ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 75 จากทั้งหมด 200 หน้า แสดงรายการที่ 1481 - 1500 จากข้อมูลทั้งหมด 3982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1481 | รายงานการประเมินผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (ช่วงครึ่งแผน) ประจำปี พ.ศ. 2552 - 2554 | ยธ | 19/03/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบรายงานการประเมินผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ ๒ (ช่วงครึ่งแผน) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๔ ซึ่งมีความสำเร็จจากการดำเนินงานตามแผนสิทธิมนุษยชนฯ ใน ๒ ประเด็นสำคัญ คือ ประเด็นแรก สังคมไทยเริ่มเห็นความสำคัญของการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตามหลักสิทธิมนุษยชนและรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมีแนวโน้มดีขึ้น และประเด็นที่สอง เครือข่ายสิทธิมนุษยชนเข้มแข็งในทุกภูมิภาคและมีความตื่นตัวในเรื่องสิทธิมนุษยชน เพื่อพัฒนาสู่มาตรฐานสากลยังไม่บรรลุในช่วงครึ่งแผนแรก (พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๔) โดยยังประสบปัญหาในหลายประการ ทั้งปัญหาการขาดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องสิทธิมนุษยชน การจัดการความรู้ การถอดบทเรียนการปฏิบัติที่ดีด้านสิทธิมนุษยชน และการใช้ประโยชน์ในการปรับแผนงานของหน่วยงานตนเองและการถ่ายทอดให้กับผู้อื่น รวมทั้งการวิจัยในเรื่องสิทธิมนุษยชนที่มีค่อนข้างน้อยมาก ๑.๒ ให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องนำผลการศึกษาการประเมินผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานตามแผนสิทธิมนุษยชนฯ ไปดำเนินการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการขับเคลื่อนแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตลอดจนภารกิจที่ท้าทายที่จะต้องดำเนินการที่สอดคล้องและเชื่อมโยงกับนโยบายรัฐบาลผลักดันเรื่อง “สิทธิมนุษยชน” ควบคู่กับการดำเนินงานตามภารกิจของตนเองในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้น ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรมีแผนในการขับเคลื่อนเรื่องสิทธิมนุษยชนเพื่อให้หน่วยงานปฏิบัติที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนมีความรู้ ความเข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชนทั้งสิทธิของตนเองและการไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่นอย่างจริงจัง รวมทั้งให้ทุกภาคส่วนช่วยกันรณรงค์เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ ตลอดจนให้ความสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนให้กับประชาชนเพิ่มมากขึ้นทั้งในระดับท้องถิ่น ชุมชน ขยายสู่ระดับภูมิภาค และระดับประเทศ นอกจากนี้ ในขั้นปฏิบัติหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาดำเนินการผลักดันเรื่องสิทธิมนุษยชนให้สอดคล้องและเชื่อมโยงกับนโยบายของรัฐบาล เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
1482 | การจัดทำสัญญาเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงมอสโก | พณ | 19/03/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๙ รายการค่าเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงมอสโก โดยมีวงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาสัญญาเช่าทั้งสิ้น ๓๖,๑๘๙,๖๐๐ บาท หรือเท่ากับ ๑,๑๘๖,๕๔๔.๒๑ ดอลลาร์สหรัฐ คิดอัตราแลกเปลี่ยน ๑ ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๓๐.๕๐ บาท หรือไม่เกินวงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาเช่าตามสกุลเงินท้องถิ่นกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๑๘๕,๘๖๗.๘๗ ดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับ ๕,๖๖๙,๐๐๐ บาท ส่วนงบประมาณที่เหลือให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๙ ตามความจำเป็นต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||
1483 | แผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2556 | มท | 19/03/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี ๒๕๕๖ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จังหวัด และอำเภอ ใช้เป็นกรอบแนวทางในการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี ๒๕๕๖ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ชื่อในการรณรงค์ “สงกรานต์เป็นสุข ทุกคนปลอดภัย ร่วมใจรักษาวัฒนธรรม” ๑.๒ ดำเนินการระหว่างวันที่ ๑๑-๑๗ เมษายน ๒๕๕๖ รวม ๗ วัน ๑.๓ เป้าหมายการดำเนินงาน ให้สามารถลดจำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิต และจำนวนผู้บาดเจ็บ (Admit) ให้เหลือน้อยที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี ๒๕๕๕ โดยให้จังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้กำหนดเป้าหมายในการดำเนินการของแต่ละพื้นที่ ๑.๔ มาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ๖ มาตรการ ได้แก่ มาตรการด้านบริหารจัดการ มาตรการด้านการบังคับใช้กฎหมาย มาตรการด้านสังคม มาตรการด้านวิศวกรรมจราจร มาตรการด้านการประชาสัมพันธ์ และมาตรการด้านบริการการแพทย์ฉุกเฉิน กู้ชีพ กู้ภัย ๑.๕ มาตรการเน้นหนัก ได้แก่ การควบคุมความเร็ว การควบคุมการเมาสุราแล้วขับขี่ยานพาหนะ การจัดพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ที่มีความปลอดภัย การเล่นน้ำสงกรานต์ท้ายรถกระบะให้มีความปลอดภัย การควบคุมการใช้รถจักรยานยนต์ และการควบคุมการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ๑.๖ ช่วงเวลาดำเนินการ กำหนดเป็น ๓ ช่วง ได้แก่ ช่วงเตรียมความพร้อม ระหว่างวันที่ ๑-๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ช่วงการรณรงค์ ระหว่างวันที่ ๑ มีนาคม-๑๐ เมษายน ๒๕๕๖ และช่วงควบคุมเข้มข้น ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๗ เมษายน ๒๕๕๖ ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) รับไปกำกับติดตามการปฏิบัติงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ประชาชนผู้เดินทางได้รับความปลอดภัยในการเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศให้ได้รับการปกป้องดูแลชีวิตและทรัพย์สินเป็นอย่างดีและทั่วถึง ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติดำเนินการและประสานงานในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การจราจรขนส่งในสายทางต่าง ๆ มีความสะดวกปลอดภัย โดยให้ความสำคัญกับพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเป็นพิเศษด้วย
|
||||||||||||||||||
1484 | โครงการจัดเวทีประชาเสวนา หาทางออกประเทศไทย | อื่นๆ | 19/03/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ดำเนินโครงการจัดเวทีประชาเสวนา หาทางออกประเทศไทย ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) เสนอและอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อดำเนินโครงการดังกล่าว โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว ในวงเงิน ๖๙,๘๐๗,๒๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยตรวจสอบโครงการและงบประมาณของหน่วยงานที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย เช่น กรมการปกครอง กรมการพัฒนาชุมชน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น หากมีการดำเนินการในลักษณะเดียวกับโครงการจัดเวทีประชาเสวนา หาทางออกประเทศไทย ก็ให้นำมาบูรณาการร่วมกับโครงการนี้ เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อน เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และประหยัดงบประมาณ ทั้งนี้ หากมีประเด็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับการดำเนินโครงการดังกล่าวให้กระทรวงมหาดไทยหารือรองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) ด้วย
|
||||||||||||||||||
1485 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ไตรมาสที่ 1 (ตุลาคม - ธันวาคม 2555) | กค | 12/03/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ไตรมาสที่ ๑ (ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๕) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ มีการเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๖๙๙,๗๗๒.๒๘ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒๙.๑๖ ของวงเงินงบประมาณ จำนวน ๒,๔๐๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ ๙.๑๖ เป็นผลมาจากการเบิกจ่ายเงินของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเพื่อโอนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน ๗๖,๙๐๗.๔๙ ล้านบาท และการเบิกจ่ายของหน่วยงานที่เบิกจ่ายเงินทั้งจำนวนแล้ว จำนวน ๓๓ หน่วยงาน จำนวนเงิน ๑๖,๐๖๑.๔๗ ล้านบาท รวมทั้งสิ้นจำนวน ๙๒,๙๖๘.๙๖ ล้านบาท โดยมีการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำ จำนวน ๖๔๑,๓๖๔.๕๗ ล้านบาท หรือร้อยละ ๓๒.๐๖ ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำหลังโอนเปลี่ยนแปลง จำนวน ๒,๐๐๐,๕๘๓.๘๖ ล้านบาท และรายจ่ายลงทุน จำนวน ๕๘,๔๑๔.๗๑ ล้านบาท หรือร้อยละ ๑๔.๖๓ ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนหลังโอนเปลี่ยนแปลง จำนวน ๓๙๙,๔๑๖.๑๔ ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายรายจ่ายลงทุนร้อยละ ๔.๖๓ ๒. เงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีและขยายเวลาเบิกจ่ายเงิน ประกอบด้วย เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘-พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวนเงินรวมทั้งสิ้น ๒๙๖,๗๙๘.๓๓ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วจำนวน ๘๖,๑๓๓.๖๙ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒๙.๐๒ ของวงเงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี สำหรับผลการเบิกจ่ายเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีรายการที่ควรให้ความสำคัญ ได้แก่ งบกลาง : รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ จำนวน ๑๒๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงสิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๗,๔๙๐.๓๐ ล้านบาท และตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ มีการเบิกจ่ายรวมทั้งสิ้นจำนวน ๑๐๗,๒๔๘.