คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงิน
ของสถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่  30  กันยายน  2547 และ 2546  ที่สำนักงาน
การตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองแล้ว  โดยงบดุล  ณ  วันที่  30  กันยายน  2547  และ 2546  สบพ.
มีสินทรัพย์ ดังนี้ ปี พ.ศ. 2547  มีสินทรัพย์รวม  692,095,861.13  บาท  ปี พ.ศ. 2546  มีสินทรัพย์รวม
656,518,346.01 บาท  สำหรับหนี้สินในปี พ.ศ. 2547  สบพ. มีหนี้สินรวม  343,896,442.28  บาท ปี
พ.ศ. 2546 มีหนี้สินรวม 291,210,283.48 บาท  ในส่วนของงบรายได้ค่าใช้จ่ายในปี พ.ศ. 2547 สบพ. มี
รายได้รวม 289,698,069.66 บาท และค่าใช้จ่ายรวม  306,806,713.34  บาท  ปี พ.ศ. 2546  มีรายได้
รวม 155,003,976.87 บาท และค่าใช้จ่ายรวม 247,545,547.31 บาท

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการสอบบัญชีของกองทุนบำเหน็จ
บำนาญข้าราชการประจำปี 2547 และข้อเสนอแนะจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิกประจำปี 2548 เมื่อ
วันที่  27 มิถุนายน 2548  โดยในส่วนของรายงานการสอบบัญชีปี 2547 สำนักงานการตรวจเงินแผ่นได้
ตรวจสอบและรับรองโดยไม่มีเงื่อนไขว่า  "งบการเงินของ กบข. แสดงฐานะการเงิน  ณ  วันที่ 31 ธันวาคม 
2547 และ 2546 ผลการดำเนินงาน การเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิและกระแสเงินสดสำหรับปีสิ้นสุดวัน
เดียวกันของแต่ละปีของ  กบข.  โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่รับรองโดยทั่วไป" 
และที่ประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิก  ฯ  ได้แสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินงาน  โดยให้ 
กบข. จัดสวัสดิการให้สมาชิกเพิ่มขึ้น การประชาสัมพันธ์ควรเป็นไปอย่างทั่วถึงโดยคำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่เกิด
ขึ้นและควรปรับปรุงรูปแบบการจัดประชุมใหญ่

          คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอรายงานสรุปผลการดำเนินงานของบรรษัท
บริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) ไตรมาสที่ 2 ไตรมาสที่ 3 ไตรมาสที่ 4 ปี 2547 งบการเงินงวดครึ่งปี และงวด
สิ้นปี  2547  และผลการดำเนินงานของ บสท. ในปี 2547  ดังนี้ (1) รายงานผลการดำเนินงานของ บสท.  
ไตรมาสที่  2  ปี  2547  ประกอบด้วยข้อมูลเกี่ยวกับ  การรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพสุทธิ  ณ  วันที่  30 
มิถุนายน  2547   ความคืบหน้าในการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ  ณ  สิ้นไตรมาสที่ 2  ปี 2547 
ไตรมาสที่ 3  ปี  2547  ประกอบด้วยข้อมูลเกี่ยวกับ   การรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพสุทธิ  ณ  วันที่  30 
กันยายน 2547 ความคืบหน้าในการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2547 ไตร
มาสที่ 4 ปี 2547  ประกอบด้วยข้อมูลเกี่ยวกับ การรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพสุทธิ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 
2547  ความคืบหน้าในการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ  ณ  สิ้นไตรมาสที่ 4 ปี 2547 (2) งบการ
เงินงวดครึ่งปีและงวดสิ้นปี 2547 ของ บสท. ประกอบด้วยข้อมูลเกี่ยวกับ งบดุล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2547 
งบรายรับและรายจ่ายจากทุนประเดิม  ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2547 งบรายรับหรือรายจ่ายสุทธิรอปันส่วน
ไปยังสินทรัพย์รับโอน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2547 (3) ผลการดำเนินการของ บสท. ในปี 2547 ประกอบ
ด้วยข้อมูลเกี่ยวกับ   การบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ  และการบริหารจัดการสินทรัพย์รอการขาย 
ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงาน    แผนการดำเนินงานในปี  2548    ประมาณการผลสำเร็จของการ
ดำเนินงานในปี 2548  และให้นำเสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานงบการเงินของกองทุนป้องกันและ
ปราบปรามยาเสพติด สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2547 และ 2546 ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่น
ดินได้ตรวจสอบและรับรองเรียบร้อยแล้ว สรุปได้ดังนี้ สินทรัพย์และหนี้สิน ปี พ.ศ. 2547 กองทุน ฯ  มีสิน
ทรัพย์รวม 136,328,143.89 บาท ปี พ.ศ. 2546  มีสินทรัพย์รวม 124,677,113.51 บาท  ส่วนของหนี้
สิน ปี พ.ศ. 2547 กองทุน ฯ มีหนี้สินรวม  535,115.90  บาท  ปี พ.ศ. 2546  มีหนี้สินรวม  67,439.67
บาทสำหรับรายได้และค่าใช้จ่าย  ในปี พ.ศ. 2547   กองทุน  ฯ  มีรายได้รวม  6,575,682.09  บาท   ปี
พ.ศ. 2546 มีรายได้รวม 3,238,227.61 บาท  ในส่วนของค่าใช้จ่าย ปี พ.ศ. 2547 กองทุน ฯ มีค่าใช้จ่าย
รวม 53,664,912.94 บาท ปี พ.ศ. 2546 มีค่าใช้จ่ายรวม  20,543,087.06 บาท ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2547
กองทุน ฯ มีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายรวม 47,089,230.85 บาท และในปี พ.ศ. 2546  กองทุน ฯ  มีรายได้
ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายรวม 17,304,859.45 บาท

