ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 29 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 561 - 580 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 561 | ขอขยายขอบเขตมาตรการบรรเทาผลกระทบและการปรับปรุงรายละเอียดของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 เรื่อง มาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน กลุ่มแรงงาน และผู้ประกอบการอันเนื่องมาจากข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 27) | นร.11 สศช | 20/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการปรับปรุงถ้อยคำในมาตรการให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่สถานการณ์ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
เพื่อให้กระทรวงแรงงานสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
และการขยายขอบเขตมาตรการบรรเทาผลกระทบและให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่สถานการณ์ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ และมอบหมายให้สำนักงานประกันสังคม
ดำเนินการจัดทำรายละเอียดและนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
และให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าให้กระทรวงแรงงานเร่งรัดดำเนินการเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์
โดยดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของพระราชกำหนดให้กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ รวมถึงการปฏิบัติให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
ตลอดจนการสร้างความรับรู้และความเข้าใจ และคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างครอบคลุม
เป็นธรรม อย่างโปร่งใส และตรวจสอบได้ในทุกมิติ ไปดำเนินการต่อไป ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน และสำนักงานประกันสังคม ติดตามและประเมินผลการดำเนินมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน
กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการฯ ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
รวมทั้งให้เผยแพร่ผลการดำเนินการให้ความช่วยเหลือให้สาธารณชนได้รับทราบ
และทั่วถึงเป็นระยะ ๆ ด้วย ๓. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 562 | การปรับปรุงหลักการและแนวทางการพิจารณาการออกสลากการกุศล | กค. | 20/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงหลักการและแนวทางการพิจารณาการออกสลากการกุศลให้มีความชัดเจน
รอบคอบ เกิดประโยชน์ และสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เช่น
ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศล
โดยเปลี่ยนประธานกรรมการจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมาย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
และเพิ่มเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นกรรมการ กำหนดประเภทของหน่วยงานที่ขอรับการสนับสนุนให้เป็นไปตามกฎหมายที่ใช้ในปัจจุบัน
ให้ความสำคัญกับโครงการที่มีผลลัพธ์และผลสัมฤทธิ์ต่อประชาชนและสังคม
สามารถยกเลิกโครงการได้ในกรณีที่การดำเนินโครงการไม่เป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้
เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลัง
คณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจำแนกกิจกรรมภายใต้โครงการ
เพื่อให้การจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินรายเดือนมีความชัดเจน จัดลำดับความสำคัญของโครงการ
ความพร้อมของการดำเนินโครงการ และประเด็นทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนด้วย ทั้งนี้
ควรกำหนดให้ครอบคลุมหน่วยงานในกำกับของรัฐซึ่งไม่เป็นส่วนราชการและไม่เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายวิธีการงบประมาณด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 563 | การประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 และประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.12 | 20/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแนวทางการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ และประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และกรอบและแนวทางการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามมติคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ในการประชุมครั้งที่
๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สำนักงาน ก.พ.ร. และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) สำนักงบประมาณ
สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่เห็นว่าควรมุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาระบบบริการดิจิทัลแบบครบวงจร
(end-to-end Service) ที่สอดคล้องกับความต้องการพื้นฐานของประชาชน ความคุ้มค่าในการลงทุน
และออกแบบให้รองรับการเชื่อมต่อกระบวนงานและข้อมูลระหว่างบริการดิจิทัลที่เกี่ยวเนื่องในอนาคตด้วย
กำหนดรูปแบบ (Format) ของรายงานการปฏิบัติราชการให้เป็นรูปแบบเดียวกัน
เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติงานของส่วนของราชการ การปรับแนวทางการประเมินส่วนราชการฯ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เหมาะสมกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของหลายส่วนราชการ
ทำให้การปฏิบัติงานไม่เป็นไปตามแผนหรือเป้าหมายที่กำหนดไว้ และแนวทางการประเมินส่วนราชการฯ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
จะทำให้ตัวชี้วัดระดับกระทรวงและกรมสอดคล้องกับการบรรลุเป้าหมายระดับชาติในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ
แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ และแผนระดับชาติอื่นๆ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.
