ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 8 จากทั้งหมด 200 หน้า แสดงรายการที่ 141 - 160 จากข้อมูลทั้งหมด 3982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
141 | รายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | กค. | 28/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบรายงานการเงินรวมภาครัฐ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ และบทวิเคราะห์รายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงินของรัฐบาล หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน ๘,๔๒๔ หน่วยงาน จากจำนวนทั้งหมด ๘,๔๔๓
หน่วยงาน คิดเป็นร้อยละ ๙๙.๙๗
โดยมีหน่วยงานของรัฐที่ไม่ส่งรายงานการเงินภายในระยะเวลาตามมาตรา ๗๐ จำนวน ๕๖
หน่วยงาน คิดเป็นร้อยละ ๐.๖๖ ประกอบด้วย
หน่วยงานของรัฐที่ส่งรายงานการเงินภายในระยะเวลาที่กำหนด จำนวน ๓๗ หน่วยงาน และหน่วยงานของรัฐที่ไม่ส่งรายการเงิน
จำนวน ๑๙ หน่วยงาน และให้หน่วยงานของรัฐที่ไม่ส่งรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ส่งรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
พร้อมทั้งรายงานเหตุผลหรือปัญหา อุปสรรค
และแนวทางแก้ไขให้กระทรวงเจ้าสังกัดและกระทรวงการคลังภายใน ๖๐ วัน
นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
และให้หน่วยงานของรัฐส่งรายงานการเงินประจำปีงบประมาณถัดไปให้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนด
เพื่อให้การจัดทำรายงานการเงินรวมภาครัฐมีความครบถ้วนสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด
รวมทั้งหน่วยงานที่มีเงินได้มากกว่าที่มีการใช้จ่ายจริง หรือมีเงินสะสมคงเหลือ
โดยให้นำเงินดังกล่าวมาใช้จ่ายเป็นลำดับแรก หรือสมทบกับเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีในการดำเนินงานตามภารกิจของหน่วยงาน
ตลอดจนควรทบทวนการขอรับจัดสรรงบประมาณเท่าที่จำเป็น โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า
ความเหมาะสม และประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
142 | แนวทางการรณรงค์ เพื่อสืบสานคุณค่าทางวัฒนธรรม เนื่องในประเพณีสงกรานต์ พุทธศักราช 2566 ภายใต้แนวคิด "สืบสานสงกรานต์วิถีไทย ร่วมสานใจ สู่สากล" | วธ. | 28/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการรณรงค์
เพื่อสืบสานคุณค่าทางวัฒนธรรม เนื่องในประเพณีสงกรานต์ พุทธศักราช ๒๕๖๖ ภายใต้แนวคิด
"สืบสานสงกรานต์วิถีไทย ร่วมสานใจ สู่สากล"
ซึ่งประกอบด้วยแนวทางและมาตรการในการจัดกิจกรรมภาพรวมของประเทศรวม ๙ ข้อ
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑. ขอความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน
และประชาชน ร่วมกันจัดกิจกรรมประเพณีสงกรานต์
มุ่งเน้นสืบสานคุณค่าของประเพณีอันดีงาม
พร้อมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สู่การรับรู้ของชาวต่างชาติ ๒. ส่งเสริมให้จังหวัดต่าง ๆ ใช้พื้นที่จัดกิจกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรมในประเพณีสงกรานต์ร่วมกับสืบสานประเพณีที่ดีงาม
เหมาะสม ๓. รณรงค์ให้ประชาชนร่วมกันสืบสานคุณค่าสาระและสิ่งที่ควรทำของประเพณีสงกรานต์
เช่น การทำความสะอาดบ้านเรือน วัด ศาสนสถานที่นับถือ สถานที่สาธารณะ ทำบุญตักบาตร
ปฏิบัติธรรม ฟังเทศน์ สรงน้ำพระพุทธรูป ขอพรผู้สูงอายุ ๔. รณรงค์ให้แต่งกายที่สร้างภาพลักษณ์ความเป็นไทย
เช่น ผ้าไทย ผ้าท้องถิ่น ชุดไทยย้อนยุค หรือชุดสภาพ เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ
เพื่อสร้างการรับรู้ถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทยต่อชาวต่างชาติ ๕. ขอความร่วมมือหน่วยงานต่าง ๆ
สนับสนุนศิลปินพื้นบ้านในการจัดกิจกรรม การละเล่น และการแสดงทางวัฒนธรรม
ประเพณีท้องถิ่น ตามแนวทางมาตรการประเพณีสงกรานต์ พุทธศักราช ๒๕๖๖
เพื่อเป็นการถ่ายทอดมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ถูกต้องเหมาะสม
และร่วมกันเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ๖. หน่วยงานด้านความมั่นคง ความปลอดภัย
และด้านบริการประชาชน ให้รักษามาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
เพื่อให้สงกรานต์เป็นช่วงเวลาที่สร้างความสุข ประชาชน
และนักท่องเที่ยวมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ๗.
