ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 12 จากทั้งหมด 15 หน้า แสดงรายการที่ 221 - 240 จากข้อมูลทั้งหมด 294 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
221 | การตรวจราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดนครศรีธรรมราช | นร. | 09/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
จากการลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราช พบว่าจังหวัดดังกล่าวมีศักยภาพและโอกาสทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก
จึงขอมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้กระทรวงคมนาคม (กรมเจ้าท่า)
เร่งศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้เกี่ยวกับโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่
(Cruise Terminal) ณ เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
แล้วให้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายในปี ๒๕๖๗
โดยให้ดำเนินการให้ครอบคลุมถึงเรื่องท่าจอดเรือมาริน่า (Marina) และการก่อสร้างอาคาร (Terminal) รองรับเครื่องบินน้ำ
(Sea plane) ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการเปิดร้านค้าปลอดภาษี
(Duty free) ที่เกาะสมุย
โดยให้รับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งผลักดันการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประเพณีของอำเภอเกาะสมุย
จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวในพื้นที่ซึ่งครอบคลุมในทุกมิติ ๓. ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานของรัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการขยายรันเวย์
ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสมุย ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้สามารถรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น ๔.
ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับการประปาส่วนภูมิภาคเร่งดำเนินการก่อสร้างท่อส่งน้ำประปาในพื้นที่อำเภอเกาะสมุยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เพื่อให้ประชาชนมีน้ำประปาใช้อย่างเพียงพอ นอกจากนี้ ให้นำกระบวนการผลิตน้ำแบบ Reverse Osmosis มาใช้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำประปาด้วย ๕.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการยกระดับจังหวัดนครศรีธรรมราชให้เป็นจังหวัดน่าอยู่น่าท่องเที่ยว
รวมทั้งให้ร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อดำเนินการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคให้พร้อมต่อการขยายตัวของเมือง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
222 | การแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำประปา | นร. | 09/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า โดยที่ประเทศไทยกำลังเปิดรับการลงทุนและการท่องเที่ยวให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น
แต่ปัญหาขาดแคลนน้ำประปาสำหรับอุปโภคบริโภคยังคงมีอยู่ในหลายพื้นที่สำคัญของจังหวัดต่าง
ๆ เช่น จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ ลำพูน อุดรธานี ดังนั้น
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับการประปาส่วนภูมิภาค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาทบทวนแผนปฏิบัติการประจำปีในการผลิตน้ำประปาและพัฒนาโครงข่ายท่อส่งน้ำประปาของการประปาส่วนภูมิภาคให้เพียงพอต่อความต้องการในพื้นที่ดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายใน
๓ เดือน และให้ขยายการดำเนินงานไปยังพื้นที่ที่ยังขาดแคลนน้ำของจังหวัดอื่น ๆ
ให้ครอบคลุมทั่วประเทศด้วย
รวมทั้งให้ศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการนำแนวทางการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน
(Public
Private Partnership : PPP) มาใช้ในการดำเนินงานเรื่องดังกล่าวข้างต้นเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณให้การสนับสนุนการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การดำเนินงานของการประปาส่วนภูมิภาคดังกล่าวข้างต้นบรรลุผลโดยเร็วด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