ในส่วนของการเชื่อมโยงการประเมินส่วนราชการกับการประเมินผลการปฏิบัติงานรายบุคคลในระดับหัวหน้าส่วนราชการ
(ปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า อธิบดีหรือเทียบเท่า ผู้ว่าราชการจังหวัด) ให้สำนักงาน
ก.พ.ร. ร่วมกับสำนักงาน ก.พ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการประเมินผลการปฏิบัติงานรายบุคคลให้ชัดเจนและเหมาะสม
เพื่อถือปฏิบัติต่อไป
โดยอาจพิจารณากำหนดตัวชี้วัดที่แสดงให้เห็นถึงภาวะความเป็นผู้นำ มีการทำงานเชิงรุกสามารถบริหารงานและแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างทันท่วงที
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสภาวะวิกฤตให้เกิดผลสัมฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้
อาจพิจารณาหลักเกณฑ์และแนวทางดังกล่าวไปใช้ในการประเมินเพื่อเลื่อนระดับหรือพิจารณาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นด้วย ๓. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับประเด็นการปรับปรุงพัฒนาเว็บไซต์ของส่วนราชการให้เป็นปัจจุบัน
มีความทันสมัย สอดคล้องกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ มีการนำเสนอที่น่าสนใจ
และง่ายต่อการเข้าถึงของประชาชน
เพื่อพิจารณากำหนดเป็นส่วนหนึ่งของตัวชี้วัดในการประเมินส่วนราชการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 564 | การเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.07 | 20/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปี
พ.ศ. ๒๕๖๕ ซึ่งสำนักงบประมาณได้เสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามแนวทางและขั้นตอนที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๔
ที่กำหนดให้หน่วยรับงบประมาณขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายเฉพาะรายการที่มีความจำเป็นอย่างแท้จริงสอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศ
ยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแผนแม่บทเฉพาะกิจภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติอันเป็นผลมาจากสถานการณ์โควิด-๑๙
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕ แผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) และนโยบายสำคัญของรัฐบาล
ที่ต้องดำเนินการภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวนทั้งสิ้น ๑๒๔,๒๙๑.๘๔๗๒ ล้านบาท เพื่อเป็นรายจ่ายที่ต้องดำเนินการตามข้อผูกพันที่เกิดจากกฎหมาย
สัญญา ข้อตกลง
และเป็นรายจ่ายเพื่อการพัฒนาหรือแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
รายจ่ายเพื่อป้องกันหรือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน หรือค่าใช้จ่ายในการบรรเทา
แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ เป็นต้น และฟื้นฟูผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
รวมวงเงินทั้งสิ้น ๘๗,๕๒๐.๑๑๖๖ ล้านบาท ทั้งนี้ การเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปี
พ.ศ. ๒๕๖๕ ดังกล่าว เป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้าน (๖)
การบริหารราชการแผ่นดิน การปรับปรุง กฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 565 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2564 ครั้งที่ 2 | กค. | 06/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๔ ครั้งที่ ๒ ตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ
ตามมติที่ประชุม ครั้งที่ ๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๔ เช่น
การปรับปรุงแผนการก่อหนี้ใหม่ การบรรจุโครงการพัฒนา โครงการ
และรายการเพิ่มเติมในการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๒ จำนวน ๑๒ โครงการ/รายการ เป็นต้น และการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่
การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้
และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ และตามมาตรา ๓ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ รวมทั้งอนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อลงทุนในโครงการพัฒนา
และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน
วิธีการกู้เงิน เงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ
ในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น
ตามที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ
และให้คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นว่าควรกำกับ
ติดตาม และเร่งรัดการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินกู้ของหน่วยงานในสังกัดให้สอดคล้องและบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนที่กำหนดไว้
ให้ความสำคัญกับการบริหารเงินคงคลังและบริหารเงินกู้ชดเชยการขาดดุลอย่างเหมาะสมและรัดกุม
และรัฐบาลควรเตรียมความพร้อมในการจัดหาแหล่งเงินเพื่อดูแลให้มีสภาพคล่องเพียงพอต่อการดำเนินนโยบายของรัฐในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด
19 ที่มีความยืดเยื้อและยังมีความไม่แน่นอนสูง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 566 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระลอกใหม่ | กค. | 29/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙)
ระลอกใหม่ โดยการขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา
(โควิด-๑๙) จากเดิมวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ ออกไปเป็นวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๔
การปรับปรุงการดำเนินโครงการ Soft Lone ออมสินฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย
เช่น ขยายระยะเวลาเงินกู้ ขยายระยะเวลาปลอดชำระเงินต้น ขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อ
และการปรับปรุงการดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ SMEs มีที่
มีเงิน สำหรับธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่เห็นว่าควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการและโครงการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งการจัดทำประมาณการรายได้ ตลอดจนติดตาม ประเมินผลสัมฤทธิ์
และรายงานการดำเนินงานตามมาตรการและโครงการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
และพิจารณาดำเนินการให้ลูกหนี้ที่มีความเปราะบางซึ่งมีข้อจำกัดในการเข้าถึงสินเชื่อจากแหล่งอื่นสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
และทบทวนหลักเกณฑ์การพิจารณาการให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์
เพื่อช่วยเหลือประคองธุรกิจให้อยู่รอดต่อไป
ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 567 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การขยายเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในจังหวัดชายแดนภาคใต้) | กค. | 29/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัญมนตรีมีมติ ๑. มติอนุมัติร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการประกอบธุรกิจในจังหวัดนราธิวาส
จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสงขลาเฉพาะในอำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี
อำเภอสะบ้าย้อย และจังหวัดสตูล) ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนให้มีการติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด
(CCTV) ในจังหวัดนราธิวาส
จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสงขลาเฉพาะในอำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี
อำเภอสะบ้าย้อย และจังหวัดสตูล) ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในทรัพย์สินของกิจการ
ในจังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา) ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหม่ (New Start-up)
ในจังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา) ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมให้บุคลากรผู้มีความสามารถสูงนอกท้องที่ไปทำงานในท้องที่จังหวัดนราธิวาส
จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา
และมาตรการส่งเสริมการลงทุนร่วมกันระหว่างกิจการที่มีศักยภาพนอกท้องที่กับกิจการที่มีศักยภาพในท้องที่จังหวัดนราธิวาส
จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา) รวม ๕ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการขยายเวลาของมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๖ มาตรการ
จากสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าควรให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาครัฐรวมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับความต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐ
เพื่อนำความเห็นมาใช้ในการปรับปรุงมาตรการให้สอดคล้องกับความต้องการ
และสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้
เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ ๒๕๖๑ ต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 568 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของเล่นต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 22/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของเล่นต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของเล่นต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
เพื่อให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าทางวิชาการและเทคโนโลยีการผลิตในปัจจุบัน
และส่งเสริมการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของเล่นภายในประเทศให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัย
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 569 | ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+3 ครั้งที่ 24 | กค. | 15/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+3 ครั้งที่ ๒๔ (ASEAN+3
Finance Ministers’ and Central Bank Govemors’
Meeting : AFMGM+3) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่
๓ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ในรูปแบบการประชุมทางไกล มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุม โดยมีสาระสำคัญประกอบด้วย (๑) ผลการประชุม AFMGM+3 เช่น
