คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานคณะกรรมการ 
ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด) รายงานงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2543  และ  2542  
ของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว 
โดยงบดุล จำแนกเป็น  สินทรัพย์  จำนวนรวม  67,212,129.50  บาท  หนี้สินและเงินกองทุน  จำนวนรวม 
67,212,129.50 บาท ส่วนงบรายได้ค่าใช้จ่าย จำแนกเป็น รายได้ จำนวน 2,512,496.47 บาท และค่าใช้
จ่าย จำนวน 3,874,208.99 บาท โดยมีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่าย จำนวน 1,352,712.52 บาท

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบงบการเงินของกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรสำหรับปีสิ้นสุดวันที่  
30  กันยายน  2542   ซึ่งผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว   โดยงบดุล  ณ  วันที่  
30 กันยายน 2542  กองทุน ฯ มีสินทรัพย์หมุนเวียนรวม 22,638,571,047.09 บาท  มีหนี้สินหมุนเวียน 
รวม 248,528.40 บาท  และเงินกองทุนรวม 22,638,322,518.69 บาท  ซึ่งในช่วงระยะเวลาดังกล่าวกอง
ทุน ฯ มีค่าใช้จ่ายสูงกว่ารายได้รวมทั้งสิ้น 356,190,686.83 บาท  และมีงบรายได้ ค่าใช้จ่ายสะสมคงเหลือ
ปลายงวดติดลบ 17,672,527,481.31 บาท  ตามที่คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตร
กร  (คชก.)  เสนอ  โดยให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของสำนักงาน ฯ  (ที่ให้เร่ง 
รัดหน่วยงานเจ้าของโครงการที่ขอรับเงินกองทุน  ฯ   ในลักษณะเงินหมุนเวียน  และรายจ่ายขาด  ซึ่งระยะ  
เวลาดำเนินงานตามโครงการสิ้นสุดลงแล้วให้ปิดบัญชีและส่งเงินคงเหลือพร้อมดอกผลคืนกองทุน  ฯ   โดย  
เร็ว เพื่อกองทุน ฯ  จะได้นำเงินไปใช้ในโครงการอื่นที่เกิดประโยชน์แก่เกษตรกรต่อไป    ตลอดจนกำชับให้ 
หน่วยงานเจ้าของโครงการทุกหน่วยงานติดตามควบคุมการใช้จ่ายเงินให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครง 
การ  และรายงานผลให้คณะกรรมการติดตามประเมินผลทราบตามระเบียบกรมบัญชีกลางว่าด้วยการเงิน  
และการพัสดุกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร  และให้นำข้อมูลหน่วยงานที่ได้รับเงินแล้ว  แต่มิได้ดำเนิน
งานตามโครงการไปประกอบการอนุมัติจัดสรรเงินตามโครงการในโอกาสต่อไป) ไปดำเนินการด้วย

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบงบการเงินและรายงานประจำปี 2541 ขององค์การสะพานปลา ซึ่งผ่าน  
การตรวจสอบจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว  โดยผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2541 องค์การ  
สะพานปลามีรายได้ทั้งสิ้น 1,370.89 ล้านบาท รายจ่ายทั้งสิ้น 1,330.45 ล้านบาท  กำไรสุทธิ  40.44  ล้าน 
บาท ซึ่งในปี 2541 มีกำไรสุทธิสูงกว่าปี 2540  จำนวน 23.74 ล้านบาท  ทั้งนี้  การดำเนินงานด้านต่าง ๆ ที่  
สำคัญขององค์การสะพานปลา  ได้แก่  งานให้บริการสถานที่สำหรับขนถ่าย และจำหน่ายสินค้าสัตว์น้ำ   งาน  
สินเชื่อการประมงและงานส่งเสริมการประมง  ส่วนแผนปฏิบัติงานที่จะดำเนินการในระยะต่อไป  ประกอบด้วย 
การปรับปรุง/ขยายสะพานปลาและท่าเทียบเรือประมง   ปรับปรุงมาตรฐานคุณภาพสินค้าสัตว์น้ำ และสิ่งแวด 
ล้อม ขยายการดำเนินการด้านธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง  โดยให้เอกชนดำเนินงานบางส่วน และองค์การสะพาน 
ปลาดำเนินการเองบางส่วน สนับสนุนการทำประมงเบ็ดราวและจัดตั้งกองเรือประมงน้ำลึก  เพิ่มประสิทธิภาพ  
ของการบริหารและการจัดการ    เพิ่มพูนความรู้ความสามารถของพนักงาน    ส่งเสริมฐานะและสวัสดิการและ  
อาชีพชาวประมง  กลุ่ม  และสถาบันการประมงต่าง ๆ  ตามเงินทุนส่งเสริมการประมง  อุดหนุนการศึกษาวิจัย  
ด้านการประมง     ตลอดจนการปรับปรุงการจัดเก็บรายได้ค่าธรรมเนียมสัตว์น้ำผ่านท่าให้เป็นร้อยละของมูล 
ค่าสัตว์น้ำและประหยัดค่าใช้จ่ายการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล    ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 
เสนอ

