ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 6 จากทั้งหมด 200 หน้า แสดงรายการที่ 101 - 120 จากข้อมูลทั้งหมด 3982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
101 | การใช้พื้นที่ภายในสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางชื่อ) เพื่อเป็นศูนย์แสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์ของโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) | นร.05 | 19/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗-พ.ศ. ๒๕๗๒
เพื่อเป็นค่าเช่าอาคารสถานเอกอัครราชทูตคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน
และสถานกงสุลใหญ่ และค่าเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่ง รวมทั้งสิ้น ๙ รายการ
วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑๙๗,๖๗๙,๑๐๐ บาท
หรือไม่เกินวงเงินตามสกุลเงินท้องถิ่นสำหรับกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนตามนัยมาตรา
๔๒ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำหรับค่าใช้จ่ายในการเช่าสำนักงานในต่างประเทศและการเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๒๘,๘๗๔,๑๐๐ บาท
ให้กระทรวงการต่างประเทศใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
รวมถึงพิจารณาดำเนินการตามมติคระรัฐมนตรีเมื่อวัยที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๖ เรื่อง
การสนับสนุนการผลิตและการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ตามความจำเป็นและเหมาะสมในโอกาสแรก ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
102 | มาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ปี 2567 และกลไกการบริหารจัดการ | ทส. | 19/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ๒๕๖๗
และกลไกการบริหารจัดการ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป และรับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืน
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ
และสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการต่างประเทศ
เห็นว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ในฐานะส่วนราชการเจ้าของเรื่องควรพิจารณาติดตามความคืบหน้าและทบทวนความมีประสิทธิภาพของมาตรการเป็นระยะ
ๆ ตามที่เห็นเหมาะสม
ซึ่งรวมถึงการบังคับใช้มาตรการและกฎหมายที่เกี่ยวข้องในทุกระดับอย่างเคร่งครัดด้วย คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เห็นควรเพิ่มเติมการบูรณาการการทำงานระหว่างจังหวัด
และขจัดปัญหาอุปสรรคในการกระจายอำนาจการบริหารจัดการสถานการณ์ไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อให้ตัดสินใจแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
และเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะยาว ควรเร่งรัดการออกกฎหมายว่าด้วยอากาศสะอาด
และกฎหมายการปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษ (Pollutant
Release and Transfer Register : PRTR)
ต่อไป ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร.
เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับคณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืน
กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดให้การลดหรือการควบคุมปริมาณการปล่อยมลพิษทางอากาศ
(PM2.5) เป็นตัวชี้วัด (KPIs) ที่สำคัญของแต่ละจังหวัด
รวมทั้งเร่งชี้แจงทำความเข้าใจให้ทุกจังหวัดทราบและถือปฏิบัติต่อไปได้อย่างถูกต้อง
เหมาะสม เพื่อให้การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (PM2.5)
เกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรมได้อย่างยั่งยืนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
103 | รายงานประจำปี พ.ศ. 2565 ของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร.01 | 12/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕
ของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สรุปได้ ดังนี้ (๑) การเลือกกรรมการผู้แทนผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เป็นกรรมการในคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (๒) การถ่ายโอนภารกิจสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ
๖๐ พรรษา นวมินทราชินี/โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด
(๓) การกำหนดสัดส่วนและการจัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ (๔) การทบทวนแก้ไขกฎหมายเพื่อให้เป็นไปตามแผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
และการวินิจฉัยกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(๕) การคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการบริหารจัดการที่ดี ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ (๖) การติดตามผลการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ : ผลการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ตามที่คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
104 | การจัดงานวันกาชาด 100 ปี พุทธศักราช 2566 | นร. | 12/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า งานวันกาชาดในปี ๒๕๖๖ นี้
นับเป็นการจัดงานวันกาชาดครบ ๑๐๐ ปี ภายใต้แนวคิด “รื่นรมย์สุขฤดี ณ ที่แห่งการให้”
ซึ่งเริ่มขึ้นแล้วระหว่างวันที่ ๘-๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๖ ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร จึงขอเชิญชวนให้รัฐมนตรี
ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมทั้งประชาชนทั่วไปเข้าร่วมงานดังกล่าว และเลือกซื้อสินค้าอุปโภคและบริโภคชนิดต่าง
ๆ ตลอดจนผลิตภัณฑ์ชุมชน ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น โดยเฉพาะสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์
(OTOP) ของชุมชนต่าง
ๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ
รวมทั้งเป็นการสนับสนุนการดำเนินงานของสภากาชาดไทยในภาพรวมต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
105 | ขออนุมัติและขอรับการสนับสนุนงบประมาณโครงการบริบาลและคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุในชุมชน (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) | พม. | 04/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมอบหมายรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับแผนงานบูรณาการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสังคมสูงวัย
และหน่วยงานเจ้าภาพแผนงานบูรณาการดังกล่าวพิจารณาภาพรวมในการส่งเสริม
สนับสนุนบริบาล และคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุในชุมชน ตลอดจนพิจารณาขั้นตอน วิธีการ
กลุ่มเป้าหมาย โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงมหาดไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ตลอดจนภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดการบูรณาการ
และการดูแลผู้สูงอายุเกิดประโยชน์สูงสุด
โดยคำนึงถึงภาระงบประมาณที่เกิดขึ้นเท่าที่จำเป็นและเหมาะสม
สอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศต่อไป และในขั้นตอนการจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ สำนักงบประมาณได้เสนอตั้งงบประมาณโครงการดังกล่าวไว้แล้ว
จำนวน ๘,๘๕๐,๐๐๐ บาท ในลักษณะโครงการนำร่อง และให้มีการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงาน
หากมีความจำเป็นต้องดำเนินการในระยะต่อไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ภายใต้แผนงานบูรณาการดังกล่าวตามภารกิจ ความจำเป็นและเหมาะสม
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรมีการสำรวจผู้ดูแลผู้สูงอายุประเภทต่าง
ๆ ที่มีอยู่เดิมในพื้นที่ ตามลักษณะของกลุ่มผู้สูงอายุที่เป็นกลุ่มติดสังคม
กลุ่มติดบ้าน และกลุ่มติดเตียง เนื่องจากมีความจำเป็นในการใช้ผู้ดูแลที่ต่างกัน ค่าใช้จ่ายที่เสนอขอเป็นงบดำเนินงานในส่วนของค่าจัดอบรมที่เป็นการอบรมในเชิงทฤษฎี
หรือเรื่องเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ
ซึ่งอาจพิจารณาใช้รูปแบบการอบรมแบบออนไลน์ งบลงทุนที่เสนอขอซื้ออุปกรณ์/ครุภัณฑ์สำหรับการดูแลผู้สูงอายุ
ควรมีการสำรวจความต้องการเกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นต้องใช้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
106 | ผลการประชุมบูรณาการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 (หนองบัวลำภู อุดรธานี เลย หนองคาย และบึงกาฬ) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน 2566 และเมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม 2566 | นร.11 สศช | 04/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและเห็นชอบผลการประชุมบูรณาการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน
๑ (หนองบัวลำภู อุดรธานี เลย หนองคาย และบึงกาฬ) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๓ พฤศจิกายน
๒๕๖๖ และเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๖ มอบหมายให้สำนักงบประมาณร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาความพร้อมและความคุ้มค่าของการลงทุน
จัดลำดับความสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วน
