ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 20 จากทั้งหมด 29 หน้า แสดงรายการที่ 381 - 400 จากข้อมูลทั้งหมด 571 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 381 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 | รง | 24/03/2552 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของ
กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่น ดิน ตรวจสอบรับรองแล้ว และจัดให้มีประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
||||||||||||||||||
| 382 | การขอรับเงินชดเชยค่าดำเนินการในการให้บริการเชิงสังคมของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) | มท | 02/12/2551 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติเงินชดเชยค่าดำเนินการในการให้บริการเชิงสังคมของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ประจำ ปี พ.ศ. 2550 ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองงบการเงินแล้ว จำนวน 1,011.065 ล้านบาท 2. สำหรับการชดเชยค่าดำเนินการในการให้บริการเชิงสังคมของ กปภ. ประจำปี พ.ศ. 2551 จำนวน 1,103.575 ล้านบาท นั้น ให้กระทรวงการคลังพิจารณาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางและหลักเกณฑ์ในการคำนวณ เงินชดเชยที่จะจ่ายให้แก่ กปภ. ให้ได้ข้อยุติที่เหมาะสม สอดคล้องกับความเป็นจริง ตามที่เคยถือปฏิบัติตามนัยมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2547 [เรื่อง การปรับปรุงโครงสร้าง (Restructure) รัฐวิสาหกิจที่มีผลประกอบ การขาดทุน] ก่อน เมื่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองงบการเงินแล้ว ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีก ครั้งหนึ่ง และสำหรับเงินชดเชยค่าดำเนินการในการให้บริการเชิงสังคม ประจำปี พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2553 รวมทั้งปี ต่อ ๆ ไป ให้ กปภ. ดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐ วิสาหกิจ พ.ศ. 2551 ต่อไป |
||||||||||||||||||
| 383 | การจัดหาเงินกู้เพื่อดำเนินโครงการรับจำนำข้าวและผลผลิตทางการเกษตร | กค | 04/11/2551 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ดำเนินการจัดหาเงินกู้เพื่อดำเนินโครงการรับจำนำข้าวและผลผลิตทางการ เกษตร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1. การกู้เงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะต้องได้รับการบรรจุในแผน การบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกำหนดนโยบาย และกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ และนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติการปรับปรุงแผนฯ ดังกล่าว ก่อนจึงจะดำเนินการได้ 2. ในการดำเนินงานตามข้อ 1. ให้ ธ.ก.ส. กู้เงินจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารที่ เข้าร่วมโครงการในวงเงินไม่เกิน 110,000 ล้านบาท โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ย และ รัฐบาลรับภาระต้นเงินและดอกเบี้ยจากการกู้เงินและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริงให้ใช้วงเงินดังกล่าวสำหรับโครง การรับจำนำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2551/52 โครงการรับจำนำมันสำปะหลัง ปี 2551/52 และโครงการให้สิทธิ ขายข้าวเปลือกล่วงหน้าแก่เกษตรกรด้วย 3. ในการดำเนินงานตามข้อ 2. ธ.ก.ส. จะต้องมีแผนการทั้งในส่วนของการรับจำนำ จัดทำกระแสเงินสด จากการดำเนินงาน และให้กระทรวงพาณิชย์เร่งระบายผลิตผลเพื่อปิดบัญชีโครงการให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี หลัง จากสิ้นสุดระยะเวลารับจำนำ โดยมีกระทรวงการคลังเข้าร่วมพิจารณา และเมื่อปิดบัญชีแล้วมีผลขาดทุนเกิดขึ้นจาก การดำเนินงานโครงการดังกล่าว ให้รัฐบาลรับภาระโดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณแผ่นดินเพื่อชดใช้ ธ.ก.ส. ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งระบายข้าวในสต็อกเก่าออกและชำระเงินให้แก่ ธ.ก.ส. ด้วย 4. ให้ ธ.ก.ส. ดำเนินงานตามโครงการ ในลักษณะธุรกรรมตามนโยบายพิเศษของรัฐ (Public Service Obligation : PSO) โดยแยกบัญชีงบการเงินออกจากการดำเนินงานปกติของ ธ.ก.ส. และให้ผลการดำเนินโครงการ ไม่นับรวมเป็นสินทรัพย์เสี่ยงที่ใช้ในการคำนวณสัดส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (CAR) ตามที่ได้กำหนดในกฎ กระทรวงว่าด้วยการดำรงเงินกองทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 5. ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้ เงินและการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นจากสถาบันการเงิน จำนวน 4 แห่ง ประกอบ ด้วย ธนาคารกรุงไทย ฯ ธนาคารออมสิน ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้ ให้เพิ่มผู้แทนกระทรวงการคลัง และผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่รัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำหนด ร่วมเป็นอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวสาร และให้กระทรวงพาณิชย์รับไปดำเนินการโดยด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||