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการ 
ธนาคารพัฒนาเอเซีย ครั้งที่ 34 ระหว่างวันที่ 8 - 11 พฤษภาคม 2544 ณ  เมืองฮอนโนลูลู  มลรัฐฮาวาย  
ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการของไทยในธนาคารพัฒนาเอเซีย
เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุม  ซึ่งที่ประชุม ฯ  มีมติรับทราบผลการดำเนินงานของธนาคาร  ฯ  
ประจำปี พ.ศ. 2543  โดยผลงานที่สำคัญ  ได้แก่  แผนกลยุทธ์เพื่อลดภาระความยากจน  แผนกลยุทธ์เพื่อ  
พัฒนาภาคเอกชน นโยบายการจัดตั้งสำนักงานตัวแทนธนาคาร ฯ ในประเทศสมาชิก และร่วมกับธนาคาร
โลกจัดตั้งกองทุนพิเศษเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ดินแดนติมอร์ตะวันออก     ตลอดจนรับทราบและให้ความ
เห็นชอบเกี่ยวกับการแก้ไขข้อบังคับของกองทุนพิเศษเพื่อการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการ   การแก้ไขกฎ
และข้อบังคับของกองทุนพิเศษแห่งญี่ปุ่น  งบการเงินของธนาคาร  ฯ   และการจัดสรรรายได้สุทธิประจำปี 
พ.ศ. 2543  การแต่งตั้ง  Procedures Committee  ประจำปี พ.ศ. 2544 - 2545  รวมทั้งการกำหนดเวลา 
และสถานที่จัดการประชุม ฯ ครั้งที่ 36 ณ กรุงอิสตันบลู  ประเทศตุรกี  ระหว่างวันที่ 24 - 26 พฤษภาคม 
2546  สำหรับการประชุม ฯ ครั้งที่ 35  มีกำหนดจะจัดขึ้น ณ  นครเซี่ยงไฮ้  สาธารณรัฐประชาชนจีน  ใน 
ระหว่างวันที่ 10 - 12 พฤษภาคม 2545  นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและคณะได้พบปะ
กับผู้ว่าการซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือหัวหน้าคณะผู้แทนของประเทศต่าง ๆ  เพื่อหารือ
ในประเด็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และแนวโน้มการลงทุน