รวมทั้งความเหมาะสมของแหล่งงบประมาณในการดำเนินการตามขั้นตอน และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอของภาคเอกชนไปพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
โดยกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน และรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อรายงานคณะรัฐมนตรีต่อไป
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ โดยในส่วนของข้อเสนอโครงการของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน
๑ ที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
ให้สำนักงบประมาณเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอดังกล่าวของแต่ละจังหวัดเพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการต่าง
ๆ ตามความจำเป็น เหมาะสม และลำดับความสำคัญเร่งด่วนของแต่ละจังหวัด
ภายในกรอบวงเงินรวมจังหวัดละไม่เกิน ๖๐ ล้านบาท ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สำหรับข้อเสนอที่มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์รับไปพิจารณาแนวทางการเพิ่มจำนวนด่านการนำเข้ามันสำปะหลังเพิ่มเติม
เพื่อให้มีปริมาณวัตถุดิบเพียงพอต่ออุตสาหกรรมแปรรูปมันสำปะหลัง นั้น
ขอให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคำนึงถึงความจำเป็น เหมาะสม
และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในประเทศเป็นสำคัญด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้จังหวัดในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๑
(หนองบัวลำภู อุดรธานี เลย หนองคาย และบึงกาฬ)
แต่ละจังหวัดเร่งพิจารณาจัดทำข้อเสนอโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่
ตามลำดับความสำคัญเร่งด่วน เพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๗ ต่อไป ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||
107 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การปฏิรูปกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา | สว. | 28/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
การปฏิรูปกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม
และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา ซึ่งได้พิจารณาศึกษาการปฏิรูปกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
โดยมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางการปฏิรูปกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
เช่น ควรปรับปรุงโครงสร้างและการบริหารจัดการของกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
สนับสนุนงบประมาณในการจัดตั้งศูนย์บริการคนพิการทั่วไป
และควรเร่งดำเนินการออกกฎหมายเพื่อให้องค์กรเอกชน
องค์กรภาคประชาสังคมและองค์กรด้านคนพิการที่สนับสนุนภาครัฐในการทำงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการได้รับยกเว้นภาษีสำหรับเงินที่ได้รับการอุดหนุนจากกองทุน
รวมถึงควรส่งเสริมบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการส่งเสริมลและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
เป็นต้น ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักรับรายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน
๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
108 | รายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ ตามมาตรา 50 และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ และความเสี่ยงทางการคลัง ตามมาตรา 76 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ณ วันสิ้นปีงบประมาณ 2566 | กค. | 28/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ ตามมาตรา ๕๐ และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ
หนี้ภาครัฐ และความเสี่ยงทางการคลัง ตามมาตรา ๗๖ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ณ วันสิ้นปีงบประมาณ ๒๕๖๖ โดยสัดส่วนหนี้สาธารณะ
ตามมาตรา ๕๐ ได้กำหนดกรอบในการบริหารหนี้สาธารณะ
ดังนี้ ๑) สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ต้องไม่เกินร้อยละ ๗๐ ๒) สัดส่วนภาระหนี้ของรัฐบาลต่อประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ
ต้องไม่เกินร้อยละ ๓๕ ๓) สัดส่วนหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อหนี้สาธารณะทั้งหมด
ต้องไม่เกินร้อยละ ๑๐ และ ๔) สัดส่วนหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อรายได้จากการส่งออกสินค้าและบริการ
ต้องไม่เกินร้อยละ ๕ และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ
และความเสี่ยงทางการคลัง ตามมาตรา ๗๖ ดังนี้ ๑) มีหนี้สาธารณะคงค้าง จำนวน ๑๑.๑๓
ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๖๒.๔๔ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าจำนวน ๐.๗๖
ล้านล้านบาท ๒) หนี้เงินกู้คงค้างของหน่วยงานของรัฐ เช่น รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ
ที่ไม่เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ
คือ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาซน) จำนวน ๑๗,๔๐๐.๐๐ ล้านบาท รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะที่ทำธุรกิจให้กู้ยืมธุรกิจบริหารสินทรัพย์
และธุรกิจประกันสินเชื่อที่กระทรวงการคลังไม่ได้ค้ำประกัน จำนวน ๐.๖๐ ล้านล้านบาท องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีจำนวน ๐.๐๔ ล้านล้านบาท ธนาคารแห่งประเทศไทย
มีจำนวน ๔.๒๑ ล้านล้านบาท เป็นต้น และ ๓) ความเสี่ยงทางการคลัง พบว่า
ยังอยู่ภายใต้กรอบในการบริหารหนี้สาธารณะที่คณะกรรมการฯ กำหนด ซึ่งหนี้สาธารณะ
จำนวน ๑๑.๑๓ ล้านล้านบาท โดยหนี้ส่วนใหญ่ (ร้อยละ ๙๘.๕๘) เป็นหนี้ในประเทศ
และร้อยละ ๘๓.๙๘ ของหนี้สาธารณะเป็นหนี้ที่เป็นภาระต่องบประมาณโดยตรง
และหนี้เงินกู้ของหน่วยงานของรัฐที่ไม่นับเป็นหนี้สาธารณะ
ไม่มีผลกระทบต่อภาระทางการคลัง หรือเงินงบประมาณแผ่นดินในภาพรวม
เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีสถานะการดำเนินงานที่มั่นคงและมีรายได้เพียงพอที่จะชำระหนี้เงินกู้ได้เอง
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
109 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดวันเวลาเปิดปิดของสถานบริการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท. | 28/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดวันเวลาเปิดปิดของสถานบริการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดวันเวลาเปิดปิดของสถานบริการ
พ.ศ. ๒๕๔๗
เพื่อกำหนดวันเวลาเปิดปิดของสถานบริการทุกประเภทที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ
เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศที่เพิ่งผ่านพ้นสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค
COVID ๑๙
จึงจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการขยายเวลาเปิดสถานบริการที่อยู่ในสถานที่ตั้งโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม
และสถานบริการที่ตั้งอยู่ในท้องที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดภูเก็ต จังหวัดชลบุรี
จังหวัดเชียงใหม่ และท้องที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ซึ่งจะมีส่วนช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่องสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ
ผู้ประกอบธุรกิจ และประชาชนในพื้นที่
สมควรกำหนดเป็นท้องที่นำร่องขยายเวลาเปิดสถานบริการถึง ๐๔.๐๐ นาฬิกา
ของวันรุ่งขึ้น ส่วนท้องที่อื่นที่ประสงค์จะขยายเวลาเปิดสถานบริการถึง ๐๔.๐๐
นาฬิกา ของวันรุ่งขึ้น
ให้เป็นไปตามประกาศจังหวัดภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ปลัดกระทรวงมหาดไทย กำหนด ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
110 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 | นร.01 | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาในการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
พ.ศ. ๒๕๔๒ ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ตามที่คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
111 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการขับเคลื่อนภายใต้แนวคิดภูมิภาษาและปัญญาแผ่นดิน ของคณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา | สว. | 31/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
แนวทางการขับเคลื่อนภายใต้แนวคิดภูมิภาษาและปัญญาแผ่นดิน ของคณะกรรมาธิการการศาสนา
คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา โดยคณะกรรมาธิการฯ
มีข้อเสนอทางกฎหมายและนโยบายเกี่ยวกับการจัดตั้งสถาบันภูมิภาษาและปัญญาแผ่นดิน (องค์การมหาชน)
เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และให้บริการทางวิชาการ ศึกษา วิจัย
รวบรวมองค์ความรู้และฐานข้อมูล
ตลอดจนสร้างสรรค์นวัตกรรมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับศิลปวัฒนธรรมของชาติและท้องถิ่น
ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
๒.
มอบหมายให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ
ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงาน ก.พ.
สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ และศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอทางกฎหมายและนโยบายดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
112 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการจัดการศูนย์ฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพคนไร้บ้าน ศึกษากรณี : องค์กรภาคเอกชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา | สว. | 31/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง แนวทางการจัดการศูนย์ฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพคนไร้บ้าน ศึกษากรณี : องค์กรภาคเอกชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ
และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา โดยคณะกรรมาธิการฯ มีข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาในด้านต่าง ๆ
อาทิ
การผลักดันให้คนไร้บ้านมีอาชีพเพื่อเป็นการส่งเสริมอาชีพให้เกิดการทำงานสร้างรายได้อันเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอาชีพและพัฒนาตนเอง
การเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานในการทำบัตรประชาชน สิทธิการรักษาพยาบาล
การจัดทำระบบฐานข้อมูลกลางเพื่อรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับคนไร้บ้าน
การจัดบุคลากร เจ้าหน้าที่หรือผู้ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ เข้ามาดูแลคนไร้บ้าน
รวมถึงการพัฒนาศูนย์พักพิงชั่วคราวให้มีประสิทธิภาพ
ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ
ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ
กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
113 | การประชุมหารือพิเศษของรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน - ญี่ปุ่น | กก. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างถ้อยแถลงข่าวร่วมการประชุมหารือพิเศษของรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน-ญี่ปุ่น และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงข่าวร่วมฯ โดยร่างถ้อยแถลงข่าวร่วมฯ มีเนื้อหาสะท้อนเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน-ญี่ปุ่น ในการพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ภายใต้กลยุทธ์เชิงนโยบายของญี่ปุ่นและอาเซียน โดยมุ่งส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่ท้องถิ่น การใช้ตลาดเชิงนวัตกรรมเพื่อการท่องเที่ยว การอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้นักท่องเที่ยว การเสริมสร้างขีดความสามารถของจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวในการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลง การพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการท่องเที่ยว และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนผ่านการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์จุดหมายปลายทางด้านท่องเที่ยว โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท และความร่วมมือเชิงวิชาการในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงข่าวร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
114 | การสนับสนุนการสร้างพลังสร้างสรรค์ หรือ Soft Power ของประเทศ | นร. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
ตามที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาไว้ว่า
รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนการสร้างพลังสร้างสรรค์ หรือ Soft Power ของประเทศ
เพื่อยกระดับและพัฒนาความรู้ ความสามารถ
และความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยให้สร้างมูลค่าและสร้างรายได้ รวมทั้งการอนุรักษ์
ฟื้นฟู และพัฒนาต่อยอดศิลปะ วัฒนธรรม และส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น
เพื่อนำมาต่อยอดในการสร้างมูลค่าเพิ่ม นั้น
ขอให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐร่วมกันขับเคลื่อนและผลักดัน Soft
Power ประเภทต่าง ๆ
ของไทยในส่วนที่อยู่ในอำนาจหน้าที่หรือที่เกี่ยวข้อง เช่น สถานที่ท่องเที่ยว ศิลปะ
ประเพณี วัฒนธรรม การแสดง อาหาร ดนตรี ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและขยายวงกว้างออกไปมากยิ่งขึ้นโดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
115 | การขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 มาตรา 42 สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | พณ. | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศทำสัญญาเช่าสำนักงานในต่างประเทศและเช่าทรัพย์สินในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗-๒๕๗๒ รวมทั้งสิ้น ๗ รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๙๗,๓๘๙,๖๐๐ บาท หรือไม่เกินวงเงินตามสกุลเงินท้องถิ่น
สำหรับค่าใช้จ่ายในการเช่าสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศและการเช่าทรัพย์สินที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๒๕,๙๑๘,๔๐๐ บาท