การพัฒนาและแนวโน้มเศรษฐกิจและการเงินของภูมิภาค
โดยที่ประชุมคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในปี ๒๕๖๔ จะขยายตัวที่ร้อยละ ๖ และในปี ๒๕๖๕
จะขยายตัวที่ร้อยละ ๔ ตามลำดับ และ (๒) การรับรองแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+3 ครั้งที่ ๒๔
ซึ่งที่ประชุมได้มีการปรับปรุงเพื่อให้มีความเหมาะสมและสะท้อนข้อเท็จจริงมากขึ้น
โดยไม่กระทบหรือขัดต่อการประโยชน์ของไทยและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้เมื่อวันที่
๒๗ เมษายน ๒๕๖๔ เช่น การเพิ่มข้อความเพื่อแสดงการสนับสนุนโครงการกองทุนประกันภัยพิบัติของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
และการแสดงความยินดีกับความสำเร็จของการลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 570 | รายงานรายรับจากการจำหน่ายหลักทรัพย์ของรัฐตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2550 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2559 | กค. | 15/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานรายรับจากการจำหน่ายหลักทรัพย์ของรัฐตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๐ เรื่อง การจำหน่ายหุ้นบริษัท หินอ่อน จำกัด และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๗ กันยายน ๒๕๕๙ เรื่อง
การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ เรื่อง
การจำหน่ายหลักทรัพย์ของรัฐ สรุปได้ ดังนี้ (๑) ให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จำหน่ายหุ้นบริษัท หินอ่อน จำกัด
โดยกระทรวงการคลังได้รับเงินจำนวน ๓๐๒,๕๐๐๐,๐๐๐ บาท (๒) จำหน่ายหุ้นสามัญบริษัท
บางกอกเดินเรือและการค้า จำกัด และหุ้นสามัญบริษัท สยามซิตี้ประกันภัย จำกัด
(มหาชน) โดยกระทรวงการคลังได้รับเงินจำนวน ๑,๐๗๕,๐๐๐ บาท
และได้นำเงินจำนวนดังกล่าวเข้าบัญชีเงินฝาก
เพื่อการซื้อหุ้นตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจำหน่ายหุ้นและซื้อหุ้นของส่วนราชการ
พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 571 | การปรับปรุงหลักเกณฑ์เพิ่มเติมรองรับการทำประกันสุขภาพสำหรับชาวต่างด้าวผู้ขอรับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว Non–Immigrant Visa รหัส O-A (ระยะ 1 ปี) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2562 | สธ. | 15/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการปรับปรุงหลักเกณฑ์เพิ่มเติมรองรับการทำประกันสุขภาพสำหรับชาวต่างด้าวผู้ขอรับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว
Non–Immigrant Visa รหัส O-A (ระยะ ๑ ปี)
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๒ โดยมอบหมายสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองออกคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒
ปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณากรณีคนต่างด้าวขออนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว
และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศปรับปรุงแนวปฏิบัติการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว
Non–Immigrant Visa รหัส O-A (ระยะ ๑ ปี) รวมทั้งมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย
ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับประชาสัมพันธ์ให้ชาวต่างชาติทราบอย่างทั่วถึง ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
ที่เห็นว่าควรให้กระทรวงสาธารณสุขส่งเสริมการประกันสุขภาพของประเทศให้พัฒนาตอบสนองความต้องการของคนต่างประเทศควบคู่ไปด้วย
และควรมีการเชื่อมข้อมูลการเข้าออกประเทศของผู้เอาประกันระหว่างสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและบริษัทผู้รับประกันภัยโดยตรง
เนื่องจากเป็นสาระสำคัญในการให้ความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัย
และเพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับรายละเอียด วิธีการ
และขั้นตอนการดำเนินการตามหลักเกณฑ์การทำประกันสุขภาพสำหรับชาวต่างด้าวผู้ขอรับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว Non–Immigrant Visa รหัส O-A (ระยะ ๑ ปี)
ที่ได้ปรับปรุงในครั้งนี้ให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนได้ทราบอย่างถูกต้อง
และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 572 | สรุปรายงานการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 1 (ระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 28 กุมภาพันธ์ 2564) และครั้งที่ 2 (ระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 31 มีนาคม 2564) | นร.04 | 08/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๑ (ระหว่างวันที่ ๑ มกราคม-๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔) และครั้งที่ ๒
(ระหว่างวันที่ ๑ มกราคม-๓๑ มีนาคม ๒๕๖๔) ซึ่งสรุปรายงานดังกล่าวเป็นการรายงานผลการดำเนินงานตามนโยบายหลัก
เช่น การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์
การสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศและความสงบสุขของประเทศ
การทะนุบำรุงศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม การสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลก
การพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของไทย การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจและการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค
เป็นต้น และนโยบายเร่งด่วน เช่น การแก้ไขปัญหาในการดำรงชีวิตของประชาชน การปรับปรุงระบบสวัสดิการคุณภาพชีวิตของประชาชน
มาตรการเศรษฐกิจเพื่อรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและพัฒนานวัตกรรม การยกระดับศักยภาพของแรงงาน
การวางรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศสู่อนาคต การเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ ๒๑
การแก้ไขปัญหายาเสพติดและสร้างความสงบสุขในพื้นที่ชายแดนภาคใต้
การพัฒนาระบบการให้บริการประชาชน การจัดเตรียมมาตรการรองรับภัยแล้งและอุทกภัย
ตามที่คณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 573 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต้องเป็นไปตามมาตรฐาน รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ขาวต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ....) | อก. | 08/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ขาวต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ขาว
ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ซึ่งเป็นการปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์
และปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ขาว ให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับการใช้งานในปัจจุบัน
และเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภคในการใช้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมดังกล่าว ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 574 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี พ.ศ. .... | อว. | 08/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการบริหารมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
โดยเปลี่ยนสถานะของมหาวิทยาลัยจากเดิมเป็นส่วนราชการ
เป็นมหาวิทยาลัยที่มีฐานะเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐ
(สถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐ) ที่ไม่เป็นส่วนราชการ
เพื่อปรับปรุงการศึกษาระดับอุดมศึกษาให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม
และเป็นไปตามแนวทางการปฏิรูปมหาวิทยาลัยและนโยบายของรัฐ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้พิจารณาในประเด็นตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ
ที่เห็นว่าควรยุบมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีที่มีสถานะเป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลด้วย
ควรเพิ่มความในหมวด ๔ การบัญชีและการตรวจสอบ “มาตรา ... ให้สภามหาวิทยาลัยแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ
และต้องจัดให้มีการตรวจสอบภายในตามมาตรฐานและหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด” กรณีค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนสถานภาพของข้าราชการ
และลูกจ้างประจำเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย
หรือลูกจ้างของมหาวิทยาลัยในระยะแรกของการเปลี่ยนผ่าน ควรกำหนดบทเฉพาะกาลให้ชัดเจนเกี่ยวกับเงื่อนเวลาและภาระของงบประมาณที่เกิดขึ้นให้ใช้จ่ายจากเงินรายได้ของมหาวิทยาลัยเป็นลำดับแรก
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ๓. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเร่งเสนอร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
พ.ศ. .... ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และให้รับข้อคิดเห็นเพิ่มเติมของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการในประเด็นการเปิดสอนสาขาวิชาหรือหลักสูตรต่าง
ๆ ที่จำเป็นของสถาบันอุดมศึกษา ควรพิจารณาถึงความต้องการของตลาดแรงงาน
การพัฒนาองค์ความรู้ การส่งเสริมจริยธรรม เพื่อผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพ ตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงาน
และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงาน
ก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
กรณีค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนสถานภาพของข้าราชการ
และลูกจ้างประจำเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย
หรือลูกจ้างของมหาวิทยาลัยในระยะแรกของการเปลี่ยนผ่าน ควรกำหนดบทเฉพาะกาลให้ชัดเจนเกี่ยวกับเงื่อนเวลาและภาระของงบประมาณที่เกิดขึ้นให้ใช้จ่ายจากเงินรายได้ของมหาวิทยาลัยเป็นลำดับแรก ควรพิจารณากำหนดข้อบังคับ
ระเบียบ
หรือประกาศเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรบุคคลของบุคลากรแต่ละประเภทให้มีความชัดเจน
และสอดคล้องกับรูปแบบการจัดการโครงสร้างองค์กร ให้ความสำคัญการสร้างหลักประกันในการเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียมและควรมีการนำผลการประเมินมหาวิทยาลัยไปประกอบการการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษา
และการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพตามแนวคิดการเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 575 | ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน ครั้งที่ 25 การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน ครั้งที่ 7 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | กค. | 01/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน
(ASEAN Finance Ministers’ Meeting : AFMM) ครั้งที่ ๒๕
การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน (ASEAN
Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting : AFMGM) ครั้งที่ ๗
และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งบรูไนดารุสซาลามเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล เมื่อวันที่
๓๐ มีนาคม ๒๕๖๔ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเข้าร่วมประชุม
ซึ่งมีประเด็นสำคัญ เช่น (๑)
การหารือกับผู้แทนสถาบันการเงินระหว่างประเทศในประเด็นแนวโน้มต่อสถานการณ์เศรษฐกิจของภูมิภาค
และแนวทางการสนับสนุนการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนของอาเซียน เช่น การยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล
นโยบายเศรษฐกิจสีเขียว การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว
การพัฒนาระบบภาษีและความร่วมมือด้านภาษีระหว่างประเทศ
และความร่วมมือระดับภูมิภาคเพื่อการระดมทรัพยากรภายในประเทศ และ (๒)
รับทราบความคืบหน้าที่สำคัญของความร่วมมือทางการเงินในอาเซียน ได้แก่ ด้านศุลกากร
ด้านภาษีอากร ด้านการประกันภัยจากภัยพิบัติ
และด้านการกำกับดูแลตลาดทุนและการป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน ทั้งนี้
ที่ประชุมได้รับรองแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน
ครั้งที่ ๗ ซึ่งมีสาระสำคัญไม่แตกต่างจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๒๓
มีนาคม ๒๕๖๔ โดยมีการปรับปรุงถ้อยคำแถลงการณ์ร่วมฯ
เพื่อให้มีความเหมาะสมและสะท้อนข้อเท็จจริงมากขึ้นโดยไม่กระทบสาระสำคัญ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 576 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 01/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติปรับปรุง
กระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแล้ว
โดยมีผลการพิจารณาสรุปได้ว่า สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
ได้มีการจัดทำนโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรที่ดินของประเทศเพื่อเป็นกรอบนโยบายหลัก
(Policy Framework) ระยะยาวของประเทศ
และแผนปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการที่ดิน และทรัพยากรดินของประเทศ
และบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน
และควบคุมดูแลการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศให้มีเอกภาพ สำหรับการจัดโครงสร้างและกรอบอัตรากำลังของ
สคทช. นั้น สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงาน ก.พ.
มีการประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาโครงสร้างและกรอบอัตรากำลัง และการกำหนดตำแหน่งของ
และในการทำงาน สคทช. ได้มีการเตรียมความพร้อมโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยสำหรับภารกิจของหน่วยงาน
รวมทั้งมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานภายใต้นโยบายและแผนฯ
เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานดังกล่าว นอกจากนี้
การปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑:๔๐๐๐ (One Map)
คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ
มาตราส่วน ๑:๔๐๐๐ (One Map) และแก้ไขปัญหาแนวเขตที่ดินของรัฐ
ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการให้ภารกิจบรรลุวัตถุประสงค์ในการบริหารจัดการที่ดินโดยเป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพตามที่กฎหมายกำหนดตามที่กระทรวงการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 577 | ขอความเห็นชอบร่างตารางข้อผูกพันสาขาบริการโทรคมนาคมของไทยรอบอุรุกวัย ฉบับปรับปรุง ภายใต้องค์การการค้าโลก | พณ. | 01/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างตารางข้อผูกพันสาขาบริการโทรคมนาคมของไทยรอบอุรุกวัย ฉบับปรับปรุง
ภายใต้องค์การการค้าโลก
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงตารางข้อผูกพันสาขาบริการโทรคมนาคมของไทย
สำหรับบริการโทรคมนาคมพื้นฐาน ๔ บริการ ได้แก่ บริการโทรศัพท์ บริการเทเลกซ์
บริการโทรเลข และบริการโทรสาร เพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบที่ใช้ในปัจจุบัน
และเป็นไปตามหลักการกำกับดูแลบริการโทรคมนาคมพื้นฐาน
หลักการขององค์การการค้าโลกและมาตรฐานสากล ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์นำร่างตารางข้อผูกพันสาขาบริการโทรคมนาคมของไทยรอบอุรุกวัย
ฉบับปรับปรุง ภายใต้องค์การการค้าโลก
เข้าสู่กระบวนการภายใต้องค์การการค้าโลกเพื่อให้ร่างตารางข้อผูกพันที่ได้ปรับปรุงแล้วดังกล่าวมีผลผูกพันทางกฎหมายต่อไป
เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบร่างตารางข้อผูกพันดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างตารางข้อผูกพันดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย
ให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 578 | ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | นร.09 | 01/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
๑. คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้
พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ซึ่งร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ
ซึ่งมีวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาบุคคลให้มีความสมบูรณ์ทั้งร่างกาย
จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม จัดให้มีสถานศึกษาของรัฐให้เพียงพอ
กำหนดหน้าที่ครูและบุคลากรอื่นที่เกี่ยวกับการจัดการศึกษา
กำหนดให้มีการจัดการศึกษาทั้งระบบการศึกษาและหลักสูตรและการประเมินผล
กำหนดหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐในการกำกับ ส่งเสริม และสนับสนุนการจัดการศึกษา
การพัฒนาคุณภาพการศึกษา และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการศึกษา
กำหนดแผนการศึกษาแห่งชาติและทรัพยากรเพื่อการศึกษา กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายการศึกษาแห่งชาติเพื่อทำหน้าที่เสนอแนะนโยบายเกี่ยวกับการศึกษาต่อคณะรัฐมนตรี
พิจารณาให้ความเห็นชอบร่างแผนการศึกษาแห่งชาติ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี
และเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณด้านการศึกษา
เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี และกำหนดบทเฉพาะกาล และร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีการส่งเสริมการเรียนรู้ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาบุคคลให้มีความสมบบูรณ์ทั้งร่างกาย
จิตใจ และสติปัญญา รวมทั้งมีทักษะการเรียนรู้ ทักษะอาชีพ
และทักษะชีวิตที่สอดคล้องกับพัฒนาการโลก
กำหนดแนวทางในการส่งเสริมและสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต
การเรียนรู้การพัฒนาตนเอง และการเรียนรู้เพื่อคุณวุฒิ กำหนดให้มีกรมส่งเสริมการเรียนรู้มีหน้าที่ในการรับผิดชอบการส่งเสริมการเรียนรู้
และจัดให้มีการส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตและพัฒนาหลักสูตรโปรแกรมการเรียนรู้
สื่อการเรียนรู้ วิธีกระบวนการเรียนรู้ และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
รวมทั้งร่วมมือกับภาคีเครือข่ายเพื่อจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกและแหล่งเรียนรู้
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอรัฐสภาต่อไป โดยให้แจ้งประธานรัฐสภาทราบด้วยว่าร่างพระราชบัญญัติ รวม ๒
ฉบับดังกล่าวได้ตราขึ้นเพื่อดำเนินการตามหมวด ๑๖ การปฏิรูปประเทศ ด้านการศึกษา
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒. รับทราบแผนในการจัดทำของกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติ รวม ๒
ฉบับดังกล่าว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 579 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้รถจักรยานยนต์ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
เรื่อง กำหนดให้รถจักรยานยนต์ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรการรถจักรยานยนต์ใช้แล้วเข้ามาในราชอาณาจักร
เพื่อลดปริมาณการนำเข้ารถจักรยานยนต์ใช้แล้วที่ไม่จำเป็นและลดปัญหามลพิษต่อสิ่งแวดล้อม
อีกทั้งยกเว้นให้รถบางประเภทสามารถนำเข้าได้ภายใต้กำกับดูแลของหน่วยงานอื่น
โดยไม่ต้องขออนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์
เพื่อลดขั้นตอนการทำงานและเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนตามนโยบายรัฐบาล
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 580 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 | ทส. | 25/05/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
สรุปได้ ดังนี้ ๑.
รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม จำนวน ๔ โครงการ ได้แก่ ๑)
โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองส่วนต่อขยาย ช่วงแยกรัชดา-ลาดพร้าว ถึงแยกรัชโยธิน ๒) โครงการถนนเลี่ยงเมืองสตูลฝั่งตะวันออก
ต.คลองขุด ต.พิมาน อ.เมือง จ.สตูล ๓) โครงการศึกษาออกแบบระบบขนส่งมวลชนระบบราง อ.หาดใหญ่
จ.สงขลา และ ๔) โครงการทางหลวงหมายเลข ๒๐๓ (หล่มสัก-หล่มเก่า-เลย) ๒.
การปรับปรุงมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากท่าเทียบเรือประมงบางประเภท ได้แก่
ท่าเทียบเรือประมงพาณิชย์ ท่าเทียบเรือประมงสำหรับการนำเข้าสัตว์น้ำ
ท่าเทียบเรือประมงของโรงงานแปรรูปสัตว์น้ำและท่าเทียบเรือประมงที่มีการขนถ่ายสัตว์น้ำ
สำหรับการผลิตอาหารสัตว์ ตามความเห็นของคณะกรรมการควบคุมมลพิษ ในการประชุมครั้งที่
๔/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๖๓
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