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานผลการตรวจสอบงบ 
การเงินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) สำหรับปีสิ้นสุด ณ  วันที่ 30 กันยายน 2543   
และ 2542 ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและให้การรับรองแล้ว โดยงบการเงินดังกล่าวแสดง  
ฐานะการเงิน ณ วันที่ 30 กันยายน 2543  และ 2542  ผลการดำเนินงานและกระแสเงินสด สำหรับปีสิ้นสุด    
วันเดียวกันของแต่ละปี  และผลการดำเนินงานสะสมเพียงวันที่  30  กันยายน  2543  และ 2542  ของ รฟม. 
โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานผลการชำระบัญชีของกอง  
ทุนไทยช่วยไทย  ตามมติคณะกรรมการชำระบัญชี  โดยได้จัดทำงบการเงินของกองทุน ฯ  ณ  วันที่  30  กันยายน 
2541 วันที่ 30 กันยายน 2542 และวันที่ 25 มกราคม 2543 จำนวน 3 ชุด ส่งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน  
ตรวจสอบรับรองเรียบร้อยแล้ว และได้จัดทำงบการเงินของกองทุน ฯ ระหว่างวันที่  26  มกราคม 2542 ถึงวันปิด  
บัญชี คือ วันที่ 30 มิถุนายน 2543 โดยจำหน่ายทรัพย์สินที่เหลืออยู่ในตู้นิรภัย จำนวนเงิน  3,300  บาท  นำไป 
บริจาคให้กับมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก ทำให้งบแสดงฐานะการเงินของกองทุน ฯ เป็นศูนย์ การชำระบัญชีเสร็จสิ้น

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบงบการเงินประจำปี พ.ศ. 2543  ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย  
(กฟผ.) ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว  ประกอบด้วย  งบดุล  งบกำไรขาดทุน  กำไร    
สะสมยังไม่ได้จัดสรรยกไป  และงบกระแสเงินสด  โดยงบการเงินประจำปี  พ.ศ. 2543  ปรากฎว่า  มีกำไรสุทธิ    
จำนวน  20,175,375,194  บาท  เปรียบเทียบกับงบการเงินประจำปี  พ.ศ. 2542  มีจำนวนเพิ่มขึ้นเกือบทุก    
รายการ ยกเว้นรายการที่ กฟผ. มีกำไรจากการรับทำงานภายนอก  และส่วนแบ่งผลกำไรในบริษัทร่วมที่ลดลง   
สำหรับด้านรายจ่ายรวมในปี พ.ศ. 2543 ในส่วนของการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและ 
การขาดทุนจากการใช้ระบบแลกเปลี่ยนเงินตราแบบลอยตัว มีจำนวนลดลงจากปี พ.ศ. 2542  และให้ประกาศ 
ในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานผลการตรวจสอบงบการ   
เงินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) สำหรับปีสิ้นสุด ณ วันที่  30  กันยายน  2542  และ 
2541 ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและให้การรับรองบัญชีและงบการเงินแล้ว ซึ่งประกอบด้วย    
งบดุล งบกำไรขาดทุน งบกำไรสะสม และงบกระแสเงินสด  โดยงบการเงินในงวดบัญชีปี 2542 รฟม. ได้เปลี่ยน  
แปลงนโยบายการบัญชีเพื่อให้เป็นไปตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไปเกี่ยวกับการรับรู้รายได้  เงินอุดหนุนจาก   
รัฐบาล   ดอกเบี้ยเงินกู้   และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ  ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีดังกล่าวทำให้ต้องปรับลด   
กำไรสะสมต้นงวดปี 2542 และ 2541 จำนวน 453.43 ล้านบาท และ  498.88  ล้านบาท  ตามลำดับ  รวมทั้ง 
ได้รับงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่  30  กันยายน  2541   ที่นำมาเปรียบเทียบใหม่มีผลให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น  
45.45 ล้านบาท  สินทรัพย์ลดลง 2,584.86 ล้านบาท  หนี้สินลดลง 4.08 ล้านบาท  และทุนลดลง 2,127.34
ล้านบาท โดยให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการยกเว้นไม่ต้องจัดให้งบการเงินได้รับการตรวจสอบ  
และแสดงความเห็นโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต พ.ศ. .... (กำหนดจำนวนทุน สินทรัพย์  และรายได้ทุกรายการของ  
ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนจดทะเทียนที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องจัดให้งบการ   
เงินได้รับการตรวจสอบและแสดงความเห็นโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ  
พิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ 

