ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 22 จากทั้งหมด 29 หน้า แสดงรายการที่ 421 - 440 จากข้อมูลทั้งหมด 571 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 421 | รายงานผลการตรวจสอบรับรองงบการเงินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2548 และ 2547 | คค | 26/12/2549 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอรายงานผลการตรวจสอบรับรองงบการเงิน
ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2548 และ 2547 ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจรับรองเรียบร้อยแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 422 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2547 และ 2546 | ปช | 28/11/2549 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
(สำนักงาน ป.ป.ช.) เสนอรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสำนักงาน ป.ป.ช. สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2547 และ 2546 โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบดุลของสำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อ ให้เป็นไปตามนัยมาตรา 117 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริต พ.ศ. 2542 และเห็นว่า งบการเงินดังกล่าวแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ 30 กันยายน 2547 และ 2546 และผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของสำนักงาน ป.ป.ช. โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตาม หลักการบัญชีที่รับรองทั่วไปและที่กระทรวงการคลังกำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 423 | รายงานผลการดำเนินงานกองทุนสงเคราะห์ครูใหญ่และครูโรงเรียนเอกชน ประจำปีบัญชี 2547 | ศธ | 21/11/2549 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอรายงานผลการดำเนินงานของกองทุน
สงเคราะห์ครูใหญ่และครูโรงเรียนเอกชน ประจำปีบัญชี 2547 ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบ และรับรองงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2547 โดยในงวดปี 2547 กองทุน ฯ มีรายรับจำนวน 566,618,763.53 บาท และมีรายจ่ายจำนวน 322,916,058.88 บาท ทำให้ในปี 2547 กองทุน ฯ มีรายรับ สูงกว่ารายจ่าย 243,702,704.65 บาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 424 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสถาบันการบินพลเรือน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2548 และ 2547 | คค | 14/11/2549 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของ
สถาบันการบินพลเรือน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2548 และ 2547 ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่น ดินได้ตรวจสอบงบดุลของสถาบันการบินพลเรือน ณ วันที่ 30 กันยายน 2548 และ 2547 แล้วในส่วนของราย ได้ค่าใช้จ่าย รายได้ ค่าใช้จ่ายสะสม และกระแสเงินสด
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 425 | รายงานการสอบบัญชีของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินและงบการเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ของกรมการขนส่งทางบก สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2548 และ 2547 | คค | 07/11/2549 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอรายงานการสอบบัญชีของสำนักงานการตรวจ
เงินแผ่นดินและงบการเงิน กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนของกรมการขนส่งทางบก สำหรับปีสิ้น สุดวันที่ 30 กันยายน 2548 และ 2547 ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว ดังนี้ งบแสดงฐานะ การเงิน ณ วันที่ 30 กันยายน 2548 และ 2547 กองทุน ฯ มีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายในปี พ.ศ. 2548 จำนวน 354.69 ล้านบาท และปี พ.ศ. 2547 จำนวน 300.34 ล้านบาท ประกอบด้วย รายได้จากการประมูลหมายเลข ทะเบียนรถ รายได้จากการรับบริจาค และดอกเบี้ยเงินฝากสถาบันการเงิน โดยลูกหนี้ค่าหมายเลขทะเบียนรถ มี จำนวน 65.78 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นลูกหนี้จากการประมูลหมายเลขทะเบียนหมวด ษง ประมูลครั้งที่ 1 มียอด คงเหลือหลังจากหักหลักประกัน และลดยอดจากการนำออกประมูลครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2547 จำนวนเงิน 1.50 ล้านบาท โดยผู้ทิ้งการประมูลครั้งที่ 1 จะต้องรับผิดชอบชดใช้ราคาส่วนต่างดังกล่าว และให้ส่งสำนักงานเลขาธิ การวุฒิสภาซึ่งทำหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 426 | รายงานผลการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดต่างๆ ของกระทรวงพาณิชย์ | พณ | 24/10/2549 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทก
ภัยในจังหวัดต่าง ๆ ของกระทรวงพาณิชย์ โดยได้มอบถุงยังชีพ พร้อมข้าวสารและน้ำดื่ม ให้กับผู้ประสบอุทก ภัยในจังหวัดต่าง ๆ อาทิ จังหวัดนนทบุรี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง เป็นต้น และได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ กระทรวงพาณิชย์เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและภัยหนาว ณ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อรับเรื่องราวร้องทุกข์ จากประชาชนที่เดือดร้อนจากอุทกภัย โดยมีสายด่วน (Hot line) 02-507 5555 จำนวน 10 คู่สาย ตลอด 24 ชั่วโมง และเปิดรับการบริจาคสิ่งของและเงินจากประชาชนทั่วไป รวมทั้งได้จัดทำแผนปฏิบัติงานในระยะ เร่งด่วนและระยะยาว เพื่อให้การช่วยเหลือและฟื้นฟูภายหลังสถานการณ์น้ำลด ได้แก่ การจัดหาสินค้าราคา ถูกเพื่อนำมาจำหน่ายให้กับประชาชนโดยเฉพาะสินค้าประเภทวัสดุก่อสร้าง และสินค้าอุปโภคบริโภคในโครง การธงฟ้ามหาชน และจัดเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ ของกระทรวงพาณิชย์ในลักษณะ Mobile Unit ลงพื้น ที่เพื่อให้คำแนะนำช่วยเหลือประชาชนในเรื่องประกันภัยกรณีมีการทำประกันภัยรถยนต์และที่อยู่อาศัย การ ช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจในด้านการจัดทำเอกสารที่สูญหายหรือชำรุดให้ใหม่ การขยายระยะเวลาการจัดส่ง งบการเงินการขยายเวลาการส่งคืนเงินต้นให้กับร้านค้าชุมชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย ตลอดจนออกติดตาม ตรวจสอบราคาและการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคไม่ให้มีการจำหน่ายเกินราคา และให้มีปริมาณเพียงพอ กับความต้องการ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 427 | รายงานการสอบบัญชีของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และงบการเงิน เงินทุนหมุนเวียนเพื่อจัดทำแผ่นป้ายทะเบียนรถ ของกรมการขนส่งทางบก ปีงบประมาณ 2548 และ 2547 | คค | 12/09/2549 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอรายงานการสอบบัญชีของสำนักงานการตรวจ
เงินแผ่นดินและงบการเงินเงินทุนหมุนเวียนเพื่อจัดทำแผ่นป้ายทะเบียนรถของกรมการขนส่งทางบก ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 และ 2547 ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว โดยเงินทุนหมุนเวียนเพื่อจัดทำแผ่นป้าย ทะเบียนรถ มีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายสะสม ณ วันที่ 30 กันยายน 2548 และ 2547 จำนวน 683.86 และ 599.73 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนผลการดำเนินงานในงวดปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 เงินทุนหมุนเวียนเพื่อจัดทำแผ่นป้าย ทะเบียนรถ มีรายได้รวม 486.90 ล้านบาท และรายจ่ายรวม 402.78 ล้านบาท โดยรายได้สูงกว่ารายจ่ายรวม 84.13 ล้านบาท และในงวดปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เงินทุนหมุนเวียนเพื่อจัดทำแผ่นป้ายทะเบียนรถ มีรายได้ รวม 474.86 ล้านบาท และรายจ่ายรวม 379.20 ล้านบาท โดยรายได้สูงกว่ารายจ่ายรวม 95.66 ล้านบาท และ ให้นำเสนอสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาชุดใหม่ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 428 | รายงานการสอบบัญชีของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินและงบการเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ของกรมการขนส่งทางบก | คค | 29/08/2549 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคม โดยกรมการขนส่งทางบก เสนอ รายงานของผู้
สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ประจำปี พ.ศ. 2546 ที่สำนักงานการ ตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบ โดยงบการเงินของกองทุน ฯ งวดตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม 2546 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2546 กองทุน ฯ มีรายได้จากการประมูลหมายเลขทะเบียนรถ หมวด ษง จำนวน 45.22 ล้านบาท หมวด ษจ จำนวน 21.66 ล้านบาท รายได้จากการรับบริจาค 0.06 ล้านบาท และดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร 0.01 ล้านบาท รวมรายได้ 66.95 ล้านบาท ในส่วนของค่าใช้จ่าย กองทุน ฯ มีค่าใช่จ่ายจากการดำเนินงาน จำนวน .07 ล้านบาท ทั้งนี้ กองทุน ฯ มีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย จำนวน 66.88 ล้านบาท สำหรับกรณีลูกหนี้ ค่าหมายเลขทะเบียน หมวด ษง ซึ่งผู้ชนะการประมูลปฏิเสธการชำระหนี้ ทำให้กองทุน ฯ ต้องนำหมายเลข ทะเบียนรถที่เหลืออยู่ออกประมูลอีกครั้ง ผลการประมูลครั้งที่ 2 มียอดเงินที่ประมูลได้ต่ำกว่าครั้งแรก จำนวน 3.50 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาฟ้องคดีแก่ผู้ทิ้งการประมูลให้รับผิดชดใช้ราคาส่วนต่าง และให้ นำเสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาชุดใหม่ทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 429 | รายงานผลการตรวจสอบรับรองงบการเงินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2547 และ 2546 | คค | 29/08/2549 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลการตรวจสอบรับรองงบการเงิน
ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2547 และ 2546 ดังนี้ ปี พ.ศ. 2547 รฟม. มีสินทรัพย์รวม 102,898,745,695.68 บาท ปี พ.ศ. 2546 มีสินทรัพย์ รวม 102,320,558,240.55 บาท หนี้สิน ปี พ.ศ. 2547 รฟม. มีหนี้สินรวม 94,894,218,780.66 บาท ปี พ.ศ. 2546 มีหนี้สินรวม 94,297,258,247.36 บาท และรายได้ปี พ.ศ. 2547 รฟม. มีรายได้รวม 172,684,968.81 บาท ค่าใช้จ่ายรวม 4,697,923,702.40 บาท และปี พ.ศ. 2546 รฟม. มีรายได้รวม 129,685,564.79 บาท และค่าใช้จ่ายรวม 1,117,010,518.31 บาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 430 | รายงานประจำปีและรายงานงบการเงินขององค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย (MTJA) ประจำปี 2548 | พน | 01/08/2549 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอรายงานประจำปีและรายงานงบการเงิน
ขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย (Malaysia-Thailand Joint Authority : MTJA) ประจำปี พ.ศ. 2548 ซึ่งผ่าน การตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีที่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลทั้งสอง และได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุม องค์กรร่วม ครั้งที่ 66 และที่ประชุมสามัญประจำปี ครั้งที่ 14 (14th Annual General Meeting) เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2549 แล้ว โดยรายงานดังกล่าวได้รายงานให้ทราบถึงกิจกรรมที่สำคัญในพื้นที่พัฒนาร่วม ฯ โดย แบ่งออกเป็นกิจกรรมด้านการสำรวจและการพัฒนา และปริมาณสำรองปิโตรเลียม รวมถึงรายงานงบการ เงินปี พ.ศ. 2548 และความเห็นของผู้สอบบัญชี สำหรับรายงานงบการเงินขององค์กรร่วม ฯ ปี พ.ศ. 2548 องค์กรร่วม ฯ ได้รับรายได้แบ่งส่วนจากการผลิตปิโตรเลียมที่จะต้องนำส่งให้แก่รัฐบาลทั้งสอง (ฝ่ายละเท่า ๆ กัน) รวม 48,490,505 เหรียญสหรัฐ ฯ โดยแบ่งเป็นรายได้จากค่าภาคหลวง 19,402,668 เหรียญสหรัฐ และส่วนแบ่งกำไรจากการผลิตปิโตรเลียม 29,087,837 เหรียญสหรัฐ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 431 | งบการเงินกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2547 และ 2546 | พณ | 25/07/2549 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.)
เสนอรายงานผลการตรวจสอบรับรองงบการเงินของกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2547 และ 2546 ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบและรับรองแล้ว สรุปได้ดังนี้ สิน ทรัพย์และหนี้สิน ปี พ.ศ. 2547 คชก. มีสินทรัพย์รวม 16,633,255,631.01 บาท ปี พ.ศ. 2546 มีสินทรัพย์ รวม 21,948,563,777.85 บาท ในส่วนของหนี้สิน ปี พ.ศ. 2547 คชก. มีหนี้สินรวม 220,131,851.10 บาท ปี พ.ศ. 2546 มีหนี้สินรวม 269,710,627.93 บาท สำหรับรายได้และค่าใช้จ่าย ปี พ.ศ. 2547 คชก. มี รายได้รวม 2,139,321,679.38 บาท ปี พ.ศ. 2546 มีรายได้รวม 216,895,427.75 บาท ในส่วนของค่า ใช้จ่าย ปี พ.ศ. 2547 คชก. มีค่าใช้จ่ายรวม 7,529,765,878.61 บาท และปี พ.ศ. 2546 มีค่าใช้จ่ายรวม 6,562,195,770.78 บาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 432 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยกองทุนสำหรับพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 18/07/2549 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยกองทุน
สำหรับพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ปรับ ปรุงนิยามของการแปรรูปรัฐวิสาหกิจเพื่อให้มีความครอบคลุมตามวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งกองทุนฯ ปรับปรุง ถ้อยคำเกี่ยวกับหน่วยงานผู้กำกับดูแลกองทุนฯ และปรับปรุงระยะเวลาการรายงานผลการดำเนินการและการ จัดทำงบการเงิน และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจ พิจารณา โดยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรหลีก เลี่ยงการใช้คำว่า "การแปรรูป" เพราะอาจมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาล และไม่ควรกำหนดระยะเวลา การรายงานผลการดำเนินงานของกองทุนฯ ที่ชัดเจน แต่ควรให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ที่จะกำหนดระยะเวลาการรายงาน โดยรายงานอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อปี และปรับลดระยะเวลาในการจัดทำงบ การเงินเพื่อส่งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบ จาก 120 วัน เป็น 60 วัน แทน 90 วัน เพื่อให้ กองทุนฯ สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพเทียบเคียงกับธุรกิจเอกชน เนื่องจากการดำเนินการและ ธุรกรรมของกองทุนฯ ในแต่ละปีมีรายละเอียดไม่มากนัก และความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรแก้ไข นิยามคำว่า "การแปรรูป" เป็น "การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ " หมายความว่า การจำหน่ายกิจการหรือหุ้นของ รัฐวิสาหกิจให้แก่บุคคล นิติบุคคลภาคเอกชน หรือการดำเนินการอื่นใดที่มีผลทำให้พ้นสภาพจากการเป็นรัฐ วิสาหกิจ และให้หมายความรวมถึงการยุบเลิกกิจการของรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งควรอ้างกฎหมายแม่บทไว้ในร่าง ระเบียบนี้ด้วยว่า อาศัยกฎหมายใดในการออกใช้บังคับ ไปพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 433 | หนังสือ "รายงานประจำปี 2547 ศาลรัฐธรรมนูญ" (รายงานประจำปี 2547 ของศาลรัฐธรรมนูญ และรายงานของผู้สอบบัญชี) | ศร | 30/05/2549 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเสนอ รายงานประจำปี 2547 และ
รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงิน ของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ประจำปี 2547 ซึ่งสำนักงานการ ตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 434 | รายงานผลการสอบบัญชีและงบการเงิน รายงานประจำปี 2547 และแผนการดำเนินงานประจำปี 2548 | ศธ | 16/05/2549 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอรายงานผลการสอบบัญชีและงบการเงิน
รายงานประจำปี พ.ศ. 2547 และแผนการดำเนินงาน ประจำปี พ.ศ. 2548 ของคุรุสภา
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 435 | งบการเงินและรายงานประจำปี 2547 ขององค์การสะพานปลา | กษ | 28/02/2549 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอรายงานงบการเงินและรายงาน
ประจำปี พ.ศ. 2547 ขององค์การสะพานปลา สรุปได้ดังนี้ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 องค์การสะพานปลามี รายได้ทั้งสิ้น 234.30 ล้านบาท และรายจ่ายทั้งสิ้น 238.75 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 4.46 ล้านบาท สำหรับ การดำเนินงานด้านต่าง ๆ ที่สำคัญในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ได้แก่ งานให้บริการสถานที่สำหรับขนถ่าย และจำหน่ายสินค้าสัตว์น้ำ งานสินเชื่อประมง และงานส่งเสริมการประมง ส่วนแผนปฏิบัติงานขององค์การ สะพานปลาที่จะดำเนินการต่อไปในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ได้แก่ ปรับปรุงสุขอนามัยสะพานปลาและท่า เทียบเรือประมงต่าง ๆ การเข้าระบบประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ และการพัฒนาระบบสารสนเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 436 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ไตรมาสที่ 1 ไตรมาสที่ 2 ปี 2548 งบการเงินงวดครึ่งปี 2548 | กค | 14/02/2549 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ รับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานของ
บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) ไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 2 ปี พ.ศ. 2548 โดยสรุปดังนี้ ผลการ ดำเนินงานในช่วงไตรมาสที่ 1 บสท. ได้รับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2548 จำนวน 15,314 ราย มูลค่าทางบัญชีประมาณ 778,283 ล้านบาท ซึ่ง บสท. ได้บริหารจัดการสินทรัพย์ดังกล่าวจน ได้ข้อยุติจำนวน 14,803 ราย มูลค่าทางบัญชีประมาณ 769,236 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกัน ของปี พ.ศ. 2547 ประมาณ 25,172 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสที่ 2 บสท. ได้รับ โอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2548 จำนวน 15,302 ราย มูลค่าทางบัญชีประมาณ 778,121 ล้านบาท โดยได้บริหารจัดการสินทรัพย์ดังกล่าวจนได้ข้อยุติจำนวน 15,284 ราย มูลค่าทาง บัญชีประมาณ 772,418 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่แล้วประมาณ 19,097 ล้านบาท และรับทราบ รายงานกิจการงบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของ บสท. ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2548 ประกอบด้วยสินทรัพย์ ประมาณ 269,998.44 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547 ประมาณ 3,743.32 ล้าน บาท หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น และรายรับ (รายจ่าย) สุทธิรอปันส่วนไปยังสินทรัพย์รับโอนประมาณ 269,998.44 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547 ประมาณ 3,743.32 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 437 | ขอส่งรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2546 และ 2545 | ปช | 14/02/2549 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่ง
ชาติเสนอรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2546 และ 2545
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 438 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. 2541 พ.ศ. .... | กค | 08/11/2548 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราช
กำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. 2541 พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญคือ ขยายขอบเขตการดำเนินงานของบริษัทบริหารสินทรัพย์ให้สามารถรับจ้างบริหารจัด การสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่มิได้รับโอนมาที่บริษัทบริหารสินทรัพย์ รวมทั้งขยายขอบเขตของสินทรัพย์ด้อย คุณภาพให้รวมถึงสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่เคยเป็นของสถาบันการเงินและทรัพย์สินรอขาย และเพิ่มประสิทธิ ภาพในการกำกับดูแลและการตรวจสอบ โดยให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทยเข้าตรวจสอบและกำหนด รูปแบบงบการเงิน ตลอดจนมีอำนาจในการสั่งการให้บริษัทบริหารสินทรัพย์แก้ไขฐานะและการดำเนินงาน ได้ตามระดับความรุนแรงของปัญหา และเพิ่มบทกำหนดโทษให้ชัดเจนขึ้น กำหนดอายุความการดำเนินคดี และการตั้งคณะกรรมการเปรียบเทียบปรับ และส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 439 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนประกันสังคม ประจำปี 2546 | รง | 25/10/2548 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุน
ประกันสังคม ประจำปี พ.ศ. 2546 ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว ดังนี้ ในปี พ.ศ. 2546 กอง ทุน ฯ มีรายได้ทั้งสิ้น 63,063.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดก่อน 14,569.86 ล้านบาท (งวดก่อน 48,493.40 ล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 30.05 รายได้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นเงินสมทบ เนื่องจากจำนวนผู้ประกันตนเพิ่มขึ้น และอัตราเงินสมทบกรณีสงเคราะห์บุตรและชราภาพในส่วนของนายจ้างและผู้ประกันตนเพิ่มขึ้น ในส่วนของค่าใช้ จ่าย กองทุน ฯ มีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 18,440.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดก่อน 4,056.10 ล้านบาท (งวดก่อน 14,384.85 ล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 28.20 โดยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นค่าประโยชน์ทดแทน เนื่องจาก จำนวนผู้ประกันตนเพิ่มขึ้น ซึ่งกองทุน ฯ จะต้องจ่ายค่าบริการทางการแพทย์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ กองทุน ฯ ยังได้มี การปรับปรุงเพิ่มประมาณการหนี้สินประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ จำนวน 37,172.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก งวดก่อน 14,218.74 ล้านบาท (งวดก่อน 22,953.80 ล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 61.94 ทำให้ปี พ.ศ. 2546 กองทุน ฯ มีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายสุทธิ 7,449.77 ล้านบาท ลดลงจากงวดก่อน 3,704.98 ล้านบาท (งวดก่อน 11,154.75 ล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 33.21 และมีอัตราผลตอบแทนต่อการลงทุน ร้อยละ 6.34 ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2546 กองทุน ฯ มีนายจ้างที่ขึ้นทะเบียนประกันสังคมทั้งสิ้น 324,079 ราย และมีผู้ประกันตน ทั้งสิ้น 7,609,368 คน เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2545 จำนวน 22,561 ราย และ 709,145 คน ตามลำดับ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 440 | รายงานผลการดำเนินงานกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศปีงบประมาณ 2547 | รง | 25/10/2548 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานรายงานผลการดำเนินงานกองทุนเพื่อช่วยเหลือ
คนงานไปทำงานในต่างประเทศ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว โดยงบการเงินของกองทุน ฯ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2547 กองทุน ฯ มีรายได้จำนวน 38.99 ล้านบาท เป็นรายได้จากการจัดส่งคนหางาน จำนวน 32.89 ล้านบาท และรายได้ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร จำนวน 7.78 ล้านบาท ในส่วนของค่าใช้จ่าย กองทุน ฯ มีค่าใช้จ่าย จำนวน 24.72 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่าย เพื่อสงเคราะห์คนหางานจำนวน 12.48 ล้านบาท ค่าจ้างชั่วคราว จำนวน 5.30 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายโครง การจัดตั้งที่พักฉุกเฉิน จำนวน 2.73 ล้านบาท ทั้งนี้ กองทุน ฯ มีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย จำนวน 14.27 ล้าน บาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
.....