223 | การขอยกเว้นการยื่นรายการตามแบบรายการของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร (แบบ ตม.6) | กต. | 09/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานผลการติดตามและประเมินผลการดำเนินการยกเว้นการยื่นแบบ
ตม.๖ ณ ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จังหวัดสงขลา เป็นการชั่วคราว (ระหว่างวันที่ ๑
พฤศจิกายน ๒๕๖๖-๓๑ มีนาคม ๒๕๖๗)
ภายหลังการยกเว้นการยื่นรายการตามแบบรายการของคนต่างด้าวฯ (แบบ ตม.๖) มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ
๔๗.๑๘ โดยยังไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับผลกระทบทางด้านความมั่นคงอย่างมีนัยสำคัญ ๒. เห็นชอบในหลักการการขอยกเว้นการยื่นรายการตามแบบรายการของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร
(แบบ ตม.๖) ที่บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง เป็นการชั่วคราว ระหว่างวันที่ ๑๕ เมษายน
๒๕๖๗-๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๒.๑
ขยายให้คนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักรผ่านช่องทางของด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จังหวัดสงขลา
ได้รับการยกเว้นการยื่นรายการตามแบบรายการของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร
(แบบ ตม.๖) (จะสิ้นสุดวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๗) ๒.๒
กำหนดให้คนต่างด้าวเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักรผ่านช่องทางของด่านตรวจคนเข้าเมืองทางบก
ได้รับการยกเว้นการยื่นรายการตามแบบรายการของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร (แบบ ตม.๖)
จำนวน ๗ ด่าน เช่น ด่านตรวจคนเข้าเมืองเชียงแสน จังหวัดเชียงราย
ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ ๑ จังหวัดหนองคาย
ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ ๒ จังหวัดมุกดาหาร ฯลฯ ๒.๓ กำหนดให้คนต่างด้าวเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักรผ่านช่องทางของด่านตรวจคนเข้าเมืองทางน้ำที่เดินทางมากับเรือสำราญและกีฬา
ได้รับการยกเว้นการยื่นรายการตามแบบรายการของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร
(แบบ ตม.๖) จำนวน ๕ ด่าน เช่น ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต
ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดระยอง ฯลฯ ๓. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
โดยได้รับยกเว้นการยื่นรายการตามแบบรายการของคนต่างด้าว ซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร
(ตม.๖) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๔. มอบหมายให้หน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกำกับติดตามและประเมินผลกระทบจากการออกประกาศกระทรวงมหาดไทยฉบับนี้ภายหลังครบระยะเวลาที่ประกาศไว้
(๖ เดือน) ทั้งนี้ หากมีผลกระทบต่อความมั่นคงและผลประโยชน์แห่งชาติ
หน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องอาจเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณายกเลิกประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
224 | การปรับเขตกงสุลของกงสุลกิตติมศักดิ์และสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐนิการากัวประจำกรุงเทพมหานครให้ครอบคลุมประเทศไทย การขอเลื่อนฐานะกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐนิการากัวเป็นกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์สาธารณรัฐนิการากัวประจำประเทศไทย และการขอยกฐานะสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐนิการากัวเป็นสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์สาธารณรัฐนิการากัวประจำประเทศไทย | กต. | 09/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๖
(เรื่อง ขออนุมัติเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์และแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐนิการากัวประจำกรุงเทพมหานคร)
โดยปรับให้เขตกงสุลของกงสุลกิตติมศักดิ์และสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐนิการากัวประจำกรุงเทพมหานคร
จากเดิม มีเขตกงสุลครอบคลุมกรุงเทพมหานคร เป็น มีเขตกงสุลครอบคลุมประเทศไทย ๒. เลื่อนฐานะ นายจักร จามิกรณ์
กงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐนิการากัวประจำกรุงเทพมหานคร เป็น กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์สาธารณรัฐนิการากัวประจำประเทศไทย ๓.
ยกฐานะสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐนิการากัวประจำกรุงเทพมหานคร เป็น
สถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์สาธารณรัฐนิการากัวประจำประเทศไทย
โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมประเทศไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
225 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น หรืองบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น แล้วแต่กรณี สำหรับจ้างเหมาบริการนักการภารโรง | ศธ. | 09/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น หรืองบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๖๑๘,๗๙๕.๐๐๐ บาท แล้วแต่กรณี สำหรับจ้างเหมาบริการนักการภารโรง
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้กระทรวงศึกษาธิการ
(สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๐/๔๑๐๙ ลงวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๗)
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดูแลรักษาความปลอดภัยของโรงเรียนอันจะสามารถลดการใช้กำลังคนและสามารถประหยัดงบประมาณในระยะยาว
ทั้งนี้ วงเงินที่เห็นควรอนุมัติเกินกว่าหนึ่งร้อยล้านบาท ให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานดำเนินการนำเรื่องดังกล่าวเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรี
โดยเสนอผ่านรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีเจ้าสังกัดหรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแล
หรือผู้ที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้เป็นผู้กำกับดูแลแผนงานบูรณาการ
กรณีเป็นการดำเนินการภายใต้แผนงานบูรณาการ
แล้วแต่กรณีตามนัยระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙ (๓) รวมทั้งควรพิจารณาแนวทางเลือกอื่น
ๆ ควบคู่กันไป โดยเฉพาะในกลุ่มโรงเรียนขนาดใหญ่ที่มีความพร้อมด้านทรัพยากรและงบประมาณที่สามารถนำครุภัณฑ์/เทคโนโลยี
(เช่น กล้องโทรทัศน์วงจรปิด) มาช่วยดูแลความปลอดภัยของอาคาร สถานที่
และทรัพย์สินของโรงเรียน
ซึ่งจะช่วยลดค่าเสียโอกาสต่อการใช้งบประมาณของภาครัฐในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
226 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับหลักปฏิบัติในการตรวจและรับผลทุเรียนสำหรับโรงรวบรวมและโรงคัดบรรจุเป็นมาตรฐานบังคับ พ.ศ. .... | กษ. | 09/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับหลักปฏิบัติในการตรวจและรับผลทุเรียนสำหรับโรงรวบรวมและโรงคัดบรรจุเป็นมาตรฐานบังคับ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มาตรฐานสินค้าเกษตร เลขที่ มกษ. ๙๐๗๐-๒๕๖๖
ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร : หลักปฏิบัติในการตรวจและรับผลทุเรียนสำหรับโรงรวบรวมและโรงคัดบรรจุเป็นมาตรฐานบังคับ
ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ ลงวันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๖
เป็นมาตรฐานบังคับ
เพื่อกำหนดหลักปฏิบัติในการตรวจและรับผลทุเรียนสำหรับโรงรวบรวมและโรงคัดบรรจุทุเรียน
เพื่อให้ได้ผลทุเรียนทั้งผลที่แก่ตามข้อกำหนดของมาตรฐานสำหรับจำหน่าย ส่งออก
และนำเข้า เพื่อช่วยสนับสนุนการจำหน่ายผลทุเรียนที่แก่มีคุณภาพตามมาตรฐาน
สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคและเวทีการค้า
ซึ่งเป็นการยกระดับคุณภาพของทุเรียนไทยเพื่อรองรับการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดโลก ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้
ความรู้ความเข้าใจในหลักปฏิบัติดังกล่าวแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างทั่วถึง รวมทั้งเตรียมความพร้อมที่จะดำเนินการตามข้อกำหนดมาตรฐานดังกล่าว
รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการทราบถึงความจำเป็นและผลประโยชน์ในระยะยาวจากการดำเนินการตามมาตรฐานดังกล่าว
กำหนดแนวทางที่จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเพื่อเตรียมความพร้อมให้ทุกภาคส่วนก่อนที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้
นอกจากนี้ ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวควรบังคับใช้ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
โดยครอบคลุมสถานประกอบการทุกขนาดที่มีการประกอบกิจการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
227 | รัฐบาลสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามประจำประเทศไทย (นายฝั่ม เหวียต หุ่ง) | กต. | 09/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายฝั่ม เหวียต หุ่ง
(Mr.
Pham Viet Hung) ให้ดำรงตำแหน่ง
เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน
นายฟาน จี๊ ทัญ (Mr. Phan Chi Thanh) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
228 | มาตรการเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศและฝุ่นละออง PM2.5 ที่เกิดจากการเผา | นร. | 09/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๖ วันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
วันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๗ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ และวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๗
เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศและฝุ่นละออง PM2.5
มอบหมายการดำเนินการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศและฝุ่นละออง PM2.5
ที่เกิดจากการเผา
และได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืนขึ้น
โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธานกรรมการ
รวมทั้งได้อนุมัติงบประมาณ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมใช้ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ส่งผลให้สถานการณ์โดยรวมดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม พบว่าในหลายพื้นที่ยังมีการเผาและมีฝุ่นละออง
PM2.5 สูงเกินค่ามาตรฐานมาก
และส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน
จึงขอมอบหมายให้ส่วนราชการและผู้ที่เกี่ยวข้องยกระดับการปฏิบัติการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศและฝุ่นละออง
PM2.5 ที่เกิดจากการเผา
และเร่งดำเนินมาตรการในส่วนที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้ ๑.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยทหารในพื้นที่ระดมกำลังในการลาดตระเวนพื้นที่เสี่ยงต่อการเผา
และจัดชุดเคลื่อนที่เร็วพร้อมเครื่องมือในการดับไฟ รวมทั้งให้จับกุมและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับผู้ที่ลักลอบเผาป่าทุกกรณี ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยสั่งการให้จังหวัด กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
ร่วมมือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการดำเนินการจัดชุดปฏิบัติการเฝ้าระวัง
ลาดตระเวนในพื้นที่เสี่ยงต่อการเผา (ตามข้อ ๑) อย่างเคร่งครัด ๓.
