ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 30 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 581 - 600 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 581 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน กรณีโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเล อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน | สนง. กสม. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
และข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน
กรณีโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเล
อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ สรุปได้ว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ควรดำเนินการปรับปรุงแก้ไขประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและแวดล้อม เรื่อง
กำหนดโครงการ กิจการหรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาการกำหนดแนวทางการดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องให้เกิดกลไกการปฏิบัติงานแบบบูรณาการร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม
เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการให้มีความเหมาะสมในการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งที่ส่งผลจากการสร้างกำแพงริมชายฝั่งติดแนวชายฝั่งแบบครบถ้วนและยั่งยืน
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 582 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคม) | กค. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคม)
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคมให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม
พ.ศ. ๒๕๖๒
โดยยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งประกอบกิจการวิสาหกิจเพื่อสังคม
และบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลผู้สนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคม
ตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้มีผลใช้บังคับจนถึงวันที่ ๓๑ธันวาคม ๒๕๖๖ ทั้งนี้
เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินกิจการของวิสาหกิจเพื่อสังคม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.) ที่เห็นสมควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจและประโยชน์ที่จะได้รับเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งการประชาสัมพันธ์และการส่งเสริมให้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนกิจการของวิสาหกิจเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
เพื่อใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
และจัดให้มีระบบการติดตาม ประเมินผลสัมฤทธิ์
และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป และควรพิจารณาเปรียบเทียบการสูญเสียรายได้และผลประโยชน์ที่เกิดจากการดำเนินมาตรการทางภาษีตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๖๒๑) พ.ศ. ๒๕๕๙
เพื่อนำข้อมูลมาประกอบการออกประกาศ/กฎระเบียบภายใต้ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
(การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคม)
เพื่อให้การกำหนดมาตรการทางภาษีสามารถตอบสนองวัตถุประสงค์ได้อย่างแท้จริง และภาครัฐควรให้การสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคมในด้านอื่น
ๆ ควบคู่กับการดำเนินมาตรการทางภาษี
เช่น การสนับสนุนสินเชื่อ การสนับสนุนการวิจัย
และนวัตกรรมเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการ
รวมถึงการพัฒนาศักยภาพในการบริหารจัดการของวิสาหกิจเพื่อสังคม
เพื่อส่งเสริมให้วิสาหกิจเพื่อสังคมสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน และมีความสามารถในการแข่งขันกับธุรกิจในระบบตลาดปกติได้
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของ
สศช. ที่เห็นควรพิจารณาเปรียบเทียบการสูญเสียรายได้และผลประโยชน์ที่เกิดจากการดำเนินมาตรการทางภาษีตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๖๒๑) พ.ศ. ๒๕๕๙
เพื่อนำข้อมูลมาประกอบการออกประกาศ/กฎระเบียบภายใต้ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
(การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคม)
เพื่อให้การกำหนดมาตรการทางภาษีสามารถตอบสนองวัตถุประสงค์ได้อย่างแท้จริง
และภาครัฐควรให้การสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคมในด้านอื่น ๆ ควบคู่กับการดำเนินมาตรการทางภาษี เช่น
การสนับสนุนสินเชื่อ การสนับสนุนการวิจัย และนวัตกรรมเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการ
รวมถึงการพัฒนาศักยภาพในการบริหารจัดการของวิสาหกิจเพื่อสังคม
เพื่อส่งเสริมให้วิสาหกิจเพื่อสังคมสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน และมีความสามารถในการแข่งขันกับธุรกิจในระบบตลาดปกติได้
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ ๔. ให้กระทรวงการคลังพิจารณาความจำเป็นและเหมาะสมในการกำหนดมาตรการภาษี
เพื่อสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจดังกล่าวต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 583 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การปฏิบัติตามกฎหมายของโครงการก่อสร้างทางรถไฟยกระดับ และถนนยกระดับในเขตกรุงเทพมหานคร และการใช้ประโยชน์ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (โฮปเวลล์) ของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง การปฏิบัติตามกฎหมายของโครงการก่อสร้างทางรถไฟยกระดับ
และถนนยกระดับในเขตกรุงเทพมหานคร และการใช้ประโยชน์ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย
(โฮปเวลล์) ของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร
ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยสรุปผลการพิจารณาได้ว่า กรณีการพิจารณาแก้ไขพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.
