คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอผลการดำเนินงานตามข้อสังเกตของที่ประชุมสภา
นิติบัญญัติแห่งชาติ  เรื่อง รายงานการสอบบัญชีของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินและงบการเงินกองทุนเพื่อความ
ปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ของกรมการขนส่งทางบก สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2548  และ  2547  และ
ให้ส่งสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา  ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ  เพื่อนำเสนอสภานิติ
บัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป     และให้กระทรวงคมนาคมรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบ
ปรามการทุจริตแห่งชาติ เกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินกองทุน  ฯ  เนื่องจากปัจจุบันมีหน่วยงานราชการหลายแห่งมีหน้าที่
เกี่ยวกับการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน    แต่หน่วยงานเหล่านี้ไม่สามารถขอรับจัดสรรเงินกองทุน  ฯ  มาใช้ได้
เพราะกฎหมายกำหนดให้ใช้จ่ายเงินกองทุน ฯ เฉพาะกิจกรรมของกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น รวมทั้งควรพิจารณา
แก้ไขกฎหมายในลักษณะที่มีการกำหนดเพดานการใช้จ่ายเงินกองทุน ฯ ให้ชัดเจน นอกจากนี้ กรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ซึ่งมีอำนาจกำกับดูแลกรมการขนส่งทางบกเข้าร่วมประมูลหมายเลขทะเบียนรถ  อาจมีความผิดและต้องรับโทษ  ไป
พิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
(สำนักงาน ป.ป.ช.) เสนอรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสำนักงาน ป.ป.ช. สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30
กันยายน 2548  และ  2547  ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบแล้วเห็นว่างบการเงินดังกล่าวถูกต้อง
ตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไปและที่กระทรวงการคลังกำหนด

                คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ รับทราบปัญหาการจัดทำรายงานการเงินแผ่นดิน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 และ พ.ศ. 2549  และเห็นชอบแนวทางให้ส่วนราชการปฏิบัติดังนี้ ให้ส่วนราชการ
ในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคตรวจสอบข้อผิดพลาดทางบัญชีที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548  และ พ.ศ. 2549
จากงบทดลองในระบบ GFMIS โดยเฉพาะข้อผิดพลาดที่เกี่ยวกับบัญชีเงินสด  บัญชีเช็คในมือ  บัญชีเงินฝากธนาคาร
บัญชีเงินฝากคลัง บัญชีลูกหนี้ และบัญชีเจ้าหนี้  และให้ส่วนราชการต้นสังกัดรวบรวมข้อผิดพลาดดังกล่าวเพื่อจัดทำ
กระดาษทำการปรับปรุงบัญชีนอกระบบ GFMIS ตามวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนดและจัดทำงบการเงินประจำ
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548  และ พ.ศ. 2549  จากกระดาษทำการดังกล่าวส่งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจ
สอบและรับรองภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2551   รวมทั้งให้นำข้อผิดพลาดทางบัญชีดังกล่าวมาแก้ไขในระบบ GFMIS
ตามวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนด หลังจากมีการพัฒนาระบบให้รองรับการแก้ไขแล้ว 

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงพลังงานเสนอร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราช
บัญญัติองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย พ.ศ. 2533 รวม 3 ฉบับ  มีสาระสำคัญคือ  ปรับปรุงวิธีการและระยะเวลาที่เหมาะ
สมสำหรับองค์กรร่วมในการจัดทำงบการเงินสำหรับแต่ละไตรมาสเสนอต่อรัฐบาลแต่ละฝ่าย และปรับปรุงวิธีการใน
การจัดทำงบประมาณประจำปีขององค์กรร่วม ก่อนนำเสนอรัฐบาลแต่ละฝ่าย รวมทั้งปรับปรุงวิธีการสำหรับองค์กร
ร่วมในการชำระเงินรายได้จากการผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย  ให้แก่รัฐบาลทั้งสอง  และให้ส่ง
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอรายงานผลการชำระบัญชีของทุนรักษาระดับ
อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา พร้อมงบการเงินของกองทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา  สำหรับงวดตั้งแต่วัน
ที่ 1 มกราคม-8 สิงหาคม 2550 และงบชำระบัญชีของทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสำหรับงวดตั้งแต่
วันที่ 9-31 สิงหาคม 2550 ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองแล้ว 