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับรายงานงบการ
เงินและรายงานประจำปี พ.ศ. 2546 ขององค์การสะพานปลา  ดังนี้  ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546  องค์การ
สะพานปลา มีรายได้ทั้งสิ้น 430.94 ล้านบาท มีรายจ่ายทั้งสิ้น  430.06  ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิ 0.88
ล้านบาท  ส่วนผลการดำเนินงานขององค์การสะพานปลาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ได้แก่ งานให้บริการ
สถานที่สำหรับขนถ่ายและจำหน่ายสินค้าสัตว์น้ำ  งานสินเชื่อการประมง  งานส่งเสริมการประมง  และแผน
ปฏิบัติงานที่จะดำเนินการต่อไปในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547  ได้แก่ การปรับปรุงสุขอนามัยสะพานปลาและ
ท่าเทียบเรือประมงต่าง ๆ การปรับปรุงระบบงานตามโครงสร้างการบริหารงานใหม่ และการนำเทคโนโลยี
สารสนเทศมาใช้ในระบบบัญชี/การเงิน

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
รายงานงบการเงิน ประจำปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2545  ประกอบด้วย  สินทรัพย์รวม 216,931,733.67
บาท หนี้สินรวม 7,333,118.36 บาท รวมสินทรัพย์สุทธิ 209,598,615.31 บาท

           คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอรายงานประจำปีและรายงานงบการเงินของ
องค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย  (Malaysia-Thailand Joint Authority, MTJA)  ประจำปี พ.ศ. 2547  ซึ่งได้ผ่านการ
ตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีที่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลทั้งสองและได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมองค์กร
ร่วม ฯ  ครั้งที่  58  และที่ประชุมสามัญประจำปี  ครั้งที่ 13  (13th  Annual  General  Meeting)  เมื่อวันที่ 16 
พฤษภาคม 2548 แล้ว  โดยรายงานดังกล่าวได้รายงานให้ทราบถึงกิจกรรมที่สำคัญในพื้นที่พัฒนาร่วม ฯ โดย
แบ่งออกเป็นกิจกรรมด้านการสำรวจและการพัฒนา  กฎกระทรวงว่าด้วยการจัดเก็บค่าภาคหลวง   และรายได้
อื่น ๆ  จากการผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่พัฒนาร่วมให้แก่รัฐบาลทั้งสอง  และการปรับปรุงเงื่อนไขและสวัสดิการ
การจ้างงานของพนักงานองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย รวมถึงรายงานงบการเงินปี พ.ศ. 2547 และความเห็นของ
ผู้สอบบัญชี  โดยเห็นว่าองค์กรร่วม ฯ  ได้จัดทำรายงานงบการเงินประจำปี พ.ศ. 2547  ขึ้นอย่างถูกต้องเหมาะ
สม   และได้แสดงถึงข้อเท็จจริง  และเจตนาที่โปร่งใสเกี่ยวกับกิจการการดำเนินงานรายรับและรายจ่าย และงบ
กระแสเงินสดขององค์กรร่วม ฯ

            สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับผลการสอบบัญชีของการ
นิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สำหรับปีบัญชี 2547 และ 2546 ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
ได้ตรวจสอบงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2547 และ 2546  เสร็จเรียบร้อยแล้ว  โดยฐานะการ
เงินของ กนอ. สำหรับปีบัญชี 2547 และ 2546 มีดังนี้ ปี พ.ศ. 2547 กนอ. มีสินทรัพย์รวม  13,168  ล้านบาท 
ปี พ.ศ. 2546  มีสินทรัพย์รวม 13,818 ล้านบาท  ในส่วนของหนี้สิน ปี พ.ศ. 2547  กนอ. มีหนี้สินรวม  5,769
ล้านบาท ปี พ.ศ. 2546  มีหนี้สินรวม 6,361 ล้านบาท  รายได้และค่าใช้จ่าย ปี พ.ศ. 2547  กนอ. มีรายได้รวม
2,717 ล้านบาท  และค่าใช้จ่ายรวม  2,195 ล้านบาท ปี พ.ศ. 2546 กนอ. มีรายได้รวม 2,195 ล้านบาท  และ
ค่าใช้จ่ายรวม 2,191 ล้านบาท ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2547  กนอ. มีกำไรสุทธิ  522  ล้านบาท  และในปี พ.ศ. 2546  
มีกำไรสุทธิ 619 ล้านบาท

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานการช่วยเหลือชาวประมงและผู้ประสบภัย
ธรณีพิบัติ สรุปดังนี้  กรณีที่เกิดธรณีพิบัติและคลื่นยักษ์สึนามิใน 6 จังหวัดภาคใต้ ก่อให้เกิดการสูญเสียชีวิตและ
ทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมาก กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของการ
ช่วยเหลือแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้จัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนราคาสินค้าและบริการที่กรมการค้าภายในการ
รับบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบใน  6  จังหวัด   และจัดตั้งศูนย์รับแจ้งและช่วยเหลือเกี่ยวกับการ
ประกันภัยในจังหวัดที่ประสบภัย   สำหรับการช่วยเหลือราคาอาหารทะเล   กรมการค้าภายใน   โดยการมอบ
หมายของกระทรวงพาณิย์ ได้จัดเทศกาลรณรงค์บริโภคอาหารทะเลขึ้นที่จังหวัดกระบี่และภูเก็ต ระหว่างวันที่ 7
-9 กุมภาพันธ์ 2548  และจะจัดในพื้นที่ประสบภัยอีก 4 จังหวัด ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2548  ส่วน
การฟื้นฟูช่วยเหลือผู้ประสบภัย  ได้รับความร่วมมือจากร้านวัสดุก่อสร้างในการลดราคาให้แก่ผู้ประสบภัยเป็น
กรณีพิเศษ  การจัดงานจำหน่ายสินค้า  "หัวใจไทย  สู่ผู้ประสบภัยสึนามิ"  ระหว่างวันที่ 4-13 กุมภาพันธ์  ณ
ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพค เมืองทองธานี  การเสริมสร้างธุรกิจ/รายได้  โดยจัดฝึกอบรม/การตกแต่งร้าน/สนับ
สนุนอุปกรณ์ประกอบธุรกิจ  และสร้างผู้ประกอบธุรกิจด้วยธุรกิจแฟรนไชส์   จัดทีมงานเคลื่อนที่ออกเอกสาร
สิทธิ์และหนังสือสำคัญด้านทะเบียนธุรกิจและทรัพย์สินทางปัญญา  และผ่อนปรนการส่งงบการเงิน   การยื่น
งบการเงิน  การแจ้งบัญชี  ณ  จังหวัดประสบภัย   รวมทั้งการสร้างรายได้เข้าสู่จังหวัดโดยสนับสนุนการจัดกิจ
กรรมจัดประชุม/อบรม/สัมมนา/รับรองคณะผู้แทนการค้าของกระทรวงพาณิชย์ในพื้นที่ 6 จังหวัด