๒๕๔๕
ให้มีความละเอียดชัดเจนมากขึ้นโดยเฉพาะขั้นตอนและวิธีการในการปฏิบัติงานของสำนักงานอนุญาโตตุลาการ
จะได้มีการทบทวนหรือปรับปรุงพระราชบัญญัติฯ
ตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป และการแก้ไขพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. ๒๕๔๒ เพื่อกำหนดการใช้อำนาจหน้าที่ของผู้บริหารศาลปกครอง และที่ประชุมใหญ่ของตุลาการศาลปกครองสูงสุดอาจจะมีผลเป็นการแก้ไขกฎหมายเพื่อออกหลักเกณฑ์ที่กำหนดการใช้ดุลพินิจของตุลาการศาลปกครองซึ่งอาจกระทบต่อความเป็นอิสระของตุลาการศาลปกครองได้
การปรับปรุงการปฏิบัติงานของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีในส่วนที่เกี่ยวกับการติดตามการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีของกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ได้มีหนังสือเวียนแจ้งให้ทุกส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติ
และในส่วนการดำเนินการตามกฎหมายกับบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด และบุคคลต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และพยานหลักฐานต่าง ๆ
กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการโดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและดำเนินคดี
รวมทั้งในส่วนของความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ด้วยแล้ว
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 584 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตเป็นผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐาน พ.ศ. .... | กษ. | 18/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตเป็นผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตเป็นผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐาน
เพื่อกำหนดให้ผู้ประกอบการสามารถขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐานในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้
อันเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและสอดคล้องกับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับวิธีการชำระค่าธรรมเนียมโดยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์
(e-Payment)
และรูปแบบการออกใบอนุญาตผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐานในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ไว้ด้วย
ควรมีการประชาสัมพันธ์สื่อสารทำความเข้าใจและสร้างการรับรู้การดำเนินการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวกับผู้เกี่ยวข้องอย่างทั่วถึง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 585 | มาตรการในการแก้ไขกรณีงบประมาณรายจ่ายลงทุน มีจำนวนน้อยกว่าวงเงินส่วนที่ขาดดุลของงบประมาณประจำปี | นร.07 | 18/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบมาตรการในการแก้ไขกรณีงบประมาณรายจ่ายลงทุน
มีจำนวนน้อยกว่าวงเงินส่วนที่ขาดดุลของงบประมาณประจำปี ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
และที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติมว่า
ในการดำเนินมาตรการในการแก้ไขกรณีงบประมาณรายจ่ายลงทุน
มีจำนวนน้อยกว่าวงเงินส่วนที่ขาดดุลของงบประมาณประจำปีตามนัยมาตรา ๒๐ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ในครั้งนี้เห็นควรเพิ่มมาตรการในการแก้ไขกรณีดังกล่าวอีกมาตรการหนึ่ง
โดยใช้เงินกู้ภายใต้ร่างพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 พ.ศ. .... ทั้งนี้
ให้สำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่เห็นว่าให้กระทรวงเจ้าสังกัดกำกับดูแลและเร่งรัดให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ในแผนการจัดทำโครงการร่วมลงทุน
พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๗๐ และแผนการลงทุนภายใต้กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทยด้วย
และในระยะต่อไปเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ภาครัฐควรพิจารณารักษาระดับรายจ่ายลงทุนมิให้น้อยกว่าวงเงินขาดดุลงบประมาณตามที่กฎหมายกำหนด
เนื่องจากการลงทุนภาครัฐเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะยาว
เพื่อยกระดับเศรษฐกิจไทยให้มีศักยภาพสูงขึ้นได้อย่างยั่งยืนในอนาคต
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 586 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบ้านพรุ ตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่ ตำบลทุ่งลาน และตำบลคลองหลา อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา พ.ศ. .... | คค. | 18/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลบ้านพรุ ตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่