๙๖ ล้านบาท หรือร้อยละ ๘๙.๓๗ ของวงเงินที่จัดสรร ๓. เงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท เบิกจ่ายตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงสิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๑,๑๔๒.๖๖ ล้านบาท และตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ จัดสรรแล้วจำนวนทั้งสิ้น ๓๔๑,๕๓๐.๒๑ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วจำนวน ๓๒๑,๓๒๗.๖๑ ล้านบาท หรือร้อยละ ๙๔.๐๘ ของวงเงินที่จัดสรร ๔. เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓๕๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงสิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๒,๗๘๒.๒๓ ล้านบาท และตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ จัดสรรแล้วจำนวนทั้งสิ้น ๒๒,๖๓๘.๑๗ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วจำนวน ๔,๕๔๕.๑๗ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒๐.๐๘ ของวงเงินที่จัดสรร
|
||||||||||||||||||
1486 | การควบคุมและป้องกันการระบาดใหญ่ของไข้เลือดออก ปี 2556 | สธ | 12/03/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงมหาดไทยกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้นำทุกท้องถิ่น ผู้นำชุมชนรับผิดชอบระดมสรรพกำลังในการทำให้ประชาชนทุกคนลุกขึ้นมากำจัดกวาดล้างทำลายลูกน้ำทุกบ้านอย่างเร่งด่วนโดยเฉพาะตั้งแต่เดือนมีนาคม ถึงเดือนมิถุนายน ในพื้นที่รับผิดชอบ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการกำชับให้ผู้บริหารโรงเรียนทั้งภาครัฐและเอกชนทุกแห่งกำหนดให้มีผู้รับผิดชอบการกำจัดกวาดล้างทำลายลูกน้ำในทุกอาคาร ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมขอความร่วมมือไปยังทุกสถานประกอบการให้มีการจัดเวรยามกำจัดกวาดล้างทำลายลูกน้ำในทุกอาคารและที่พัก ๔. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาขอความร่วมมือเจ้าของโรงแรมและรีสอร์ทเอาใจใส่ให้มีการกำจัดกวาดล้างทำลายลูกน้ำในทุกอาคารและบริเวณโดยรอบของโรงแรม ๕. ให้กรมประชาสัมพันธ์สนับสนุนให้มีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อทุกช่องทางในการให้ความรู้แก่ประชาชนในการดูแลบ้านเรือนและอาคารค้าขายมิให้มีลูกน้ำในภาชนะต่าง ๆ ๖. ให้ทุกกระทรวงรับผิดชอบการดำเนินงานตามบริบทของตนเอง |
||||||||||||||||||
1487 | รายงานผลการจัดนิทรรศการ Thailand 2020 ก้าวไกล เชื่อมไทยสู่โลก นิทรรศการการลงทุนของประชาชน เพื่อประชาชน | คค | 12/03/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการจัดนิทรรศการ Thailand 2020 ก้าวใหม่ เชื่อมไทยสู่โลก นิทรรศการการลงทุนของประชาชน เพื่อประชาชน ระหว่างวันที่ ๘-๑๒ มีนาคม ๒๕๕๖ ณ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ แจ้งวัฒนะ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้ขยายเวลาการจัดนิทรรศการดังกล่าวออกไปจนถึงวันเสาร์ที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๖ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ เนื้อหาสาระของนิทรรศการ สื่อสารให้ผู้เข้าชมนิทรรศการรับทราบถึงแผนการลงทุนด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศภายใต้หัวข้อ ลงทุนทำไม? ลงทุนอย่างไร? ลงทุนแล้วได้อะไร? โดยจัดแสดงทั้งในรูปของมัลติวิชั่น บอร์ดนิทรรศการที่นำเสนอเนื้อหาโครงการต่าง ๆ ทางด้านการขนส่งทางบก การขนส่งทางน้ำ การขนส่งทางอากาศ และระบบราง ตลอดจนการก่อสร้างด่านศุลกากรบริเวณชายแดนที่สำคัญ ๆ เป็นต้น ๑.๒ กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วยการเสวนาหัวข้อ “ยุทธศาสตร์การลงทุนเพื่ออนาคตประเทศ” และการบรรยายหัวข้อ “การให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนภายใต้พระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ” การเสวนาเรื่อง การประเมินราคาที่ดิน และการบริหารที่ราชพัสดุสำหรับโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งของประเทศ จัดโดยกระทรวงการคลัง รวมทั้งการสัมมนาเรื่อง “การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ๒ ล้านล้าน...ประเทศชาติและประชาชนได้อะไร?” และการจัดกิจกรรมเวทีกลางในรูปแบบของความบันเทิง ซึ่งเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับการลงทุนของประเทศที่สื่อสารให้ผู้ร่วมกิจกรรมเข้าใจง่าย ให้ความรู้ และสามารถสร้างการมีส่วนร่วมของผู้เข้าชมนิทรรศการได้เป็นอย่างดี จัดโดยกระทรวงคมนาคม ๑.