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานงบการเงินประจำปี พ.ศ. 2547 ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 
(กฟผ.) ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและลงนามรับรองแล้วโดยงบการเงินประจำปี พ.ศ. 2547  ของ  
กฟผ.  ณ  วันที่  30  กันยายน  2547  ประกอบด้วย สินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 424,725,952,348 บาท หนี้สินรวมทั้งสิ้น  
226,225,174,735 บาท รายได้จากการดำเนินงานรวมทั้งสิ้น 2,304,355,348 บาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
รวมทั้งสิ้น 3,301,854,084 บาท  มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 28,198,724,934 บาท  ตามที่กระทรวงพลังงาน

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1.2 
(ฝ่ายความมั่นคงและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ) ที่มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอให้องค์การฟอกหนัง
ขอต่ออายุวงเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชีจำนวน 100 ล้านบาท ออกไปอีก 1 ปี  นับตั้งแต่ 26 ตุลาคม 2547  ถึง 
25 ตุลาคม 2548 โดยวงเงินจำนวน  50  ล้านบาท ให้กระทรวงการคลังค้ำประกัน และวงเงินจำนวน  50  ล้าน
บาท ที่เหลือองค์การฟอกหนังหาแหล่งเงินกู้เอง โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน  สำหรับวงเงินกู้เพิ่มเติม
จำนวน  85.299  ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด โดยมีกระทรวงการ
คลังค้ำประกันนั้น ให้องค์การฟอกหนังดำเนินการหาแหล่งเงินกู้เอง โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน และ
ให้องค์การฟอกหนังรับความเห็นของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ไปประกอบการพิจารณาการโอนสังกัดจาก
กระทรวงกลาโหม ไปยังกระทรวงอุตสาหกรรม  และเร่งจัดทำงบการเงินแผนธุรกิจ  และแผนปฏิบัติการใหม่
ที่สะท้อนถึงแนวทางการสร้างรายได้และลดรายจ่าย

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลการตรวจสอบรับรองงบการเงินของ
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่  30  กันยายน  2546  และ 2545 ที่
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบและรับรองแล้ว สรุปได้ดังนี้ สินทรัพย์และหนี้สิน ปี พ.ศ. 2546 รฟม.
มีสินทรัพย์รวม 102,900,636,666.51 บาท  ปี พ.ศ. 2545 มีสินทรัพย์รวม 99,901,786,643.75 บาท  ใน
ส่วนของหนี้สิน  ปี พ.ศ. 2546  รฟม. มีหนี้สินรวม  94,877,336,673.32  บาท  ปี พ.ศ. 2545  มีหนี้สินรวม
93,896,012,494.34 บาท สำหรับรายได้และค่าใช้จ่าย ปี พ.ศ. 2546 รฟม. มีรายได้รวม 129,685,564.79
บาท ปี พ.ศ. 2545 มีรายได้รวม  157,652,673.71  บาท  ในส่วนของค่าใช้จ่าย  ปี พ.ศ. 2546 รฟม. มีค่าใช้
จ่ายรวม 1,117,010,518.32 บาท และปี พ.ศ. 2545 มีค่าใช้จ่ายรวม 2,189,923,823.43 บาท