ตำบลทุ่งลาน และตำบลคลองหลา อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๒๕ ทางสายถนนวงแหวนรอบเมืองหาดใหญ่
ตอนถนนวงแหวนรอบเมืองหาดใหญ่ ด้านตะวันออก
ตอนบ้านพรุ-ทางเข้าสนามบินหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า ก่อนการก่อสร้างทางหลวงแผ่นดินทุกเส้นทางควรให้ความสำคัญและตระหนักถึงแนวทางในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากการก่อสร้างทางหลวงกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติ
เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาการระบายน้ำไม่ทันและอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมหรือเกิดอุทกภัยต่อไปในอนาคต
และให้กรมทางหลวงพิจารณาดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาโครงข่ายทางเลี่ยงเมืองหาดใหญ่ด้านตะวันตกเป็นช่วง
ๆ ตามความจำเป็นและเหมาะสม รวมทั้งความพร้อมของเงินงบประมาณ
และกำชับให้กรมทางหลวงและหน่วยงานภายใต้สังกัดที่เกี่ยวข้องให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการตราร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
เพื่อก่อสร้างหรือขยายถนน อย่างเคร่งครัดต่อไป ทั้งนี้
หากการดำเนินงานไม่แล้วเสร็จ
และมิได้มีการเสนอให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นใหม่ภายในกำหนดเวลา
กระทรวงคมนาคมควรตระหนักและให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติตามกฎหมายในการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาในครั้งต่อไปด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 587 | สรุปผลการดำเนินงานสำคัญ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 คณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ | กษ. | 18/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานสำคัญ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ คณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ
โดยมีสาระสำคัญดังนี้ (๑) การบริหารจัดการทรัพยากรประมงอย่างยั่งยืน
โดยกำหนดนโยบายการบริหารจัดการเพื่อให้ทรัพยากรประมงและสินค้าประมงตลอดสายการผลิตของประเทศมีความยั่งยืน
(๒) การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย โดยการปรับปรุงกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง
การบริหารจัดการประมงทะเลไทยและการจัดการกองเรือไทย การติดตาม
ควบคุมและเฝ้าระวังการทำประมง การบังคับใช้กฎหมาย การใช้ระบบตรวจสอบย้อนกลับ
การจัดระเบียบแรงงานประมง แนวทางและมาตรการในการพัฒนาการประมงของไทยให้ปลอดสัตว์น้ำและสินค้าสัตว์น้ำที่มาจากการทำประมงผิดกฎหมาย
(๓) การดำเนินการด้านการประมงต่างประเทศ
โดยการกำหนดนโยบายด้านการประมงระหว่างประเทศ (๔) การดำเนินโครงการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและชาวประมงที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาครัฐและปัญหาที่เกิดขึ้นต่าง
ๆ (๕) การขอรับการจัดสรรงบกลางเพื่อดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย
ตามที่คณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานสำคัญ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ คณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ
โดยมีสาระสำคัญดังนี้ (๑) การบริหารจัดการทรัพยากรประมงอย่างยั่งยืน
โดยกำหนดนโยบายการบริหารจัดการเพื่อให้ทรัพยากรประมงและสินค้าประมงตลอดสายการผลิตของประเทศมีความยั่งยืน
(๒) การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย โดยการปรับปรุงกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง
การบริหารจัดการประมงทะเลไทยและการจัดการกองเรือไทย การติดตาม
ควบคุมและเฝ้าระวังการทำประมง การบังคับใช้กฎหมาย การใช้ระบบตรวจสอบย้อนกลับ
การจัดระเบียบแรงงานประมง แนวทางและมาตรการในการพัฒนาการประมงของไทยให้ปลอดสัตว์น้ำและสินค้าสัตว์น้ำที่มาจากการทำประมงผิดกฎหมาย
(๓) การดำเนินการด้านการประมงต่างประเทศ
โดยการกำหนดนโยบายด้านการประมงระหว่างประเทศ (๔) การดำเนินโครงการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและชาวประมงที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาครัฐและปัญหาที่เกิดขึ้นต่าง
ๆ (๕) การขอรับการจัดสรรงบกลางเพื่อดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย
ตามที่คณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 588 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 15/2564 | นร.11 | 11/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติและรับทราบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๕/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติให้นำวงเงินกู้เพื่อการตามมาตรา
๕ (๓) มาใช้เพื่อการตามมาตรา ๕ (๒) เพิ่มเติม (ครั้งที่ ๓) จำนวน ๘๕,๐๐๐ ล้านบาท