ให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
116 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานเศรษฐกิจการลงทุน ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี | นร.13 | 24/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนทำสัญญาเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานเศรษฐกิจการลงทุน
ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗-พ.ศ. ๒๕๗๑ วงเงินรวม ๕,๘๕๐,๐๐๐ บาท หรือ ๑๕๖,๐๐๐ ยูโร (อัตราแลกเปลี่ยน ๑ ยูโร
เท่ากับ ๓๗.๕๐ บาท) หรือไม่เกินวงเงินตามสกุลเงินท้องถิ่น
สำหรับกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน ตามนัยมาตรา ๔๒ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๑,๑๗๐,๐๐๐ บาท ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
117 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง มาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ ที่ดินสาธารณประโยชน์แปลง “ทุ่งหนองแด” ตำบลกุดสระ อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี | กษ. | 16/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่เมื่อวันที่
๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ และเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เรื่อง
มาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำพื้นที่ที่ดินสาธารณประโยชน์ แปลง “ทุ่งหนองแด”
ตำบลกุดสระ อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี
เพื่อให้สามารถเข้าดำเนินงานในพื้นที่ พร้อมส่งมอบพื้นที่ให้แก่
สมาคมพืชสวนโลกระหว่างประเทศ AIPH ตามกำหนดกรอบเวลา
ก่อน ๖ เดือน ในวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๙ และให้ทันพิธีเปิดงานในวันที่ ๑ พฤศจิกายน
๒๕๖๙ ซึ่งให้เกิดประโยชน์กับการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. ๒๕๖๙ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ทั้งนี้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรมีการสื่อสารแนวปฏิบัติที่ชัดเจน
ตลอดจนมีมาตรการรองรับในระหว่างการจัดงานและภายหลังเสร็จสิ้นงาน
เพื่อเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดงานพืชสวนโลกอย่างมีความรับผิดชอบ
อันจะเป็นประโยชน์ในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานของไทยในอนาคต ควรพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อทางหลวงแผ่นดิน
หมายเลข ๒ เช่น
ปริมาณจราจรที่จะเพิ่มขึ้นทั้งในระหว่างเตรียมการจัดงานและระหว่างจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกฯ
ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่มาร่วมงานและประชาชนโดยทั่วไปได้ ควรให้ความสำคัญต่อการพิจารณากำหนดมาตรการบริหารจัดการพื้นที่ดำเนินการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกฯ
ที่สอดคล้องกับขีดความสามารถในการรองรับของพื้นที่ (Carrying Capacity) ตลอดจนกำหนดมาตรการและแนวทางในการบำรุงรักษาพื้นที่ให้ยังคงสภาพที่สมบูรณ์
สามารถใช้ประโยชน์ภายหลังการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกให้เกิดประโยชน์ต่อเนื่องทั้งทางด้านเศรษฐกิจ
สังคม และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน
ชุมชน โดยรอบได้อย่างยั่งยืนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๖ กันยายน ๒๕๖๖ (เรื่อง การจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก จังหวัดอุดรธานี พ.ศ. ๒๕๖๙) รวมทั้งการขออนุญาตเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินสาธารณประโยชน์ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||
118 | การกำหนดให้การจัดการขยะเป็นวาระเร่งด่วน | นร. | 16/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เนื่องจากปัญหาขยะเป็นเรื่องที่มีความสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยของประชาชนจำเป็นจะต้องร่วมกันดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน
ให้สอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืนและแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน
จึงเห็นควรดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเป็นหน่วยงานนำร่องในการดำเนินการบริหารจัดการขยะภายในหน่วยงานให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและมีความต่อเนื่อง
โดยให้ดำเนินการให้ครอบคลุมทั้งระบบ ตั้งแต่ในระดับต้นทาง เน้นการลดปริมาณขยะ (Reduce) การนำกลับมาใช้ซ้ำ (Reuse) และการนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) ระดับกลางทาง
เน้นการส่งเสริมให้มีการแยกขยะเพื่อให้สามารถนำขยะกลับมาใช้ซ้ำหรือใช้ใหม่
และนำขยะเข้าสู่กระบวนการกำจัดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และระดับปลายทาง
มอบหมายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีภารกิจจัดการขยะเร่งดำเนินการกำจัดขยะที่มีอยู่ให้หมดไปและไม่เกิดการตกค้าง