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีงบ
ประมาณ พ.ศ. 2549  โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ดำเนินการตรวจสอบเงินงบประมาณแผ่นดิน  มูลค่า
งานตามสัญญาซื้องาน 51,530.25 ล้านบาท ตรวจสอบเพื่อแสดงความเห็นต่องบการเงินรัฐวิสาหกิจ กองทุนและ
เงินทุน  หน่วยงานอิสระ/องค์การมหาชน  และหน่วยงานอื่น  ๆ  มีมูลค่าสินทรัพย์  รวมทั้งสิ้น  14,049,951.70
ล้านบาท  พบความเสียหายที่สามารถคำนวณเป็นตัวเงินได้ รวมทั้งสิ้น  2,604.86  ล้านบาท  ดังนี้  ราชการส่วน
กลางและส่วนภูมิภาค 1,471.34 ล้านบาท ราชการส่วนท้องถิ่น 296.66 ล้านบาท  เมืองพัทยา  0.16  ล้านบาท
และรัฐวิสาหกิจ 836.70 ล้านบาท  ซึ่งมูลค่าความเสียหายดังกล่าวสามารถเรียกคืนหรือจัดเก็บได้  457.79  ล้าน
บาท ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐนำผลการตรวจสอบไปปฏิบัติหรือดำเนินการปรับ
ปรุงแก้ไขในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป   โดยในส่วนที่เกี่ยวกับราชการส่วนท้องถิ่น  ให้กระทรวงมหาดไทยกำกับและติด
ตามตรวจสอบการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลอย่างใกล้ชิด
และต่อเนื่องด้วย  นอกจากนี้  ในการจัดทำรายงานในปีต่อ ๆ  ไป  สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินควรให้ข้อเสนอ
แนะและแนวทางการแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ  ด้วย เพื่อคณะรัฐมนตรีจะได้พิจารณามอบหมายสั่งการได้ชัดเจน
ยิ่งขึ้น 

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอรายงานการสอบบัญชีกองทุนบำเหน็จบำนาญ
ข้าราชการ (กบข.) ประจำปี พ.ศ. 2549 โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองงบการเงินของ
กบข. ซึ่งแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 และ 2548 มีผลการดำเนินงานการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์
สุทธิและกระแสเงินสด สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปีของ  กบข.  โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญ  ตาม
หลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป  ทั้งนี้ ที่ประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิกได้พิจารณาและรับรองแล้ว พร้อมทั้งได้แสดงความคิด
เห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินงานโดยให้ กบข. จัดกิจกรรมเพื่อนำเงินทูลเกล้า ฯ ถวายในหลวงในวโรกาส
เฉลิมพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา  ปรับแก้พระราชบัญญัติ กบข. เรื่อง การนับเวลาราชการ  สูตรบำนาญ  และ
สิทธิในการรับบำเหน็จตกทอด

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอรายงานประจำปีและรายงานงบการเงินของ
องค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย (MTJA) ประจำปี พ.ศ. 2549  ซึ่งผ่านการตรวจสอบจากบริษัท M/s Ernst & Young ผู้
สอบบัญชีขององค์กรร่วม ฯ แล้ว  โดยรายงานดังกล่าวประกอบด้วย รายงานการดำเนินงานขององค์กรร่วม ฯ ใน
ปี พ.ศ. 2549 ในส่วนของกิจกรรมด้านการสำรวจและการประเมินผลแหล่งผลิตปิโตรเลียม และกิจกรรมด้านการ
พัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติ  สำหรับสถานะทางการเงินขององค์กรร่วม ฯ  ณ วันที่  31  ธันวาคม  2549  องค์กร
ร่วม  ฯ  มีรายได้จากการประกอบกิจการปิโตรเลียม  จำนวน  88,445,714  เหรียญสหรัฐ  รายรับจากดอกเบี้ย
เงินฝาก 130,332 เหรียญสหรัฐ รายได้เบ็ดเตล็ดจากการขายอุปกรณ์ที่ไม่ใช้แล้ว จำนวน 53,005 เหรียญสหรัฐ
และค่าใช้จ่ายเพื่อการดำเนินงาน จำนวน  1,867,519  เหรียญสหรัฐ  องค์กรร่วม ฯ  มีรายได้สุทธิปี พ.ศ. 2549
จำนวน  86,761,532  เหรียญสหรัฐ   มียอดเงินคงเหลือยกมาจากปี พ.ศ. 2548  จำนวน  8,952,137  เหรียญ
สหรัฐ  ดังนั้น  ณ  วันที่  31  ธันวาคม  2549  องค์กรร่วม ฯ  มีรายได้คงเหลือยกไปจำนวนทั้งสิ้น  95,713,669
เหรียญสหรัฐ  และสถานะของกองทุนองค์กรร่วม ฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 มียอดรวม 14,573,221 เหรียญ
สหรัฐ  แยกเป็นสินทรัพย์และเงินสดเพื่อการดำเนินงานคงเหลือ จำนวน 7,546,003 เหรียญสหรัฐ  เงินอุดหนุน
เพื่อการฝึกอบรมบุคลากรขององค์กรร่วม ฯ  จำนวน  187,056  เหรียญสหรัฐ  ทุนสำรอง  จำนวน 2,891,934
เหรียญสหรัฐ และเงินบำรุงการวิจัย จำนวน 2,933,826 เหรียญสหรัฐ