เพื่อรองรับการให้ความช่วยเหลือ เยียวยา
ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ในระลอกเดือนเมษายน ๒๕๖๔ อนุมัติโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ
บริหารจัดการน้ำและเพิ่มพื้นที่ชลประทาน ของกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โครงการพัฒนาการตลาดสินค้ากลุ่มผู้ทำการผลิตที่บ้านหลังการแพร่ระบาดของโควิค-๑๙
ของมูลนิธิเพื่อการพัฒนาแรงงานและอาชีพ
และโครงการขององค์กรภาคประชาชนภายใต้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
จำนวน ๒ โครงการ อนุมัติการปรับปรุงรายละเอียดโครงการเราชนะ โครงการ ม๓๓ เรารักกัน
โครงการทัวร์เที่ยวไทย โครงการเราเที่ยวด้วยกัน
โครงการยกระดับเศรษฐกิจในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคภาคตะวันตกด้วย BCG โมเดล
และโครงการศูนย์นวัตกรรมการผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์เพื่ออุตสาหกรรมอาหาร
อนุมัติการยกเลิกการดำเนินโครงการย่อยของจังหวัดศรีสะเกษ
และเห็นชอบการปรับกลไกและกระบวนการในการขับเคลื่อนภายใต้การพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
รวมทั้งรับทราบการปรับลดกรอบวงเงินของโครงการกำลังใจ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบแผนงานและโครงการที่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุข
รวมถึงการให้ความช่วยเหลือ เยียวยา
และชดเชยให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรดติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ เร่งจัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อให้สามารถรองรับการบริหารสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ระลอกในเดือนเมษายน ๒๕๖๔ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และให้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการคลังจัดลำดับความสำคัญก่อนเสนอคณะกรรมการฯ
พิจารณากลั่นกรองก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
รับทราบการปรับกลไกและกระบวนการในการขับเคลื่อนภายใต้โครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากให้สอดคล้องกับคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่
๙๙/๒๕๖๔
และการปรับคู่มือการเสนอโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ภายใต้กลุ่มแผนงาน/โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนบนพื้นฐานของโอกาสและศักยภาพของท้องถิ่น
: ระดับพื้นที่ และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดไว้ในคู่มือดังกล่าว
(ฉบับปรับปรุง) รวมถึงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องของทางราชการอย่างเคร่งครัด ๓.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 589 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... | นร.09 | 05/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
เป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
สำนักนายกรัฐมนตรี ให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้น
และเหมาะสมกับสภาพงานที่เปลี่ยนแปลงไป
อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่และอำนาจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 590 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ พ.ศ. .... | อว. | 05/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์
พ.ศ. ๒๕๔๘
โดยเปลี่ยนสถานะของมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ที่เป็นส่วนราชการเป็นมหาวิทยาลัยที่มีฐานะเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
กฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม
และไม่เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ และกฎหมายอื่น
เพื่อปรับปรุงการศึกษาระดับอุดมศึกษาให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม
รวมทั้งสอดคล้องกับแนวนโยบายการพัฒนาประเทศของรัฐบาล ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงบประมาณ เช่น
ควรแก้ไขความของร่างมาตรา ๑๙ (๕) จาก
“กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซี่งสรรหาตามรายชื่อที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาเสนอจำนวนหนึ่งคน”
เป็น
“กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งสรรหาตามรายชื่อที่คณะกรรมการการอุดมศึกษาเสนอจำนวนหนึ่งคน”
เพื่อให้เป็นไปตามหลักการกลางในการร่างพระราชบัญญัติของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ
ที่ออกนอกระบบ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๔๖ เป็นต้น
ไปประกอบการพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ๓. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ.