ให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำกับดูแล กวดขัน
และบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องตามหน้าที่และอำนาจอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้จับกุมผู้ลักลอบเผาในพื้นที่ทำการเกษตรด้วย ๔. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินกรณีฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และพิจารณาใช้มาตรการการปฏิบัติงานนอกที่ตั้งของส่วนราชการ
(Work From Home) ตามความจำเป็นเหมาะสม ๕.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาตัดสิทธิการได้รับความช่วยเหลือชดเชยต่าง
ๆ จากภาครัฐของเกษตรกร
หากตรวจพบว่าเกษตรกรดังกล่าวดำเนินการเผาในพื้นที่ทำการเกษตรของตนเอง ๖.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพิ่มความถี่การปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อป้องกันและบรรเทาสถานการณ์ไฟป่า
หมอกควัน และฝุ่นละออง โดยเร่งด่วน และให้ประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคง เช่น
กองทัพบก กองทัพอากาศ
ในการจัดหาเฮลิคอปเตอร์เพื่อช่วยเหลือในการดับไฟป่าให้เพียงพอด้วย ๗.
ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดชุดเคลื่อนที่และหน่วยปฏิบัติการเยี่ยมบ้านเพื่อดูแลสุขภาพของประชาชนอย่างทั่วถึง
ทันท่วงที รวมทั้งสนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลแก่กลุ่มเสี่ยงหรือกลุ่มเปราะบางโดยเฉพาะเยาวชนและผู้สูงอายุ ๘.
ให้สำนักงบประมาณพิจารณาสนับสนุนงบประมาณ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ให้แก่จังหวัดเพื่อให้ทันต่อการดำเนินการแก้ไขปัญหาในช่วงสถานการณ์วิกฤตปี ๒๕๖๗
ตามขั้นตอน ความเหมาะสม และความจำเป็นเร่งด่วน ๙.
ให้กระทรวงการต่างประเทศยกระดับการร่วมมือและเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านที่ยังมีการเผาอยู่มาก
เช่น สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
เพื่อให้ช่วยกวดขันปราบปรามการเผาในพื้นที่ รวมทั้งการเพิ่มช่องทางการติดต่อระหว่างกันในการแจ้งจุดที่มีการเผาเพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกันด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
229 | รัฐบาลสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานประจำประเทศไทย (นางรุคซานา อัฟซอล) | กต. | 09/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางรุคซานา อัฟซอล (Ms. Rukhsana Afzaal) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายซาฮิบซาดา อาห์เมด คาน (Mr.
Sahebzada Ahmed Khan) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
230 | ร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน พ.ศ. .... | นร.12 | 02/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ
เพื่อลดขั้นตอนการอนุญาตที่ไม่จำเป็น ปรับปรุงระบบและขั้นตอนการอนุญาตให้สะดวกและทันสมัยยิ่งขึ้น
รวมทั้งลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าพนักงานในการอนุมัติ อนุญาต อันจะนำไปสู่การลดการทุจริตและประพฤติมิชอบ
ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า
ต้นทุน ผลประโยชน์ เสถียรภาพ และความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ
เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติ มาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ควรกำหนดให้มีการตรวจสอบ
ทบทวน และปรับปรุงกระบวนการ
ขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาอนุญาตตามที่กำหนดในคู่มือประชาชนเป็นประจำอย่างน้อย
๒ ปี ตามร่างมาตรา ๘ วรรคสี่ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอรัฐสภาต่อไป
โดยให้แจ้งประธานรัฐสภาทราบด้วยว่าร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นร่างกฎหมายที่ตราขึ้นเพื่อดำเนินการตามหมวด
๑๖ การปฏิรูปประเทศของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ ๓.