| 384 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสถาบันการบินพลเรือน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2550 และ 2549 | คค | 04/11/2551 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสถาบันการเงินพลเรือน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบดุล ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๐ และ ๒๕๔๙ งบรายได้ค่าใช้จ่าย งบรายได้ค่าใช้จ่ายสะสม และงบกระแสเงินสดสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปีของสถาบันการบินพลเรือน แล้วมีความเห็นว่า งบการเงินข้างต้นแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๐ และ ๒๕๔๙ รายได้ ค่าใช้จ่าย รายได้ค่าใช้จ่ายสะสม และกระแสเงินสดสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปีของสถาบันการบินพลเรือน โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||
| 385 | งบการเงินและรายงานประจำปี 2549 ขององค์การสะพานปลา | กษ | 28/10/2551 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูล ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ งบการเงิน และรายงานประจำปี
2549 ขององค์การสะพานปลา มีสาระสำคัญคือ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบการเงินสำหรับ ปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2549 และ 2548 ผลการดำเนินงานปีงบประมาณ 2549 ขององค์การสะพานปลา รอบปีงบประมาณ 2549 องค์การสะพานมีรายได้ทั้งสิ้น 2,291.27 ล้านบาท มีรายจ่ายทั้งสิ้น 2,301.85 ล้าน บาท ขาดทุนสุทธิ 10.58 ล้านบาท
|
||||||||||||||||||
| 386 | รายงานประจำปีและรายงานงบการเงินขององค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย (MTSA) ประจำปี 2550 | พน | 26/08/2551 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอรายงานประจำปีและรายงานงบการเงินของ
องค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย (Malaysia-Thailand Joint Authority, MTJA) ประจำปี 2550 โดยสาระสำคัญเป็นการ รายงานให้ทราบถึงกิจกรรมที่สำคัญในพื้นที่พัฒนาร่วม ฯ แบ่งออกเป็นกิจกรรมด้านการสำรวจและการประเมิน ผลแหล่งผลิตปิโตรเลียม ด้านปริมาณสำรองปิโตรเลียม กิจกรรมด้านการพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติ รายได้จาก การผลิตปิโตรเลียมของแปลง A-18 และรายงานงบการเงิน ปี พ.ศ. 2550 ที่บริษัท M/s Ernst & Young ซึ่งเป็น บริษัทผู้สอบบัญชีขององค์กรร่วม ฯ ตรวจสอบแล้วเห็นว่า จัดทำขึ้นอย่างถูกต้องเหมาะสม และได้แสดงถึงข้อเท็จ จริง และเจตนาที่โปร่งใสเกี่ยวกับกิจการการดำเนินงาน รายรับและรายจ่าย และงบกระแสเงินสดขององค์กร ร่วม ฯ
|
||||||||||||||||||
| 387 | งบการเงินของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย | กค | 26/08/2551 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนองบการเงินของสำนักงานคณะกรรมการ
กำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 ซึ่งสำนัก งานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบดุล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 งบรายได้ค่าใช้จ่าย และงบกระแส เงินสด สำหรับงวดบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน-31 ธันวาคม 2550 และมีข้อสังเกตประกอบการตรวจสอบ งบการเงินของสำนักงาน คปภ. ว่า ณ วันที่เปลี่ยนแปลงสถานะ กรมการประกันภัยยังไม่ได้ปิดบัญชีและแต่ง ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของรายการทรัพย์สิน หนี้สิน ภาระผูกพันและสิทธิต่าง ๆ ที่มีอยู่จริง เพื่อส่งมอบให้สำนักงาน คปภ. หรือหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีสิทธิตามกฎหมาย จึงเสนอแนะให้สำนัก งาน คปภ. ประสานกับกระทรวงพาณิชย์ให้ดำเนินการปิดบัญชีของกรมการประกันภัย ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2550 และแต่งตั้งคณะกรรมการหรือคณะกรรมการร่วมทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของรายการ ทรัพย์สิน หนี้สิน ภาระผูกพันและสิทธิต่าง ๆ ที่ต้องส่งมอบตามที่กฎหมายกำหนด และจัดทำรายละเอียด เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการส่งมอบรายการทรัพย์สิน หนี้สิน ภาระผูกพันและสิทธิ ต่าง ๆ ให้สำนักงาน คปภ. ดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||
