ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 2 จากทั้งหมด 74 หน้า แสดงรายการที่ 21 - 40 จากข้อมูลทั้งหมด 1478 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 21 | เรื่องสืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของนายกรัฐมนตรี (การพัฒนาเส้นทางรถไฟช่วงหาดใหญ่-สุไหงโกลก) | นร. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการที่
๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม
๒๕๖๘ ได้มีการเร่งรัด ติดตามความก้าวหน้าของการพัฒนาระบบขนส่งทางรางจากทางเดี่ยวเป็นทางคู่
เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานให้ครอบคลุม รองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ การค้า
และการท่องเที่ยว
รวมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทยได้นำเสนอเส้นทางการก่อสร้างรถไฟทางคู่
ระยะที่ ๒ จำนวน ๓ เส้นทาง ได้แก่ (๑) ช่วงชุมพร - สุราษฎร์ธานี (๒)
ช่วงสุราษฎร์ธานี - ชุมทางหาดใหญ่ - สงขลา และช่วงชุมทางหาดใหญ่ -
ปาดังเบซาร์ เพื่อช่วยลดต้นทุนทางโลจิสติกส์ ทั้งด้านการขนส่งสินค้า
และผู้โดยสารในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างเส้นทางรถไฟช่วงหาดใหญ่ -
สุไหงโกลก จากปัจจุบันที่เป็นทางเดี่ยวให้เป็นทางคู่ ถือเป็นการพัฒนาโครงข่ายทางรถไฟที่จะช่วยให้สามารถขนส่งสินค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งออกสินค้าเกษตรชนิดต่าง ๆ จากในพื้นที่ ดังนั้น จึงขอมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม
(การรถไฟแห่งประเทศไทย)
เร่งดำเนินการศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปในการพัฒนาเส้นทางดังกล่าวเพิ่มเติมให้ชัดเจนและแล้วเสร็จโดยเร็ว
โดยให้สำนักงบประมาณพิจารณาสนับสนุนงบประมาณเพื่อการนี้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 22 | ข้อเสนอแนะมาตรการความปลอดภัยเพื่อคุ้มครองเด็กตามหลักสิทธิมนุษยชนจากโศกนาฏกรรมรถทัศนศึกษา | สม. | 07/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อเสนอแนะมาตรการความปลอดภัยเพื่อคุ้มครองเด็กตามหลักสิทธิมนุษยชนจากโศกนาฏกรรมรถทัศนศึกษา
ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ
๑.๑ ให้คณะรัฐมนตรีกำหนดให้ความปลอดภัยทางถนนเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล
เพื่อยุติการเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุบนท้องถนน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็กและเยาวชน โดยมอบหมายให้มีหน่วยงานที่รับผิดชอบภาพรวม
เพื่อติดตามสถานการณ์การเกิดอุบัติเหตุทางถนน สั่งการ กำกับดูแล
และติดตามมาตรการลดอุบัติเหตุต่าง ๆ
ตลอดจนประเมินผลการดำเนินการและรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงพิจารณามาตรการหรือกำหนดหลักเกณฑ์และช่วงเวลาในการเปลี่ยนผ่านเพื่อยกเลิกการใช้รถโดยสารสองชั้นและรถที่ติดตั้งถังก๊าซธรรมชาติอัด
(CNG)
เป็นเชื้อเพลิงมาใช้เป็นรถทัศนศึกษาและรถโดยสารสาธารณะ
๑.๒
ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการบังคับใช้กฎหมายและระเบียบเกี่ยวกับความปลอดภัยทางถนน ๑.๒.๑
ให้กรมการขนส่งทางบกเพิ่มความเข้มงวดในการขออนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทางด้วยรถโดยสาร
การต่ออายุใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทาง
และการขออนุญาตแก้ไขดัดแปลงสาระสำคัญของรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก
รวมถึงการตรวจสอบ กำกับสถานประกอบการเอกชนและผู้ประกอบวิชาชีพที่ทำหน้าที่ออกหรือต่อใบอนุญาตให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด
โดยร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตราและบังคับใช้กฎหมายกับรถโดยสารสาธารณะที่ถูกดัดแปลงหรือไม่ได้รับการต่อใบอนุญาต ๑.๒.๒
ให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกรมการขนส่งทางบกดำเนินการตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ
ว่าด้วยการพานักเรียน และนักศึกษาไปนอกสถานศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
อย่างเคร่งครัด เช่น
การตรวจสอบสภาพรถทัศนศึกษาหรือยานพาหนะให้อยู่ในสภาพดีและพร้อมใช้งานได้อย่างปลอดภัย
การมีแบบฟอร์มประกอบการตรวจสอบสภาพรถและอุปกรณ์ต่าง ๆ
ก่อนการเดินทางโดยผู้ประกอบวิชาชีพ
รวมถึงการกำหนดหลักเกณฑ์คัดเลือกพนักงานขับรถทัศนศึกษาที่มีประสบการณ์
ผ่านการอบรมทักษะ การรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ
และจัดให้มีพนักงานประจำรถที่สาธิตและแนะนำวิธีการรับมือหากเกิดอุบัติเหตุ
โดยกำหนดเป็นเงื่อนไขไว้ในสัญญาที่จัดหารถทัศนศึกษาพร้อมประกันการเดินทางด้วยทุกครั้ง ๑.๒.๓
ให้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงมหาดไทยกำชับสถานศึกษาทุกแห่งในสังกัดให้ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ
ว่าด้วยการควบคุมดูแลการใช้รถโรงเรียน พ.ศ. ๒๕๖๒ อย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตรารถที่นำมาใช้รับส่งนักเรียนเพื่อให้เดินทางไปกลับโรงเรียนอย่างปลอดภัย ๑.๓
ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดทัศนศึกษาให้สอดคล้องกับช่วงวัยของเด็กและเยาวชนที่จะต้องได้รับการพัฒนาและความปลอดภัย
รวมทั้งจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนภาคบังคับที่มีเนื้อหาการเผชิญเหตุฉุกเฉินหรือการเตรียมความพร้อมหากเกิดอุบัติเหตุให้กับเด็กตั้งแต่ระดับปฐมวัย
ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา
รวมถึงกำหนดชั่วโมงเรียนเพื่อฝึกปฏิบัติและเตรียมความพร้อมเผชิญเหตุทุกปี ๒. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย
กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
โดยให้กระทรวงคมนาคมสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 23 | แนวทางการเร่งรัดจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นโดยเร็วที่สุด | นร. | 07/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายชูศักดิ์ ศิรินิล) รายงานด้วยในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ มกราคม
๒๕๖๘ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายชูศักดิ์ ศิรินิล)
รายงานผลการหารือแนวทางการเร่งจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น
โดยเร็วที่สุดร่วมกับคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน
และการมีส่วนร่วมของประชาชนสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๗
โดยในการประชุมหารือดังกล่าวได้ขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาการเสนอร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมในประเด็นการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๒๕๖ (๑) ซึ่งประธานรัฐสภาได้มีคำสั่งบรรจุร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... (นายพริษฐ์ วัชรสินธุ กับคณะ เป็นผู้เสนอ)
แล้ว ในวันที่ ๑๔ - ๑๕ มกราคม ๒๕๖๘ จึงขอเสนอคณะรัฐมนตรี ๑.
รับทราบความคืบหน้าการบรรจุร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... . (นายพริษฐ์ วัชรสินธุ กับคณะ เป็นผู้เสนอ)
เข้าระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ๒.
ให้เป็นดุลยพินิจของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะพิจารณาเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต่อที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา
และแจ้งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรทราบด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 24 | การเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติที่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและมีความสำคัญ | นร. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบัญชีร่างพระราชบัญญัติที่เป็นไปตามนโยบายและมีความสำคัญ
จำนวน ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายชูศักดิ์ ศิรินิล)
ในฐานะประธานกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลรายงานว่า
ในคราวประชุมคณะกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
เมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๗
ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบบัญชีร่างพระราชบัญญัติที่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและมีความสำคัญ
จำนวน ๑๖ ฉบับ ได้แก่ ๑.
ร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน
พ.ศ. .... (สำนักงาน ก.พ.ร.) ๒. ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอุทธรณ์คดียาเสพติด
พ.ศ. .... (สำนักงานศาลยุติธรรม) ๓. ร่างพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... (กระทรวงการคลัง) ๔. ร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม
พ.ศ. .... (กระทรวงคมนาคม) ๕. ร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ. ....
(กระทรวงสาธารณสุข) ๖.
ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... (กระทรวงการคลัง) ๗. ร่างพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ.
.... (สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา) ๘. ร่างพระราชบัญญัติโรงแรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
(สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา) ๙.
ร่างพระราชบัญญัติอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน พ.ศ. .... (กระทรวงสาธารณสุข) ๑๐. ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... (กระทรวงศึกษาธิการ) ๑๑. ร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์ พ.ศ. ....
(กระทรวงวัฒนธรรม) ๑๒. ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์
พ.ศ. .... [สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน)] ๑๓.
ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ย่อม) ๑๔. ร่างพระราชบัญญัติระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้
พ.ศ. .... (กระทรวงคมนาคม) ๑๕. ร่างพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
(ฉบับที่..) พศ. …. (กระทรวงสาธารณสุข)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25 | การเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติที่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและมีความสำคัญ | นร. | 11/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกระบวนการสำหรับการเสนอร่างพระราชบัญญัติที่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาโดยเร็ว
(Fast-track) ภายในกรอบเวลา ๑๒๕ วัน โดยมอบหมายให้คณะกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
(ครน.) เร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติที่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและมีความสำคัญต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป
ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายชูศักดิ์ ศิรินิล
ในฐานะประธานกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลรายงานว่า
ในคราวประชุมคณะกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
เมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
ที่ประชุมได้มีมติกำหนดกระบวนการสำหรับการเสนอร่างพระราชบัญญัติที่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาโดยเร็ว
(Fast-track) ภายในกรอบเวลา ๑๒๕ วัน ตามที่ ครน. เสนอ ดังนี้ ๑.
ส่วนราชการผู้เสนอร่างพระราชบัญญัติส่งเรื่องให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ภายใน
๔๕ วัน ๒. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอคณะรัฐมนตรี ภายใน
๒๐ วัน ๓. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ภายใน ๕๐
วัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 26 | รายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | นร.12 | 03/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการตามรายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๖) และรายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ และเห็นชอบข้อเสนอแนะที่สำคัญของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ
จำนวน ๗๒ ข้อเสนอแนะ โดยให้รัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงและกรม
ที่มีประเด็นสมควรปรับปรุงแก้ไข รับข้อเสนอแนะไปพิจารณาดำเนินการ
พร้อมทั้งรายงานผลความก้าวหน้าในการดำเนินการต่อคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการต่อไป
ตามที่คณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการเสนอ และให้คณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เห็นควรกำหนดให้มีหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการกำกับดูแลฐานข้อมูลกลางและมีการเชื่อมโยงฐานข้อมูลร่วมกับหน่วยงานเจ้าของข้อมูลในข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการเร่งรัดดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลกลางของกลุ่มเปราะบางอย่างเป็นระบ กระทรวงแรงงาน เห็นควรนำประเด็นข้อเสนอแนะจากรายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ มาดำเนินการปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันและยกระดับงานบริการของส่วนราชการให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรมีการบูรณาการฐานข้อมูลให้เป็นรูปแบบมาตรฐานเดียวกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในทุกขั้นตอนเพื่อให้การปฏิบัติงานของภาครัฐ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 27 | การเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติที่่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและมีความสำคัญ | นร. | 03/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
(นางมนพร เจริญศรี) ในฐานะที่ปรึกษาและกรรมการในคณะกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
(ครน.) รายงานว่า ในคราวประชุม ครน. เมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ได้รับทราบสถานะการเสนอร่างกฎหมายของรัฐบาล
ณ วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ มีทั้งสิ้น ๒๑๘ ฉบับ
โดยเป็นกฎหมายที่ยังไม่เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร จำนวน ๑๙๘ ฉบับ ซึ่ง ครน. พิจารณาแล้วเห็นว่า
เป็นร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาลและมีความสำคัญ จำนวน ๑๙
ฉบับ ซึ่งคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วจึงได้ลงมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
(นางมนพร เจริญศรี)
ในฐานะที่ปรึกษาและกรรมการในคณะกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
รายงาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 28 | การเร่งรัดออกกฎหรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา 22 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 | นร. | 12/11/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติพิจารณาแล้วเห็นว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๖
กรกฎาคม ๒๕๖๗ (เรื่อง การเร่งรัดออกกฎหรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา ๒๒
วรรคสอง
แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการออกกฎหรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา
๒๒ วรรคสอง
แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้มีผลบังคับใช้ก่อนวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ นั้น บัดนี้
จะครบกำหนดการขยายระยะเวลาการดำเนินการดังกล่าว โดยเฉพาะกฎหรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดที่จะต้องออกตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่จะครบกำหนดในวันที่
๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ดังนั้น
เพื่อให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและอยู่ภายใต้กรอบระยะเวลาตามกฎหมาย
จึงมีมติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดเสนอเรื่องดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่
๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
ซึ่งจะเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งสุดท้ายที่จะสามารถพิจารณากฎหมายลำดับรองที่ต้องออกภายในระยะเวลาดังกล่าวได้
เนื่องจากจะมีการประชุมครั้งถัดไปในวันศุกร์ที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
ซึ่งเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ และให้ส่งเรื่องดังกล่าวมาประกาศราชกิจจานุเบกษาก่อนวันที่
๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เพื่อให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมายต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 29 | การเร่งรัดการดำเนินการและการบูรณาการการทำงานร่วมกันของกระทรวงต่าง ๆ | นร.04 | 05/11/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า
ครั้งที่ ๔/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
มีประเด็นหารือหลายเรื่องที่กระทรวงต่าง ๆ
จะต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุผลตามนโยบายที่ได้กำหนดไว้
จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้ ๑.
ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณของทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งงบลงทุน และให้สำนักงาน ก.พ.ร.
เร่งรัดติดตามผลการปฏิบัติงานตามตัวชี้วัด (KPI) ของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐดังกล่าวในเรื่องเกี่ยวกับการเบิกจ่ายงบประมาณซึ่งจะเป็นกลไกในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้ประการหนึ่ง
แล้วรายงานผลต่อนายกรัฐมนตรีโดยเร็วด้วย ๒.
ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐให้ความร่วมมือในการเชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ ของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐระหว่างกันให้แล้วเสร็จ
ครบถ้วนโดยเร็ว เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายปฏิรูประบบราชการให้ทันสมัยในระบบดิจิทัล (Digital Government) ของรัฐบาลต่อไป ๓.
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งศึกษาและพิจารณากำหนดมาตรการรองรับการขยายตัวของเมืองและการปรับผังเมืองของพื้นที่จังหวัดต่าง
ๆ รวมถึงพื้นที่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ด้วย เพื่อให้สามารถรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมได้อย่างเหมาะสมต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 30 | การลงนามข้อตกลงอาร์เทมิส (Artemis Accords) ระหว่างสหรัฐอเมริกากับประเทศไทย | อว. | 29/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบข้อตกลงอาร์เทมิส (Artemis Accords) ระหว่างสหรัฐอเมริกากับประเทศไทย
และมอบหมายให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.) เป็นหน่วยงานปฏิบัติ
(Implementor) และหน่วยงานหลักแห่งชาติ (National
Focal Point) ของประเทศไทยในการดำเนินการใด ๆ ในข้อตกลงฯ
และกิจการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องหรือต่อเนื่อง และให้ สทอภ. พิจารณากลั่นกรองโครงการของหน่วยงานของรัฐทุกหน่วยงานที่จะดำเนินการในโครงการอาร์เทมิส
(Artemis Program) ในด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนา ส่งเสริม
สนับสนุน ค้นคว้า วิจัย และดำเนินการอื่นที่เกี่ยวข้อง
เสนอคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ พิจารณาก่อนการดำเนินการต่อไป โดยข้อตกลงฯ
มีสาระสำคัญเพื่อสร้างวิสัยทัศน์ร่วมกันผ่านชุดหลักการ แนวปฏิบัติ
และแนวทางปฏิบัติ เพื่อยกระดับการกำกับดูแลการสำรวจและการใช้อวกาศโดยพลเรือนด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโปรแกรมอาร์เทมิส
แนวปฏิบัติในการดำเนินกิจกรรมในอวกาศ
และส่งเสริมการใช้อวกาศอย่างยั่งยืนและเป็นประโยชน์สำหรับมวลมนุษยชาติ และนำไปใช้กับกิจกรรมด้านอวกาศของพลเรือนที่ดำเนินการโดยองค์กรอวกาศพลเรือนของรัฐผู้ลงนาม
(องค์กรอวกาศพลเรือนของรัฐของประเทศไทย คือ สทอภ.) ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ โดยกระทรวงการต่างประเทศไม่ต้องจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม
(Full Powers) ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนข้อตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม [สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)] และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เห็นควรให้
สทอภ. ดำเนินการตามมติของคณะกรรมการฯ เพื่อส่งเสริมการใช้อวกาศอย่างยั่งยืนและเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 31 | หลักเกณฑ์เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลให้แก่บุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลานาน และกลุ่มบุตรที่เกิดในราชอาณาจักร | นร.08 | 29/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักเกณฑ์เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลให้แก่บุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลานาน
และกลุ่มบุตรที่เกิดในราชอาณาจักร เพื่อใช้ทดแทนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖
มกราคม ๒๕๖๔ เรื่อง
หลักเกณฑ์การกำหนดสถานะและสิทธิของบุคคลที่อพยพเข้ามาและอาศัยอยู่มานาน
และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๙ เรื่อง
การแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลของเด็กนักเรียนนักศึกษา และบุคคลไร้สัญชาติที่เกิดในราชอาณาจักรไทย
ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มบุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลานาน และกลุ่มบุตรที่เกิดในราชอาณาจักร
ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานอัยการสูงสุดไปพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับกระทรวงมหาดไทย
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติที่ถูกต้อง ชัดเจน แล้วให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
เห็นควรมีมาตรการ แนวทาง หรือบทลงโทษที่รุนแรงสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทุจริต
ประพฤติมิชอบ แอบอ้าง หรือสวมสิทธิให้แก่บุคคลต่างด้าวที่อพยพเข้ามาอยู่ในประเทศ
จากบุคคลในประเทศที่สูญหาย และควรมีการดำเนินการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของบุคคลที่เข้ามาอยู่ในประเทศเพื่อป้องกันเหตุการณ์การลักลอบกระทำความผิดและอาจก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ
ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศได้ กระทรวงสาธารณสุข เห็นควรเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการตรวจสอบคัดกรองข้อมูล
และยืนยันความถูกต้องอย่างรอบคอบรัดกุมเรียบร้อยแล้ว ให้ได้รับการเร่งรัดการแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคล
ทั้งนี้
เมื่อบุคคลกลุ่มเป้าหมายได้รับการแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลเรียบร้อยแล้ว
ขอให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการจัดส่งรายละเอียดรายการบุคคลดังกล่าวให้แก่กระทรวงสาธารณสุข
เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 32 | ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ครั้งที่ 4/2567 และมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | กค. | 22/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
ครั้งที่ ๔/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๗ และมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณและรัฐวิสาหกิจนำมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
ไปเป็นแนวทางในการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐต่อไป
รวมทั้งมอบหมายให้กรมบัญชีกลางและสำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณาแนวทางประเมินผลการปฏิบัติราชการของหัวหน้าหน่วยงานเจ้าของงบประมาณ
ตามที่คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐเสนอ ๒.
ให้คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ หน่วยรับงบประมาณ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงาน
ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรมีการวางแผนและเตรียมความพร้อมในการดำเนินการ
เช่น การกำหนดคุณลักษณะเฉพาะ หรือขอบเขตของงาน (TOR)
หรือแบบรูปรายการให้มีงวดงานที่เหมาะสมสอดคล้องกับลักษณะงานและการจ่ายเงิน
การลงนามในสัญญา และการบริหารสัญญา
รวมทั้งให้กระทรวงต้นสังกัดและคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ
กำกับติดตามการดำเนินงานของหน่วยรับงบประมาณ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานเจ้าของโครงการที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ใช้เงินกู้และการเบิกจ่ายเงินลงทุนในโครงการอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้การเบิกจ่ายและการใช้จ่ายเงินเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด
และมีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นว่ากรมบัญชีกลางควรพิจารณาปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อลดขั้นตอนหรือเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของหน่วยงานให้มีการเบิกจ่ายที่รวดเร็วเป็นไปตามแผนมากขึ้น
เช่น ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.
๒๕๖๐ ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน
การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. ๒๕๖๒ รวมทั้งดำเนินการตามมาตรา ๑๕
แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕
เพื่อให้การเบิกจ่ายสามารถดำเนินการในระบบอิเล็กทรอนิกส์
ใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์แทนการใช้เอกสารฉบับจริงและลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 33 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | นร.07 | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติให้หน่วยรับงบประมาณก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ จำนวน ๑,๖๑๒ รายการ เป็นวงเงินภาระผูกพัน รวมทั้งสิ้น ๓๕๒,๕๘๓
ล้านบาท สำหรับรายการที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐
ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๓๓ รายการ วงเงิน ๑๑๔,๖๖๖.๖ ล้านบาท
เมื่อทราบผลประกวดราคาแล้ว เห็นสมควรให้หน่วยรับงบประมาณนำเสนอนายกรัฐมนตรีทราบอีกครั้งหนึ่งก่อนดำเนินการต่อไป ๒.
อนุมัติให้หน่วยรับงบประมาณที่ไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง
การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง)
สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามที่เสนอได้ จำนวน ๑๐๒
หน่วยรับงบประมาณ ๓. อนุมัติให้สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้
(องค์การมหาชน) เพิ่มวงเงินรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
รายการค่าเช่าทรัพย์สิน จากวงเงินผูกพัน ๓,๔๐๗,๐๕๕,๔๐๐ บาท
เป็นวงเงินผูกพัน ๓,๔๐๗,๐๕๕,๕๐๐ บาท ๔.
รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่จะต้องจ่ายในรูปของเงินตราต่างประเทศ เช่น
รายการค่าเช่าบ้าน ค่าเช่าอาคารสำนักงาน และค่าเช่าทรัพย์สินในต่างประเทศ
ให้สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติวงเงินผูกพันที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้รับอนุมัติเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยน
ในกรณีที่หน่วยรับงบประมาณสามารถปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 34 | ผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2567 การช่วยเหลือประชาชนที่อยู่อาศัยในเขตที่ดินของรัฐให้เข้าถึงสาธารณูปโภคไฟฟ้า ประปา และการเร่งรัดดำเนินการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐ | สคทช | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในการผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๘
เมษายน ๒๕๔๖ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่อยู่อาศัยในเขตที่ดินของรัฐให้เข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานต่าง
ๆ เช่น ไฟฟ้า ประปา เป็นต้น ในพื้นที่นำร่องจังหวัดกาญจนบุรีและแม่ฮ่องสอน
โดยมีกลุ่มเป้าหมาย แบ่งเป็น กลุ่มเป้าหมายที่ ๑
ประชาชนที่ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐ
ซึ่งอยู่ระหว่างการพิสูจน์สิทธิในที่ดิน หรือ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๖
พฤศจิกายน ๒๕๖๑ กลุ่มนี้ควรจะได้รับการพิจารณาผ่อนผันก่อนเป็นลำดับแรก และกลุ่มเป้าหมายที่ ๒
ประชาชนที่ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐประเภทอื่น ๆ ควรจะพิจารณาผ่อนผันตามเหตุผลและความจำเป็น
เป็นรายกรณี โดยไม่ขัดหรือแย้งกับมาตรการการบุกรุกที่ดินของรัฐ มาตรการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกิน
และการใช้ประโยชน์ตามภารกิจของหน่วยงานของรัฐนั้น ๆ และให้คณะอนุกรรมการพิสูจน์สิทธิในที่ดินของรัฐจังหวัด
(คพร.จังหวัด) กาญจนบุรีและแม่ฮ่องสอน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบ
รวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อเร่งรัดการพิสูจน์สิทธิในที่ดินให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี
หากมีเหตุผลความจำเป็นให้ สคทช.
ประสานกำหนดแผนการดำเนินการเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเสนอสำนักงบประมาณพิจารณาต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเสนอ ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และข้อเสนอแนะของกระทรวงมหาดไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าหน่วยงานที่เข้าไปดำเนินการติดตั้งสาธารณูปโภคในพื้นที่
ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน แก้ไข และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด กระทรวงมหาดไทย ควรสนับสนุนการวางโครงสร้างสำหรับการเข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานต่าง
ๆ เช่น ไฟฟ้าและประปา ควรมีการผ่อนผันการขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้
(ทุกประเภท) สำหรับการวางท่อส่งน้ำและท่อจ่ายน้ำประปา
รวมทั้งการขยายเขตระบบไฟฟ้า ทั้งนี้ การพิจารณาผ่อนผันให้ประชาชนอยู่อาศัยหรือเข้าทำประโยชน์ในเขตที่ดินของรัฐ
ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมและสอดคล้องกับข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
โดยให้ความสำคัญกับการรักษาไว้ซึ่งพื้นที่สีเขียวและสภาพธรรมชาติของพื้นที่เพื่อป้องกันปัญหาการเสื่อมโทรมของพื้นที่ป่าอันเป็นต้นตอสำคัญของปัญหาโลกร้อนและภัยธรรมชาติต่าง
ๆ ที่เกิดขึ้น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 35 | การเร่งรัดการดำเนินการใช้ระบบแจ้งเตือนภัยฝ่ายเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Cell Broadcast) | นร. | 24/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์อุทกภัยและดินโคลนถล่มที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ส่งผลให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและของทางราชการเป็นจำนวนมากเนื่องจากไม่สามารถเตรียมการรองรับสถานการณ์ล่วงหน้าได้อย่างเหมาะสมเท่าทันสถานการณ์
ทำให้เห็นได้ว่าระบบการแจ้งเตือนภัยในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินหรือภัยพิบัติที่ใช้อยู่ในปัจจุบันยังไม่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่ดีเพียงพอ
จึงขอให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) เร่งรัดการดำเนินการเพื่อนำระบบแจ้งเตือนภัยผ่านเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่
(Cell Broadcast) มาใช้โดยเร็ว เพื่อให้การแจ้งเตือนสาธารณภัยต่าง ๆ แก่ประชาชนมีประสิทธิภาพ
รวดเร็ว และทันการณ์มากยิ่งขึ้นต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 36 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างหอผู้ป่วยใน 7 ชั้น (จำนวน 156 เตียง) เป็นอาคาร คสล. 7 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 6,184 ตารางเมตร โรงพยาบาลสีคิ้ว ตำบลมิตรภาพ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา 1 หลัง | สธ. | 17/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างรายการหอผู้ป่วยใน ๗
ชั้น (จำนวน ๑๕๖ เตียง) เป็นอาคาร คสล. ๗ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๖,๑๘๔ ตารางเมตร โรงพยาบาลสีคิ้ว ตำบลมิตรภาพ อำเภอสีคิ้ว
จังหวัดนครราชสีมา ๑ หลัง จำนวนเงิน ๕๑,๔๖๓,๗๐๐ บาท ซึ่งจากเดิมได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
จำนวน ๑๐๖.๓ ล้านบาท เป็นวงเงินก่อสร้างรวมทั้งสิ้น ๑๕๗,๗๒๕,๒๐๐ บาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน
๑๕,๙๓๙,๓๐๐ บาท ที่ได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้แล้ว
ส่วนที่เหลือ จำนวน ๑๔๑,๗๘๕,๓๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ - พ.ศ. ๒๕๗๐ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุข
(สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข) เร่งรัดติดตามการดำเนินการก่อสร้างอาคารหอผู้ป่วยใน
๗ ชั้น โรงพยาบาลสีคิ้ว ตำบลมิตรภาพ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปดำเนินการด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรเร่งรัดดำเนินการเพื่อให้สามารถเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างได้โดยเร็ว
เพื่อไม่ให้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ พับไปโดยผลของกฎหมาย และขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรมีการเร่งรัดและกำกับการดำเนินการก่อสร้างให้เป็นไปตามมาตรฐานที่เกี่ยวข้องและข้อกำหนดในสัญญา
เพื่อให้โครงการสามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 37 | การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายและเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจ | นร. | 20/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพิชัย ชุณหวชิร)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอว่า
การลงทุนของภาครัฐเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่จะทำให้เม็ดเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีกระจายลงสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศได้โดยเร็วซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ
(GDP) ได้โดยตรง
ดังนั้น
จึงเห็นควรให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินทั้งในส่วนของเงินงบประมาณรายจ่ายและเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ภายในกรอบระยะเวลาของปีงบประมาณ หรืออย่างช้าสุดภายในสิ้นปี ๒๕๖๗ เพื่อให้ทันรอบระยะเวลาของการคำนวณ
GDP ในปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ส่วนราชการที่ได้รับการจัดสรรรายจ่ายลงทุนสูง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม ทั้งนี้ ขอให้ความสำคัญกับรายจ่ายลงทุนที่มีผล/เกี่ยวข้องกับการจ้างงานและการก่อสร้างเป็นลำดับแรกด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 38 | ขอจำหน่ายหนี้สูญตามโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรด้วยการจำหน่ายหนี้เป็นสูญในกองทุนหรือเงินทุนในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ของสหกรณ์ประมงเกาะลันตา จำกัด | กค. | 06/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดีงนี้ ๑. อนุมัติจำหน่ายหนี้เป็นสูญของสหกรณ์ประมงเกาะลันตา
จำกัด จังหวัดกระบี่ (เงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์) จำนวน ๕,๙๒๘,๓๕๖.๑๘ บาท แยกเป็นต้นเงิน
จำนวน ๒,๕๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท
และดอกเบี้ยค้างชำระ จำนวน ๓,๔๒๘,๓๕๖.๑๘
บาท โดยไม่ขอรับเงินชดเชยจากรัฐบาล ภายใต้โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรด้วยการจำหน่ายหนี้เป็นสูญในกองทุนหรือเงินทุนในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สาเหตุการจำหน่ายหนี้เป็นสูญข้อ (๙) ลูกหนี้ผู้กู้ยืมเงินมีรายได้น้อย หรือไม่มีความสามารถในการชำระหนี้
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกรมบัญชีกลาง
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายทุนหมุนเวียน
รวมทั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงมหาดไทย เห็นควรมีมาตรการในการดำเนินงานเพื่อลดปัญหาหนี้สูญของกองทุนหรือเงินทุนต่าง
ๆ
รวมถึงกำหนดมาตรการรักษาวินัยทางการเงินและชำระหนี้สินคืนกองทุนหรือเงินทุนอย่างต่อเนื่อง
และปรับปรุงการบริหารจัดการลูกหนี้ของกองทุนหรือเงินทุนตั้งแต่การพิจารณาความเป็นไปได้ในการดำเนินงานและความสามารถในการชำระหนี้ของแต่ละโครงการอย่างรัดกุม
การติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินงาน
การเตือนและเร่งรัดให้มีการชำระหนี้ทันตามกำหนด
การดำเนินกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ตามระเบียบและแนวทางที่เกี่ยวข้อง
และการเร่งรัดให้มีการปิดโครงการเมื่อมีการชำระหนี้คืนเต็มตามจำนวนแล้ว สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้ความสำคัญยิ่งขึ้นกับการดำเนินกระบวนการพิจารณาความเป็นไปได้ของโครงการและการบริหารจัดการโครงการให้เป็นไปด้วยความรอบคอบตามหลักวิชาการ
ตั้งแต่การวิเคราะห์และพิจารณาความเป็นไปได้ของโครงการจากกระบวนการวิเคราะห์ปัจจัยและบริบทที่เกี่ยวข้องในทุกมิติ
อาทิ ศักยภาพและโอกาสด้านการผลิต การตลาด เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง การเงิน ความพร้อมของเกษตรกร |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 39 | การเร่งรัดติดตามการแก้ไขปัญหายาเสพติด | นร. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบนายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๗ พฤษภาคม ๒๕๖๗ และวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๗
เกี่ยวกับการปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด
เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับหน่วยงานของรัฐและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องบูรณาการการดำเนินงานในการปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังและเด็ดขาด
ให้มีผลการจับกุมผู้กระทำผิดที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมภายใน ๙๐ วัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดเป้าหมายที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดได้กำหนดเป็นพื้นที่สีแดงที่มีปัญหายาเสพติดรุนแรง
จำนวน ๒๕ จังหวัด โดยรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนและให้รางวัลแก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้สำเร็จตามเป้าหมาย
ในขณะเดียวกันก็จะมีบทลงโทษสำหรับเจ้าหน้าที่ที่บกพร่องและละเลยในการปฏิบัติหน้าที่ด้วย
นั้น บัดนี้ใกล้ครบเวลาตามเป้าหมายที่กำหนดไว้แล้ว จึงขอให้กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดบูรณาการการดำเนินการป้องกัน
ปราบปราม
และแก้ไขปัญหายาเสพติดในจังหวัดเป้าหมายดังกล่าวข้างต้นให้หมดสิ้นไปโดยเร็ว
และเตรียมขยายผลไปยังจังหวัดอื่น ๆ ต่อไป ทั้งนี้
ให้พิจารณาแนวทางการดำเนินการจ่ายเงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานยาเสพติดให้ถูกต้อง
ทั่วถึง และรวดเร็วมากยิ่งขึ้งขึ้งขึ้น โดยให้พิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการจ่ายเงินค่าตอบแทนบางส่วนก่อน
โดยไม่ต้องรอให้คดีสิ้นสุดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 40 | โครงการสลากการกุศลเพิ่มเติม | กค. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้มีการออกสลากการกุศลเพื่อสนับสนุนโครงการที่ผ่านการกลั่นกรองจากคณะกรรมการฯ
จำนวน ๑๑ โครงการ วงเงินรวม ๘๓๗.๖๕ ล้านบาท ๒.
มอบหมายให้สำนักงานสลากฯ ดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ เป็นผู้จัดพิมพ์ จัดจำหน่าย
และจ่ายเงินรางวัลสลากการกุศล ๒.๒
ประสานงานกับหน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับการสนับสนุน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนการออกสลากการกุศล
การขออนุญาตการออกสลากการกุศลโดยปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
และการนำส่งเงินให้หน่วยงานเจ้าของโครงการตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโดยให้ผู้รับใบอนุญาตการออกสลากการกุศลเสียภาษีการพนันเหลือร้อยละ
๐.๕ แห่งยอดราคาสลากซึ่งมีผู้รับซื้อก่อนหักรายจ่ายตามข้อ ๑๒ (๔)
ของกฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ ๑๗ (พ.ศ. ๒๕๐๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติการพนัน
พุทธศักราช ๒๔๗๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยกฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ๒.๓
จัดทำแผนการออกสลากการกุศลและแผนการใช้เงินของแต่ละโครงการ และรายงานต่อคณะกรรมการฯ
เพื่อประโยชน์ในการกำกับ
ติดตามการดำเนินโครงการที่ได้รับการสนับสนุนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ ๒.๔
บริหารการจ่ายเงินให้หน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนเงินจากโครงการสลากการกุศลตามความเหมาะสมและเร่งด่วนเพื่อให้โครงการสลากการกุศลสามารถเบิกจ่ายเงินได้อย่างรวดเร็ว ๓.
มอบหมายให้คณะกรรมการฯ ดำเนินการ ดังนี้ ๓.๑
กำหนดระยะเวลาในการผูกพันวงเงินของโครงการที่ได้รับการสนับสนุน
และหากเกิดกรณีที่หน่วยงานเจ้าของโครงการไม่สามารถผูกพันวงเงินได้ตามกำหนด
ให้คณะกรรมการฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบการขอขยายระยะเวลาผูกพันวงเงิน หรือหากคณะกรรมการฯ
พิจารณาแล้วเห็นว่า โครงการดังกล่าวไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้
ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณายกเลิกวงเงินสนับสนุนโครงการดังกล่าว ๓.๒
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดการเงินภายในโครงการที่ได้รับการสนับสนุน โดยจะต้องไม่เปลี่ยนแปลงเป็นกิจกรรมที่แตกต่างจากโครงการที่ได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ดังนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เห็นควรมีการติดตามและประเมินผลความก้าวหน้าของการดำเนินงานอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
เพื่อให้การดำเนินโครงการสลากฯ เกิดความคุ้มค่าในการสนับสนุนงบประมาณ สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
รวมถึงลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้อย่างแท้จริง |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