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง  (พ.ศ. ....)  ออกตามความในพระราชบัญญัติ
การบัญชี พ.ศ. 2543  (กำหนดให้ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยที่มีทุนสินทรัพย์และ 
รายได้ทุนรายการไม่เกินกว่าจำนวนที่กำหนดได้รับยกเว้นไม่ต้องจัดให้งบการเงินได้รับการตรวจสอบ  และ   
แสดงความเห็น โดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต)  และเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง   เรื่อง   ให้บุคคล  
ธรรมดาหรือห้างหุ้นส่วนที่มิได้จดทะเบียนเป็นผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี พ.ศ. 2543 (กำหนดให้บุคคลธรรมดา  
หรือห้างหุ้นส่วนที่มิได้จดทะเบียนซึ่งประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าประเภทเทปเพลง วีดีโอเทป และแผ่นซีดี  
เป็นผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ  
พิจารณา  โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (เกี่ยวกับชื่อร่างและถ้อยคำบางประการ)  
ไปพิจารณาด้วย    แล้วดำเนินการต่อไปได้     สำหรับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับร่างประกาศ   
กระทรวงพาณิชย์ดังกล่าว  เห็นควรให้บุคคลธรรมดาหรือห้างหุ้นส่วนที่มิได้จดทะเบียนซึ่งเป็นผู้มีเงินได้พึง 
ประเมินที่มีรายได้ตั้งแต่  600,000  ล้านบาทต่อปี  ยังคงต้องเป็นผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี  นั้น   ให้กระทรวง
พาณิชย์รับไปหารือร่วมกับกระทรวงการคลังเพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนต่อไป 

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานกิจการและงบการเงินสำหรับ 6 เดือน สิ้นสุด   
วันที่ 31 มีนาคม 2543 ขององค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.)  โดยกิจการงบดุล บัญชีกำไรและ  
ขาดทุน สำหรับงวด 6 เดือน ประกอบด้วย สินทรัพย์รวม  3,974.64  ล้านบาท  หนี้สินรวม  1,942.09  ล้านบาท 
ส่วนของทุน 2,032.55 ล้านบาท รายได้รวม 279.14 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายรวม 104.11 ล้านบาท และรายได้สูงกว่า
ค่าใช้จ่าย 175.03 ล้านบาท ในส่วนของกิจการ ปรส. ได้นำสินทรัพย์ของสถาบันการเงินที่ถูกระงับการดำเนินการ  
รวม 56 แห่ง ออกประมูลขาย ณ วันที่ 30 เมษายน 2543  โดยจำแนกเป็นการประมูลขายภายใต้โครงการแบ่งปัน  
ผลกำไรในอนาคต และภายใต้โครงการแบ่งปันกระแสเงินสด  ซึ่งจากการประมูลสินทรัพย์ดังกล่าว ปรส. ได้นำเงิน  
ส่งคืนสถาบันการเงินไปแล้ว จำนวน 131,562.46 ล้านบาท  ทั้งนี้  ยังเหลือสถาบันการเงินที่อยู่ในความดูแลของ   
ปรส.  เพียง  52  แห่ง  ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดสรรเงินคืนเจ้าหนี้  และจะได้ดำเนินการเพื่อเข้าสู่ระบบการล้ม  
ละลายต่อไป   สำหรับการดำเนินการแก้ไขฟื้นฟูฐานะของสถาบันการเงินที่ถูกระงับการดำเนินกิจการตามอำนาจ  
หน้าที่ของ ปรส. ในงวดนี้  ได้ลดหน่วยงานที่มีภาระเสร็จสิ้นแล้ว  และได้มีการคืนพื้นที่อาคารบางส่วน  ลดจำนวน  
พนักงาน ประมูลขายสินทรัพย์ของ ปรส. ที่ไม่ได้ใช้งาน รวมทั้งบริจาคสินทรัพย์ให้ส่วนราชการที่แจ้งความจำนงขอ
รับบริจาค ตลอดจนตัดจ่ายค่าสินทรัพย์ที่ไม่สามารถถอนหรือจำหน่ายได้
          