| 388 | รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน | ตผ | 19/08/2551 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๐ ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ดำเนินการตรวจสอบเงินงบประมาณแผ่นดิน มูลค่างานตามสัญญาซื้อจ้าง จำนวน ๕๕,๘๗๒.๓๗ ล้านบาท ตรวจสอบเพื่อแสดงความเห็นต่องบการเงินรัฐวิสาหกิจ กองทุนและเงินทุน หน่วยงานอิสระ/องค์การมหาชน และหน่วยงานอื่น มีมูลค่าทรัพย์สิน ๑๒,๔๙๐,๓๘๓.๓๘ ล้านบาท (ไม่รวมงบสอบทาน) ๑.๒ ประมาณการความเสียหาย/ค่าเสียโอกาสในภาพรวม สามารถคำนวณเป็นตัวเงินได้รวมทั้งสิ้น ๗,๕๖๑.๓๗ ล้านบาท ประกอบด้วย เงินงบประมาณที่เรียกคืนหรือรายได้ที่จัดเก็บเพิ่ม จำนวน ๑,๖๔๒.๑๘ ล้านบาท และมูลค่าความเสียหายที่รัฐสูญเสียงบประมาณโดยไม่ประหยัดหรือสูญเสียรายได้ จำนวน ๕,๙๑๙.๑๙ ล้านบาท ๒. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐนำผลการตรวจสอบไปปฏิบัติหรือดำเนินการปรับปรุงแก้ไขในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยในส่วนที่เกี่ยวกับราชการส่วนท้องถิ่นให้กระทรวงมหาดไทยกำกับและติดตามตรวจสอบการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องด้วย
|
||||||||||||||||||
| 389 | การยืนยันข้อทักท้วงการตรวจสอบงบการเงินเทศบาลเมืองปัตตานี ปี 2543 - 2544 | ตผ | 19/08/2551 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อทักท้วงการตรวจสอบงบการเงินเทศบาลเมืองปัตตานีปีงบประมาณ ๒๕๔๓-๒๕๔๔ โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ ๑๔ (จังหวัดสงขลา) ได้ยืนยันข้อทักท้วงการตรวจสอบงบการเงินเทศบาลเมืองปัตตานี ปี ๒๕๔๓-๒๕๔๔ ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ครั้งที่ ๓๑/๒๕๔๘ เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๔๘ รวม ๓ กรณี ได้แก่ (๑) การเบิกจ่ายเงินค่าผ้าพื้นเมืองบาติกสำหรับตัดชุดผู้บริหาร พนักงานเทศบาล และลูกจ้างเพื่อใช้แต่งกายในงานรัฐพิธีและงานประเพณีต่าง ๆ จำนวน ๓๐,๐๐๐ บาท (๒) การเบิกจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อจัดซื้อรถยนต์ตรวจการให้สำนักงานจังหวัดปัตตานี ๑ คัน ราคา ๒,๖๔๕,๐๐๐ บาท ยี่ห้อ JEEP GRAND CHEROKEE ขับเคลื่อน ๔ ล้อ ขนาดและปริมาตรกระบอกสูบ ๓,๙๕๘ ซีซี ๑๙๕ แรงม้า ๖ สูบ และ (๓) การเบิกจ่ายค่ากุญแจล็อคเกียร์พร้อมอุปกรณ์และเครื่องช่วยบังคับพวงมาลัยเพาเวอร์สำหรับรถยนต์หมายเลขทะเบียน บ ๗๑๖๖ และ บ ๗๑๖๗ จำนวน ๗๓,๘๐๐ บาท โดยไม่เห็นด้วยกับคำชี้แจงของเทศบาลเมืองปัตตานีและผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี และเห็นว่ากรณีหน่วยรับตรวจไม่ดำเนินการตามข้อทักท้วงเป็นการโต้แย้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔๔ วรรคท้าย ที่บัญญัติให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินรายงานข้อโต้แย้งต่อสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และคณะรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยในฐานะเป็นผู้รักษาการและสั่งการให้ถือปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๗ นำผลการตรวจสอบตามข้อทักท้วงของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามความเหมาะสมต่อไป |
||||||||||||||||||
| 390 | รายงานการสอบบัญชีกองทุนพัฒนาสหกรณ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ สำหรับปีสิ้นสุด วันที่ 30 กันยายน 2549 2548 และ 2547 | กษ | 22/07/2551 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานการสอบบัญชีกองทุนพัฒนาสหกรณ์
กรมส่งเสริมสหกรณ์ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2549 2548 และ 2547 ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้ตรวจสอบแล้ว ซึ่งจากผลการตรวจสอบงบการเงินของเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ ณ วันที่ 30 กันยายน 2549 เงิน ทุนหมุนเวียนมีสินทรัพย์ทั้งสิ้นจำนวน 3,680.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2548 จำนวน 127.13 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2547 จำนวน 257.83 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานในปี พ.ศ. 2549 เงินทุนหมุนเวียนมี รายได้รวม 115,773 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2548 จำนวน 11.03 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2547 จำนวน 30.98 ล้านบาท โดยมีค่าใช้จ่ายจำนวน 43.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2548 จำนวน 8.3 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2547 จำนวน 16.97 ล้านบาท ทำให้ปี พ.ศ. 2549 มีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายจำนวน 71.83 ล้านบาท ปี พ.ศ. 2548 มีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายจำนวน 69.107 ล้านบาท และปี พ.ศ. 2547 มีรายได้สูงกว่าค่าใช้ จ่ายจำนวน 57.832 ล้านบาท
|
||||||||||||||||||
| 391 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติองค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย พ.ศ. 2533 จำนวน 3 ฉบับ (ปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการจัดทำรายงานงบการเงินรายไตรมาส งบประมาณประจำปีขององค์กรร่วม และการชำระเงินรายได้จากการผลิตปิโตรเลียมให้แก่รัฐบาลทั้งสอง) | พน | 15/07/2551 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติ
องค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย พ.ศ. 2533 จำนวน 3 ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดย ร่างกฎกระทรวงทั้ง 3 ฉบับมีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2536) ออกตามความใน พระราชบัญญัติองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย พ.ศ. 2533 เพื่อขยายระยะเวลาให้องค์กรร่วมไทย-มาเลเซียสามารถจัด ทำงบการเงินสำหรับแต่ละไตรมาสเสนอรัฐบาลแต่ละฝ่ายภายในไตรมาสถัดไปได้ รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2536) ฯ เพื่อปรับปรุงวิธีการในการจัดทำงบประมาณประจำปีขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซียก่อน นำเสนอรัฐบาลแต่ละฝ่าย และแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงว่าด้วยการชำระค่าภาคหลวงและรายได้อื่น ๆ จากการผลิต ปิโตรเลียมในพื้นที่พัฒนาร่วมให้แก่รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งมาเลเซีย พ.ศ. 2547 เพื่อปรับปรุง วิธีการชำระรายได้จากการผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่พัฒนาร่วมให้แก่รัฐบาลทั้งสอง และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
| 392 | รายงานผลการตรวจสอบรับรองงบการเงินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2550 และ 2549 | คค | 08/07/2551 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลการตรวจสอบรับรองงบการเงินของการ
รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบงบการเงิน สำหรับปีสิ้น สุดวันที่ 30 กันยายน 2550 และ 2549 ดังนี้ งบดุล ปี พ.ศ. 2550 รฟม. มีสินทรัพย์รวม 100,767,622,733.66 บาท มีหนี้สินรวม 69,381,676,250.65 บาท และมีทุนรวม 31,385,946,483.01 บาท ส่วนงบดุล ปี พ.ศ. 2549 รฟม. มีสินทรัพย์รวม 102,500,405,132.12 บาท มีหนี้สินรวม 77,973,617,749.90 บาท และมีทุนรวม 24,526,787,382.22 บาท สำหรับงบกำไรขาดทุน ปี พ.ศ. 2550 รฟม. มีรายได้รวม 4,757,887,960.58 บาท มีค่าใช้จ่ายรวม 3,426,095,870.76 บาท มีกำไรสุทธิรวม 1,331,792,089.82 บาท ส่วนงบกำไรขาดทุน ปี พ.ศ. 2549 รฟม. มีรายได้รวม 9,607,503,223.89 บาท มีค่าใช้จ่ายรวม 3,114,310,628.03 บาท และมีกำไร สุทธิรวม 6,493,192,595.86 บาท
|
||||||||||||||||||
| 393 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริตแห่งชาติ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2549 และ 2548 | ปช | 27/05/2551 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนัก
งาน ป.ป.ง.) เสนอรายงานของผู้สอบบัญชี และงบการเงินของสำนักงาน ป.ป.ช. สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2549 และ 2548 โดยฐานะทางการเงิน ปี พ.ศ. 2549 สำนักงาน ป.ป.ช. มีสินทรัพย์รวม 1,426,963,103.60 บาท หนี้สินรวม 4,749,982.43 บาท สินทรัพย์สุทธิ 1,422,213,121.17 บาท ส่วนผลการดำเนินงานทางการเงิน ปี พ.ศ. 2549 สำนักงาน ป.ป.ช. มีรายได้จากการดำเนินงานรวม 832,325,697.58 บาท ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงาน รวม 294,600,066.84 บาท เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้นสุทธิ 551,106,686.98 บาท