ขอความร่วมมือประชาชนที่ใช้ยานพาหนะและใช้ถนนให้ปฏิบัติตามกฎหมาย
กฎจราจรอย่างเคร่งครัด รวมถึงช่วยสอดส่อง หรือแจ้งเจ้าหน้าที่ในกรณีพบเห็นผู้ที่ปฏิบัติไม่เหมาะสม ๘. การจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม ๖๐๘
(กลุ่มเสี่ยง) ให้รักษามาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และโรคทางเดินหายใจ ควรมีอุปกรณ์ป้องกันเพื่อสุขอนามัยที่ดีของผู้เข้าร่วมงาน ๙. ส่งเสริมภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน
ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประเพณีสงกรานต์ในระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ และนานาชาติ
ในโอกาสที่สงกรานต์ในประเทศไทย เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ
ที่เข้าสู่การพิจารณาของยูเนสโก
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
143 | การปรับเพิ่มเงินค่าตอบแทนของผู้บริหารและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล [ร่างระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเงินค่าตอบแทนนายกองค์การบริหารส่วนตำบล รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบล รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบล สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบล และเลขานุการสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | มท. | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง แนวทางการปรับค่าตอบแทนของผู้บริหารและสมาชิกสภาท้องถิ่น)
เฉพาะในส่วนที่กำหนดหลักการให้ปรับเงินเดือนหรือค่าตอบแทนของผู้บริหารและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลไม่เกินร้อยละ
๒๐ สำหรับการออกระเบียบในเรื่องนี้ มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามาอำนาจหน้าที่ภายใต้กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ที่ควรพิจารณาความคุ้มค่า
ต้นทุนและผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐด้วย และการนำรายได้ที่ไม่รวมเงินอุดหนุนและเงินกู้หรือเงินอื่นใดนั้นองค์การบริหารส่วนตำบลแต่ละแห่งจะกำหนดสูงกว่าร้อยละสี่สิบของเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นไม่ได้
ตามนัยมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒
และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เพื่อให้เป็นไปตามหลักแห่งการปกครองของท้องถิ่นอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของผู้บริหารและสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลดังกล่าวควรสอดคล้องกับศักยภาพและความสามารถในการปกครองตนเองในด้านรายได้ขององค์กรปกครองท้องถิ่นเป็นสำคัญ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
144 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการฟื้นฟู เตรียมความพร้อม และเสริมสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) กลุ่มอาชีพในชุมชน หลังสถานการณ์โควิด ด้วยองค์ความรู้ วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ภายใต้แนวคิดการพัฒนาท้องถิ่นอย่างมั่นคงตามแนวทางเศรษฐกิจ BCG | อว. | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
จำนวน ๕๑๔,๒๒๑,๓๐๐ บาท เพื่อดำเนินโครงการฟื้นฟู
เตรียมความพร้อม และเสริมสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) กลุ่มอาชีพในชุมชน หลังสถานการณ์โควิด ด้วยองค์ความรู้ วิทยาศาสตร์ วิจัย
และนวัตกรรม ภายใต้แนวคิดการพัฒนาท้องถิ่นอย่างมั่นคงตามแนวทางเศรษฐกิจ BCG
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
(มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี) บูรณาการและพิจารณาตรวจสอบภารกิจไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับโครงการภาครัฐที่ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน
(ตามหนังสือสำนักงบประมาณ ที่ นร ๑๗๑๑.๒/๕๖๖๙ ลงวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๖)
รวมทั้งให้ควบคุม กำกับ และตรวจสอบการดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์
โปร่งใส ถูกต้อง ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒.
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
145 | ร่างกฎกระทรวงบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานท้องถิ่น เจ้าพนักงานสาธารณสุข และผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข พ.ศ. .... | สธ. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานท้องถิ่น
เจ้าพนักงานสาธารณสุข
และผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดแบบบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานท้องถิ่น
เจ้าพนักงานสาธารณสุข
และผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข พ.ศ.