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการดำเนินงานและงบการเงินประจำ
ปี พ.ศ. 2549 ของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) โดยผลการดำเนินงานในปี พ.ศ. 2549 บสท. มีสินทรัพย์
ด้อยคุณภาพรับโอนสุทธิทั้งสิ้น 775,778 ล้านบาท ลดลงจาก 777,179 ล้านบาท  ณ  สิ้นไตรมาสเดียวกันของปี
พ.ศ. 2548  จำนวน 1,401 ล้านบาท  ซึ่งทรัพย์สินที่รับโอนสามารถบริหารจัดการจนได้ข้อยุติ จำนวน 771,857
ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 99.49 ของสินทรัพย์รับโอนทั้งหมด  ลดลงจากสิ้นปี พ.ศ. 2548  จำนวน 403 ล้าน
บาท  ส่วนการบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย บสท. ได้รับโอนทรัพย์สินรอการขายด้วยมูลค่าที่รับโอนรวมทั้ง
สิ้นประมาณ 95,938 ล้านบาท  แบ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 74,656 ล้านบาท  และสังหาริมทรัพย์ จำนวน
21,282  ล้านบาท  และได้มีการจำหน่ายทรัพย์สินรอการขายทั้งที่โอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้ซื้อแล้ว  และอยู่ระหว่างการ
โอนกรรมสิทธิ์รวมมูลค่าจำหน่ายตามสัญญาทั้งสิ้น  17,804  ล้านบาท โดยมีมูลค่าต้นทุนที่รับโอนอยู่ที่ 15,316
ล้านบาท ทำให้ ณ สิ้นปี พ.ศ. 2549 บสท. มีทรัพย์สินรอการขายคงเหลือที่จะต้องดำเนินการบริหารจัดการต่อไป
เป็นมูลค่าต้นทุนที่รับโอนประมาณ 80,622 ล้านบาท  สำหรับงบการเงินของ บสท. ณ สิ้นปี พ.ศ. 2549 บสท. มี
รายรับรวมมูลค่าประมาณ 46.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี พ.ศ. 2548 ประมาณ 23,54 ล้านบาท  หรือเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 100.80  และรายรับสุทธิจากทุนประเดิมของ บสท. มีมูลค่าประมาณ 46.90 ล้านบาท  เพิ่มขึ้นจาก ณ วัน
ที่31 ธันวาคม 2548  ประมาณ  23.54  ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 100.80  ส่วนงบรายรับหรือรายจ่ายสุทธิ
รอปันส่วนไปยังสินทรัพย์รับโอน มีมูลค่าประมาณ  18,207.48  ล้านบาท  ลดลงจากสิ้นปี พ.ศ. 2548 ประมาณ
15,071.24 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 45.29

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอผลการตรวจสอบรับรองงบการเงินของสถาบัน
การบินพลเรือน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2549 และ 2548 ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบ
และเห็นว่า งบการเงินดังกล่าวแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ 30 กันยายน 2549 และ 2548  รายได้ค่าใช้จ่าย  รายได้
ค่าใช้จ่ายสะสม   และกระแสเงินสด   สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปีถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลัก
การบัญชีที่รับรองทั่วไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอผลการตรวจสอบรับรองงบการเงินของการ
รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2549 และ 2549 ที่สำนักงาน
การตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบ และเห็นว่า งบการเงินดังกล่าวแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ 30 กันยายน 2549
และ 2548  มีผลการดำเนินงาน  และกระแสเงินสดสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปีของ รฟม.  โดยถูกต้อง
ตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการดำเนินงานเงินทุนหมุนเวียนเพื่อ
พัฒนาการศึกษาโรงเรียนเอกชนของปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและ
รับรองงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2548 และ 2547  โดยในงวดปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 เงิน
ทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนาการศึกษาโรงเรียนเอกชนมีรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้กู้ยืมและค่าปรับ รวม  16.41  ล้าน
บาท ไม่มีค่าใช้จ่าย รายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย 16.41 ล้านบาท ต่ำกว่างวดปีก่อน 1.74 ล้านบาท