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีอิสระและงบการเงินของการนิคมอุตสาหกรรม  
แห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2542  และ 2541  ในส่วนของงบดุลแสดงฐานะการเงิน  
งบกำไร (ขาดทุน)  และงบกระแสเงินสด  ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ   และให้กระทรวงอุตสาหกรรม  
(การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย)   รับข้อสังเกตของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน    (เกี่ยวกับการ 
เร่งรัดการพิจารณาปรับปรุงสัญญาร่วมดำเนินงานโครงการนิคมอุตสาหกรรมกับเอกชน)       ไปดำเนินการ
ต่อไปด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบงบการเงินของกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร    สำหรับปีสิ้นสุด  
วันที่ 30 กันยายน 2541  ซึ่งผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว  ในส่วนของงบดุล  
งบรายได้    ค่าใช้จ่าย  และงบรายได้ค่าใช้จ่ายสะสม   สำหรับผลการดำเนินงานในงวดปี 2541  กองทุน ฯ  
มีรายได้รวม  931.12 ล้านบาท  ประกอบด้วย ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร และรายได้อื่น  รวมทั้งมีค่าใช้จ่าย  
834.72  ล้านบาท ประกอบด้วยรายจ่ายโครงการ และค่าใช้จ่ายบริหารกองทุน โดยมีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย
ตามที่คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร  (คชก.)   เสนอ      โดยให้รับข้อสังเกตและ
ข้อเสนอแนะของ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (เกี่ยวกับการให้กองทุน  ฯ  เร่งรัดหน่วยงานผู้ดำเนินงาน  
ตามโครงการที่ระยะเวลาโครงการสิ้นสุดลงแล้วให้ปิดบัญชีและส่งเงินคงเหลือพร้อมดอกผลคืนกองทุน  ฯ  
โดยเร็ว     เพื่อกองทุน ฯ   จะได้นำเงินไปใช้ในโครงการอื่นที่เกิดประโยชน์แก่เกษตรกรต่อไป)    ไปดำเนิน
การด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการสอบบัญชีของกองทุนบำเหน็จบำนาญ   
ข้าราชการ (กบข.) ประจำปี 2542 ในส่วนของผลการดำเนินงาน  ฐานะการเงิน  และการรับจ่ายเงินของ กบข.   
ซึ่งผ่านการรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินและผ่านการพิจารณาจากที่ประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิกแล้ว  
โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินมีข้อสังเกตโดยไม่เป็นเงื่อนไขในการแสดงความเห็นต่องบการเงิน รวมทั้งข้อ  
เสนอแนะ และผลการพิจารณาของที่ประชุมใหญ่   โดยให้มีการทบทวนพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญ 
ข้าราชการ หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การปฏิบัติการจัดสรรเงินสอดคล้องกับกฎหมาย   และการทบทวน 
ระบบการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการนำเงินส่ง กบข. เพื่อให้สมาชิกได้รับประโยชน์ครบถ้วนตามที่ควร  สำหรับเงิน   
สะสม เงินสมทบ เงินชดเชยและเงินผลประโยชน์ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2542 ซึ่งมียอดตามบัญชีคุมยอดสูงกว่า 
บัญชีรายตัวสมาชิกให้เร่งรัดหาข้อผิดพลาดเพื่อปรับปรุงให้ถูกต้องตรงกันโดยเร็ว  นอกจากนี้  การจัดตั้งสำนัก  
งานสาขา กบข. นั้น  ยังไม่มีนโยบายที่จะจัดตั้ง  เนื่องจากในปัจจุบันได้แต่งตั้งให้สำนักงานคลัง กรมบัญชีกลาง 
ทำหน้าที่ตัวแทน กบข. ในทุกจังหวัดอยู่แล้ว รวมถึงการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิกให้มีการประชุมในวันหยุดเพื่อ 
สมาชิกจะได้ติดตามการประชุมได้และให้จัดส่งเอกสารรายงานการสอบบัญชีให้ทราบล่วงหน้าก่อนการประชุม 
ทั้งนี้ การสมัครเป็นสมาชิกเพิ่มเติม ตลอดจนการจัดทำบัตรประจำตัวสมาชิกหรือสมุดคู่ฝากของสมาชิกรายคน 
และการจัดการให้มีการประกันชีวิตหมู่เพื่อสมาชิก ขณะนึ้อยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการ

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2542  ของกองทุนป้องกัน 
และปราบปรามยาเสพติด ซึ่งสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบและรับรองแล้ว ประกอบด้วย งบดุล จำแนก  
เป็น สินทรัพย์ จำนวนรวม 32,550,880.53 บาท หนี้สินและเงินกองทุน จำนวนรวม  32,550,880.53  บาท  
และงบรายได้ค่าใช้จ่ายซึ่งมีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่าย จำนวน  1,951,148.87  บาท  ตามที่สำนักงานปลัดสำนัก 
นายกรัฐมนตรี (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด) เสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบงบการเงินประจำปี 2542 ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สิ้นสุด 
ณ วันที่ 30 กันยายน 2542 ซึ่งสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองถูกต้องแล้ว ประกอบด้วย  งบดุล 
งบกำไรขาดทุน  กำไรสะสมยังไม่ได้จัดสรรไป  และงบกระแสเงินสด  ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี 
เสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบงบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนเงินทดแทน ประจำปี 2541 ของ  
กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม  สรุปได้ว่า  สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบดุล  ณ วันที่ 31  
ธันวาคม  2541  งบรายรับ - รายจ่าย   และงบกองทุนสะสมสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของกองทุนเงินทดแทน  
สำนักงานประกันสังคมแล้ว เห็นว่า  งบการเงินดังกล่าวแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2541  ผลการ  
ดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของกองทุนเงินทดแทน  สำนักงานประกันสังคม  โดยถูกต้องตามที่ควรใน  
สาระสำคัญตามหลักเกณฑ์การจัดทำงบการเงิน  และจัดให้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา   ตามที่กระทรวง 
แรงงานและสวัสดิการสังคมเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบงบการเงินประจำปี พ.ศ. 2540 ของกองทุนเงินทดแทน ที่สำนักงานตรวจเงิน   
แผ่นดินได้ตรวจสอบงบดุล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2540  โดยงบรายรับ - รายจ่าย และงบกองทุนสะสมสำหรับปีสิ้น  
สุดวันเดียวกันของกองทุนเงินทดแทนสำนักงานประกันสังคมตามมาตรฐานการสอบบัญชีที่รับรองทั่วไป  ซึ่งรวมทั้ง  
การทดสอบรายการบัญชีและวิธีการตรวจสอบอื่นที่เห็นว่าจำเป็นแล้วสำหรับงบการเงินดังกล่าวแสดงฐานะการเงิน   
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2540 ผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของกองทุนเงินทดแทนสำนักงานประกัน  
สังคมโดยถูกต้องตามที่ควร

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินรายงานการตรวจสอบงบการเงินของ 
การสื่อสารแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2542 และ 2541 ในส่วนของงบกำไรขาดทุน 
งบกำไรสะสม และงบกระแสเงินสด

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการและรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงิน สำหรับงวด 6  
เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2542 ซึ่งสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว  พร้อมทั้ง   
รายงานสรุปผลความก้าวหน้าในการจำหน่ายสินทรัพย์  จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2542   ขององค์การเพื่อการ   
ปฏิรูประบบสถาบันการเงิน  (ปรส.)   สรุปได้ว่า  ปรส.  ได้จำหน่ายทรัพย์สินเป็นจำนวนทั้งสิ้น  186,544.58 
ล้านบาท ได้ทำการลดขนาดของสถาบันการเงินทั้ง 56 แห่งอย่างต่อเนื่อง  และให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ไปแล้ว   
ทั้งสิ้น 27,548 ราย คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น  24,398.77  ล้านบาท   รวมทั้งได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการวินิจ  
ฉัยหนี้และจัดสรรเงินคืน ประกอบด้วย ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด  ผู้แทนธนาคาร 
แห่งประเทศไทย ผู้แทน ปรส.  ผู้เชี่ยวชาญทางบัญชี  และผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมาย  รวม  8  คน  และที่ปรึกษา 
อนุกรรมการอีก  2  คน   เพื่อทำหน้าที่วินิจฉัยยอดหนี้ที่พึงขอรับชำระได้ของเจ้าหนี้แต่ละราย  และจัดสรรคืน 
เจ้าหนี้ต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