๒๕๔๘ เพื่อปรับปรุงแก้ไขแบบบัตรและผู้มีอำนาจออกบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานท้องถิ่น
เจ้าพนักงานสาธารณสุข
และผู้ที่ได้รับแต่งตั้งจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข และกำหนดให้การออกบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานดังกล่าวดำเนินการด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
146 | รายงานผลการขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน และผู้บริหารท้องถิ่น รัฐบาลนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | นร.11 สศช | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด
ผู้แทนภาคเอกชน และผู้บริหารท้องถิ่น
เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน
โดยมีข้อเสน ๘ ด้าน รวม ๖๑ ประเด็น
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ
(กรอ.) เสนอ สรุปผลการดำเนินการได้ ดังนี้ ๑.
ผลการดำเนินการในภาพรวม โครงการที่ดำเนินการไปแล้ว จำนวน ๘ ประเด็น
ส่วนใหญ่อยู่ในด้านการเยียวยา ฟื้นฟู และช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน ๓๗ ประเด็น
ส่วนใหญ่อยู่ในด้านโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน
๑ ปี ซึ่งมีความจำเป็นต้องมีการศึกษาออกแบบและการจัดทำการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมก่อนการขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมาย
และโครงการที่อยู่ระหว่างขอรับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน ๑๖ ประเด็น
เนื่องจากพบปัญหาอุปสรรคบางประการ เช่น ต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการ
และผู้เข้าร่วมโครงการยังไม่มีความรู้ความเข้าใจในหลักการโครงการ ๒.
ผลที่ได้รับจากการดำเนินงาน เช่น
ยกระดับภาคการเกษตรไปสู่สินค้าเกษตรมูลค่าสูงโดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้ในการแปรรูปสินค้าเกษตร
พัฒนาพื้นที่เพื่อเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระดับโลก
พัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพและเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน ๓.
ปัจจัยความสำเร็จที่มีผลต่อการดำเนินงาน เช่น
การดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอนและบูรณาการกับทุกภาคส่วนในพื้นที่
และการมีกระบวนการที่มีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ๔.
ข้อเสนอแนะในการดำเนินงานระยะต่อไป เช่น
ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการธุรกิจสามารถเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจ
พัฒนาและแก้ไขปัญหาที่มาจากการเติบโตของความเป็นเมือง และสนับสนุนกรสร้างความเข้มแข็งให้กับกลไก
กรอ.
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
147 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... [การปรับปรุงการจัดเก็บภาษีจากโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token)] | กค. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
และยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่
๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังจัดทำข้อมูลการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผ่านมาจากการเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนต่อประชาชน
แล้วส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการตรวจพิจารณาร่างผระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้ ๓. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของรองนายกรัฐมนตรี
(นายวิษณุ เครืองาม) สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าการยกเว้นการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนต่อประชาชนตามร่างพระราชกฤษฎีกาที่กระทรวงการคลังเสนอขายในครั้งนี้
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ซึ่งเดิมที่เคยมีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวตามประมวลรัษฎากรและได้จัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปแล้วนั้น
อาจมีผลกระทบต่อการจัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
จึงควรพิจารณาประเด็นดังกล่าวโดยคำนึงถึงการจัดสรรรายได้ที่รัฐจัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผ่านมาด้วย
ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และพิจารณาดำเนินการตามนัยมาตราของมาตรา
๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
148 | การขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อก่อสร้าง/ปรับปรุง ซ่อมแซมถนน แหล่งกักเก็บน้ำหรือสิ่งสาธารณประโยชน์อื่น ๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งได้รับความเสียหายจากสาธารณภัย | มท. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อก่อสร้าง/ปรับปรุง ซ่อมแซมถนน แหล่งกักเก็บน้ำ
หรือสิ่งสาธารณประโยชน์อื่น ๆ
ที่อยู่ในความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ซึ่งได้รับความเสียหายจากสาธารณภัย จำนวน ๗๖ จังหวัด ๒,๗๖๕ โครงการ งบประมาณ ๘,๑๗๑,๕๙๘,๘๐๐ บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
และให้ความสำคัญกับการบำรุงรักษาถนน แหล่งกักเก็บน้ำ และสิ่งสาธารณประโยชน์ดังกล่าวให้อยู่ในสภาพที่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
149 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทและหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจโรงแรม (ฉบับที่ .. ) พ.ศ. .... | มท. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทและหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจโรงแรม
(ฉบับที่ .. ) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดประเภทและหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจ
โรงแรม พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยแก้ไขเพิ่มเติมสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม
โดยกำหนดให้สถานที่พักที่มีจำนวนห้องพักในอาคารเดียวกันหรือหลายอาคารรวมกันไม่เกิน
๘ ห้อง และมีจำนวนผู้พักรวมกันทั้งหมดไม่เกิน ๓๐ คน
ซึ่งให้บริการเพื่อหารายได้เสริม
เมื่อได้แจ้งให้นายทะเบียนทราบให้นายทะเบียนออกหนังสือรับแจ้งสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรมตามพระราชบัญญัติโรงแรม
พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยกำหนดให้หนังสือรับแจ้งมีอายุ ๕ ปีนับแต่วันแจ้ง เพื่ออนุรักษ์อาคารที่มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์ทรงคุณค่าเฉพาะในแต่ละท้องถิ่น
และเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับชุมชนในท้องถิ่น นอกจากนี้
ได้เพิ่มเติมหลักเกณฑ์และเงื่อนไขสำหรับโรงแรม โดยเพิ่มเติมให้สามารถนำอาคารที่มีลักษณะเป็นแพ
และอาคารที่มีลักษณะพิเศษ เช่น เต็นท์ กระโจม มาประกอบธุรกิจโรงแรมได้ รวมทั้งกำหนดเพิ่มเติมเงื่อนไขต่าง
ๆ เพื่อความปลอดภัยสำหรับผู้พัก ทั้งนี้
เพื่อให้ผู้ประกอบการดังกล่าวสามารถดำเนินการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมให้ถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรมได้
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงสาธารณสุข เช่น
ผู้ประกอบการและผู้ให้บริการสถานที่พักดังกล่าว จำเป็นต้องคำนึงถึงสุขลักษณะ
ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวพร้อมการบริหารจัดการ
รวมถึงการลดผลกระทบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการท่องเที่ยว ควรพิจารณาเพิ่มเติมเรื่องสุขลักษณะการจัดการส้วมและสิ่งปฏิกูล
สำหรับโรงแรมที่มีลักษณะเป็นแพ เพื่อให้เป็นไปตามข้อ ๗ และ ๘
ของกฎกระทรวงสุขลักษณะการจัดการสิ่งปฏิกูล พ.ศ. ๒๕๖๑
และการจัดการน้ำเสียที่มีไขมันจากการประกอบอาหารและให้บริการอาหารบนแพ
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม
กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี
และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาลเป็นไปเพื่อประโยชน์ของรัฐและประชาชนเป็นสำคัญ
อาคารที่ใช้เป็นโรงแรม ไม่อยู่ในพื้นที่ที่กฎหมายควบคุมอาคารใช้บังคับอาจเพิ่มเติมเรื่อง
การจัดสิ่งปฏิกูลให้เป็นไปตามกฎกระทรวงสุขลักษณะการจัดการสิ่งปฏิกูล พ.ศ. ๒๕๖๑ ควรพิจารณาจัดทำประเภทและหลักเกณฑ์เงื่อนไขของที่พักแรมให้มีความหลากหลายตามประเภทของที่พักแรมและศักยภาพเบื้องต้นของผู้ประกอบการ
เช่น หลักเกณฑ์เงื่อนไขสำหรับที่พักแรมท้องถิ่น ที่พักแรมอาคารอนุรักษ์
ที่พักแรมวิสาหกิจชุมชน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
150 | ขออนุมัติให้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2565 เพิ่มเติมสำหรับกรณีพื้นที่ประสบอุทกภัย ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2566 ภายใต้กรอบวงเงินที่ได้รับการจัดสรร ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 | มท. | 28/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน
ปี ๒๕๖๕ เพิ่มเติมสำหรับกรณีพื้นที่ประสบอุทกภัย ตั้งแต่วันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๕ ถึงวันที่
๓๑ มกราคม ๒๕๖๖ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัด ๑๕ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร
ตรัง นครปฐม นครศรีธรรมราช นราธิวาส ประจวบคีรีขันธ์ ปัตตานี พัทลุง ยะลา ระนอง
สงขลา สตูล สมุทรสาคร สุราษฎร์ธานี และจังหวัดอ่างทอง โดยใช้จ่ายจากวงเงินงบประมาณ
ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น งบเงินอุดหนุน
ลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไปจากสำนักงบประมาณแล้ว และใช้หลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือ
เช่นเดียวกันกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี ๒๕๖๕
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ทั้งนี้
ครัวเรือนที่จะได้รับความช่วยเหลือในกรณีนี้จะต้องไม่เป็นครัวเรือนที่ได้รับความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน
ปี ๒๕๖๕ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ มาแล้ว โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสำรวจ
หรือผู้ประสบภัยยื่นคำร้องขอความช่วยเหลือภายใน ๓๐
วันนับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ
และให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับธนาคารออมสินเร่งรัดการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้แลวเสร็จภายใน
๖๐ วัน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทย
(กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๔/๔๙๕๖ ลงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖) ที่เห็นควรพิจารณาดำเนินการเร่งรัด
และตรวจสอบความถูกต้องในส่วนที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนต่อไป
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
151 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2559 เรื่อง โครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น (พ.ศ. 2559 - 2572) | อว. | 28/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
152 | การจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารี (องค์การมหาชน) | นร.12 | 28/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการทบทวนการโอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีไปเป็นขององค์การสวนสัตว์
และเห็นชอบในหลักการการจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารี (องค์การมหาชน)
และมอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร.
ดำเนินการร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในการจัดร่างกฎหมาย
เพื่อการจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารี (องค์การมหาชน)
และปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนเสนอ
และให้คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร.
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
หลักเกณฑ์ ออกตามความในพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. ๒๕๖๒
กฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ และกฎหมายอื่น
ตลอดจนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
และหากการดำเนินการรับโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้
และงบประมาณของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีแล้วเสร็จ
ไปเป็นของหน่วยงานของรัฐประเภทอื่น (มิได้เป็นส่วนราชการหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ
พ.ศ. ๒๕๖๒) จะต้องยื่นขอเช่าอาคารและสิ่งปลูกสร้าง
ซึ่งเป็นที่ราชพัสดุให้ถูกต้องตามกฎหมายที่ราชพัสดุต่อไป หากมีการจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารี
(องค์การมหาชน) จำเป็นต้องกำหนดให้มีการติดตามและประเมินผลองค์กร โดยเฉพาะในช่วง ๕
ปีแรกของการดำเนินงาน
และควรมีการกำหนดมาตรการ/แนวทางการดำเนินงานเพื่อรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้น
กรณีผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้
เพื่อไม่ให้เป็นภาระด้านงบประมาณของภาครัฐ และในเรื่องของการจ่ายค่าตอบแทนการเลิกจ้างและเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ปฏิบัติงาน
ควรกำหนดจ่ายในอัตราเดียวกันกับที่จ่ายแก่เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาพิงคนคร
(องค์การมหาชน)
ในส่วนที่ปฏิบัติงานในศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ๗
รอบพระชนมพรรษา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑
เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและอยู่บนบรรทัดฐานเดียวกัน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
153 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงบางด้วน แขวงบางหว้า แขวงบางจาก แขวงคูหาสวรรค์ แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ แขวงบางขุนเทียน แขวงบางค้อ แขวงจอมทอง แขวงบางมด เขตจอมทอง แขวงท่าข้าม แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน แขวงบางมด แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ และแขวงบางปะกอก แขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | มท. | 21/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่แขวงบางด้วน แขวงบางหว้า แขวงบางจาก แขวงคูหาสวรรค์ แขวงปากคลองภาษีเจริญ
เขตภาษีเจริญ แขวงบางขุนเทียน แขวงบางค้อ แขวงจอมทอง แขวงบางมด เขตจอมทอง
แขวงท่าข้าม แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน แขวงบางมด แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ
และแขวงบางปะกอก แขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดที่ดินที่จะเวนคืนในท้องที่แขวงบางด้วน
แขวงบางหว้า แขวงบางจาก แขวงคูหาสวรรค์ แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ
แขวงบางขุนเทียน แขวงบางค้อ แขวงจอมทอง
แขวงบางมด เขตจอมทอง แขวงท่าข้าม แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน แขวงบางมด แขวงทุ่งครุ
เขตทุ่งครุ และแขวงบางปะกอก แขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร
เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่ที่มีสิทธิเข้าไปสำรวจเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืน
เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนเพชรเกษมกับถนนสุขสวัสดิ์
และสายเชื่อมระหว่างสายเชื่อมดังกล่าวกับถนนกาญจนาภิเษก ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
154 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงบางบอนใต้ เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | มท. | 31/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่แขวงบางบอนใต้ เขตบางบอน
กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่แขวงบางบอนใต้ เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร
เพื่อก่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายซอยเอกชัย ๑๐๑
เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
กฎหรือระเบียบ และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือกับประชาชนและผู้ประกอบการในบริเวณพื้นที่โดยรอบ
เพื่อเปิดทางเข้าออกให้แก่สาธารณะ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
155 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ซึ่งจะต้องมีการก่อหนี้ผูกพันมากกว่าหนึ่งปีงบประมาณสำหรับรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นหน่วยรับงบประมาณ | มท. | 24/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินโครงการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
จำนวน ๒ แห่ง รวม ๒ รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓,๐๓๙.๙๖๐๐ ล้านบาท
โดยยื่นเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ต่อสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้
โครงการดังกล่าวข้างต้นมีวงเงินงบประมาณมากสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อรายได้สุทธิของรัฐบาลจะส่งผลกระทบวงเงินงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น
เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการจัดสรรงบประมาณ ขอให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาใช้จ่ายจากแหล่งเงินอื่นร่วมด้วย
เช่น เงินรายได้ หรือเงินสะสมคงเหลือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เงินกู้
เอกชนร่วมลงทุน แล้วแต่กรณี ในโอกาสแรก หรือประสานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
ตามภารกิจเพื่อดำเนินการแทน เช่น กรมชลประทาน และการประปาส่วนภูมิภาค เป็นต้น และขอให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ความประหยัด ภาระทางการคลังที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
และผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น)
รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม ที่เห็นว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น
กระทรวงมหาดไทย หากส่งผลกระทบต่อโครงข่ายทางและสะพาน
หรือต้องขอใช้เขตทางของกรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท
ขอให้ประสานและขออนุญาตตามระเบียบที่เกี่ยวข้องก่อน
และหากมีการดำเนินการในพื้นที่ที่รับผิดชอบของกรมเจ้าท่า
ตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ขอให้ยื่นคำร้องขอทำสิ่งล่วงล้ำลำน้ำต่อกรมเจ้าท่าด้วย และให้ปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมาภิบาลโดยเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
156 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | สผ. | 24/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ สรุปได้
ดังนี้ ๑.๑
คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร
เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติฯ เพื่อให้สอดคล้องกับการแก้ไขเนื้อหาของร่างพระราชบัญญัติฯ
รวมทั้งมีข้อสังเกตว่า ผู้ดำรงตำแหน่งเป็นข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ
ซึ่งอาจช่วยผู้สมัครในการหาเสียงเลือกตั้งได้ตามมาตรา ๓๔
ต้องพึงระมัดระวังในการช่วยหาเสียงเลือกตั้งให้กับผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
มิให้ฝ่าฝืนข้อห้ามตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นความผิด
เพื่อไม่ให้เกิดข้อร้องเรียนที่อาจนำไปสู่การสืบสวน สอบสวน หรือไต่สวนของคณะกรรมการการเลือกตั้งได้
ในการช่วยหาเสียงให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งต้องคำนึงถึงการใช้เวลาราชการหรือทรัพย์สินของรัฐในการช่วยหาเสียง
รวมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐในพื้นที่ซึ่งมีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายให้พึงระมัดระวัง
และวางตัวเป็นกลางทางการเมืองโดยเคร่งครัด
และคณะกรรมการการเลือกตั้งควรพิจารณาทบทวนแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
พ.ศ. ๒๕๖๓ ในสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดให้ข้าราชการการเมือง
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น
หรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ๑.๒ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของวุฒิสภา มีข้อสังเกตว่า
การเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองและสมาชิกพรรคการเมือง
ทั้งที่เป็นหรือไม่เป็นข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาท้องถิ่น
หรือผู้บริหารท้องถิ่น
ให้การสนับสนุนผู้สมัครได้จะเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งของพรรคการเมือง
การมีส่วนร่วมของประชาชน และการพัฒนาการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และมาตรา ๑๑๓
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติว่า “สมาชิกวุฒิสภาต้องไม่ฝักใฝ่หรือยอมตนอยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมืองใด
ๆ” การให้สมาชิกวุฒิสภาสามารถช่วยเหลือผู้สมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่น
ซึ่งอาจสังกัดพรรคการเมืองหรือมีพรรคการเมืองให้การสนับสนุนอาจสุ่มเสี่ยงที่จะเข้าข่ายฝักใฝ่พรรคการเมือง
ดังนั้น จึงไม่ควรให้สมาชิกวุฒิสภามีบทบาทในการช่วยเหลือผู้สมัครรับเลือกตั้ง
ตลอดจนร่างพระราชบัญญัตินี้แก้ไขปัญหาการใช้บังคับกฎหมายที่มีอยู่
ซึ่งมีความย้อนแย้งในเชิงหลักการและปัญหาในทางปฏิบัติซึ่งทำให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติมีการหลบเลี่ยงและเปิดโอกาสให้กระทำการในทางมิชอบ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร
เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓.
ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาดังกล่าว
ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
157 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | สว. | 24/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ สรุปได้
ดังนี้ ๑.๑
คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร
เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติฯ เพื่อให้สอดคล้องกับการแก้ไขเนื้อหาของร่างพระราชบัญญัติฯ
รวมทั้งมีข้อสังเกตว่า ผู้ดำรงตำแหน่งเป็นข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ
ซึ่งอาจช่วยผู้สมัครในการหาเสียงเลือกตั้งได้ตามมาตรา ๓๔
ต้องพึงระมัดระวังในการช่วยหาเสียงเลือกตั้งให้กับผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
มิให้ฝ่าฝืนข้อห้ามตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นความผิด
เพื่อไม่ให้เกิดข้อร้องเรียนที่อาจนำไปสู่การสืบสวน สอบสวน หรือไต่สวนของคณะกรรมการการเลือกตั้งได้
ในการช่วยหาเสียงให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งต้องคำนึงถึงการใช้เวลาราชการหรือทรัพย์สินของรัฐในการช่วยหาเสียง
รวมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐในพื้นที่ซึ่งมีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายให้พึงระมัดระวัง
และวางตัวเป็นกลางทางการเมืองโดยเคร่งครัด
และคณะกรรมการการเลือกตั้งควรพิจารณาทบทวนแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
พ.ศ. ๒๕๖๓ ในสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดให้ข้าราชการการเมือง
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น
หรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ๑.๒ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของวุฒิสภา มีข้อสังเกตว่า
การเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองและสมาชิกพรรคการเมือง
ทั้งที่เป็นหรือไม่เป็นข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาท้องถิ่น
หรือผู้บริหารท้องถิ่น
ให้การสนับสนุนผู้สมัครได้จะเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งของพรรคการเมือง
การมีส่วนร่วมของประชาชน และการพัฒนาการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และมาตรา ๑๑๓
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติว่า “สมาชิกวุฒิสภาต้องไม่ฝักใฝ่หรือยอมตนอยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมืองใด
ๆ” การให้สมาชิกวุฒิสภาสามารถช่วยเหลือผู้สมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่น
ซึ่งอาจสังกัดพรรคการเมืองหรือมีพรรคการเมืองให้การสนับสนุนอาจสุ่มเสี่ยงที่จะเข้าข่ายฝักใฝ่พรรคการเมือง
ดังนั้น จึงไม่ควรให้สมาชิกวุฒิสภามีบทบาทในการช่วยเหลือผู้สมัครรับเลือกตั้ง
ตลอดจนร่างพระราชบัญญัตินี้แก้ไขปัญหาการใช้บังคับกฎหมายที่มีอยู่
ซึ่งมีความย้อนแย้งในเชิงหลักการและปัญหาในทางปฏิบัติซึ่งทำให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติมีการหลบเลี่ยงและเปิดโอกาสให้กระทำการในทางมิชอบ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร
เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓.
ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาดังกล่าว
ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
158 | ขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม [รายการค่าใช้จ่ายค้างชำระโครงการเน็ตประชารัฐ และโครงการขยายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต (โครงการงบ Big Rock)] | ดศ. | 24/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้สำนักงานปลัดกระทรวงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
เสนอคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามขั้นตอน โดยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
พร้อมรายละเอียดที่เกี่ยวข้องตามความพร้อม ความจำเป็น
และความเหมาะสมที่จะต้องใช้จ่ายในแต่ละปีงบประมาณ ให้สอดคล้องกับระยะเวลาตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
ความครอบคลุมของแหล่งงบประมาณ ศักยภาพและความสามารถในการใช้จ่ายงบประมาณในปีที่ผ่านมา
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณและให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการภาครัฐ
ตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
และตามขั้นตอนการพิจารณาเสนองบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรมอบให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
และกระทรวงมหาดไทย พิจารณาหารือร่วมกันในประเด็นการทบทวนความเหมาะสมของจุดที่ตั้งโครงการฯ
และโครงการจัดให้มีสัญญาณระบบเคลื่อนที่และจัดให้มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในหมู่บ้าน
(USO Net)
กำหนดคุณภาพและระดับบริการของโครงการและโครงการ (USO Net)
ให้มีมาตรฐานการให้บริการใกล้เคียงกัน และพิจารณาความเหมาะสมของการถ่ายโอนกิจการในการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในหมู่บ้านให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
159 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2566 ให้แก่ประชาชน | นร.52 | 03/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินแผนงาน/โครงการที่เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๖ ให้แก่ประชาชน จำนวน ๔ เรื่อง ได้แก่ (๑) การพัฒนาที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน
เช่น สนับสนุนอาหาร วิตามินเสริม และบริการทางสุขภาพแม่และเด็ก จำนวน ๔๖,๘๑๙ ราย สนับสนุนอาหารกลางวันให้แก่โรงเรียนตาดีกา
และโรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ จำนวน ๑,๘๗๕ แห่ง ๑๗๑,๓๒๔ คน และส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทักษะการเรียนรู้ภาษาไทย ภาษามาลายู
ภาษาอาหรับ ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ และภาษาตุรเครีย ไม่น้อยกว่า ๔๐,๐๐๐ ราย และแก้ไขปัญหาครัวเรือนยากจนที่ยั่งยืน ๕ ด้าน (ฐานข้อมูล TPMAP) ไม่น้อยกว่า ๑,๒๐๐ ครัวเรือน (๒)
การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วนในการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น
สนับสนุนงบประมาณแก่ผู้นำท้องถิ่น (กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน)
เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของหมู่บ้าน-ชุมชน ทุกหมู่บ้านในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ส่งเสริมและสนับสนุนการทำงานให้แก่องค์กรภาคประชาสังคมและภาคประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ องค์กร และจัดตั้งอุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ
เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา ๗๒ พรรษา เทศบาลเมืองบ้านพรุ
อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา (๓) การผลักดันจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปสู่
“มหานครแห่งอาหารและบริการฮาลาล สู่ ตลาดโลก” เช่น
การเพิ่มจำนวนฐานแม่วัวพันธุ์พื้นเมือง จำนวนไม่น้อยกว่า ๕๐,๐๐๐
ตัว การเพิ่มจำนวนฐานแม่พันธุ์และพ่อพันธุ์แพะ จำนวนไม่น้อยกว่า ๒๐,๐๐๐ ตัว ขับเคลื่อนปูทะเลโลก แบบครบวงจร เพิ่มจำนวนพื้นที่เพาะปลูกพืช
อาหารสัตว์ พืชพลังงานและผลไม้รองรับการพัฒนาภายใต้โครงการระเบียงเศรษฐกิจฮาลาลจังหวัดชายแดนภาคใต้
ไม่น้อยกว่า ๕๐,๐๐๐ ไร่ และ (๔)
การเสริมสร้างพหุสังคมที่เข้มแข็ง เช่น การจัดวิ่งตามภูมิศาสตร์ “Amazean
Junle Trail Edition” ปฏิทินประเพณีวัฒนธรรม ๑๒ เดือน
และการซ่อมแซมบูรณปฏิสังขรณ์วัดที่มีอายุเกิน ๑๐๐ ปี โบราณสถาน ศาสนสถาน
พิพิธภัณฑ์ เพื่อการเรียนรู้และเป็นแหล่งท่องเที่ยว ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
160 | (ร่าง) แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2566 - 2570) | กก. | 03/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบ (ร่าง) แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ
ฉบับที่ ๗ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) โดยแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ
ฉบับที่ ๗ มีสาระสำคัญเพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ
ทั้งภาครัฐและเอกชนใช้เป็นกรอบแนวทางในการจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปีของแต่ละหน่วยงานเพื่อช่วยผลักดันและขับเคลื่อนการพัฒนาตามแผนสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
เพื่อให้การกีฬาเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงทางสังคมและความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป
ตามที่คณะกรรมการนโยบายการกีฬาแห่งชาติเสนอ และให้คณะกรรมการนโยบายการกีฬาแห่งชาติ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรให้ความสำคัญกับการให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการ กติกาสากล
รวมถึงการป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการเล่นกีฬาชนิดต่าง ๆ
ควรพิจารณาถึงประเด็นโภชนาการของนักกีฬาและการหลีกเลี่ยงการใช้สารกระตุ้น
เพื่อเพิ่มสมรรถภาพหรือข้อได้เปรียบทางร่างกายของนักกีฬา
ควรพิจารณากีฬาอีสปอร์ตเพื่อเป็นอีกส่วนหนึ่งช่องทางใหม่ในการเข้าถึงประชาชน
รวมถึงกีฬาพื้นบ้านของไทยซึ่งเป็นกีฬาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณากำหนดมาตรการ/แนวทางการดำเนินการสนับสนุนส่งเสริมการออกกำลังกายและการเล่นกีฬาของประชาชนในชุมชนและท้องถิ่นต่าง
ๆ ทั่วประเทศให้เพิ่มมากขึ้นและมีความต่อเนื่อง
๓.
ให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการ/แนวทางการดำเนินการสนับสนุนส่งเสริมให้นักเรียนได้มีเวลาในการออกกำลังกายและเล่นกีฬาในแต่ละสัปดาห์มากยิ่งขึ้น
โดยอาจพิจารณาให้สถานศึกษาจัดตั้งชมรมกีฬาประเภทต่าง ๆ
เพิ่มขึ้นตามความจำเป็นเหมาะสม เพื่อรองรับกิจกรรมดังกล่าวของนักเรียนต่อไป |