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอการผ่อนผันให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจสามารถ
นำค่าเผื่อหนี้สูญที่ต้องสำรองเพิ่มตามหลักเกณฑ์มาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศ  (International  Accounting
Standard-IAS)  ฉบับที่ 39 มาบวกกลับในกำไรสุทธิหน้างบการเงินเพื่อเป็นกำไรเพื่อคำนวณโบนัสและรายได้นำ
ส่งคลังเฉพาะในช่วงระยะเวลา 3 ปี  ในอัตราลดลงในแต่ละปี ดังนี้ อัตราการบวกกลับค่าใช้จ่ายที่ตั้งสำรองเพิ่มตาม
 IAS 39 ปีที่ 1 ร้อยละ 40 ปีที่ 2 ร้อยละ 35 และปีที่ 3 ร้อยละ 30 โดยวงเงินการจ่ายโบนัสพนักงานจะต้องไม่เกิน
กำไรสุทธิหน้างบการเงินในปีนั้น ๆ  ทั้งนี้  คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า การดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อขายลูกหนี้
ทางการค้า (Factoring) เติบโตได้ช้าเนื่องจากเป็นธุรกิจที่ยังไม่เป็นที่นิยมแพร่หลายมากนักในประเทศไทย  หน่วย
งานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม  เป็นต้น  ควรพิจารณาดำเนิน
การให้เกิดการรับรู้และส่งเสริมให้ธุรกิจนี้มีบทบาทในการเสริมสภาพคล่องทางด้านการเงินให้กับการดำเนินธุรกิจ
การส่งออกสินค้าของผู้ประกอบการมากยิ่งขึ้น

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานเสนองบการเงินประจำปี พ.ศ. 2549 ของการไฟฟ้า
ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเห็นว่างบการเงินรวมและเฉพาะ กฟผ. แสดง
ฐานะการเงินรวมและเฉพาะ กฟผ. ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 และ 2548  ผลการดำเนินงานรวมและเฉพาะ กฟผ.
การเปลี่ยนแปลงในส่วนของทุนรวมและเฉพาะ กฟผ.  รวมทั้งกระแสเงินสดรวมและเฉพาะ กฟผ.  สำหรับปีสิ้นสุดวัน
เดียวกันของแต่ละปีของ กฟผ. และบริษัทย่อย ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีรับรองทั่วไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. 2548  ดังนี้  การดำเนินการตรวจสอบเงินงบประมาณแผ่นดิน มูลค่างานตามสัญญาซื้อจ้าง
112,992.60 ล้านบาท ตรวจสอบเพื่อแสดงความเห็นต่องบการเงิน รัฐวิสาหกิจ กองทุนและเงินทุน หน่วยงาน
อิสระ/องค์การมหาชน และหน่วยงานอื่น ๆ มีมูลค่าทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 6,135,974.17 ล้านบาท (ไม่รวบงบ
สอบทาน) ผลการตรวจสอบในภาพรวมพบความเสียหายที่สามารถคำนวณเป็นตัวเงินได้รวมทั้งสิ้น 2,335.50
ล้านบาท ดังนี้ ราชการส่วนกลางและส่วนภูมิภาค  2,000.92  ล้านบาท  ราชการส่วนท้องถิ่น  258.13  ล้าน
บาท เมืองพัทยา 0.68 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจ 75.77 ล้านบาท  ทั้งนี้ มูลค่าความเสียหายดังกล่าวสามารถ
เรียกคืนหรือจัดเก็บได้  385.59  ล้านบาท  ส่วนสาเหตุของความเสียหายเกิดจากหน่วยรับตรวจไม่ปฏิบัติตาม
กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และแบบแผนการปฏิบัติราชการ ระบบการควบคุมภายในไม่รัด
กุม ขาดหลักการบริหารจัดการที่ดี ความไม่ซื่อสัตย์สุจริตของผู้บริหาร  ผู้ปฏิบัติงานใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ
และการมีส่วนได้ส่วนเสีย  และทำการโดยเอื้อประโยชน์ตนเองและผู้อื่น  และให้ส่วนราชการ  รัฐวิสาหกิจ  และ
หน่วยงานอื่นของรัฐ นำผลการตรวจสอบในรายงานดังกล่าวไปถือปฏิบัติหรือดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อ
ไป

          คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอร่าง
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....  มีสาระสำคัญคือ
กำหนดให้ผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นกรรมการในคณะกรรมการสถาบัน
แทนผู้แทนจากการเคหะแห่งชาติ และขยายระยะเวลาการจัดทำงบดุล งบการเงินและบัญชีเงินทำการจากเก้า
สิบวันเป็นหนึ่งร้อยยี่สิบวัน เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. 2542  และให้ส่งสำนัก
งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอการจ่ายเงินชดเชยค่าดำเนินการในการให้
บริการเชิงสังคมให้การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ในปี 2548 จำนวน  609.585  ล้านบาท  และสำหรับปี
2549 เมื่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินรับรองงบการเงินแล้ว ให้ กปภ. ทำความตกลงวงเงินที่จะขอชดเชย
กับสำนักงบประมาณ  ทั้งนี้  ให้อยู่ในกรอบวงเงิน  963.687  ล้านบาท  สำหรับค่าชดเชยการดำเนินการให้
บริการเชิงสังคมของ กปภ. ปีงบประมาณ 2550 เป็นต้นไป  ให้ดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจตามนโยบายพิเศษของรัฐบาล     ซึ่งอยู่ระหว่างกระทรวงการคลังนำ
เสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการ
เงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์  เฉพาะปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2547  ที่สำนักงานการตรวจ
เงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว  ซึ่งประกอบด้วย  สินทรัพย์หมุนเวียนและสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน ปี พ.ศ. 2547 มีทั้ง
สิ้น 3,423 ล้านบาท หนี้สินและส่วนของทุน ปี พ.ศ. 2547 มีจำนวน 3,423 ล้านบาท และงบรายได้ค่าใช้จ่าย ปี
พ.ศ. 2547 มีรายได้รวมจำนวน 84.8 ล้านบาท  และมีค่าใช้จ่ายรวมจำนวน 26.9 ล้านบาท โดยกองทุน ฯ มีราย
ได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายจำนวน  57.8  ล้านบาท  และให้ส่งสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาซึ่งทำหน้าที่สำนักงานเลขาธิ
การสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอรายงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
ที่ได้ตรวจสอบงบการเงินประจำปี พ.ศ. 2548 ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งแสดงงบการ
เงินรวมและเฉพาะ กฟผ. ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548  และ 2547  ผลการดำเนินงานรวมและเฉพาะ กฟผ. การ
เปลี่ยนแปลงในส่วนของทุนรวมและเฉพาะ กฟผ.  และกระแสเงินสดรวมและเฉพาะ กฟผ.   สำหรับปีสิ้นสุดวันที่
31 ธันวาคม 2548 และ 2547  ของ กฟผ.  และบริษัทย่อยและของเฉพาะ กฟผ.  โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระ
สำคัญตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอดังนี้ รับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีของสำนักงาน
การตรวจเงินแผ่นดิน  และงบการเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง  สำหรับปีสิ้นสุดวันที่  30  กันยายน  2547  และ
2546 โดยฐานะการเงินของกองทุน ฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2547  กองทุน ฯ มีสินทรัพย์รวม 1,073.10 ล้าน
บาท หนี้สินรวม 29,332.55 ล้านบาท  เงินกองทุน ฯ คงเหลือ -28,259.46 ล้านบาท  รับทราบรายงานของ
ผู้สอบบัญชีกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2548 และ 2547  โดยฐานะการเงินของ
กองทุน ฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2548 กองทุน ฯ มีสินทรัพย์รวม 2,720.49 ล้านบาท หนี้สินรวม 81,080.13
ล้านบาท  เงินกองทุน ฯ คงเหลือ -78,359.64 ล้านบาท  และรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงิน
กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2549  และ  2548  โดยฐานะการเงินของกองทุน ฯ
ณ วันที่ 30 กันยายน 2549 กองทุน ฯ มีสินทรัพย์รวม  14,296.92  ล้านบาท  หนี้สินรวม  62,030.50  ล้าน
บาท เงินกองทุน ฯ คงเหลือ -47,733.59 ล้านบาท ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว