ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 7 จากทั้งหมด 74 หน้า แสดงรายการที่ 121 - 140 จากข้อมูลทั้งหมด 1478 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 121 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาไฟฟ้าในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ของคณะกรรมาธิการการพลังงาน วุฒิสภา | สว. | 18/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาไฟฟ้าในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ของคณะกรรมาธิการการพลังงาน
วุฒิสภา ซึ่งได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณารายงานพร้อมทั้งข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ
แล้ว สรุปว่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า
และพันธุ์พืชได้ดำเนินการยกร่างกฎหมายลำดับรองตามมาตรา ๖๔
แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ และมาตรา ๑๒๑
แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๖๒ เสร็จแล้ว โดยได้ดำเนินกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วยแล้ว
และจะนำร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าและคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติพิจารณา
เมื่อผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการแล้ว
จะเร่งรัดจัดทำกฎหมายเพื่อเสนอเข้าคณะรัฐมนตรีเห็นชอบและประกาศเป็นกฎหมายใช้บังคับต่อไป
สำหรับการอนุญาตให้ประชาชนเข้าใช้ประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
กรมป่าไม้ได้มีการเร่งรัดดำเนินการเกี่ยวกับพื้นที่เป็นโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลในพื้นที่ตามที่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติได้เสนอไว้
การจัดทำสัญญาประชาคมจะเกี่ยวพันกับการอนุญาตใช้พื้นที่หวงห้ามในการที่จะเข้าไปสนับสนุนระบบสาธารณูปโภค
ถึงแม้ปัจจุบันได้มีข้อผ่อนผันทางกฎหมายมากขึ้น แต่ทั้งนี้
จะต้องดำเนินการตามระเบียบในการอนุญาตใช้พื้นที่ จึงจะสามารถดำเนินการเรื่องจัดทำสัญญาประชาคมได้ตามลำดับขั้นต่อไป
ในกรณีการสนับสนุนจ่ายไฟฟ้าสำหรับพื้นที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ดังเช่นหมู่บ้านในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน
สามารถจัดทำโครงการเสนอกองทุนพัฒนาไฟฟ้าตามมาตรา ๙๗ (๔) แห่งพระราชบัญญัติการประกาศกิจการพลังงาน
พ.ศ. ๒๕๕๐ “เพื่อการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน
และเทคโนโลยีที่ใช้ในการประกอบกิจการไฟฟ้าที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย” ทั้งนี้
จะให้มี “คณะอนุกรรมการ” ภายใต้ “คณะกรรมการจัดทำแผนบูรณาการการลงทุนและดำเนินงานเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานไฟฟ้า”
เพื่อทำหน้าที่พิจารณาและเสนอแนะแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานไฟฟ้าสำหรับพื้นที่เกาะและพื้นที่ห่างไกล
รวมถึงจัดทำแผนงานแก้ไขปัญหาและพัฒนาแนวทางดำเนินการในการแก้ไขปัญหาสำหรับพื้นที่ห่างไกลต่อไป
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 122 | การเร่งรัดดำเนินการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดิน | กษ. | 18/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า เพื่อให้การบริหารจัดการที่ดิน
รวมทั้งการป้องกันและแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
เกิดผลเป็นรูปธรรม และมีความยั่งยืน คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้กระทรวงการคลัง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินในความรับผิดชอบที่มีปัญหาการเข้าไปครอบครองหรือใช้ประโยชน์ให้แล้วเสร็จ
และเกิดความชัดเจนโดยเร็ว
แล้วรายงานข้อมูลให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเพื่อพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้ หากกรณีใดมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าเป็นการจงใจบุกรุกที่ดินของรัฐ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 123 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 1/2565 | นร.11 สศช | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๕ ดังนี้ (๑)
อนุมัติให้กรมควบคุมโรค กรมอนามัย สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (๒) อนุมัติให้มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (๓)
อนุมัติให้โรงพยาบาลตำรวจ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานหอผู้ป่วยและห้องผ่าตัดรองรับและบรรเทาภัยจากโรคติดเชื้อโควิด-๑๙
และปรับปรุงมาตรฐานด้านการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล โดยขยายระยะเวลาดำเนินโครงการจากเดิมสิ้นสุดเดือนธันวาคม
๒๕๖๔ เป็นสิ้นสุดเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๕ (๔) อนุมัติให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบกระจายน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรด้วยพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่
และโครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรแปลงใหญ่
โดยขยายระยะเวลาดำเนินโครงการจากเดิมสิ้นสุดเดือนธันวาคม ๒๕๖๔
เป็นสิ้นสุดเดือนเมษายน ๒๕๖๕ และ (๕) ) มอบหมายให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการเร่งรัดการดำเนินโครงการฯ
ให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาดำเนินงานที่เสนอในครั้งนี้
รวมถึงรับความเห็นและข้อสังเกตเพิ่มเติมตามมติคณะกรรมการฯ
ไปประกอบการดำเนินการโดยเคร่งครัดต่อไป ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพั ฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้หน่วยงานต้นสังกัดกำกับดูแลให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
และติดตามการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการเร่งปฏิบัติตามข้อ
๑๙ และ ข้อ ๒๐ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ
สำหรับโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้อีก หากมีเงินเหลือจ่ายของโครงการนั้น ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากคลังโดยเร็ว รวมทั้งเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
ตลอดจนให้ความสำคัญกับการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ให้ทันต่อสถานการณ์
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
ที่ไม่สามารถดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จภายในกรอบระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้
เร่งปฏิบัติตามข้อ ๑๘ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ
เพื่อให้สามารถบริหารจัดการเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 124 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 41/2564 | นร.11 สศช | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๑๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ในคราวประชุมครั้งที่ ๔๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๔ ดังนี้
(๑) อนุมัติให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ
กรณีโครงการภายใต้แผนเร่งรัดการเข้าถึงวัคซีน COVID ๑๙ สำหรับประชาชนไทย โดยขยายระยะเวลาดำเนินงาน จากเดิมสิ้นสุดเดือนธันวาคม
๒๕๖๔ เป็นสิ้นสุดเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๕ (๒) อนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการพัฒนาระบบสื่อสารสั่งการศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขระดับกระทรวงและระดับเขตสุขภาพเป็น
SmartEOC โดยขยายระยะเวลาดำเนินโครงการฯ
เป็นสิ้นสุดเดือนมีนาคม ๒๕๖๕ (๓) อนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการพัฒนาศักยภาพระบบบริการสุขภาพ
รองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (A๐๐๑) ของหน่วยงานส่วนภูมิภาค โดยขยายระยะเวลาดำเนินงานจากเดิมสิ้นสุดเดือนธันวาคม
๒๕๖๔ เป็นสิ้นสุดเดือนมีนาคม ๒๕๖๕ (๔) อนุมัติให้มหาวิทยาลัยนเรศวร
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่
: กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID ๑๙)
โดยขยายระยะเวลาดำเนินโครงการฯ จากเดิมสิ้นสุดเดือนธันวาคม ๒๕๖๔ เป็นสิ้นสุดเดือนเมษายน
๒๕๖๕ (๕) อนุมัติให้สำนักงานประกันสังคม เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา
๓๓ ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
โดยขยายระยะเวลาดำเนินโครงการฯ จากเดิมสิ้นสุดเดือนธันวาคม ๒๕๖๔ เป็นสิ้นสุดเดือนมีนาคม
๒๕๖๕ (๖) อนุมัติให้กรมการพัฒนาชุมชน เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่
ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” โดยระยะเวลาดำเนินงานใน ๔ กิจกรรมย่อย
(กิจกรรมที่ ๒ ๔ ๕ และ ๗) จากเดิมสิ้นสุดเดือนธันวาคม ๒๕๖๔ เป็นสิ้นสุดเดือนมีนาคม
๒๕๖๕ (๗) อนุมัติให้จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดปัตตานี จังหวัดเลย จังหวัดตาก
จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดมุกดาหาร และจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ
โดยให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการเร่งแก้ไขข้อมูลโครงการในระบบ eMENSCR ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงรายละเอียดโครงการโดยเร็ว และ (๘)
มอบหมายให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการเร่งรัดการดำเนินโครงการฯ
ให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาดำเนินงานที่เสนอในครั้งนี้ รวมถึงรับความเห็นและข้อสังเกตเพิ่มเติมตามมติคณะกรรมการฯ
ไปประกอบการดำเนินการโดยเคร่งครัดต่อไป ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้หน่วยงานต้นสังกัดกำกับดูแลให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
และติดตามการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการเร่งปฏิบัติตามข้อ
๑๙ และ ข้อ ๒๐ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ สำหรับโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้อีก หากมีเงินเหลือจ่ายของโครงการนั้น ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากคลังโดยเร็ว ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการเร่งดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
รวมทั้งให้ความสำคัญกับการติดตาม ประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการทั้งในช่วงระหว่างดำเนินโครงการและภายหลังสิ้นสุดโครงการ
เพื่อประกอบการจัดทำรายงานตามข้อ ๑๙ และข้อ ๒๐ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ
ตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 125 | ผลการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ 27 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | คค. | 04/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน
ครั้งที่ ๒๗ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๔
ผ่านระบบการประชุมทางไกล
โดยกระทรวงโยธาธิการและการขนส่งกัมพูชาเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม
สรุปได้ ดังนี้ (๑) การประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน
ครั้งที่ ๒๗
ที่ประชุมได้พิจารณาประเด็นที่สำคัญ เช่น ด้านการขนส่งทางอากาศ
ได้รับทราบข้อสรุปของการจัดพิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ ๑๒
ของบริการขนส่งทางอากาศ ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกในการเปิดเสรีบริการเสริมด้านการขนส่งทางอากาศของอาเซียน
ด้านการอำนวยความสะดวกการขนส่งได้ให้สัตยาบันพิธีสาร ๒ (ด่านพรมแดนที่กำหนด)
ภายใต้กรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านแดนครบถ้วน
และมีผลใช้บังคับแล้ว การเร่งรัดเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลเพื่อการขนส่งและโลจิสติกส์ในภูมิภาคที่มีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น
รัฐมนตรีขนส่งอาเซียนได้แลกเปลี่ยนความเห็น เช่น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของไทย
ได้กล่าวถึงยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบขนส่งของไทยระยะ ๒๐ ปี
และโครงการด้านการขนส่งที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของอินโดนีเซีย ได้เน้นย้ำความสำคัญของการเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ
รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ และ (๒) การประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน-จีน ครั้งที่ ๒๐
ที่ประชุมยืนยันความสำคัญของการจัดทำความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศระหว่างอาเซียน-จีน
และพิธีสารที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการส่งเสริมการเชื่อมโยงทางอากาศระหว่างกัน
และการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน-ญี่ปุ่น ครั้งที่ ๑๙
ญี่ปุ่นสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมตามแผนยุทธศาสตร์ด้านการขนส่งกัวลาลัมเปอร์ ปี
๒๕๕๙-๒๕๖๘ (แผนยุทธศาสตร์ด้านการขนส่งอาเซียน)
เป็นต้น ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 126 | ร่างแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ปี 2565 | ทส. | 28/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง
ปี ๒๕๖๕ กำหนดขึ้นภายใต้หลักแนวคิด “๑ สื่อสาร
๕ ป้องกัน ๓ เผชิญเหตุ” เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดและเน้นย้ำการดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง
โดยเฉพาะในช่วงเกิดสถานการณ์ ทั้งนี้ ๑ สื่อสาร หมายถึง
การสร้างการรับรู้ให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย
และแจ้งเตือนสถานการณ์ฝุ่นละอองล่วงหน้า ๕ ป้องกัน หมายถึง การจัดทำแผนแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองบรรจุในแผนของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดทุกจังหวัด
การชิงเก็บ ลดเผา โดยใช้แอปพลิเคชันลงทะเบียนบริหารจัดการเชื้อเพลิง
การเร่งรัดขับเคลื่อนโครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่าภายใต้ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน
การสร้างเครือข่ายและอาสาสมัคร
การสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานทางเลือกเพื่อลดปัญหา PM2.5 และ ๓ เผชิญเหตุ หมายถึง
การเพิ่มความเข้มทั้งจากยานพาหนะ ภาคอุตสาหกรรม และการควบคุมไฟป่า การกำหนดตัวชี้วัดร่วมเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เป็นไปตามข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน
และขยายหมู่บ้านคู่ขนานชายแดนภายใต้กรอบคณะกรรมการชายแดน
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามร่างแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง
ปี ๒๕๖๕ ต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 127 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2565 ให้แก่ประชาชน | นร16 | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการของขวัญปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๕ ให้แก่ประชาชน ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
ซี่งได้ดำเนินโครงการ/กิจกรรมที่สำคัญ ได้แก่ (๑) โครงการเร่งรัดการดำเนินงานกลั่นกรองผลการอ่านภาพถ่ายทางอากาศ
เพื่อประกอบการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐ (๒) การจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 128 | แผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2566 - 2569) | กค. | 21/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ ๒๕๖๖-๒๕๖๙) เพื่อให้หน่วยงานของรัฐนำไปใช้ในการประกอบการพิจารณาในการจัดเก็บหรือหารายได้
การจัดทำงบประมาณ และการก่อหนี้ของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐและกระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่ควรให้ความสำคัญกับการกำหนดแนวทางการเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่อ GDP โดยการเร่งรัดการดำเนินการขยายฐานภาษีให้มีความครอบคลุมมากขึ้น
การปรับปรุงรายการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และการควบคุมสัดส่วนรายจ่ายต่อ GDP
โดยเฉพาะในส่วนของรายจ่ายประจำให้สอดคล้องกับความสามารถในการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล
รวมถึงการจัดลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายงบประมาณ โดยพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างภาษีให้สอดคล้องกับแนวโน้มการใช้ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์และสินทรัพย์ดิจิทัลที่จะมีมากขึ้น
รวมถึงแนวโน้มการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่จะมีความสำคัญมากขึ้นในเวทีการค้าโลกในระยะต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 129 | ผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 54 และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง | กต. | 14/12/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน
ครั้งที่ ๕๔ และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒-๗ สิงหาคม
๒๕๖๔ ซึ่งเนการาบรูไนดารุสซาลาม (บรูไน) ในฐานะประธานอาเซียนปี ๒๕๖๔
จัดขึ้นผ่านระบบการประชุมทางไกล
และมอบหมายให้หน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวข้องนำผลการประชุมฯ
ไปปฏิบัติและติดตามความคืบหน้าต่อไป โดยที่ประชุมฯ ได้หารือในเรื่องต่าง ๆ
ที่สำคัญ เช่น การยืนยันเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะขับเคลื่อนประชาคมอาเซียน
การรับรองกรอบการจัดทำระเบียงการเดินทางของอาเซียนเพื่อเอื้อต่อการเดินทางติดต่อทางธุรกิจและราชการที่จำเป็น
การย้ำข้อเสนอเรื่องอาเซียน+๒ เพื่อผลักดันให้มหาอำนาจภายนอกภูมิภาคเข้ามาดำเนินโครงการที่เป็นรูปธรรมร่วมกันอย่างสร้างสรรค์
และการเร่งรัดการดำเนินการตามฉันทามติ ๕ ข้อของอาเซียน
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 130 | การเร่งรัดดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงขอนแก่น - หนองคาย | นร. | 16/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า เพื่อให้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมทางรถไฟในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศมีความเชื่อมโยงกันตลอดทั้งสายและสามารถรองรับความต้องการในการเดินทางของประชาชนและการขนส่งสินค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นจากการเปิดประเทศและการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงกันของประเทศเพื่อนบ้าน
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย)
เร่งรัดการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าทางคู่ระยะที่ ๒ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย
ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
โดยให้ถือเป็นนโยบายสำคัญที่ต้องขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 131 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2564 | ทส. | 12/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๔ จำนวน ๑๒ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
สรุปได้ ดังนี้ ๑. ขอถอนรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
(EIA) ได้แก่
โครงการทางรถไฟเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าระหว่างท่าเรือฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน
ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และโครงการเร่งรัดขยายทางสายประธานให้เป็น ๔ ช่องทางจราจร
(ระยะที่ ) ๒ ทางหลวงหมายเลข ๑๒ ตอน อ.หล่มสัก-แยก อ.คอนสาร ของกรมทางหลวง ๒. ร่างรายงานสถานการณ์มลพิษของประเทศไทย
ปี ๒๕๖๓ ๓. โครงการโรงไฟฟ้าน้ำพองทดแทนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ๔. โครงการสถานีเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซแบบลอยน้ำ
(Floating Storage and
Regasification Unit : FSRU) พื้นที่อ่าวไทยตอนบนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ๕. โครงการท่าเทียบเรือ FSRU ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ๖. โครงการก่อสร้างทางแนวใหม่สายทางเลี่ยงเมืองพนัสนิคม
ของกรมทางหลวง ๗. โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโกลกที่
อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ของกรมทางหลวง ๘. โครงการก่อสร้างอาคารที่พักข้าราชการกองบัญชาการกองทัพไทย
พื้นที่ศูนย์รักษาความปลอดภัย ของกองบัญชาการกองทัพไทย ๙. โครงการจัดตั้งวัดบ้านห้วยน้ำผัก
(ที่พักสงฆ์เทิดพระเกียรติสิรินธร) ของที่พักสงฆ์เทิดพระเกียรติสิรินธร ๑๐.
รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
สำหรับโครงการกิจการหรือการดำเนินการที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ
คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างรุนแรง
โครงการอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด จังหวัดจันทบุรี ของกรมชลประทาน ๑๑.
การปรับปรุงมาตรฐานคุณภาพน้ำทะเล ๑๒.
การปรับปรุงมาตรฐานการระบายค่าควันดำจากรถยนต์ใช้งานที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยการอัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 132 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.07 | 12/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.
อนุมัติให้หน่วยรับงบประมาณ ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๙๗๙ รายการ เป็นวงเงินภาระผูกพันรวมทั้งสิ้น
๑๐๑,๑๗๕.๖ ล้านบาท สำหรับรายการที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๙
รายการ วงเงิน ๑๙,๙๙๙.๑ ล้านบาท เมื่อทราบผลประกวดราคาแล้ว
เห็นสมควรให้หน่วยรับงบประมาณนำเสนอนายกรัฐมนตรีทราบอีกครั้งหนึ่งก่อนดำเนินการต่อไป ๒.
อนุมัติให้หน่วยรับงบประมาณที่ไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามที่เสนอได้ ๓.
รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่จะต้องจ่ายในรูปของเงินตราต่างประเทศ เช่น
รายการค่าเช่าบ้าน ค่าเช่าอาคารสำนักงาน และค่าเช่าทรัพย์สินในต่างประเทศ ฯลฯ
ให้สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติวงเงินผูกพันที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้รับอนุมัติเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยน
ในกรณีที่หน่วยรับงบประมาณสามารถปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง ๔.
เพื่อเป็นการเร่งรัดให้หน่วยรับงบประมาณใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันสำหรับรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีที่เป็นรายจ่ายลงทุนรายการใหม่
ให้หน่วยรับงบประมาณจัดส่งรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ แบบรูปรายการสิ่งก่อสร้าง
ราคากลาง
และรายละเอียดประกอบที่เกี่ยวข้องให้สำนักงบประมาณพิจารณาความเหมาะสมของราคาควบคู่ไปกับการดำเนินกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
และเมื่อได้ผลจัดซื้อจัดจ้างงแล้ว หากไม่เกินวงเงินที่สำนักงบประมาณให้ความเห็นชอบ
ให้แจ้งสำนักงบประมาณทราบและดำเนินการทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันต่อไปได้
รวมทั้งจัดทำรายงานสถานการณ์ดำเนินงานรายจ่ายลงทุนรายการผูกพันใหม่เมื่อสิ้นไตรมาสที่
๑ ต่อสำนักงบประมาณด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 133 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุม ครั้งที่ 8/2564 | นร.11 สศช | 21/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุม
ครั้งที่ ๘/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาเห็นชอบกรอบแผนงานหรือโครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พร้อมทั้งมอบหมายให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐ
ปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดไว้ในกรอบแผนงานหรือโครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ และพระราชกำหนดฯเพิ่มเติม
พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามขั้นตอนต่อไป ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรเตรียมความพร้อม
ตลอดจนชักซ้อมความเข้าใจกับหน่วยงานเจ้าของโครงการเรื่องหลักเกณฑ์การพิจารณาโครงการ
ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด ให้ความสำคัญกับการเร่งรัดการดำเนินโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
และจัดทำรายงานติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการตามขั้นตอนข้อ ๑๙ และข้อ ๒๐
ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
พ.ศ. ๒๕๖๓ ซึ่งจะช่วยให้การใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
เป็นไปอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 134 | ผลการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-คงคา ครั้งที่ 11 | กต. | 07/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-คงคา
ครั้งที่ ๑๑ เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล
และพิจารณามอบหมายให้ส่วนราชการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามตารางติดตามผลการประชุมฯ
ต่อไป โดยที่ประชุมฯ ได้หารือเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินความร่วมมือร่วมกันในอนาคต
เช่น การแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศในการรับมือกับโควิด-๑๙
การเร่งรัดการพัฒนาโครงการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมอินเดีย-เมียนมา-ไทย
(โครงการถนนสามฝ่าย) และการจัดเวทีหารือภาคธุรกิจของกรอบความร่วมมือฯ
รวมทั้งได้รับรองถ้อยแถลงร่วมการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-คงคา
ครั้งที่ ๑๑ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 135 | รายงานผลการแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาการให้บริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) | นร.12 | 30/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาการให้บริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
(e-Service)
เพื่อติดตามและเร่งรัดการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาการให้บริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
(e-Service) และเห็นชอบมาตรการเร่งรัดให้หน่วยงานสื่อประชาสัมพันธ์
เพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนในการใช้บริการรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) และแก้ไขกฎหมาย และกฎระเบียบ
ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่เห็นว่าทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐสามารถจัดส่งเอกสารหรือสื่อต่าง
ๆ ให้กระทรวงมหาดไทยรวบรวมส่งให้ทุกจังหวัดดำเนินการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน ทั้งในระดับจังหวัด อำเภอ
และหมู่บ้าน/ชุมชน ส่งเสริมให้ประชาชนเข้ารับบริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ e-Service เพิ่มขึ้น
และหากสามารถดำเนินการพัฒนาระบบการยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้งานในระบบและระบบจัดการข้อมูลส่วนบุคคลควบคู่ไป
เป็นระบบกลางที่หน่วยงานราชการทุกหน่วยงานใช้ร่วมกัน จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนาให้บริการ e-Service ของภาคราชการให้มีความถูกต้องและรวดเร็วมากขึ้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 136 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ 1 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564 | มท. | 24/08/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ ๑ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๔ รวม ๒๓ จังหวัด จำนวน ๒,๑๑๗ โครงการ วงเงินรวม ๖,๑๗๐,๖๔๗,๙๑๕ บาท โดยให้หน่วยรับงบประมาณ ได้แก่ จังหวัด องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาลนคร เทศบาลเมือง และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
ซึ่งมีฐานะเป็นหน่วยรับงบประมาณตามกฎหมายวิธีการงบประมาณ
เป็นผู้ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามขั้นตอนของระเบียบ และแนวทางปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยจะได้แจ้งให้หน่วยรับงบประมาณปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๕/๑๖๔๓๑
ลงวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๔) และให้กระทรวงมหาดไทยกำกับ ดูแล ให้หน่วยรับงบประมาณ
เช่น จังหวัด องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาลนคร เทศบาลเมือง ดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ครั้งที่ ๑ ให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด
รวมทั้งจัดเตรียมแผนรองรับการดำเนินโครงการในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ โดยเฉพาะในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ทั้งนี้
ให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเร่งรัดการดำเนินงานเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่โดยเร็ว
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย โดยดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 137 | รายงานผลการดำเนินการตามแผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินของการไฟฟ้านครหลวง ปี 2563 (ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2563) | มท. | 27/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามแผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินของการไฟฟ้านครหลวง
(กฟน.) ปี ๒๕๖๓ โดย กฟน.
มีแผนดำเนินโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน
ในพื้นที่ดูแลและรับผิดชอบระบบจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพมหานคร
นนทบุรี และสมุทรปราการ ตั้งแต่ปี ๒๕๒๗-๒๕๖๗ สรุปได้ ดังนี้ (๑) ผลการดำเนินการตามแผนงานฯ แผนงาน/โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน ๔
แผน ประกอบด้วย แผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน
ปี ๒๕๕๑-๒๕๕๖ (ฉบับปรับปรุง) แผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน รัชดาภิเษก
แผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน เพื่อรองรับการเป็นมหานครแห่งอาเซียน
และแผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน
ฉบับปฏิบัติการเร่งรัด (๒) การเบิกจ่ายงบประมาณ ณ เดือนธันวาคม ๒๕๖๓
มีการเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒,๓๑๒.๖๐๘ ล้านบาท
จากเป้าหมายการเบิกจ่ายในปี ๒๕๖๓ จำนวน ๓,๘๖๖.๑๒๑ ล้านบาท (๓)
แผนการดำเนินงานในระยะต่อไป เป็นการติดตามเร่งรัดการดำเนินการตามแผนงานฯ
ให้แล้วเสร็จตามเป้าหมาย และกรอบระยะเวลาที่กำหนด ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 138 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคอย่างไม่เป็นทางการ | กต. | 13/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคอย่างไม่เป็นทางการ
มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการรับมือกับวิกฤตทางด้านสุขภาพและเศรษฐกิจ
อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ โดยมุ่งเน้น ๓ หัวข้อหลัก คือ (๑) การเจริญเติบโตที่เข็มแข็งสมดุล
มั่นคง ยั่งยืนและครอบคลุม อาทิ การกำหนดนโยบายการคลังเพื่อช่วยเหลือประชาชน
การสร้างความเชื่อมโยงที่ปลอดภัยและไร้รอยต่อ การจัดหาเงินทุนอย่างยั่งยืน
การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่มี่คุณภาพ (๒) นวัตกรรมและการใช้ประโยชน์จากดิจิทัล
อาทิ การปฏิรูปโครงสร้าง การสร้างงานและโอกาสในสาขาใหม่
การส่งเสริมการพัฒนาทักษะเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจ และ (๓)
การค้าและการลงทุน อาทิ การเร่งรัดการผลิตและการกระจายวัคซีน ที่มีประสิทธิภาพ
มีคุณภาพ ปลอดภัย และราคาเข้าถึงได้อย่างทั่วถึง การอำนวยความสะดวก การเคลื่อนย้ายสินค้าและบริการ
และการสนับสนุนกระบวนการขององค์การการค้าโลกเพื่อให้เกิดผลลัพธ์เป็นรูปธรรม
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคอย่างไม่เป็นทางการ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 139 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับรัฐมนตรี Water Dialogues for Results Bonn 2021: Accelerating Cross - Sectoral SDG 6 Implementation | นร.14 | 29/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างสารทางการเมือง
From Dialogues to Results-Key messages for
Accelerating Cross-Sectoral SDG 6 Implementation และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี
(พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ในฐานะกำกับการบริหารราชการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายระดับรัฐมนตรีกล่าวปาฐกถาในการประชุมระดับรัฐมนตรี
Water Dialogues for Results Bonn 2021 : Accelerating
Cross-Sectoral SDG 6 Implementation ที่จะจัดขึ้นในวันที่
๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยร่างสารทางการเมืองฯ
เป็นเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ ที่จะมีการรับรองโดยไม่มีการลงนาม
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของประเทศสมาชิกในการเร่งรัดการดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านน้ำภายใต้วาระการพัฒนาที่ยั่งยืน
ค.ศ. ๒๐๓๐ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างสารทางการเมืองฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 140 | รายงานประจำปี 2563 ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | ศธ. | 15/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี
๒๕๖๓ ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
สรุปได้ ดังนี้ ๑.
ผลการดำเนินงานของ สสวท. ภายใต้ ๕ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) การพัฒนาหลักสูตร สื่อ
และกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นปฏิบัติการ
และการสร้างความเข้าใจในระดับที่เหมาะสมกับนักเรียนแต่ละกลุ่ม โดยใช้เทคโนโลยีต่าง
ๆ (๒) การขับเคลื่อนการพัฒนาและยกระดับการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์
และเทคโนโลยี ผ่านเครือข่าย สสวท. ให้มีคุณภาพทั่วประเทศอย่างเป็นระบบ (๓)
การขับเคลื่อนกระบวนการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี
ให้เน้นความเข้าใจ ลงมือปฏิบัติการ และสามารถนำไปใช้จริงทั้งในและนอกระบบ
ตามแนวทาง สสวท. (๔) การเร่งรัด พัฒนา
และส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี
เพื่อเป็นกำลังในการพัฒนาประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม
ตามนโยบายประเทศไทย ๔.๐ และ (๕) การส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กรและประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพิ่มการยอมรับ สสวท. ในฐานะผู้นำการเปลี่ยนแปลงการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์
คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีของเยาวชนให้ทันสมัย ๒. รายงานการเงินของ
สสวท. ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบแล้วว่า
มีความถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
โดย สสวท. มีสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน จำนวน ๑,๔๗๔.๐๖๗ ล้านบาท
และมีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายสุทธิ จำนวน ๑๑๑.๙๗๘ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