|
||||||||||||||||||
| 394 | รายงานผลการดำเนินงานเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนาการศึกษาโรงเรียนเอกชนของปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 | ศธ | 20/05/2551 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการดำเนินงานเงินทุนหมุนเวียนเพื่อ
พัฒนาการศึกษาโรงเรียนเอกชนของปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและ รับรองงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2549 และ 2548 โดยในงวดปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 เงิน ทุนหมุนเวียน ฯ มีรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้กู้ยืมและค่าปรับรวมจำนวน 24.16 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการ ดำเนินคดีจำนวน 0.21 ล้านบาท โดยรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายจำนวน 23.95 ล้านบาท สูงกว่างวดปีก่อน 7.54 ล้านบาท
|
||||||||||||||||||
| 395 | รายงานการสอบบัญชีและงบการเงินกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล สำหรับปีสิ้นสุด วันที่ 30 กันยายน 2549 และ 2548 | ทส | 08/04/2551 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอรายงานการสอบบัญชี
และงบการเงินกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว ดังนี้ งบแสดงฐานะการ เงิน ณ วันที่ 30 กันยายน 2549 และ 2548 กองทุน ฯ มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการสำหรับปี พ.ศ. 2549 และ 2548 จำนวน 1,547.19 ล้านบาท และ 1,155.14 ล้านบาท ตามลำดับ เป็นรายได้จากการเรียกเก็บค่าใช้น้ำ บาดาลและค่าอนุรักษ์น้ำบาดาล โดยนำส่งเงินค่าใช้น้ำบาดาลเข้ากองทุน ฯ ในอัตรา 50% และค่าอนุรักษ์น้ำบาดาล ในอัตรา 100% ส่วนผลการดำเนินงานงวดปี พ.ศ. 2549 กองทุน ฯ มีรายได้สุทธิ จำนวน 1,547.19 ล้านบาท เพิ่ม ขึ้นจากงวดปี พ.ศ. 2548 เป็นเงิน จำนวน 392.05 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 33.94 และมีค่าใช้จ่ายจากการดำเนิน งาน จำนวน 30.48 ล้านบาท สูงกว่าค่าใช้จ่ายดำเนินงานในงวดปี พ.ศ. 2548 เป็นเงิน 25.01 ล้านบาท คิดเป็นร้อย ละ 457.22
|
||||||||||||||||||
| 396 | งบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ประจำปี 2549 และ 2548 | รง | 25/03/2551 | |||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงแรงงานเกี่ยวกับงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่
31 ธันวาคม 2549 และ พ.ศ. 2548 ของกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบ รับรองงบการเงินดังกล่าวแล้วเห็นว่า งบการเงินดังกล่าวแสดงผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของ แต่ละปีของกองทุน ฯ โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป
|
||||||||||||||||||
| 397 | รายงานผลการดำเนินงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2550 และ 2549 | พน | 15/01/2551 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกอง
ทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2550 และ 2549 ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจ สอบแล้ว โดยฐานะการเงินของกองทุน ฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2550 กองทุน ฯ มีสินทรัพย์รวม 20,445.82 ล้านบาท หนี้สินรวม 24,732.82 ล้านบาท และเงินกองทุน ฯ คงเหลือ -4,287.00 ล้านบาท สำหรับผลการ ดำเนินงานประจำปี พ.ศ. 2550 กองทุน ฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2549 จำนวน 8,888.40 ล้านบาท ค่าใช้ จ่ายรวมลดลงจากปี พ.ศ. 2549 จำนวน 3,932.13 ล้านบาท และเห็นชอบให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) รับไปดำเนินการกำหนดแนวทางปฏิบัติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ฯ มาตรา 170 ที่กำหนดให้เงินรายได้ของ หน่วยงานของรัฐใดที่ไม่ต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน ให้หน่วยงานของรัฐนั้นทำรายงานการรับและการใช้จ่ายเงิน ดังกล่าว เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเมื่อสิ้นปีงบประมาณทุกปี และให้คณะรัฐมนตรีทำรายงานเสนอสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาต่อไป โดยให้แจ้งเวียนหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติต่อไป
|
||||||||||||||||||
| 398 | ความก้าวหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในการกำกับ ติดตามดูแลภารกิจที่ถ่ายโอนตามนโยบายโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน และการตรวจสอบทรัพย์สินและชำระบัญชีของ สปท. | นร | 08/01/2551 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ ดังนี้ ๑. ความก้าวหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในการกำกับ ติดตาม ดูแลภารกิจที่ถ่ายโอนตามนโยบายโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน โดยภารกิจที่ถ่ายโอนพร้อมงบประมาณให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการ มี ๗ หน่วยงานที่รับถ่ายโอนภารกิจและงบประมาณไปดำเนินโครงการใน ๘ โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านดินสิ่งมหัศจรรย์ ของจังหวัดชัยภูมิ โครงการปฏิบัติการแปลงทักษะอาชีพเป็นทุน ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โครงการขจัดความยากจนอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนด้วยการปลูกไม้เศรษฐกิจ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โครงการพัฒนาและสนับสนุนผ้าไหมทอมือย้อมสีธรรมชาติ ของกระทรวงพาณิชย์ โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งและการมีส่วนร่วมขององค์กรชุมชนในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ ของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์กรมหาชน) การเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้และองค์ความรู้ในการพัฒนาสินทรัพย์ให้เป็นทุนที่ยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงภายใต้แนวทางของโครงการพระราชดำริและพระราชเสาวนีย์ ของโครงการหลวง โครงการฟูมฟักผู้ประกอบการในโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน ของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) และโครงการพัฒนาสินทรัพย์ชุมชน ของ ธพว. ๒. ความก้าวหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในการตรวจสอบทรัพย์สินและชำระบัญชีของสำนักงานบริหารการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน (องค์การมหาชน) (สปท.) ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการตรวจสอบทรัพย์สินและชำระบัญชีการโอนหรือการจำหน่ายทรัพย์สินและการจัดการเกี่ยวกับบุคลากรของ สปท. ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด สรุปได้ ดังนี้ ๒.๑ การรับมอบเอกสารหลักฐานและทรัพย์สินของ สปท. พร้อมตรวจความครบถ้วนแล้ว รวม ๘ รายการ รวมทั้งยอดเงินงบประมาณ สปท. ในบัญชีเงินฝาก ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๐ โดยบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยทำเนียบรัฐบาล มียอดเงิน ๗๓,๗๔๕,๖๓๖.๕๙ บาท และบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน ธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยทำเนียบรัฐบาล มียอดเงินจำนวน ๕๔,๐๑๙,๔๑๔.๓๘ บาท ๒.๒ ส่งมอบทรัพย์สินของ สปท. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย ครุภัณฑ์สำนักงาน จำนวน ๑๘๕ รายการ วัสดุคงทนถาวร จำนวน ๗๘ รายการ และวัสดุสำนักงานคงเหลือ จำนวน ๒๒ รายการ ซึ่งได้ตรวจสอบและรับมอบทรัพย์สินดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ๒.๓ ตรวจสอบ จำแนก และส่งมอบเอกสารผลการศึกษาวิจัยของ สปท. ให้ สศช. ในฐานะหน่วยงานกำกับ ติดตาม ดูแลภารกิจที่ถ่ายโอนตามนโยบายการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน โดยได้ส่งมอบเอกสารงานวิจัย จำนวน ๑๔ โครงการ เพื่อ สศช. ส่งมอบให้หน่วยงานที่รับถ่ายโอนภารกิจจาก สปท. ตามมติคณะรัฐมนตรีนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป ๒.๔ อนุมัติเงินช่วยเหลือ (เยียวยา) ตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ โดยจ่ายให้เจ้าหน้าที่ สปท. จำนวน ๖๒ ราย จากเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ๖๘ ราย เป็นเงินรวมทั้งสิ้น ๑๐,๙๓๒,๕๑๕.๐๐ บาท เหลือเจ้าหน้าที่ สปท. อีก ๖ ราย ที่ไม่ยินยอมรับเงินช่วยเหลือ (เยียวยา) และอนุมัติเงินช่วยเหลือ (เยียวยา) จ่ายให้แก่ผู้อำนวยการ สปท. จำนวน ๑ ราย เป็นเงิน ๘๗๑,๗๖๒.๕๐ บาท ๒.๕ ยื่นคำร้องขอวางเงินต่อสำนักงานวางทรัพย์กลาง กรมบังคับคดี เป็นเงินทั้งสิ้น ๕๔๕,๑๗๕ บาท สำหรับเจ้าหน้าที่ สปท. จำนวน ๖ ราย ที่ไม่ยินยอมรับเงินช่วยเหลือ (เยียวยา) ตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ ซึ่งคาดว่าจะมีการใช้สิทธิทางศาลดำเนินการฟ้องร้อง ๒.