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอให้องค์การสวนยางขยายระยะเวลา
การใช้วงเงินกู้ของโครงการแทรกแซงตลาดยางพารา ระยะที่ 4, 5 และ 6 รวม 5 วงเงิน เป็นเงิน 12,500 ล้าน
บาท ออกไปอีก 1 ปี เป็นสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2548 โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน และให้องค์การสวน
ยางนำวงเงินกู้ส่วนที่เหลือของวงเงิน 4,000 ล้านบาท (ระยะที่ 6) ใช้ชำระดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นทุกวงเงินหลังจาก
วันที่ 31 ธันวาคม 2547  ทั้งนี้  ให้องค์การสวนยางปิดงบการเงินของโครงการที่เหลือทั้งหมดให้แล้วเสร็จโดย
เร็วที่สุด  และส่งงบการเงินให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบภายในวันที่ 1 เมษายน 2548  และให้
สำนักงบประมาณ รับไปพิจารณาความเหมาะสมในการจัดสรรงบประมาณ เพื่อชดใช้หนี้เงินกู้และดอกเบี้ยของ
โครงการเพื่อลดภาระงบประมาณที่ต้องชำระค่าดอกเบี้ยเงินกู้ด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง
และขนาดย่อม (สสว.) รายงานผลการดำเนินโครงการเครือข่ายอัจฉริยะเพื่อธุรกิจ SMEs ซึ่งเป็นเครือข่ายใน
การเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกส่วนงานที่ให้การส่งเสริมสนับสนุน SMEs  รวมถึงการประมวลข้อมูลให้อยู่ในระบบ
ที่สามารถใช้งานได้ โดยได้ทำการรวบรวมข้อมูลธุรกิจ SME จากแหล่งต่าง ๆ โดยมีข้อมูลผู้ประกอบการ SME
ประมาณ 1,950,000 ราย  และสามารถนำข้อมูลมาจัดทำเป็นสถิติต่าง ๆ  ได้แก่  สถิติจำนวนผู้ประกอบการ
แยกตามพื้นที่  แยกตามกลุ่มอุตสาหกรรม (ใช้ ISIC 4 หลัก) แยกตามขนาดของผู้ประกอบการ  และแยกตาม
การจ้างแรงงาน รวมทั้งข้อมูลสถิติการนำเข้าและส่งออกแยกตามขนาดของผู้ประกอบการ แยกตามประเทศที่
นำเข้า-ส่งออก  แยกตามกลุ่มสินค้า  (Harmonized  Code)  และมูลค่าสินค้า  อีกทั้งยังมีข้อมูลของผู้ประกอบ
การที่ได้ทำการจดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จำนวน  600,000  ราย โดยมี  250,000  รายที่มีข้อ
มูลในระดับที่สามารถวิเคราะห์เชิงลึกย้อนหลังได้ถึง  5  ปี อาทิ  งบการเงิน  และรายชื่อผู้ถือหุ้น  ซึ่ง สสว. จะ
ได้ดำเนินการพัฒนาระบบงานต่าง  ๆ  เพื่อใช้ข้อมูลดังกล่าวในเชิงวิเคราะห์  โดยระบบงานต่าง  ๆ  ทั้งหมดจะ
แล้วเสร็จประมาณเดือนธันวาคม ปี 2547 นี้ ได้แก่  ระบบสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับตัวธุรกิจ SME ระบบข้อมูลเพื่อ
ใช้วิเคราะห์สภาวะการณ์ของการดำเนินธุรกิจ SME ระบบจำลองผลประกอบการของ SME และระบบพาณิชย์
อิเลคทรอนิกส์สำหรับ SME สำหรับการดำเนินงานในขั้นตอนต่อไปจะทำการเจาะลึกข้อมูลทางการตลาดทั้ง
ในและต่างประเทศแบบ Intelligence เพื่อสนับสนุน SME ให้บริหารงานแบบมืออาชีพ  บูรณาการ  ISIC  และ
Harmonized  Code  เพื่อเชื่อมโยงรหัสของทั้งสองกลุ่มเข้าด้วยกัน  โดยอาศัย  Web  Services  เพื่อสร้างความ
สมบูรณ์ของข้อมูลเมื่อมีการเรียกค้นหา    ตลอดจนบูรณาการเครือข่ายข้อมูลสารสนเทศของทุกหน่วยงานทั้ง
ภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างเครือข่ายสารสนเทศอัจฉริยะทางธุรกิจเพื่อการเชื่อมโยงข้อมูล  SME  และดำเนิน
โครงการระบบสืบค้นข้อมูลบริษัทในต่างประเทศ   เพื่อให้ SME สามารถสืบค้นบริษัทผู้ซื้อและผู้ขายแยกตาม
ประเทศกลุ่มประเภทอุตสาหกรรม และแยกตามขนาดของบริษัท