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณที่เห็นว่า (๑)
การบริหารทรัพยากรบุคคลของมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ตามร่างพระราชบัญญัตินี้จะต้องบริหารอัตรากำลังให้สอดคล้องกับการบริหารอัตราข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา
(๒) โดยที่มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๔๒ และเมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม
๒๕๔๒
กำหนดให้มหาวิทยาลัยใช้วิธีจ้างบุคลากรทดแทนการบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย
ดังนั้น มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์จึงควรพิจารณาเลือกรูปแบบการจ้างงาน
ประเภทของอัตรากำลังที่จะใช้ รวมทั้งอัตรากำลังให้เหมาะสมกับลักษณะงานที่ปฏิบัติ
(๓) ในระยะแรกของการปรับเปลี่ยนสถานะของมหาวิทยาลัย
ควรดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด และ (๔) ให้ความสำคัญกับการสร้างหลักประกันในการเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียม
โดยการวิเคราะห์และการกำหนดต้นทุนการจัดการศึกษาอย่างเหมาะสม
และไม่ผลักภาระต้นทุนในการจัดการศึกษาให้แก่ผู้เรียนมากเกินไป และในระยะต่อไปควรมีการนำผลการประเมินมหาวิทยาลัยไปประกอบการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษา
และการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพตามแนวคิดการเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 591 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมขั้วรับหลอดฟลูออเรสเซนซ์และขั้วรับสตาร์ตเตอร์ ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 05/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมขั้วรับหลอดฟลูออเรสเซนซ์และขั้วรับสตาร์ตเตอร์
ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมขั้วรับหลอดฟลูออเรสเซนซ์และขั้วรับสตาร์ตเตอร์
เพื่อให้สอดคล้องกับความตกลงว่าด้วยการปรับกฎระเบียบและการควบคุมบริภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียน
AHEEERR และส่งเสริมให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 592 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องซักผ้าใช้ในที่อยู่อาศัย - คุณลักษณะที่ต้องการด้านประสิทธิภาพพลังงาน ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 05/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องซักผ้าใช้ในที่อยู่อาศัย-คุณลักษณะที่ต้องการด้านประสิทธิภาพพลังงาน
ต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากล พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องซักผ้าใช้ในที่อยู่อาศัย-คุณลักษณะที่ต้องการด้านประสิทธิภาพพลังงาน
เพื่อให้สอดคล้องกับความตกลง AHEEERR และส่งเสริมให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 593 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กลวดคาร์บอนต่ำ ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 27/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กลวดคาร์บอนต่ำ
ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กลวดคาร์บอนต่ำ
เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานอ้างอิง การพัฒนาเทคโนโลยี และการทำการใช้ภายในประเทศ
รวมทั้งเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคให้มีความปลอดภัยในการใช้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมดังกล่าว
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 594 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดร้อน สำหรับงานโครงสร้างเชื่อมประกอบ ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 27/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดร้อน
สำหรับงานโครงสร้างเชื่อมประกอบ ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดร้อน
สำหรับงานโครงสร้างเชื่อมประกอบ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานอ้างอิง การพัฒนาเทคโนโลยี
รวมทั้งการทำและการใช้ภายในประเทศ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 595 | รายงานผลการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | นร.01 | 27/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ซึ่งคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการในการประชุม ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๔ ได้มีมติเห็นชอบแล้ว โดยรายงานฯ มีสาระสำคัญครอบคลุมผลการดำเนินงานของ ๓ องค์กรสำคัญ ได้แก่ (๑) คณะอนุกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (๒) คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารในสาขาต่าง ๆ และ (๓) สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ เช่น การปรับปรุงแก้ไขร่างกฎหมายเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสาร และการตรวจสอบข้อมูลข่าวสารตามกฎหมาย และเห็นชอบตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการที่เห็นควรให้สำนักงาน ก.พ. เป็นผู้พิจารณาให้การผ่านเกณฑ์การทดสอบพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ เป็นคุณสมบัติหนึ่งของการเลื่อนระดับสูงขึ้นของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ควรให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการสรุปผลการพิจารณาการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงาน เพื่อให้ประชาชนตรวจดูได้เป็นรายเดือน ทุก ๆ เดือน และให้สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการติดตามประเมินผลอย่างเป็นระบบ ตามที่คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการเสนอ และให้สำนักงาน ก.พ. รับความเห็นของกระทรวงการคลังซึ่งมีข้อคิดเห็นสำหรับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการในเรื่องการกำหนดการผ่านเกณฑ์การทดสอบพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร พ.ศ. ๒๕๔๐ เป็นคุณสมบัติหนึ่งของการเลื่อนระดับสูงขึ้นของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ว่าควรมีการบูรณาการร่วมกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกำหนดตำแหน่งของสำนักงาน ก.พ. เพื่อให้เกิดความชัดเจนและไม่ซ้ำซ้อนในทางปฏิบัติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 596 | ผลการพิจารณารายงานสรุปผลการดำเนินงาน รอบ 9 เดือน (ตุลาคม 2562 - มิถุนายน 2563) ของคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา | สว. | 27/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานสรุปผลการดำเนินงาน
รอบ ๙ เดือน (ตุลาคม ๒๕๖๒-มิถุนายน ๒๕๖๓) ของคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา โดยคณะกรรมาธิการฯ ได้มีข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานด้านการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาแก้ไขปัญหา รวม
๖ ด้าน ได้แก่ (๑) ด้านการดำเนินนโยบายของกระทรวง (๒) ด้านกฎหมาย (๓)
ด้านการจัดสรรงบประมาณและการสนับสนุนการลงทุน (๔)
ด้านการบูรณาการด้านการจัดการศึกษาเพื่อเพิ่มศักยภาพกำลังแรงงาน (๕)
ด้านธรรมาภิบาลในสถาบันอุดมศึกษา และ (๖)
ด้านผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ซึ่งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาแล้ว
เห็นด้วยกับข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ในการปรับปรุงกฎ ระเบียบ
และนโยบายในการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลให้มีความยืดหยุ่น
การสร้างความเข้าใจให้กับหน่วยงานภาครัฐ สถาบันอุดมศึกษา
และผู้ขอรับทุนวิจัยการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 597 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 11/2564 และครั้งที่ 12/2564 | นร.11 | 20/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๔ และครั้งที่ ๑๒/๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๖๔ ซึ่งพิจารณาอนุมัติโครงการสร้างรายได้ด้วยแฟรนไชส์ฝ่าโควิด-๑๙
ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
และอนุมัติการปรับปรุงรายละเอียดโครงการเราชนะ ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
กระทรวงการคลัง รวมทั้งรับทราบแนวทางการพิจารณากลั่นกรองและติดตามประเมินผลโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
และรายงานสรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ตามผลการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ และข้อเสนอแนะต่อการพิจารณากลั่นกรองโครงการ
และการกำกับดูแลการดำเนินงานตามแผนงานหรือโครงการที่ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
(๑) กรมพัฒนาธุรกิจการค้าควรปรับแนวทาง/กิจกรรมดำเนินโครงการสร้างรายได้ด้วยแฟรนไชส์ฝ่าโควิด-๑๙
ให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ในปัจจุบัน และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ระยะเวลาดำเนินการ และความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ และ (๒) ให้กระทรวงมหาดไทยกำชับให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐในส่วนภูมิภาคที่จะจัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