รวมทั้งให้จัดหาพื้นที่กำจัดขยะที่ถูกสุขลักษณะ
โดยใช้วิธีการกำจัดขยะที่เหมาะสมกับขยะแต่ละประเภทตามหลักวิชาการและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณากำหนดแนวทางการลดปริมาณขยะของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐให้ชัดเจน
เหมาะสม เช่น การลดการใช้ขวดและถุงพลาสติก ผลิตภัณฑ์พลาสติกต่าง ๆ
แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว
เพื่อให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
119 | ขออนุมัติปรับเพิ่มราคาน้ำนมดิบเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรโคนม | กษ. | 16/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรโคนม
โดยปรับเพิ่มราคารับซื้อน้ำนมโคเป็น
๒๒.๗๕ บาท/กิโลกรัม ทั้งนี้ ให้มีผลนับตั้งแต่วันที่กระทรวงพาณิชย์อนุญาตให้ผู้ประกอบการนมพาณิชย์ปรับราคาจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมในตลาดนมพาณิชย์ได้
โดยให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาการปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์นม (นมพาณิชย์) ให้เหมาะสม
สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นของผู้ประกอบการ
ตามมติคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์ นม ในการประชุม ครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๑๔
มีนาคม ๒๕๖๖ กรณีโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน โดยคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน และให้คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
พิจารณาทบทวนแนวทางการให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรโคนมให้เหมาะสมและตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้เลี้ยงโคนมรายย่อย
รวมทั้งการลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำนมโคให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมด้วย และให้เร่งดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(กรมปศุสัตว์และองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงพาณิชย์
เช่น ควรพิจารณาให้มีผลในปีงบประมาณถัดไป เนื่องจากอาจส่งผลให้มีการปรับเพิ่มราคากลางในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นม
โครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ซึ่งเกิดจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น
และส่งผลกระทบต่องบประมาณของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและหน่วยรับงบประมาณ
(องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาลนคร เทศบาลเมือง กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา) ที่ได้รับการจัดสรร
สำหรับใช้ในการดำเนินการตามโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ไม่เพียงพอ ดังนั้น
ควรให้สำนักงบประมาณพิจารณาให้ความเห็นในประเด็นดังกล่าว อีกทางหนึ่ง ควรมีการตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์นมให้เป็นไปตามมาตรฐานที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
กระทรวงสาธารณสุข กำหนดเพื่อให้นักเรียนได้บริโภคอาหารเสริม (นม) โรงเรียน
ที่มีคุณภาพ ควรพิจารณากำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านปริมาณน้ำนมดิบ
นอกเหนือจากการปรับราคาด้วย เช่น การลดต้นทุนให้แก่เกษตรกร
การเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลการเลี้ยงโคนม
และการสนับสนุนให้มีผลิตภัณฑ์นมที่หลากหลายเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
120 | มาตรการอัตราค่าโดยสารสูงสุด 20 บาท ตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาล สำหรับรถไฟชานเมืองสายสีแดง สายนครวิถี (กรุงเทพอภิวัฒน์ - ตลิ่งชัน) และสายธานีรัถยา (กรุงเทพอภิวัฒน์ - รังสิต) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย | คค. | 16/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติมาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟชานเมืองสายสีแดง
๒๐ บาท เฉพาะสายนครวิถี (กรุงเทพอภิวัฒน์-ตลิ่งชัน) และสายธานีรัถยา (กรุงเทพอภิวัฒน์-รังสิต)
ต่อ ๑ เที่ยวการเดินทาง (เริ่มต้นเมื่อระบบมีความพร้อม จนถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน
๒๕๖๗) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒.
รับทราบแนวทางการดำเนินมาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง)
สูงสุด ๒๐ บาท ตามนโยบายรัฐบาล (เริ่มต้นเมื่อระบบมีความพร้อม จนถึงวันที่ ๓๐
พฤศจิกายน ๒๕๖๗) ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓.
ให้กระทรวงคมนาคมประเมินผลการดำเนินมาตรการตามข้อ ๑ และ ๒ เป็นรายปี
เพื่อนำผลการประเมินมาประกอบการพิจารณาปรับปรุงแนวทางมาตรการดังกล่าวในปีต่อไป
ทั้งนี้ ให้นำความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในส่วนที่เกี่ยวกับการประเมินผลไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |