ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 3 จากทั้งหมด 74 หน้า แสดงรายการที่ 41 - 60 จากข้อมูลทั้งหมด 1478 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 41 | การเร่งรัดออกกฎหรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา 22 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 | นร.05 | 16/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว เห็นว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๘
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ (เรื่อง การเร่งรัดออกกฎหรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา
๒๒ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒) เห็นชอบแนวทางการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามมาตรา ๒๒ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยให้หน่วยงานของรัฐทุกหน่วยเร่งรัดออกกฎหรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด
ตามมาตรา ๒๒ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งต่อมาหน่วยงานต่าง ๆ
ได้เสนอขอขยายระยะเวลาดำเนินการตามบทบัญญัติดังกล่าวแล้ว นั้น บัดนี้
จะครบกำหนดการขยายระยะเวลาการดำเนินการดังกล่าว
โดยเฉพาะกฎหรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดที่จะต้องออกตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่จะครบกำหนดในวันที่
๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ดังนั้น
เพื่อให้การดำเนินการออกกฎหรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา ๒๒ วรรคสอง
แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและตรงตามเจตนารมณ์แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการดังกล่าว ให้มีผลบังคับใช้ก่อนวันที่
๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 42 | การเร่งรัดและผลักดันการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล | นร. | 02/07/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้การผลักดันการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อยกระดับการให้บริการประชาชนและการบริหารงานราชการให้ทันสมัยสอดคล้องกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป
ขอมอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร.
เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เร่งกำหนดแนวทางการพัฒนาการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อยกระดับการให้บริการประชาชน
รวมทั้งกำหนดเป็นตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงาน (KPI) โดยดำเนินการให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์
พ.ศ. ๒๕๖๕
เพื่อให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐรับไปปฏิบัติเพื่อปรับปรุงการให้บริการประชาชนให้ได้รับความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
เช่น การบริการของหน่วยบริการสาธารณสุข การแจ้งจดทะเบียน การขออนุมัติ อนุญาตต่าง
ๆ ทั้งนี้ ให้ผลักดันให้มีการจัดฝึกอบรมและเพิ่มทักษะทางดิจิทัลให้กับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกระดับเพื่อให้สามารถเรียนรู้และใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 43 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง กฎหมายด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ของคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา | อว. | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง กฎหมายด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ของคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา
โดยรวบรวมผลการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปได้ว่า
ประเด็นการเร่งรัดการออกกฎหมายลำดับรองที่ออกตามกฎหมายด้านการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และการออกกฎหมายจัดตั้งกองทุนเพื่อการพัฒนาอุดมศึกษา
ควรเร่งรัดการดำเนินการออกกฎหมายลำดับรองให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
รวมถึงแจ้งความคืบหน้าหรือสถานะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ ส่วนประเด็นการผลักดันการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ละฉบับให้มีความสอดคล้องซึ่งกันและกันนั้น
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่มีหน้าที่ในกำกับดูแลในด้านการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ฯ ได้กำกับดูแลให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการออกกฎหมายลำดับรอง เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ฯ ของประเทศเป็นไปอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นควรเร่งรัดและผลักดันการออกกฎหมายลำดับรองและกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้มีความสอดคล้องซึ่งกันและกัน
และประเด็นการจัดทำประมวลจริยธรรม สถาบันอุดมศึกษาแต่ละแห่งจะต้องดำเนินการจัดทำประมวลจริยธรรมเกี่ยวกับบุคลากรและผู้ปฏิบัติงานของหน่วยงานตนเอง
ซึ่งจะต้องมีมาตรฐานกลางตามที่คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษากำหนด และให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา
พ.ศ. ๒๕๖๒ และพระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒
สำหรับการดำเนินการในเรื่องร้องเรียน
สถาบันอุดมศึกษาควรพิจารณาดำเนินการแก้ไขปรับปรุงประกาศ ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือพระราชบัญญัติการจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล
รวมทั้งกำหนดแนวทางในการจัดการปัญหาเรื่องข้อร้องเรียนภายในสถาบันอุดมศึกษา และประกาศให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบด้วย ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 44 | ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ครั้งที่ 1/2567 และครั้งที่ 2/2567 และมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | กค. | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ และครั้งที่ ๒/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๙
เมษายน ๒๕๖๗ และมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณและรัฐวิสาหกิจนำมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ไปเป็นแนวทางในการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐต่อไป ตามที่คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 45 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ของปี 2566 ทั้งปี 2566 และแนวโน้มปี 2567 | นร.11 สศช | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ของปี
๒๕๖๖ ทั้งปี ๒๕๖๖ และแนวโน้มปี ๒๕๖๗ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
สรุปได้ ดังนี้ ๑) เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๖๖ มูลค่า GDP ขยายตัวร้อยละ ๑.๗
เร่งขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๑.๔ ในไตรมาสที่สาม ๒) เศรษฐกิจไทยปี ๒๕๖๖ ขยายตัวร้อยละ ๑.๙
ชะลอลงจากการขยายตัวร้อยละ ๒.๕ ในปี ๒๕๖๕ อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ ๑.๒ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ
๑.๓ ของ GDP และ ๓) แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี ๒๕๖๗
คาดว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ ๒.๒ - ๓.๒
โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการกลับมาขยายตัวของการส่งออกสินค้า การขยายตัวในเกณฑ์ดีของการอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนและการฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว
โดยคาดว่าการอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวร้อยละ ๓.๐ และร้อยละ ๓.๕
ตามลำดับ ส่วนการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหาภาคในปี ๒๕๖๗
รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ เช่น (๑)
การขับเคลื่อนการส่งออกสินค้าที่มีศักยภาพและเป็นที่ต้องการของตลาดโลกเพิ่มขึ้น (๒)
การเร่งรัดผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติและออกบัตรส่งเสริมการลงทุนในช่วงปี ๒๕๖๔ -
๒๕๖๖ (๓) การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ และ (๔)
การรักษาแรงขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 46 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี 2567 และแนวโน้มปี 2567 | นร.11 สศช | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๗ และแนวโน้มปี ๒๕๖๗
สรุปได้ ดังนี้ ๑) เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๗ มูลค่า GDP ขยายตัวร้อยละ ๑.๕
ต่อเนื่องจากการขยายตัวร้อยละ ๑.๗ ในไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๖๖ และ ๒)
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี ๒๕๖๗ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๒.๐ - ๓.๐
ซึ่งปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า ๆ จากการขยายตัวร้อยละ ๑.๙ ในปี ๒๕๖๖ ส่วนการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาค
ในปี ๒๕๖๗ รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ เช่น (๑)
การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อให้เม็ดเงินรายจ่ายภาครัฐเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว
(๒)
การขับเคลื่อนการส่งออกควบคู่ไปกับการเร่งรัดปรับโครงสร้างเศรษฐกิจทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ
และ (๓) การติดตาม เฝ้าระวัง
และเตรียมมาตรการรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของระบบเศรษฐกิจและการเงินโลก ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 47 | การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ | นร. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ไปแล้วนั้น เพื่อให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณดังกล่าวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้โดยเร็ว
อันจะส่งผลดีโดยตรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในวงกว้าง
รวมทั้งมีส่วนทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เพิ่มสูงขึ้นด้วย จึงขอให้ทุกส่วนราชการ
รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐเร่งรัดการดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณฯ ในความรับผิดชอบ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งงบลงทุนให้แล้วเสร็จโดยด่วน ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้รอบคอบ
ถูกต้อง โปร่งใส เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 48 | การเร่งรัดดำเนินการปรับผังเมืองและการกำหนดเขตท้องที่ (Zoning) | นร. | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาทบทวนการวางผังเมืองในจังหวัดต่าง
ๆ (รวมทั้งกรุงเทพมหานครให้เหมาะสมและสอดคล้องกับการขยายตัวของเมือง
รวมถึงให้พิจารณาดำเนินการเพื่อยกระดับเมืองรองต่าง ๆ ให้มีความพร้อมรองรับการขยายตัวของเมืองและการลงทุนในพื้นที่ด้วย
นั้น เพื่อให้การวางผังเมืองและการกำหนดเขตท้องที่ (Zoning) ในจังหวัดต่าง ๆ
มีความสอดคล้องกับการเจริญเติบโตของเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปและรองรับมาตรการของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
โดยส่งเสริมและดึงดูดให้เกิดการลงทุนทั้งภายในประเทศและจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น
จึงขอให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงอุตสาหกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวข้างต้นให้แล้วเสร็จโดยด่วน
โดยให้พิจารณาจัดลำดับความสำคัญและความเป็นไปได้ในการปรับผังเมืองในจังหวัดหลักต่าง
ๆ ก่อนเป็นลำดับแรก แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง
เหมาะสม เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 49 | การเร่งรัดกำหนดมาตรการในการอนุญาตและส่งเสริมให้เอกชนสามารถทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้ากับผู้ผลิตพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทนได้โดยตรง (Direct PPA) | นร.04 | 11/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๑๙ มีนาคม ๒๕๖๗)
มอบหมายให้กระทรวงพลังงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการในการอนุญาตและส่งเสริมให้เอกชนสามารถทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าผู้ผลิตพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทนได้โดยตรง
(Direct Power Purchase
Agreement: Direct PPA ) ให้ชัดเจนก่อนสิ้นปี
๒๕๖๗ แล้วนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป นั้น เพื่อให้ประเทศไทยมีความพร้อมรองรับและดึงดูดการลงทุนจากบริษัทชั้นนำของโลกที่รัฐบาลได้เชิญชวนไว้และสนใจเข้ามาลงทุนในด้าน
Data Center จึงขอให้กระทรวงพลังงานเร่งหารือกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดมาตรการในเรื่องดังกล่าวให้เหมาะสมและชัดเจนโดยเร็ว
แล้วนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)
ให้ทันการประชุมในคราวต่อไปที่ได้กำหนดไว้ในวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๗ ทั้งนี้
หากไม่สามารถพิจารณากำหนดมาตรการดังกล่าวทั้งระบบได้ทันตามกำหนดเวลาข้างต้น
ก็ให้พิจารณากำหนดเป็นมาตรการนำร่อง (Sandbox) แล้วนำเสนอ
กพช. พิจารณา เพื่อทดลองใช้ดำเนินการเป็นกรณี ๆ ไป ตามความจำเป็นเหมาะสมก่อน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 50 | การเร่งรัดการดำเนินการเกี่ยวกับการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) | นร. | 04/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๙ เมษายน ๒๕๖๗) มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางและความเหมาะสมเกี่ยวกับการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) แล้วให้สรุปผลการพิจารณาในภาพรวมเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป นั้น เพื่อให้การดำเนินการในเรื่องนี้มีความคืบหน้าโดยเร็ว
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงการคลัง [รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายจุลพันธ์
อมรวิวัฒน์)] เร่งรัดการพิจารณาเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จ
และได้แนวทางการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมชัดเจนโดยเร็ว
แล้วให้กระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดทำร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร
รวมทั้งแผนการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน
โดยให้นำร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... และความเห็นของหน่วยงานต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้องมาประกอบการพิจารณาด้วย ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้
ให้ดำเนินการเรื่องนี้ให้ถูกต้องตามขั้นตอนที่บัญญัติไว้ในกฎหมายและรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 51 | การเร่งรัดกระบวนการขออนุญาตใช้ประโยชน์พื้นที่ในเขตป่าสงวนเพื่อดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง | นร. | 14/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวงเมื่อวันที่
๘ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ได้มีการหารือถึงแนวทางการเร่งรัดกระบวนการขออนุญาตใช้ประโยชน์พื้นที่ในเขตป่าสงวนเพื่อดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง
เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนบนพื้นที่สูง โดยมีเป้าหมาย ๑,๐๐๗ กลุ่มบ้าน ซึ่งได้รับอนุญาตแล้ว ๔๒๒
กลุ่มบ้าน อยู่ระหว่างการดำเนินการและเสนอขออนุญาตเพิ่มเติมอีก ๕๒๘ กลุ่มบ้าน ดังนั้น
เพื่อให้การดำเนินการแล้วเสร็จตามแผนที่กำหนดไว้ภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๘
จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๑.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาพื้นที่เป้าหมายที่ขอจัดทำโครงการเพิ่มเติมและเร่งรัดการขออนุญาตใช้ประโยชน์พื้นที่ดำเนินงานโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงเป้าหมาย
๓๓ โครงการ ๕๒๘ กลุ่มบ้าน ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๒. ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐทุกแห่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมและกระทรวงศึกษาธิการดำเนินการประชาสัมพันธ์หลักสูตรการเรียนรู้ของสถาบันการเรียนรู้การพัฒนาทางเลือกอย่างยั่งยืน
มูลนิธิโครงการหลวงให้ชัดเจนและทั่วถึง ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทย
รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนำแนวทางการดำเนินงานของโครงการหลวงไปขยายผลการดำเนินการ
เพื่อช่วยลดปัญหาการเผาป่าและปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 บนพื้นที่สูงต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 52 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.07 | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้หน่วยรับงบประมาณก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๑,๔๖๕ รายการ เป็นวงเงินภาระผูกพัน รวมทั้งสิ้น ๓๔๓,๙๐๗.๔
ล้านบาท สำหรับรายการที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐
ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๒๒ รายการ วงเงิน ๑๖๒,๕๗๕.๒ ล้านบาท
และเมื่อทราบผลประกวดราคาแล้ว
ให้หน่วยรับงบประมาณนำเสนอนายกรัฐมนตรีทราบอีกครั้งหนึ่งก่อนดำเนินการต่อไป ๒.
อนุมัติให้หน่วยรับงบประมาณที่ไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง
การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง)
สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามที่เสนอได้ ๓. อนุมัติให้หน่วยรับงบประมาณ จำนวน ๑๑ หน่วย
ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวง การท่องเที่ยวและกีฬา กรมการท่องเที่ยว กรมท่าอากาศยาน
สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กรมราชทัณฑ์
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สถาบันพระบรมราชชนก สถาบันวิทยาลัยชุมชุน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
และสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ผูกพันงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณพ.ศ. ๒๕๖๗ - ๒๕๗๒
เพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ (เรื่อง
ขอปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ)
เพื่อให้สามารถลงนามในสัญญาเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ ระยะเวลา ๕ ปี (๖๐ เดือน)
ได้ภายในวงเงินที่ได้รับอนุมัติ
และยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาการดำเนินงานจริง ๔.
รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่จะต้องจ่ายในรูปของเงินตราต่างประเทศ เช่น
รายการค่าเช่าบ้าน ค่าเช่าอาคารสำนักงาน ค่าเช่าทรัพย์สินในต่างประเทศ
ให้สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติวงเงินผูกพันที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้รับอนุมัติเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยน
ในกรณีที่หน่วยรับงบประมาณสามารถปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 53 | การปราบปรามยาเสพติด | นร. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๖ (เรื่อง การเร่งรัดการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด) มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้องบูรณาการแผนงาน ประสานงาน ขับเคลื่อน
และติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดในภาพรวม นั้น
เนื่องจากในปัจจุบันยาเสพติดยังเป็นปัญหาสำคัญที่เป็นภัยคุกคามความสงบสุขและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน
จึงขอกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด
เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับหน่วยงานของรัฐและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องบูรณาการการดำเนินงานในการปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังเละเด็ดขาด
ให้มีผลการจับกุมผู้กระทำผิดที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมภายใน ๙๐ วัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดเป้าหมายที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดได้กำหนดเป็นพื้นที่สีแดงที่มีปัญหายาเสพติดรุนแรง
จำนวน ๒๕ จังหวัด
โดยรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนและให้รางวัลแก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้สำเร็จตามเป้าหมาย
ในขณะเดียวกันก็จะมีบทลงโทษสำหรับเจ้าหน้าที่ที่บกพร่องและละเลยในการปฏิบัติหน้าที่ด้วย
ทั้งนี้
ขอให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดติดตามการดำเนินงานในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องและรายงานผลต่อนายกรัฐมนตรีต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 54 | การเร่งรัดการพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (ร.ง. 4) | นร. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ได้ขอให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งรัดติดตามการพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน
(ร.ง. ๔) ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น นั้น ปัจจุบันยังพบว่า กระบวนการพิจารณาออกใบอนุญาตดังกล่าวยังมีความล่าช้าและยังมีคำขอค้างการพิจารณาอยู่เป็นจำนวนมาก
ดังนั้น จึงขอให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งรัดการพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน
(ร.ง. ๔) ที่ค้างอยู่ดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็วและให้ผู้ประกอบการได้รับใบอนุญาตดังกล่าวภายใน
๓๐ วัน
รวมทั้งให้พิจารณากำหนดมาตรการเพื่อลดเวลาในกระบวนการพิจารณาออกใบอนุญาตให้ชัดเจนและเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
เพื่อให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วในการประกอบธุรกิจของเอกชนด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 55 | แผนการใช้จ่ายเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ปีงบประมาณ 2567 (แผนปฏิบัติการประจำปี 2567) | พณ. | 09/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนการใช้จ่ายเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
ปีงบประมาณ ๒๕๖๗ ซึ่งเป็นโครงการของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวม ๘ หน่วยงาน จำนวน
๒๑๒ โครงการ ซึ่งแบ่งเป็น (๑) แผนปฏิบัติการด้านการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศ
จำนวน ๔๙ โครงการ (๒) แผนปฏิบัติการด้านการเจรจาเชิงรุกเพื่อเปิดตลาด จำนวน ๑๔๘
โครงการ และ (๓) แผนปฏิบัติการด้านการเร่งรัดทำการตลาดเชิงกลยุทธ์จำนวน ๑๕ โครงการ
วงเงินทั้งสิ้น ๕๓๐.๐๙ ล้านบาท โดยเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
รวมถึงสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล
และยุทธศาสตร์ของกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศที่กำหนดไว้
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 56 | ขออนุมัติเพิ่มกรอบวงเงินและขยายระยะเวลาดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำลำน้ำชีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดชัยภูมิ | กษ. | 02/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำลำน้ำชีอันเนื่องมาจากพระราชดำริจังหวัดชัยภูมิ
จากเดิม ๖ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ - พ.ศ. ๒๕๖๗) เป็น ๙ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ - พ.ศ.
๒๕๗o) และให้เพิ่มกรอบวงเงินโครงการอ่างเก็บน้ำลำน้ำชีอันเนื่องมาจากพระราชดำริจังหวัดชัยภูมิ
จากเดิม ๓,๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็น ๖,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(กรมชลประทาน) รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เช่น ควรนำมาตรการป้องกัน
แก้ไข และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม
และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมไปประกอบการดำเนินงานโครงการทั้งในระยะก่อสร้างและระยะดำเนินการ
พร้อมทั้งควบคุม กำกับ ติดตาม
และดูแลเร่งรัดการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนการดำเนินโครงการที่กำหนดไว้
ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยในระยะก่อสร้างการป้องกันอุบัติเหตุที่มีผลต่อคนงานและประชาชนในพื้นที่ตามพระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเร่งรัดการจ่ายเงินชดเชยทดแทนที่ดินและทรัพย์สินของราษฎรที่ได้รับผลกระทบ
ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรให้เหลือน้อยที่สุด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 57 | มาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.07 | 02/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณใช้จ่ายงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เหมาะสมกับสถานการณ์
และสามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันได้ทันทีเมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ประกาศใช้บังคับ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 58 | การติดตามสถานะร่างพระราชบัญญัติของคณะรัฐมนตรี | นร.04 | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมศักดิ์ เทพสุทิน)
ในฐานะประธานกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
รายงานว่า ในคราวประชุมคณะกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
ครั้งที่ ๗/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๗
ที่ประชุมได้พิจารณาการติดตามสถานะร่างพระราชบัญญัติของคณะรัฐมนตรี ข้อมูล ณ
วันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๗ มีจำนวน ๑๐๒ ฉบับ ตามบัญชีแนบท้าย
แล้วมีมติเห็นควรมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งเสนอกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว
เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ๒.
ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งเสนอกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว
เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 59 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีการแก้ไขปัญหากลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอย อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี | ทส. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
กรณีการแก้ไขปัญหากลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอย อำเภอแก่งกระจาน
จังหวัดเพชรบุรี ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป สรุปได้ดังนี้ ๑. การเร่งรัดพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์
พ.ศ. .... ให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว ๒. การพิจารณาจัดตั้งกลไกในการฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอยให้เป็นรูปธรรม
มีความเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ร่วมกับหน่วยงานต่าง
ๆ จัดตั้งกลไกในการดำเนินงาน ได้แก่ ๑) สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดเพชรบุรี
ได้แต่งตั้งคณะทำงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในด้านต่าง
ๆ ๒) มีหน่วยงานหลายภาคส่วน เช่น กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
กรมทรัพยากรน้ำ ได้เข้าไปพัฒนาคุณภาพชีวิตในด้านต่าง ๆ เช่น ที่อยู่อาศัย ที่ดินทำกิน
การเกษตร ระบบน้ำ - ไฟฟ้า ชีวิตความเป็นอยู่ ๓) มีหน่วยงานต่าง ๆ
ได้ให้ความช่วยเหลือโดยให้สามารถเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการต่าง ๆ ของรัฐได้ เช่น กระทรวงสาธารณสุขให้เข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานด้านการรักษาพยาบาล
และกระทรวงศึกษาธิการ ให้ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ ๔) กระทรวงมหาดไทยได้สำรวจการถือครองที่ดินจัดทำทะเบียนประวัติสถานะบุคคลและส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ของชุมชน ๓. การบูรณาการการแก้ไขปัญหาโดยใช้กลไกตามข้อ ๒
นั้น
กระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกันใน
๕ ขั้นตอน ดังนี้ ๑) ให้มีคณะทำงานที่มีองค์ประกอบทั้ง ๓ ฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง และคณะกรรมการอิสระ ๒) ให้มีการสำรวจที่อยู่อาศัย ที่ทำกินของประชาชนในพื้นที่บ้านบางกลอยให้แล้วเสร็จ
๓) จัดทำแผนบริหารจัดการพื้นที่ ๔) ให้ชาวบ้านได้เข้าไปทดลองใช้ประโยชน์ในพื้นที่
โดยมีหน่วยงานเข้าไปกำกับดูแล และ ๕) ให้มีการประเมินผลการทดลอง รวมทั้งได้มีคณะทำงานและคณะกรรมการหลายชุด
เพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาในการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอยมาโดยตลอดด้วยแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 60 | การพิจารณาทบทวนความจำเป็น เหมาะสมของประกาศและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | นร. | 12/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมศักดิ์
เทพสุทิน) ในฐานะประธานกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
รายงานว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
มอบหมายให้ส่วนราชการพิจารณาทบทวนความจำเป็น เหมาะสมของประกาศและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่สามารถยกเลิกได้โดยการตราพระราชบัญญัติกลางยกเลิก
และเสนอความเห็นไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ภายใน ๑๔ วัน
เพื่อสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะได้พิจารณาและเสนอผลการพิจารณาไปยังคณะกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป
นั้น โดยที่ระยะเวลาดังกล่าวใกล้จะครบกำหนดแล้ว (ภายในวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๗) ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้รับความเห็นส่วนราชการเพียงบางหน่วยงาน
ดังนั้น จึงเห็นควรให้ส่วนราชการเร่งรัดการพิจารณาเสนอความเห็นในเรื่องดังกล่าวไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