เห็นชอบข้อเสนอการทดลองดำเนินการตามหลักการสำคัญของร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน
พ.ศ. .... และมอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณาคัดเลือกและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทดลองดำเนินการตามหลักการสำคัญต่อไป
ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
231 | แผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ (Thailand's National Adaptation Plan : NAP) | ทส. | 02/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ
(Thailand’s National Adaptation Plan : NAP) และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม จัดส่งแผนการปรับตัวฯ
ต่อสำนักเลขาธิการกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โดยแผ่นแม่บทรองรับการปรับตัวฯ มีสาระสำคัญเป็นกรอบแนวทางระยะยาวของประเทศที่ครอบคลุมการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในทุกด้าน
ได้แก่ ๑) การลดก๊าซเรือนกระจกและส่งเสริมการเติบโตที่ปล่อยคาร์บอนต่ำลง ๒)
การปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ ๓)
การสร้างขีดความสามารถด้านการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย
และความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
เช่น ควรพิจารณาจัดการทบทวนแผน NAP เป็นระยะเพื่อประเมินผลการดำเนินงาน
ความเสี่ยงและความเปราะบางต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในรายสาขาและคนกลุ่มต่าง
ๆ เพื่อปรับปรุงแนวทางการดำเนินงาน ประเภทหรือรูปแบบความร่วมมือ
รวมถึงความร่วมมือระหว่างประเทศที่ประสงค์จะขอรับการสนับสนุน เพื่อให้แผน NAP
สอดคล้องกับบริบทและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ หากมีประเด็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำในแผน
NAP ให้คำนึงถึงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องตลอดจนผลประโยชน์และบริบทของประเทศเป็นสำคัญ
ควรพิจารณาการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการตามแผน NAP ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายต่อไป ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
232 | ขออนุมัติเพิ่มกรอบวงเงินและขยายระยะเวลาดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำลำน้ำชีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดชัยภูมิ | กษ. | 02/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำลำน้ำชีอันเนื่องมาจากพระราชดำริจังหวัดชัยภูมิ
จากเดิม ๖ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ - พ.ศ. ๒๕๖๗) เป็น ๙ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ - พ.ศ.
๒๕๗o) และให้เพิ่มกรอบวงเงินโครงการอ่างเก็บน้ำลำน้ำชีอันเนื่องมาจากพระราชดำริจังหวัดชัยภูมิ
จากเดิม ๓,๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็น ๖,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(กรมชลประทาน) รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เช่น ควรนำมาตรการป้องกัน
แก้ไข และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม
และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมไปประกอบการดำเนินงานโครงการทั้งในระยะก่อสร้างและระยะดำเนินการ
พร้อมทั้งควบคุม กำกับ ติดตาม
และดูแลเร่งรัดการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนการดำเนินโครงการที่กำหนดไว้
ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยในระยะก่อสร้างการป้องกันอุบัติเหตุที่มีผลต่อคนงานและประชาชนในพื้นที่ตามพระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเร่งรัดการจ่ายเงินชดเชยทดแทนที่ดินและทรัพย์สินของราษฎรที่ได้รับผลกระทบ
ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรให้เหลือน้อยที่สุด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
233 | ร่างกฎกระทรวงการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตจัดตั้งและประกอบกิจการสวนสัตว์ พ.ศ. .... | ทส. | 02/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตจัดตั้งและประกอบกิจการสวนสัตว์
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตจัดตั้งและประกอบกิจการสวนสัตว์
รวมทั้งอายุใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การโอนใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาต ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน
ก.พ.ร. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินการบางประการควรมีความสอดคล้องกับพระราชบัญญัติอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ
พ.ศ. ๒๕๕๘ และพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕
และควรกำหนดคุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาตเกี่ยวกับประสบการณ์
และความเชี่ยวชาญในการประกอบกิจการสวนสัตว์หรือการดูแลสัตว์ป่าให้เหมาะสมกับสัตว์แต่ละชนิด
แต่ละสายพันธุ์ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