๖ ส่งรายงานการชำระบัญชีและงบการเงินสำหรับงวดตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ถึงวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๐ ของ สปท. ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน โดย ณ วันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๐ สปท. มียอดเงินงบประมาณคงเหลือในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ จำนวน ๗๓,๗๕๓,๒๘๖.๕๙ บาท และบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน จำนวน ๔๐,๖๕๗,๙๒๐.๐๒ บาท และเมื่อได้มีการตรวจสอบงบการเงินแล้วเสร็จ จะดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการตรวจสอบทรัพย์สินและชำระบัญชีฯ เพื่อโอนเงินที่คงเหลืออยู่ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินต่อไป
|
||||||||||||||||||
| 399 | ความก้าวหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในการกำกับ ติดตามดูแลภารกิจที่ถ่ายโอนตามนโยบายโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน และการตรวจสอบทรัพย์สินและชำระบัญชีของ สปท. | นร | 08/01/2551 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ ดังนี้
๑. ความก้าวหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในการกำกับ ติดตาม ดูแลภารกิจที่ถ่ายโอนตามนโยบายโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน โดยภารกิจที่ถ่ายโอนพร้อมงบประมาณให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการ มี ๗ หน่วยงานที่รับถ่ายโอนภารกิจและงบประมาณไปดำเนินโครงการใน ๘ โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านดินสิ่งมหัศจรรย์ ของจังหวัดชัยภูมิ โครงการปฏิบัติการแปลงทักษะอาชีพเป็นทุน ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โครงการขจัดความยากจนอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนด้วยการปลูกไม้เศรษฐกิจ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โครงการพัฒนาและสนับสนุนผ้าไหมทอมือย้อมสีธรรมชาติ ของกระทรวงพาณิชย์ โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งและการมีส่วนร่วมขององค์กรชุมชนในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ ของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์กรมหาชน) การเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้และองค์ความรู้ในการพัฒนาสินทรัพย์ให้เป็นทุนที่ยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงภายใต้แนวทางของโครงการพระราชดำริและพระราชเสาวนีย์ ของโครงการหลวง โครงการฟูมฟักผู้ประกอบการในโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน ของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) และโครงการพัฒนาสินทรัพย์ชุมชน ของ ธพว. ๒. ความก้าวหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในการตรวจสอบทรัพย์สินและชำระบัญชีของสำนักงานบริหารการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน (องค์การมหาชน) (สปท.) ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการตรวจสอบทรัพย์สินและชำระบัญชีการโอนหรือการจำหน่ายทรัพย์สินและการจัดการเกี่ยวกับบุคลากรของ สปท. ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด สรุปได้ ดังนี้ ๒.๑ การรับมอบเอกสารหลักฐานและทรัพย์สินของ สปท. พร้อมตรวจความครบถ้วนแล้ว รวม ๘ รายการ รวมทั้งยอดเงินงบประมาณ สปท. ในบัญชีเงินฝาก ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๐ โดยบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยทำเนียบรัฐบาล มียอดเงิน ๗๓,๗๔๕,๖๓๖.๕๙ บาท และบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน ธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยทำเนียบรัฐบาล มียอดเงินจำนวน ๕๔,๐๑๙,๔๑๔.๓๘ บาท ๒.๒ ส่งมอบทรัพย์สินของ สปท. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย ครุภัณฑ์สำนักงาน จำนวน ๑๘๕ รายการ วัสดุคงทนถาวร จำนวน ๗๘ รายการ และวัสดุสำนักงานคงเหลือ จำนวน ๒๒ รายการ ซึ่งได้ตรวจสอบและรับมอบทรัพย์สินดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ๒.๓ ตรวจสอบ จำแนก และส่งมอบเอกสารผลการศึกษาวิจัยของ สปท. ให้ สศช. ในฐานะหน่วยงานกำกับ ติดตาม ดูแลภารกิจที่ถ่ายโอนตามนโยบายการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน โดยได้ส่งมอบเอกสารงานวิจัย จำนวน ๑๔ โครงการ เพื่อ สศช. ส่งมอบให้หน่วยงานที่รับถ่ายโอนภารกิจจาก สปท. ตามมติคณะรัฐมนตรีนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป ๒.