศท. ปฏิบัติตามเงื่อนไข  โดยลดและยกเว้นค่าบริการบางรายการให้กับลูกค้า    และให้  
ส่วนราชการ  รัฐวิสาหกิจ  และหน่วยงานอื่นของรัฐถือปฏิบัติตามมติดังกล่าว  รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทย
ขอความร่วมมือจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อถือปฏิบัติด้วย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

             อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองเกาะสมุย พ.ศ. ....
(จัดตั้งเทศบาลตำบลเกาะสมุย อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ขึ้นเป็นเมืองเกาะสมุย โดยยกฐานะเทศ  
บาลตำบลเกาะสมุยขึ้นเป็นองค์กรปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ ซึ่งมีผู้บริหารคือ  นายกเมืองเกาะสมุย  เพื่อ 
ให้สามารถแก้ไขปัญหาของท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความเป็นอิสระในการกำหนดนโยบาย  การ 
ปกครอง การบริหาร การเงินและการคลัง  รวมทั้งการบริหารกิจการและการให้บริการประชาชนในเขตพื้นที่ 
ตลอดจนนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบกิจการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ)  ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอและ 
คณะกรรมการปรับปรุงกฎหมายปกครองท้องถิ่นและการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่นเสนอ    และให้ส่งสำนัก  
งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา    โดยรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี  (เกี่ยวกับการให้ตัดข้อความ 
ว่า "อีกไม่เกินหนึ่งแขวง" ในพระราชบัญญัติออก เนื่องจากจะเป็นข้อจำกัดในอนาคต  นอกจากนี้ การกำหนด
จำนวนสมาชิกสภาเมืองเกาะสมุยสำหรับแขวงที่ตั้งเพิ่ม  ควรพิจารณาให้สอดคล้องกับจำนวนสมาชิกของสภา  
เมืองเกาะสมุยด้วย      ส่วนกรณีที่กำหนดให้บุคคลผู้อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งในวันเลือกตั้งเป็น 
บุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง นั้น  หากคณะกรรมการการเลือกตั้งยังมิได้เข้ามาดูแลการเลือกตั้งในองค์  
กรปกครองส่วนท้องถิ่น การกำหนดไว้เช่นนี้จะมีปัญหาหรือไม่ อย่างไร)  ไปประกอบการพิจารณาด้วย  แล้ว
ส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนสภาสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม  (สำนักงาน  
นโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม)  รายงานผลการดำเนินการโครงการกองทุนสิ่งแวดล้อม ระยะที่ 1  ครั้งที่ 4  
(เงินกู้จากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น (JBIC หรือ OECF เดิม) ณ  วันที่  30  มิถุนายน 
2543 สรุปได้ว่า โครงการกองทุนสิ่งแวดล้อม  ระยะที่ 1  เป็นโครงการที่ให้การสนับสนุนการแก้ไขปัญหา 
สิ่งแวดล้อมแก่ส่วนราชการส่วนท้องถิ่น  ซึ่งได้อนุมัติวงเงินเป็นรายโครงการไปแล้ว  24  โครงการ   โดยมี 
การเบิกจ่ายไปแล้วบางส่วน  จำนวน  15  โครงการ  ได้แก่  โครงการว่าจ้างที่ปรึกษา ฯ  โครงการจัดการ 
น้ำเสียเขตควบคุมมลพิษ   จังหวัดสมุทรปราการ   และโครงการจัดการน้ำเสียและกำจัดขยะในพื้นที่อื่น ๆ  
จำนวน 13 โครงการ  รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,328.267 ล้านบาท   รวมทั้งแผนการเบิกจ่ายของโครงการ ฯ  
ในระยะต่อไป      ในส่วนของการดำเนินการเพื่อเร่งรัดการใช้จ่ายได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้ 
รับการสนับสนุนโครงการให้เร่งรัดดำเนินการให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงานที่กำหนด     กับได้จัดทำ  
เอกสารการประเมินความเหมาะสมของโครงการตามคู่มือที่  JBIC  ได้เห็นชอบแล้ว  สำหรับโครงการที่ได้ 
มีการปรับเพิ่มเติมอยู่ระหว่างการพิจารณานำเสนอคณะอนุกรรมการด้านเทคนิค และคณะกรรมการกอง 
ทุน ฯ   พิจารณาเป็นรายโครงการต่อไป    นอกจากนี้   ได้กำหนดแผนการประชุมสัมมนาเพื่อเสริมสร้าง  
ศักยภาพการบริหารงานโครงการให้มีประสิทธิภาพ    สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนและระเบียบการ
เบิกจ่ายเงินกู้ ตลอดจนการติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมรายงานผลการดำเนินงาน  
โครงการจ้างบัณฑิตอาสาเสริมสร้างความเข้มแข็งศูนย์สงเคราะห์ราษฎรประจำหมู่บ้าน ปี 2543 ครั้งที่ 2 ณ   
วันที่ 30 มิถุนายน 2543 สรุปได้ว่า  โครงการจ้างบัณฑิตอาสา ฯ ปี 2543 ปัจจุบันมีบัณฑิตอาสาปฏิบัติงาน 