234 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานบริหารอวกาศแห่งชาติจีน ว่าด้วยความร่วมมือด้านการสำรวจและการใช้อวกาศส่วนนอกเพื่อสันติ | อว. | 02/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย กับสำนักงานบริหารอวกาศแห่งชาติจีน ว่าด้วยความร่วมมือด้านการสำรวจและการใช้อวกาศส่วนนอกเพื่อสันติ (Memorandum of Understanding between the Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation of the Kingdom of Thailand and China National Space Administration on Cooperation in the Exploration and Use of Outer Space for Peaceful Purposes) และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อวางรากฐานสำหรับการพัฒนาและดำเนินความร่วมมือที่ก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันในการสำรวจและการใช้อวกาศส่วนนอกเพื่อสันติ โดยมีสาระสำคัญในการพัฒนาอย่างสันติในสาขาวิทยาศาสตร์อวกาศ เทคโนโลยีอวกาศ และการประยุกต์ใช้อวกาศเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ รวมถึงเพื่อกระชับความร่วมมือไทย-จีนในด้านอวกาศอย่างยั่งยืน ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรพิจารณาปรับแก้ถ้อยคำบางประการในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
235 | การเตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ | นร. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ในเดือนเมษายนที่กำลังจะมาถึง
คาดว่าจะมีประชาชนใช้เส้นทางคมนาคมและบริการรถขนส่งสาธารณะเดินทางไป-กลับจากภูมิลำเนาหรือเดินทางไปท่องเที่ยวในพื้นที่ต่าง
ๆ ทั่วประเทศมากกว่าปกติเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงขอมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ
ดังนี้ ๑. ให้กระทรวงคมนาคม ร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ
แก่ประชาชนให้สามารถเดินทางได้อย่างคล่องตัวและปลอดภัย
รวมตลอดถึงการจัดเตรียมรถโดยสารสาธารณะให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนเพื่อมิให้เกิดความแออัด
และการบริหารจัดการการจราจรและการใช้สายทางต่าง ๆ ให้เกิดความเรียบร้อย เหมาะสม
เพื่อมิให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดคับคั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางสายหลักต่าง ๆ
ที่ประชาชนจำเป็นต้องใช้และอยู่ในระหว่างการก่อสร้างทำให้ไม่สามารถใช้ผิวทางจราจรได้อย่างเต็มศักยภาพ
เช่น ถนนพระราม ๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
236 | ขอความเห็นชอบต่อร่างหนังสือแลกเปลี่ยนในการร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม 10th Meeting of the Advisory Committee | ทส. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนการร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม
10th Meeting of the Advisory Committee โดยมอบหมายให้อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
เป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ และให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม
(Full powers) ให้อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
เป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ โดยร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับความรับผิดชอบของประเทศเจ้าภาพและสำนักงานเลขาธิการ
CMS เช่น (๑) สำนักงานเลขาธิการ CMS จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดประชุม
(๒) ไทยในฐานะเจ้าภาพ จะอำนวยความสะดวกในการดำเนินการขอรับการตรวจลงตรา (visa)
สำหรับผู้เข้าร่วมประชุม และให้ความคุ้มครองและรับผิดชอบด้านเอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่ผู้เข้าร่วมประชุมตามอนุสัญญาว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของสหประชาชาติ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแลกเปลี่ยนในการร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม
10th Meeting of the Advisory Committee ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นว่าหากมีค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้น
ให้พิจารณาใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๗ หรือโอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ในโอกาสแรก
หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
237 | การแต่งตั้งรองประธานกรรมการคนที่สองและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (1. นายสุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย ฯลฯ รวม 9 คน) | สสส. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งรองประธานกรรมการคนที่สองและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
รวม ๙ คน
เนื่องจากรองประธานกรรมการคนที่สองและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ มีนาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมศักดิ์ เทพสุทิน)
ประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพเสนอ ดังนี้ ๑. นายสุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รองประธานกรรมการคนที่สอง ๒. รองศาสตราจารย์วิทยา กุลสมบูรณ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการสร้างเสริมสุขภาพ) ๓. นายพิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการพัฒนาชุมชน) ๔. นายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน (ด้านการสื่อสารมวลชน) ๕. รองศาสตราจารย์สรนิต ศิลธรรม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน
(ด้านการศึกษา) ๖. นางประภาศรี บุญวิเศษ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการกีฬา) ๗. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธนวันต์ สินธุนาวา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน (ด้านศิลปวัฒนธรรม) ๘. นายเสรี นนทสูติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน (ด้านกฎหมาย) ๙. นายสัมพันธ์ ศิลปนาฎ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน (ด้านการบริหาร)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
238 | ขออนุมัติขยายกรอบระยะเวลาการดำเนินโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน รุ่นที่ 4 ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 - 2569 | ศธ. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติขยายกรอบระยะเวลาในการดำเนินโครงการ ๑ อำเภอ ๑ ทุน
รุ่นที่ ๔ ออกไปอีก ๓ ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗-พ.ศ. ๒๕๖๙ ภายในกรอบวงเงิน ๕,๕๐๙,๕๐๐ บาท
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สำหรับงบประมาณในการดำเนินโครงการในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๗
ให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการพิจารณาใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน ไปดำเนินการในโอกาสแรกก่อน และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๘-พ.ศ. ๒๕๖๙
ตามความจำเป็นของภารกิจอย่างเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินโครงการดังกล่าวอย่างเป็นระบบเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินโครงการ
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ก.พ.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงการต่างประเทศ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด กระทรวงศึกษาธิการอาจพิจารณาทบทวนผลการดำเนินการของโครงการที่ผ่านมาในภาพรวมเพื่อให้สอดคล้องต่อวัตถุประสงค์ที่กำหนดและเกิดประโยชน์สูงสุดในการดำเนินโครงการดังกล่าว
และเป็นแนวทางในการดำเนินโครงการอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต และหากในอนาคตจะมีการดำเนินโครงการให้ทุนเพื่อศึกษาต่อสาขาวิชาที่ขาดแคลนด้านวิทยาศาสตร์
ควรพิจารณาถึงความซ้ำช้อนกับการให้ทุนอื่น ๆ ของภาครัฐ อาทิ
ทุนรัฐบาลทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ทุนพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยควรรวมหน่วยการให้ทุนในสาขาดังกล่าวไว้ในแหล่งเดียวกัน
เพื่อให้สามารถบริหารจัดการโครงการให้ทุนด้านวิทยาศาสตร์ในภาพรวมได้อย่างมีเอกภาพ
ทั้งในเรื่องการประมาณความต้องการกำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ในสาขาที่ขาดแคลน
การใช้ทรัพยากรในการบริหารจัดการโครงการร่วมกัน
และการกำหนดแนวทางติดตามและประเมินผล ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
239 | การติดตามสถานะร่างพระราชบัญญัติของคณะรัฐมนตรี | นร.04 | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมศักดิ์ เทพสุทิน)
ในฐานะประธานกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
รายงานว่า ในคราวประชุมคณะกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
ครั้งที่ ๗/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๗
ที่ประชุมได้พิจารณาการติดตามสถานะร่างพระราชบัญญัติของคณะรัฐมนตรี ข้อมูล ณ
วันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๗ มีจำนวน ๑๐๒ ฉบับ ตามบัญชีแนบท้าย
แล้วมีมติเห็นควรมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งเสนอกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว
เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ๒.
ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งเสนอกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว
เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
240 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | วธ. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขลักษณะ
ชนิด ประเภทของส่วนประกอบครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ
และส่วนประกอบครุยประจำตำแหน่งของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
รวมถึงกำหนดสีประจำวิทยาลัยนาฏศิลปและวิทยาลัยช่างศิลปทุกแห่งที่มีการเปิดสอนระดับปริญญาเพิ่มขึ้น
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|