๔ อนุมัติเงินช่วยเหลือ (เยียวยา) ตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ โดยจ่ายให้เจ้าหน้าที่ สปท. จำนวน ๖๒ ราย จากเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ๖๘ ราย เป็นเงินรวมทั้งสิ้น ๑๐,๙๓๒,๕๑๕.๐๐ บาท เหลือเจ้าหน้าที่ สปท. อีก ๖ ราย ที่ไม่ยินยอมรับเงินช่วยเหลือ (เยียวยา) และอนุมัติเงินช่วยเหลือ (เยียวยา) จ่ายให้แก่ผู้อำนวยการ สปท. จำนวน ๑ ราย เป็นเงิน ๘๗๑,๗๖๒.๕๐ บาท ๒.๕ ยื่นคำร้องขอวางเงินต่อสำนักงานวางทรัพย์กลาง กรมบังคับคดี เป็นเงินทั้งสิ้น ๕๔๕,๑๗๕ บาท สำหรับเจ้าหน้าที่ สปท. จำนวน ๖ ราย ที่ไม่ยินยอมรับเงินช่วยเหลือ (เยียวยา) ตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ ซึ่งคาดว่าจะมีการใช้สิทธิทางศาลดำเนินการฟ้องร้อง ๒.๖ ส่งรายงานการชำระบัญชีและงบการเงินสำหรับงวดตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ถึงวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๐ ของ สปท. ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน โดย ณ วันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๐ สปท. มียอดเงินงบประมาณคงเหลือในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ จำนวน ๗๓,๗๕๓,๒๘๖.๕๙ บาท และบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน จำนวน ๔๐,๖๕๗,๙๒๐.๐๒ บาท และเมื่อได้มีการตรวจสอบงบการเงินแล้วเสร็จ จะดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการตรวจสอบทรัพย์สินและชำระบัญชีฯ เพื่อโอนเงินที่คงเหลืออยู่ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินต่อไป |
||||||||||||||||||
| 400 | ขออนุมัติคณะรัฐมนตรีปรับโครงสร้างหนี้โครงการที่มีหนี้ค้างชำระกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร | กษ | 18/12/2550 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอมติคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร
ในการประชุมครั้งที่ 8/2550 วันที่ 13 ธันวาคม 2550 เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้โครงการที่มีหนี้ค้างชำระ กองทุนสงเคราะห์เกษตรกร จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการแก้ไขปัญหาการจำหน่ายน้ำนมดิบของสหกรณ์ และเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมให้กับองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ค.ส.) โดยให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้รับการลดหนี้เพื่อชดเชยผลขาดทุนจากการดำเนินโครงการ ฯ จำนวน 107,120,854.34 บาท ตามที่สำนักงาน การตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองงบการเงินของ อ.ส.ค. สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2545, 2546 และ 2547 และโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการจัดหาปุ๋ยปีเพาะปลูก 2546/47 ให้กรม ส่งเสริมสหกรณ์ได้รับการลดหนี้เงินต้น จำนวน 3,165,613.34 บาท และให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้รับการขยาย เวลาการชำระหนี้ในส่วนของลูกหนี้ จำนวน 18 แห่ง เป็นเงิน 3,390,305.74 บาท ออกไปอีก 3 ปี นับจากวันที่ คณะรัฐมนตรีอนุมัติ รวมทั้งได้รับการขยายเวลาการชำระหนี้ส่วนของลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดีจำนวน 162 แห่ง เป็นเงิน 63,526,620.69 บาท ออกไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นการบังคับคดี โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับ ความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินการในระยะต่อไป ให้กองทุน ฯ มีการเร่งรัดการชำระหนี้คืนและมีระบบการติดตามและตรวจสอบการดำเนินการของหน่วยงานลูกหนี้ ที่ได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ไปแล้ว เพื่อให้มีความสามารถในการชำระหนี้คืนกองทุน ฯ ได้ตามแผนการปรับโครง สร้างหนี้ที่ได้รับความเห็นชอบแล้ว และให้มีเงินคืนกลับกองทุน ฯ สำหรับช่วยเหลือเกษตรกรอื่น ๆ และความเห็น ของสำนักงบประมาณที่ให้คณะกรรมการกองทุน ฯ ติดตามผลการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ขอปรับโครง สร้างหนี้ในครั้งนี้ โดยจัดทำแผนการชำระหนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการและเร่งรัดติดตามหนี้สินอย่างต่อ เนื่อง จริงจัง เพื่อลดภาระในการใช้จ่ายเงินของกองทุน ฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