จำนวน 10,404 คน  และรอการบรรจุใหม่ จำนวน 139 อัตรา  สำหรับผลการปฏิบัติงานตั้งแต่เริ่มต้นโครง  
การเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมิถุนายน 2543 ประกอบด้วย  การสนับสนุนศูนย์สงเคราะห์ราษฎรประจำหมู่ 
บ้านให้เป็นองค์กรประชาชนที่เข้มแข็ ง การกระตุ้นให้องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นนำข้อมูลทะเบียนผู้ประสบ 
ปัญหาด้านแรงงานและสวัสดิการสังคม และข้อมูลส่งเสริมสวัสดิการสังคมระดับครัวเรือน ไปประกอบการจัด
ทำแผนด้านแรงงานและสวัสดิการสังคม การสนับสนุนให้ความรู้ด้านกีฬา และพิษภัยของสิ่งเสพติด การเผย 
แพร่ความรู้ด้านประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการติดตามผลโครงการลงทุนเพื่อสังคม ปี 2542 รวม 
2,257 โครงการ  การสนับสนุนการบริหารจัดการโครงการ รวม 1,610 โครงการ  การช่วยเหลือสนับสนุน  
ศูนย์สงเคราะห์ราษฎรประจำหมู่บ้านในการจัดทำโครงการปี  2543   เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณ  
จากกองทุนลงทุนเพื่อสังคม (SIF) จำนวน 2,286 โครงการ ปัญหาอุปสรรคและแนวทางแก้ไข   ในส่วนของ
การเบิกจ่ายเงิน โครงการ ฯ ได้เบิกจ่ายเงินโครงการ ฯ ไปยังกรมบัญชีกลาง  งวดที่  1  และงวดที่  2  ตั้งแต่
เดือนกุมภาพันธ์ -  สิงหาคม 2543 รวม 476.68 ล้านบาท โดยเป็นค่าใช้จ่ายในส่วนกลาง 2.39 ล้านบาท
และในส่วนภูมิภาค 474.29 ล้านบาท

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการปฏิบัติตามคำชี้ขาด   
ของอนุญาโตตุลาการ   พ.ศ. ....  (กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการให้หน่วยงานภาครัฐปฏิบัติตามคำชี้ขาดโดย  
ไม่จำเป็นต้องให้ศาลมีคำพิพากษาบังคับตามคำชี้ขาดนั้นอีก     โดยได้แก้ไขคำว่า  "ส่วนราชการ"  เป็นคำว่า   
"หน่วยงานภาครัฐ"  เพื่อให้ครอบคลุมถึงกระทรวง  ทบวง  กรม   ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะ   
เทียบเท่ากรม  ราชการส่วนภูมิภาค  ราชการส่วนท้องถิ่น   และให้หมายความรวมถึงรัฐวิสาหกิจ   ตลอดจน    
องค์กรอื่น ๆ ของรัฐ   และให้หน่วยงานภาครัฐปฏิบัติตามคำชี้ขาดโดยเร็ว   หากเห็นว่าคำชี้ขาดนั้นชอบด้วย 
กฎหมาย รวมทั้งการเพิ่มในส่วนของการให้หน่วยงานภาครัฐปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการในข้อ  
พิพาทระหว่างสถาบันการลงทุนพหุภาคกับหน่วยงานภาครัฐ)  ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ      และให้ส่ง  
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา      โดยให้ยึดหลักความรับผิดชอบของหน่วยงานภาครัฐคู่ 
สัญญาเป็นหลัก ให้มีคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง ประกอบด้วยผู้แทนกระทรวงการคลังเป็นประธาน  ผู้แทน 
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นกรรมการ เพื่อพิจารณาเสนอความ  
เห็นในกรณีหน่วยงานภาครัฐมีคู่สัญญาเห็นควรไม่ปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ    โดยให้หน่วย  
งานภาครัฐคู่สัญญาเสนอขอความเห็นภายในเวลาที่กำหนดไว้ตามระเบียบ กับให้หน่วยงานภาครัฐคู่สัญญา 
รับความเห็นของคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นใหม่ไปประกอบการพิจารณาและตัดสินใจโดยไม่ชักช้า แล้วแจ้งผล  
ให้คณะกรรมการทราบด้วย   และเมื่อสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเสร็จแล้ว  ให้ดำเนิน 
การต่อไปได้

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการโครงการบำบัดน้ำเสียปริมณฑลส่วนเหนือ ขั้นที่ 1 
(คูคต - ประชาธิปัตย์) และโครงการบำบัดน้ำเสียอ้อมน้อย  -  อ้อมใหญ่   และอนุมัติให้ดำเนินการต่อไปได้   
ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้องค์การจัดการน้ำเสีย (อจน.) ดำเนินการ
จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อดำเนินการออกแบบรวมก่อสร้างระบบของทั้ง 2 โครงการ   โดย อจน. เป็นเจ้าของ
งานออกแบบรวมก่อสร้างระบบรวบรวมน้ำเสีย   และบริษัทร่วมทุนเป็นเจ้าของงานจัดซื้อที่ดินและออกแบบ
รวมก่อสร้างโรงบำบัดน้ำเสีย โดยใช้วิธีการประกวดราคาเป็นแบบ  International Competitive Bidding  
โดยให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการ
พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  สำนักงบประมาณ  และคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ   