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานงบการเงินของสถาบันการบินพลเรือน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2546  และ 2545  ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองแล้ว
สรุปได้ดังนี้  สินทรัพย์ของสถาบันการบินพลเรือน  ปี พ.ศ. 2546  มีสินทรัพย์รวม  656,518,346.01  บาท
ปี พ.ศ. 2545 มีสินทรัพย์รวม 446,876,393.42 บาท ส่วนหนี้สินของสถาบันการบินพลเรือน ปี พ.ศ. 2546
มีหนี้สินรวม  291,210,283.48  บาท  ปี พ.ศ. 2545  มีหนี้สินรวม  62,955,923.17  บาท  สำหรับรายได้
ค่าใช้จ่ายของสถาบันการบินพลเรือน  ปี พ.ศ. 2546 มีรายได้รวม 155,003,976.87 บาท  ปี พ.ศ. 2545 มี
รายได้รวม 133,083,216.51 บาท  และค่าใช้จ่าย ปี พ.ศ. 2546 มีค่าใช้จ่ายรวม 247,545,547.31 บาท ปี
พ.ศ. 2545 มีค่าใช้จ่ายรวม 280,025,155.17 บาท  ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2546 สถาบันการบินพลเรือนมีค่าราย
ได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่าย  92,541,570.44  บาท  และปี พ.ศ. 2545  มีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่าย 146,941,938.68
บาท

           คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานงบการเงินและรายงานประจำ
ปี พ.ศ. 2545 ขององค์การสะพานปลา  โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2545  องค์การสะพานปลามีรายได้ทั้งสิ้น
312.621  ล้านบาท  มีรายจ่ายทั้งสิ้น 301.069 ล้านบาท  คิดเป็นกำไรสุทธิ 11.552 ล้านบาท  ในส่วนของ
การดำเนินงานขององค์การสะพานปลาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2545  ได้แก่  งานให้บริการสถานที่สำหรับขน
ถ่ายและจำหน่ายสินค้าสัตว์น้ำ งานสินเชื่อการประมง งานส่งเสริมการประมง และแผนปฏิบัติงานที่จะดำเนิน
การต่อไปในปีงบประมาณ  พ.ศ. 2546   ได้แก่   การปรับปรุงสุขอนามัยสะพานปลา และท่าเทียบเรือประมง
ต่าง ๆ การปรับปรุงโครงสร้างการบริหาร และการจัดตั้งร้านค้าสัตว์น้ำปลอดภัยจากสารพิษ

          คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานงบการเงินของกองทุนป้องกันและปราบ
ปรามยาเสพติด สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2546  และ  2545  ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้
ตรวจสอบและรับรองเรียบร้อยแล้ว  สรุปได้ดังนี้  สินทรัพย์และหนี้สิน  ปี พ.ศ. 2546 กองทุน ฯ มีสินทรัพย์
รวม  124,677,113.51  บาท  ปี พ.ศ. 2545 มีสินทรัพย์รวม  105,876,680.95  บาท  ส่วนของหนี้สิน ปี
พ.ศ. 2546 กองทุน ฯ มีหนี้สินรวม 67,439.67 บาท ปี พ.ศ. 2545 มีหนี้สินรวม 51,170.01 บาท  สำหรับ
รายได้และค่าใช้จ่าย ปี พ.ศ. 2546 กองทุน ฯ มีรายได้รวม 3,238,227.61 บาท ปี พ.ศ. 2545 มีรายได้รวม
2,619,768.85 บาท  ในส่วนของค่าใช้จ่าย ปี พ.ศ. 2546 กองทุน ฯ มีค่าใช้จ่ายรวม 20,543,078.06 บาท
ปี พ.ศ. 2545 มีค่าใช้จ่ายรวม 16,006,447.63 บาท  ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2546 กองทุน ฯ มีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้
จ่าย 17,304,859.45 บาท  และในปี พ.ศ. 2545 กองทุน ฯ มีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายรวม 13,386,678.78
บาท