๓ จำนวนและประเภทผู้เข้าชมนิทรรศการและการสัมมนา มีผู้เข้าชมนิทรรศการไม่ต่ำกว่า ๑๐,๐๐๐ คนทุกวัน ประกอบด้วยสมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นักวิชาการ สื่อมวลชน ผู้ประกอบการ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป และจากการประเมินผลเบื้องต้นจากแบบสอบถาม ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่แสดงการมีส่วนร่วม โดยให้ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ เช่น การดำเนินงานของรัฐบาลในลักษณะนี้ควรดำเนินการมานานแล้ว เพื่อให้ทันกับการพัฒนาประเทศเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การดำเนินการควรดำเนินการเป็นขั้นตอนอย่างเป็นระบบ เพื่อจะได้ติดตาม ตรวจสอบได้โดยง่าย และให้คำนึงถึงความโปร่งใสในการดำเนินงาน โดยมีข้อห่วงใยว่ารัฐบาลมุ่งแต่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแต่อย่าละเลยการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรด้วย เป็นต้น ๒. ให้หัวหน้าส่วนราชการและบุคคลที่เกี่ยวข้องของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับการลงทุนตามแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ เข้าชมนิทรรศการดังกล่าวเพื่อให้มีความเข้าใจและได้รับข้อมูลต่าง ๆ ที่ครบถ้วนถูกต้องตรงกัน ๓. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เชิญชวนภาคเอกชนเพิ่มเติม และกระทรวงมหาดไทยเชิญชวนบุคลากรของจังหวัดและของส่วนราชการส่วนท้องถิ่นเข้าร่วมชมนิทรรศการด้วย เพื่อจะได้ให้ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน ถูกต้อง เป็นประโยชน์และสามารถดำเนินงานต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้
|
||||||||||||||||||
1488 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายซอยเสนานิเวศน์ 200 กับถนนนาคนิวาส พ.ศ. .... | มท | 05/03/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายซอยเสนานิเวศน์ ๒๐๐ กับถนนนาคนิวาส พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายซอยเสนานิเวศน์ ๒๐๐ กับถนนนาคนิวาส ในท้องที่แขวงจรเข้บัว และแขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
1489 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายถนนเลียบคลองสองและซอยรามอินทรา 109 พ.ศ. .... | มท | 05/03/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายถนนเลียบคลองสองและซอยรามอินทรา ๑๐๙ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายถนนเลียบคลองสองและซอยรามอินทรา ๑๐๙ ในท้องที่เขตคลองสามวา และเขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
1490 | ผลการพิจารณาคำร้อง (กรณีปัญหาความขัดแย้งระหว่างนายทุนผู้เลี้ยงหอยแครงกับกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านอ่าวปัตตานี) | สม | 05/03/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตามรายงานผลการตรวจสอบของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่ ๑๐๕๒/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ เรื่อง สิทธิในกระบวนการยุติธรรมและสิทธิชุมชน กรณีปัญหาความขัดแย้งระหว่างนายทุนผู้เลี้ยงหอยแครงกับกลุ่มประมงพื้นบ้าน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ สรุปข้อเสนอแนะเชิงนโยบายได้ ดังนี้ ๑.๑ คณะรัฐมนตรี โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในการเข้าถึงหรือการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ โดยยึดหลักความได้สัดส่วนระหว่างประโยชน์สาธารณะกับประโยชน์ของบุคคล ๑.๒ คณะรัฐมนตรี โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายในการกำกับ ควบคุม และตรวจสอบการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ๑.๓ คณะรัฐมนตรี โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่องในการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติที่เสื่อมโทรม และบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ โดยการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชนในท้องที่ หรือที่ได้รับหรืออาจจะได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ ๑.๔ ในการพิจารณาอนุญาตให้ทำการประมงในผืนน้ำอันเป็นที่สาธารณประโยชน์ จะต้องนำความเห็นที่ได้จากการจัดรับฟังความคิดเห็นของชุมชนและผู้ที่ได้รับหรืออาจจะได้รับผลกระทบจากการอนุญาต มาเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งในการพิจารณา โดยจะต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัดด้วย ๑.๕ ควรจัดเวทีเสวนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นของชุมชนและผู้ที่ได้รับหรืออาจจะได้รับผลกระทบจากการดำเนินการใด ๆ ต่อทรัพยากรและพื้นที่ชายฝั่งและริมทะเล โดยคำนึงถึงวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่นและภูมิปัญญาชาวบ้านด้วย ๒. ให้หน่วยงานรับข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติตามข้อ ๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงาน โดยให้อยู่ในกรอบของกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะเชิงนโยบายข้อ ๑.๑-๑.๓ และข้อเสนอเพิ่มเติมของรองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) ว่า การแก้ปัญหากรณีความขัดแย้งในการทำประมงในพื้นที่สาธารณประโยชน์ ควรมีการจัดตั้งคณะกรรมการ โดยมีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาแนวทางในการใช้พื้นที่สาธารณประโยชน์สำหรับการเลี้ยงหอยแครงและการประมงพื้นบ้านให้เกิดความสมดุลภายใต้หลักเกณฑ์ที่ชัดเจน โดยให้คำนึงถึงการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน เป็นธรรม และเกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะเชิงนโยบายข้อ ๑.๔ และข้อ ๑.๕ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