(เกี่ยวกับการให้ความสำคัญในเรื่องการบริหารโครงการโดยการประชาสัมพันธ์ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
และประชาชนในพื้นที่โครงการมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน   มีการจัดเก็บอัตราค่าบริการบำบัดน้ำเสีย  
ค่าใช้จ่ายในการลงทุน การประสานแผนระหว่างสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม กับ  อจน.  ในการ   
ดำเนินโครงการให้เหมาะสมและมีความชัดเจน   ซึ่งควรมีการสอบถามความต้องการของหน่วยราชการท้องถิ่น 
เพื่อมิให้เกิดการต่อต้านโครงการในอนาคต  และควรให้ภาคเอกชนร่วมลงทุนในระบบรวบรวมน้ำเสียใน
สัดส่วน 30 : 70 อำนาจหน้าที่ของ อจน. ในการดำเนินการจัดการและดูแลระบบบำบัดน้ำเสีย  รวมทั้ง
การเสนอผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการต่อสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ ฯ พิจารณา
ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการของโครงการกรณีที่การดำเนินโครงการ
ที่มีมูลค่าโครงการเกิน 1,000 ล้านบาท) ไปประกอบพิจารณาดำเนินการ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนคณะกรรมการมาตรฐานการ
บริการงานบุคคลส่วนท้องถิ่น  คณะกรรมการกลางข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด   คณะกรรมการ 
กลางพนักงานเทศบาล คณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตำบล  และคณะอนุกรรมการ  พ.ศ. ....  (กำหนด  
หลักการและอัตราค่าตอบแทนให้แก่คณะกรรมการดังกล่าว)  ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ     และให้ส่ง   
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา  แล้วดำเนินการต่อไปได้   สำหรับอัตราค่าตอบแทนคณะ   
กรรมการและคณะอนุกรรมการดังกล่าว ให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง    โดยอัตราค่าตอบ     
แทนคณะกรรมการ ฯ  ให้กำหนดเงินสมนาคุณเป็นรายเดือนในอัตราที่ปรับลดลงกึ่งหนึ่งเพื่อให้สอดคล้อง  
กับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2541 คือ  ตำแหน่งประธานกรรมการ  เดือนละ  5,000  บาท 
กรรมการ เลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการ เดือนละ 4,000 บาท  หากเดือนใดไม่มีการประชุมหรือมีแต่ไม่  
เข้าประชุมให้งดจ่าย ส่วนคณะอนุกรรมการให้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุม
กรรมการ พ.ศ. 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติม   โดยให้อนุกรรมการ   เลขานุการ   และผู้ช่วยเลขานุการ ได้รับ
อัตราครั้งละ 250 บาท ประธานอนุกรรมการ ได้รับเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งในสี่ของอัตราดังกล่าว
 

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการ  สำนักงานปลัดกระทรวง  
กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. .... (ปรับปรุงพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการ สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวง  
มหาดไทย พ.ศ. 2537  โดยให้ยุบเลิกสำนักงานนายทะเบียนพรรคการเมือง  และจัดตั้งสำนักงานคณะกรรม  
การมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น เป็นหน่วยงานที่มีฐานะสูงกว่า กอง รวมทั้งปรับปรุงอำนาจ 
หน้าที่ของกองงานคณะกรรมการควบคุมการประกอบวิชาชีพวิศวกรรม และสถาปัตยกรรม) ตามที่กระทรวง  
มหาดไทยเสนอ    และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา    และให้รับข้อสังเกตของคณะ   
รัฐมนตรี  (เกี่ยวกับรูปแบบการแบ่งส่วนราชการที่ถูกต้อง)  ไปพิจารณา     แล้วดำเนินการต่อไปได้      และ 
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงาน  ก.พ.  และสำนักงบประมาณ  (เกี่ยวกับอัตรากำลังและงบ   
ประมาณค่าใช้จ่ายของสำนักงานคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น    และการปรับ   
ปรุงกองงานคณะกรรมการควบคุมการประกอบวิชาชีพวิศวกรรม และสถาปัตยกรรม)  ไปดำเนินการร่วมกับ 
สำนักงาน ก.พ. และสำนักงบประมาณต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเงินสมนาคุณคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วน  
ท้องถิ่น  โดยให้ประธานกรรมการ  เดือนละ 2,500 บาท  กรรมการ  เดือนละ 2,000 บาท  กรรมการบุคคล 
ภายนอกให้ได้รับในอัตราเดียวกับข้าราชการ ทั้งนี้ และหากเดือนใดไม่มีการประชุมหรือมีการประชุมแต่ไม่เข้า
ประชุม ให้งดจ่ายตามความเห็นของกระทรวงการคลัง