ถือปฏิบัติแนวทางที่กำหนดไว้ในคู่มือแนวปฏิบัติการเสนอโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
(ภายใต้กลุ่มแผนงาน/โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนบนพื้นฐานของโอกาสและศักยภาพของท้องถิ่น
: ระดับพื้นที่) โดยเฉพาะการจัดทำข้อเสนอโครงการที่มีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ
และมีการกำหนดแผนดำเนินโครงการที่ได้คำนึงถึงการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ในพื้นที่เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 598 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 7/2563 | ทส. | 20/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๗/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ จำนวน ๕ เรื่อง ได้แก่ (๑)
รายงานสถานภาพการเงินกองทุนสิ่งแวดล้อม ณ สิ้นไตรมาส ๔ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ (๒) รายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
โครงการท่าเทียบเรือขนถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนกระบี่
ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (๓) โครงข่ายทางหลวงเชื่อมโยงระหว่างประเทศทางหลวงหมายเลข
๑๐๑ ตอน น่าน-อ.เฉลิมพระเกียรติ (ตอน ๒) ของกรมทางหลวง (๔)
การปรับปรุงประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดโครงการ
กิจการ หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และ (๕)
การปรับปรุงมาตรฐานคุณภาพดิน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 599 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางการจัดเที่ยวบินขนส่งผู้แสวงบุญพิธีฮัจย์ (ถูกยกเลิกโดยมติ ครม. เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 68 ส.ยืนยัน 4762/68) | มท. | 20/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบเป็นหลักการให้บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน)
เป็นสายการบินแห่งชาติของไทยในการดำเนินภารกิจขนส่งผู้แสวงบุญพิธีฮัจย์ชาวไทย ๒.
ในส่วนของงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดเที่ยวบินพิเศษเพื่อขนส่งผู้โดยสารไปประกอบพิธีฮัจย์
เนื่องจากกระทรวงคมนาคม (สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม)
ได้รับจัดสรรงประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
รายการจัดเที่ยวบินพิเศษเพื่อเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ จำนวน ๔๖.๔๘ ล้านบาท
จึงเห็นควรมอบหมายให้สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นผู้ดำเนินการจัดเที่ยวบินพิเศษเพื่อไปประกอบพิธีฮัจย์ดังกล่าว
สำหรับในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓.
ให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๒๑ (เรื่อง นโยบายการบินพาณิชย์ของประเทศไทย) ที่ระบุให้สายการบินของรัฐเท่านั้นเป็นสายการบินที่กำหนดของประเทศ
โดยให้พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์/แนวทางในการพิจารณาให้ชัดเจนและครอบคลุมในทุกมิติ
รวมทั้งคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงในปัจจุบันด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 600 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา (สภาผู้แทนราษฎร) | สผ. | 07/04/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
ซึ่งกระทรวงการคลังได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าวแล้ว
โดยได้ดำเนินการ เช่น เตรียมการรองรับการบังคับใช้กฎหมาย
โดยการออกกฎกระทรวงและประกาศที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ในการดำเนินการเกี่ยวกับทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
จัดทำระบบเพื่อรองรับการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่สะดวกและง่ายต่อการใช้งานของผู้ประกอบการ
จัดทำคู่มือเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้แก่ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไป
เป็นต้น และการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ประกอบการจากต่างประเทศนั้น
กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณาศึกษาแนวทางการจัดเก็บภาษีดังกล่าว
สำหรับการปรับปรุงถ้อยคำว่า “ต่างประเทศ” จะต้องตราเป็นพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร
และต้องดำเนินการศึกษาร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อความรอบคอบต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