1491 | ร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | นร09 | 27/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ โดยคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๑) พิจารณาเห็นว่า การรับหลักการร่างพระราชบัญญัติทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าว จะไม่เป็นผลดีต่อการบริหารราชการแผ่นดินในระยะยาว ทั้งยังอาจขัดต่อนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการกระจายอำนาจและการให้ท้องถิ่นสามารถปกครองตนเองได้ เป็นการสมควรที่คณะรัฐมนตรีจะพิจารณามอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยไปดำเนินการปรับปรุงพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ฯ เสียใหม่ ในแนวทางที่ให้กำนันและผู้ใหญ่บ้านมีฐานะเป็นผู้ช่วยเหลือนายอำเภอ และตัดอำนาจใด ๆ ที่จะซ้ำซ้อนกับอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออก รวมตลอดทั้งพิจารณาบทบัญญัติต่าง ๆ ที่ปรากฏในพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ฯ ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ หรือไม่เหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน หรือไม่อาจบังคับใช้ได้ในปัจจุบัน หรือที่หมดความจำเป็นให้เหมาะสมต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับรายงานผลการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปศึกษาให้ได้ข้อยุติเพื่อดำเนินการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้มีความเหมาะสมต่อไป แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||
1492 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายถนนฉลองกรุง พ.ศ. .... | มท | 27/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายถนนฉลองกรุง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายถนนฉลองกรุง ในท้องที่แขวงลำผักชี เขตหนองจอก และแขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
1493 | รายงานสรุปผลการประชุมประจำปี 2555 เรื่อง อนาคตประเทศไทยบนเส้นทางสีเขียว | นร11 | 27/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. รายงานสรุปผลการประชุมประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ เรื่อง อนาคตประเทศไทยบนเส้นทางสีเขียว เมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๖ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี ผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย คณะรัฐมนตรี สมาชิกรัฐสภา สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ องค์กรพัฒนาเอกชน ภาคเอกชน นักวิชาการ ผู้นำชุมชน ผู้แทนจากภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สื่อมวลชน และประชาชน สาระสำคัญของการประชุมฯ ได้มีการอภิปรายเรื่อง “แนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาสังคมสีเขียว” โดยผู้ทรงคุณวุฒิ และการระดมความคิดเห็นจากประชาชนในทุกภาคส่วนเกี่ยวกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อการพัฒนาสู่สังคมสีเขียวทั้งภายนอกประเทศและภายในประเทศที่สำคัญ รวมทั้งการกำหนดแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาสู่สังคมสีเขียวในแต่ละมิติ แบ่งเป็น ๗ กลุ่มย่อย ได้แก่ กลุ่มที่ ๑ อนาคตเกษตรกรไทยสู่การเติบโตสีเขียว กลุ่มที่ ๒ อุตสาหกรรมสะอาด : วิถีใหม่ของอุตสาหกรรมอนาคต กลุ่มที่ ๓ มุ่งสร้างสรรค์การท่องเที่ยวสีเขียว เพื่อการพัฒนาอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน กลุ่มที่ ๔ การพัฒนาระบบขนส่งและพลังงาน เพื่อระบบเศรษฐกิจสีเขียว กลุ่มที่ ๕ เส้นทางสู่นวัตกรรมสีเขียว กลุ่มที่ ๖ สังคมสีเขียว : นวัตกรรมทางสังคมสู่การพัฒนาที่ทั่วถึงและยั่งยืน และกลุ่มที่ ๗ การรับมือภัยพิบัติภายใต้การเติบโตสีเขียว ๒. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีการขับเคลื่อนประเด็นการพัฒนาประเทศสู่สังคมสีเขียวให้เชื่อมโยงและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศ (Country Strategy) และยุทธศาสตร์การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนปี ๒๕๕๘ ต่อไป
|
||||||||||||||||||
1494 | ผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ครั้งที่ 1/2556 | นร11 | 27/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๖ ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการ กยอ. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบสรุปผลการศึกษาดูงาน “การสร้างสรรค์มูลค่าจากรถไฟความเร็วสูง” ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๕ ณ ประเทศญี่ปุ่น ของ กยอ. ๑.๑ ผลการศึกษาดูงานพบว่า ปัจจัยแห่งความสำเร็จของการสร้างสรรค์มูลค่าเพิ่มจากกิจการรถไฟในประเทศญี่ปุ่นที่สำคัญ ได้แก่ การปฏิรูปและการพัฒนากิจการรถไฟให้มีประสิทธิภาพควรต้องสร้างความเข้าใจกับผู้มีส่วนได้เสียและผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างค่อยเป็นค่อยไปและต่อเนื่อง การออกแบบบริการ (Service Design) ควรต้องทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้บริการในพื้นที่/ชุมชนที่แตกต่างกันและสร้างกิจกรรมที่ตอบสนองวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงของประชาชนผู้ใช้บริการได้อย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่นเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนการสร้างมูลค่าเพิ่มจากกิจการรถไฟ ๑.