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานรายงานประจำปีและรายงานงบการเงินขององค์
กรร่วมไทย-มาเลเซีย  (Malaysia-Thailand Joint Authority, MTJA)  ประจำปี 2546 โดยได้รับการตรวจสอบ
โดยบริษัท M/S Ernst & Young ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลทั้งสองให้เป็นผู้สอบบัญชีขององค์กรร่วม ฯ
สำหรับสาระสำคัญของรายงานประจำปีและรายงานงบการเงิน ฯ  ได้รายงานให้ทราบถึงกิจกรรมที่สำคัญใน
พื้นที่พัฒนาร่วม  ฯ   โดยแบ่งออกเป็นกิจกรรมด้านการสำรวจและการพัฒนา  สถานะของผู้ได้รับสัญญาตาม
สัญญาแบ่งปันผลผลิต   ผลของการดำเนินงานของบริษัทผู้ได้รับสัญญา    และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานใน
แปลง A-18  และแปลง B-17 & C-19  การพิจารณาร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการผลิตปิโตรเลียมและขั้นตอน
ในการปฏิบัติงานสำหรับการผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่พัฒนาร่วม  ฯ  การเจรจาสัญญาแบ่งปันผลผลิตในแปลง
เปิดใหม่ในพื้นที่พัฒนาร่วม ฯ การกำกับดูแลการจัดซื้อจัดจ้างและการดำเนินงานของบริษัทผู้ดำเนินงาน และ
การประชุมคณะกรรมการ  Operations Committee Meetings  รวมถึงรายงานงบการเงินปี พ.ศ. 2546   และ
ความเห็นของผู้สอบบัญชี

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 (ฝ่าย
ความมั่นคงและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ) ที่มีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราช
บัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์  พ.ศ. 2541  พ.ศ. ....  โดยมีสาระสำคัญคือ1) 
ขยายวัตถุประสงค์เพื่อให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ สามารถรับจ้างบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่มิได้รับโอน
มาที่บริษัทบริหารสินทรัพย์ได้ 2) ขยายขอบเขตของสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ เพื่อให้รวมถึงสินทรัพย์ด้อยคุณ
ภาพที่เคยเป็นของสถาบันการเงิน  และทรัพย์สิน รอการขายด้วย  3)  เพิ่มอำนาจธนาคารแห่งประเทศไทย
ในเรื่อง การเข้าตรวจสอบบริษัทบริหารสินทรัพย์ การกำหนดรูปแบบงบการเงิน    และการสั่งการให้บริษัท
บริหารสินทรัพย์แก้ไขฐานะ และการดำเนินงานได้ ตามระดับความรุนแรงของปัญหา 4) เพิ่มบทกำหนดโทษ
ให้ชัดเจนขึ้น  รวมทั้งการตั้งคณะกรรมการเปรียบ เทียบปรั และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ
พิจารณา  โดยให้รับข้อสังเกตบางประการของ  ธนาคารแห่งประเทศไทย  กระทรวงยุติธรรม  และสำนักงาน
ศาลยุติธรรม   ไปพิจารณาประกอบด้วย   แล้วส่ง  ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
 ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานผลการสอบบัญชีของการนิคม
อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สำหรับปีบัญชี พ.ศ. 2546 และ พ.ศ. 2545 ซึ่งสำนักงานการตรวจ
เงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2546  และ 2545  ของ กนอ. เสร็จ
เรียบร้อยแล้ว ซึ่งผลการสอบงบการเงินดังกล่าวพบว่า ในปีบัญชี พ.ศ. 2546 กนอ. มีกำไรสุทธิอัตรากำไร
สุทธิต่อรายได้  และอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมลดลงจากปี พ.ศ. 2545  เนื่องจากในปี พ.ศ. 2545
กนอ. มีผลกำไรจากการแก้ไขปรับปรุงสัญญาร่วมดำเนินงาน  นอกจากนี้  กนอ.  มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน
ลดลง และอัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น
แต่ภาระหนี้ลดลง เนื่องจากมีการชำระคืนเงินกู้บางส่วนก่อนครบกำหนด  และไม่มีการกู้เงินเพิ่ม  โดยสรุป
ผลการดำเนินงานในปี พ.ศ. 2546 ของ  กนอ.  อยู่ในเกณฑ์ที่ถือว่ามีผลประกอบการที่ดีเนื่องจากการเพิ่ม
ขึ้นของรายได้จากการดำเนินงาน  กำไรจากการดำเนินงาน  รวมทั้งกำไรจากการดำเนินงานที่เป็นเงินสด 
(EBIDA)