๒ กยอ. มีความเห็นเพิ่มเติมว่า ควรมีการพิจารณาแนวทางการพัฒนาการรถไฟของประเทศญี่ปุ่นมาปรับใช้กับการปฏิรูปการรถไฟของประเทศไทย โดยมีการวางแผนในการดำเนินการอย่างรอบคอบและมีการสื่อสารทำความเข้าใจกับสหภาพแรงงานการรถไฟแห่งประเทศไทยอย่างใกล้ชิด รวมทั้งใช้แนวทางที่เป็นนวัตกรรมใหม่ในการบริหารกิจกรรม ๒. ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าของกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ๒.๑ ผลการดำเนินการระหว่างวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๕-๗ มกราคม ๒๕๕๖ บริษัทประกันภัย จำนวน ๕๒ บริษัท ได้มีการจำหน่ายกรมธรรม์ประกันภัย จำนวน ๕๙๑,๑๖๗ ฉบับ โดยมีทุนประกันภัยพิบัติรวม ๖๒,๙๘๕ ล้านบาท เบี้ยประกันภัยรวม ๔๕๐ ล้านบาท ทุนประกันภัยต่อตามสัดส่วนกองทุนฯ รวม ๔๗,๘๖๔ ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยต่อรวม ๓๕๙ ล้านบาท ๒.๒ สัดส่วนการรับประกันภัยแบ่งตามกลุ่มผู้เอาประกันภัย กลุ่มบ้านและที่อยู่อาศัยมีสัดส่วนของการรับประกันภัยสูงสุดถึงร้อยละ ๙๑ รองลงมาคือ SMEs ร้อยละ ๘ และอุตสาหกรรม ร้อยละ ๑ กลุ่มบ้านอยู่อาศัยมีสัดส่วนของทุนประกันภัยต่อสูงสุดถึงร้อยละ ๕๕ อุตสาหกรรม ร้อยละ ๓๐ และ SMEs ร้อยละ ๑๕ และอุตสาหกรรมมีสัดส่วนของเบี้ยประกันภัยต่อสูงสุดถึงร้อยละ ๔๓ รองลงมาคือ บ้านและที่อยู่อาศัยร้อยละ ๓๗ และ SMEs ร้อยละ ๒๐ ๒.๓ โครงการจัดจ้างนายหน้า (ที่ปรึกษา) ประกันภัยต่อ โดยจัดจ้างบริษัทที่ปรึกษาประกันภัยต่อ ๒ บริษัท คือ Aon (Aon Benfield) และ Marsh (Guy Carpenter) ขณะนี้บริษัทประกันภัยอยู่ระหว่างการทำสัญญาการทำประกันภัยต่อโดยจะแล้วเสร็จภายใน ๒ เดือนข้างหน้า และบางบริษัทประสงค์จะขอปรับสัดส่วนการรับความเสี่ยงภัยไว้เอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลของสมาคมประกันวินาศภัยไทยให้แล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม ๒๕๕๖ และจะนำข้อมูลส่งให้กองทุนฯ รวบรวมให้บริษัทที่ปรึกษาพิจารณาแนวทางการทำประกันภัยต่อของกองทุนฯ ต่อไป ๓. ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานเพื่อฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรมของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) โดยผลการสำรวจสถานะผู้ประกอบการในนิคม/เขต/สวนอุตสาหกรรม ณ วันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๖ มีผู้ประกอบการที่เปิดดำเนินการเต็มกำลังการผลิต จำนวน ๔๘๙ ราย เปิดดำเนินการบางส่วน จำนวน ๒๑๐ ราย และยังไม่ได้เปิดดำเนินการ จำนวน ๑๔๐ ราย จากจำนวนผู้ประกอบการทั้งสิ้น ๘๓๙ ราย หรือคิดเป็นผู้ประกอบการที่เปิดดำเนินการแล้ว ร้อยละ ๘๓.๓๑ ทั้งนี้ ให้ กนอ. รายงานความคืบหน้าให้ กยอ. ทราบต่อไป ๔. ที่ประชุมรับทราบการแต่งตั้งนายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เป็นที่ปรึกษา กยอ. และมอบหมายฝ่ายเลขานุการ กยอ. รับไปดำเนินการตามระเบียบและขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||
1495 | แผนแม่บทพัฒนาส้วมสาธารณะไทย ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2556 - 2559) | สธ | 19/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบแผนแม่บทพัฒนาส้วมสาธารณะไทย ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๙) และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนแม่บทฯ ไปสู่การปฏิบัติเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายความสำเร็จที่กำหนดไว้ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยแผนแม่บทฯ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ วัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาส้วมครัวเรือนให้เหมาะสมในการรองรับต่อการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เพื่อให้ประเทศไทยมีส้วมสาธารณะได้มาตรฐาน สะอาด เพียงพอ ปลอดภัย เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้คนไทยมีพฤติกรรมการใช้ส้วมสาธารณะที่ถูกสุขลักษณะ รวมทั้งเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีการจัดการสิ่งปฏิกูลอย่างถูกหลักสุขาภิบาล ๑.๒ เป้าหมายความสำเร็จ ครัวเรือนไทยใช้ส้วมแบบ “ส้วมนั่งราบ” ร้อยละ ๙๐ ภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ สถานบริการสาธารณะและสถานที่สาธารณะมีบริการ “ส้วมนั่งราบ” อย่างน้อย ๑ ที่ ร้อยละ ๑๐ ของกลุ่มเป้าหมายภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ประเทศไทยมีส้วมสาธารณะที่สะอาด เพียงพอ ปลอดภัย ร้อยละ ๙๐ ของกลุ่มเป้าหมายภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ คนไทยมีพฤติกรรมการใช้ส้วมสาธารณะถูกสุขลักษณะ ร้อยละ ๙๐ ของผู้ใช้บริการในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีการจัดการสิ่งปฏิกูลอย่างถูกหลักสุขาภิบาล ร้อยละ ๕๐ ภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ๑.๓ กลุ่มเป้าหมาย ส้วมครัวเรือน และส้วมสาธารณะในสถานบริการสาธารณะและสถานที่สาธารณะ ๑๒ ประเภท ได้แก่ แหล่งท่องเที่ยว ร้านจำหน่ายอาหาร ตลาดสด สถานีขนส่งทางบกและทางอากาศ สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง สถานศึกษา โรงพยาบาล สถานที่ราชการ สวนสาธารณะ ศาสนสถาน ส้วมสาธารณะริมทาง และห้างสรรพสินค้า/ศูนย์การค้า/ดิสเคานต์สโตร์ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกรุงเทพมหานคร ที่เห็นควรแบ่งกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มครัวเรือนและกลุ่มสาธารณะให้ชัดเจน โดยส้วมครัวเรือน ใช้มาตรการรณรงค์และจูงใจให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาใช้ส้วมนั่งราบ โดยภาครัฐให้ความช่วยเหลือในการจัดหาส้วมนั่งราบเฉพาะกลุ่มคนจน และมีปัญหาข้อเข่าเสื่อมเท่านั้น ส้วมสาธารณะเอกชน สร้างแรงจูงใจโดยให้รางวัลและสร้างความตระหนักให้ผู้ใช้บริการมีจิตสำนึกในเรื่องการรักษาความสะอาด ส้วมสาธารณะของราชการส่วนท้องถิ่น รณรงค์ในเรื่องความเป็นเจ้าของและสร้างความตระหนักให้ส้วมสะอาดเป็นภาพลักษณ์ของชุมชนเพื่อเป็นต้นแบบและขยายผลไปยังพื้นที่อื่น ๆ และส้วมสาธารณะสังกัดส่วนราชการอื่น ควรเน้นรูปแบบการดูแลที่มีประสิทธิภาพและสามารถประหยัดต้นทุนแก่องค์กร รวมทั้งให้ความสำคัญกับบทบาทของภาครัฐในการสร้างนวัตกรรมสำหรับกำจัดสิ่งปฏิกูลให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานตามหลักสุขาภิบาล อีกทั้งสามารถสร้างประโยชน์คืนกลับสู่ชุมชน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) รับไปดำเนินการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ (workshop) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางและซักซ้อมความเข้าใจในการนำแผนแม่บทฯ ไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม มีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผล ทั้งนี้ ให้เน้นในเรื่องความสะอาดถูกสุขลักษณะ มีจำนวนเพียงพอ และปลอดภัยควบคู่กับการพัฒนาปรับเปลี่ยนรูปแบบของส้วมให้ได้มาตรฐาน รวมทั้งให้ส่งเสริมพฤติกรรมและการเรียนรู้วิธีการใช้ส้วมที่ถูกสุขลักษณะตั้งแต่ในโรงเรียนด้วย |
||||||||||||||||||
1496 | มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2555 เรื่อง การจัดการปัญหาหมอกควันที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ | สช | 19/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบมติคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๖ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) ประธานกรรมการสุขภาพแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบต่อมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๕ เรื่อง การแก้ปัญหาหมอกควันที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยให้นำมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากหมอกควันภาคเหนือตอนบนปี ๒๕๕๖ และการดำเนินการตามมาตรการป้องกันไฟป่าและหมอกควันประจำปี ๒๕๕๖ เพิ่มเติม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๖ และ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๖ พิจารณาประกอบเพื่อให้สอดคล้องกัน และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการต่อไป ๑.๒ รับทราบการประสานความร่วมมือด้านงบประมาณของรองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายประดิษฐ สินธวณรงค์) กับสำนักงานกองทุนสิ่งแวดล้อม และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ในการจัดการปัญหาหมอกควันที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมติคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๖ ไปพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ ภายใต้กฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และให้รับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เห็นควรสร้างแนวกันไฟโดยปลูกพืชที่เหมาะสม เช่น พืชที่อุ้มน้ำมาก ๆ เพื่อลดความรุนแรงของไฟป่า การถ่ายทอดองค์ความรู้ทางด้านสุขภาพทั้งการป้องกันปัญหาทางสุขภาพที่เกิดจากหมอกควันและการรักษาเมื่อเกิดปัญหาทางสุขภาพที่เกิดจากหมอกควัน การสำรวจและวิจัยอย่างเร่งด่วนเพื่อให้ทราบข้อมูลสาเหตุปัญหาที่แท้จริงในระดับพื้นที่ และการประสานความร่วมมือกับท้องถิ่นซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลระดับพื้นที่ที่ประสบปัญหาและมีความสามารถในการสร้างความมีส่วนร่วมและเป็นที่ยอมรับของชุมชนเพื่อให้เกิดการจัดการปัญหาไฟป่าและหมอกควันที่ยั่งยืน สำหรับมาตรการลดการเผาและการไม่ให้มีการเผา โดยเน้นการควบคุมปราบปรามอย่างเข้มงวด อาจกระทบต่อบางพื้นที่และป่าบางประเภทที่มีความจำเป็นต้องใช้วิธี “ชิงเผา” เพื่อกำจัดเชื้อเพลิงและป้องกันการลุกลามของไฟป่าอย่างรุนแรง จึงเห็นควรมุ่งเน้นการบริหารจัดการช่วงเวลาในการเผา และวิธีการใช้ไฟให้สอดคล้องกับระบบนิเวศน์ของแต่ละพื้นที่ รวมทั้งควรเร่งศึกษาวิจัยนวัตกรรมทางเทคโนโลยีทดแทนการเผาที่มีประสิทธิภาพมากกว่า เพื่อชักจูงให้เกษตรกรมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างสมัครใจ ไปประกอบการพิจารณาต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
1497 | การจัดทำสัญญาเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงบูดาเปสต์ | พณ | 19/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๘ รายการค่าเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงบูดาเปสต์ โดยมีวงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาสัญญาเช่าทั้งสิ้น ๒,๙๔๒,๙๐๐ บาท หรือเท่ากับ ๗๑,๗๗๕.๓๖ ยูโร คิดอัตราแลกเปลี่ยน ๑ ยูโร เท่ากับ ๔๑ บาท หรือไม่เกินวงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาเช่าตามสกุลเงินท้องถิ่น กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๒๐,๙๓๔.๔๘ ยูโร หรือเท่ากับ ๘๕๘,๔๐๐ บาท ส่วนงบประมาณที่เหลือให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘ ตามความจำเป็นต่อไป
|
||||||||||||||||||
1498 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร04 | 19/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับร่างพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... กลับไปพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามสิ่งยั่วยุพฤติกรรมอันตราย พ.ศ. .... กลับไปพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||
1499 | ร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร04 | 19/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||
1500 | วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 | นร07 | 12/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
๑. นโยบายงบประมาณ วงเงินและโครงสร้างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยกำหนดนโยบายงบประมาณขาดดุลสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ขาดดุล จำนวน ๒๕๐,๐๐๐ ล้านบาท และมีวงเงินงบประมาณรายจ่าย จำนวน ๒,๕๒๕,๐๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย รายจ่ายประจำ จำนวน ๒,๐๐๑,๓๖๘.๕ ล้านบาท รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง จำนวน ๑๓,๔๒๓.๗ ล้านบาท รายจ่ายลงทุน จำนวน ๔๕๗,๐๐๐ ล้านบาท และรายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน ๕๓,๒๐๗.๘ ล้านบาท ๒. แนวทางการจัดทำและเสนอของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ๒.๑ ให้ความสำคัญต่อการดำเนินภารกิจของกระทรวง/หน่วยงานที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศ ยุทธศาสตร์การเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ๑๖ ข้อ จุดเน้นของยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ และบูรณาการภารกิจให้สอดคล้องกับความต้องการของพื้นที่ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มรายได้ ลดรายจ่ายและขยายโอกาสแก่ประชาชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ๒.๒ จัดลำดับความสำคัญของแผนงาน/โครงการ ตามผลการประชุมเชิงปฏิบัติการการบูรณาการตามยุทธศาสตร์ประเทศ และตามแผนความต้องการงบลงทุนเบื้องต้นที่คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๖ (เรื่อง ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ และการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗) ให้เหมาะสม สอดคล้องกับความจำเป็นและวงเงินงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด รวมทั้งศักยภาพและความสามารถในการดำเนินงานของหน่วยงาน ๒.๓ คำนึงถึงความเชื่อมโยง สอดคล้อง และสนับสนุนแผนงาน/โครงการ จากแหล่งเงินงบประมาณและเงินนอกงบประมาณ โดยเฉพาะพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ และร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... ๒.๔ ให้กระทรวง/หน่วยงาน พิจารณาทบทวนเพื่อชะลอ ปรับลด หรือยกเลิกการดำเนินภารกิจที่มีความสำคัญในระดับต่ำ หรือหมดความจำเป็น หรือไม่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและสถานการณ์ในปัจจุบัน ตามหลัก 3R (Review Redeploy และ Replace) เพื่อนำงบประมาณดังกล่าวไปดำเนินภารกิจที่มีความสำคัญในระดับสูง ๓. การจัดสรรงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้ให้ความสำคัญกับการสร้างศักยภาพและเร่งรัดการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ของ อปท. ให้สูงขึ้น และลดความเหลื่อมล้ำทางการคลัง โดยจัดสรรเงินอุดหนุนเพิ่มให้ อปท. ที่มีรายได้ต่ำเพื่อให้มีรายได้ที่เหมาะสมกับการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ โดยมีเป้าหมายให้เกิดความยั่งยืนทางการคลังของท้องถิ่น รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายและจัดบริการสาธารณะให้แก่ประชาชนในด้านคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น โดยรวมภารกิจตามนโยบายรัฐบาลเกี่ยวกับเบี้ยยังชีพคนชรา เบี้ยยังชีพคนพิการ เบี้ยยังชีพผู้ป่วยเอดส์ ค่าตอบแทนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด การบริหารจัดการน้ำ และภารกิจที่เกี่ยวกับการศึกษาของ อปท. โดยจัดสรรเงินอุดหนุนให้ อปท. จำนวน ๒๕๖,๕๐๐ ล้านบาท
|
.....