ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 11 จากทั้งหมด 15 หน้า แสดงรายการที่ 201 - 220 จากข้อมูลทั้งหมด 294 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
201 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศและกิจการยุโรปแห่งสาธารณรัฐโครเอเชียว่าด้วยการหารือทางการเมือง | กต. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศและกิจการยุโรปแห่งสาธารณรัฐโครเอเชีย
ว่าด้วยการหารือทางการเมือง (Memorandum of
understanding between the Ministry of Foreign Affairs of the Kingdom of
Thailand and the Ministry of Foreign and European Affairs of the Republic of
Croatia on Political Consultations) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดตั้งกลไกการหารือทางการเมืองระหว่างกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศอย่างเป็นรูปธรรม
และเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความเห็นในประเด็นต่าง ๆ
ที่มีความสนใจและเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
ในอนาคตอาจพิจารณาขยายประเด็นการหารือให้ครอบคลุมประเด็นความมั่นคงที่เป็นข้อกังวลของทั้งสองฝ่าย
เช่น อาชญากรรมข้ามชาติ ความมั่นคงทางไซเบอร์ การต่อต้านการก่อการร้าย
การต่อต้านแนวคิดสุดโต่งที่นิยมความรุนแรง
และให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๗ (เรื่อง
การดำเนินการตามพิธีการทางการทูต)
เกี่ยวกับการสื่อสารผลลัพธ์การดำเนินงานที่เกี่ยวข้องให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงผลประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
202 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เกี่ยวกับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ EEC Visa แนวทางการให้สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ และการพัฒนาเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) | สกพอ. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(กพอ.) ครั้งที่ ๓/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ เกี่ยวกับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ
EEC Visa และแนวทางการให้สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ
(EEC) และการปรับแนวทางดำเนินการโครงการเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล
(โครงการ EECd) โดยนำออกจากการดำเนินการภายใต้ประกาศ กพอ. เรื่อง
หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการ ในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน
พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามมติ กพอ. ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็น
ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพลังงาน
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการต่างประเทศ เห็นควรบูรณาการการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
ให้แล้วเสร็จ อันจะเป็นการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาตรวจลงตราแก่ชาวต่างชาติได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นตามนโยบายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุกของรัฐบาล กระทรวงพลังงาน เห็นว่าในประเด็นการจัดหาพลังงานให้เพียงพอและตรงตามความต้องการของผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่
กระทรวงพลังงานซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานจัดหาพลังงาน
ขอให้คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกคำนึงถึงเรื่องการจัดหาพลังงานให้มีความสอดคล้องกับแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ
เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานในการส่งเสริมการพัฒนาพิเศษของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กระทรวงแรงงาน เห็นควรกำหนดให้เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
มีอำนาจเพิกถอนหนังสืออนุญาตทำงานที่กำหนดตามร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ในกรณีที่คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาทำงานในราชอาณาจักร ตามร่างประกาศคณะกรรมการฯ ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขเกี่ยวกับสิทธิทำงานตำแหน่งหน้าที่การทำงานที่เลขาธิการฯ
ได้ออกหนังสืออนุญาตทำงานให้เช่นเดียวกับการเพิกถอนการอนุญาตให้เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรที่กำหนดตามร่างประกาศคณะกรรมการฯ
เพื่อให้การบริหารจัดการสิทธิประโยชน์ในด้านการอนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเป็นไปอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
203 | ผลการสอบบัญชีของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 | สกพอ. | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสอบบัญชีของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะทางการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบแล้ว โดยเห็นว่า
งบการเงินดังกล่าวเป็นการแสดงฐานะการเงินและผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกัน
โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
204 | การขยายระยะเวลาการยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยวให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติอินเดียและไต้หวัน เป็นกรณีพิเศษและเป็นการชั่วคราว | กต. | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการขยายระยะเวลาการยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยวให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติอินเดียและไต้หวัน
เป็นกรณีพิเศษและเป็นการชั่วคราว มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยวให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติอินเดียและไต้หวัน
และให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน ๓๐ วัน เป็นกรณีพิเศษ เพิ่มเติมอีก ๖ เดือน
ตั้งแต่วันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๗ จนถึงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวอินเดียและไต้หวันที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยในช่วงระยะเวลาดังกล่าว
และช่วยเพิ่มรายได้ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยในภาพรวม
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการ ๒.๑
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
กำหนดให้ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางของสาธารณรัฐอินเดีย
ซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว
ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา และให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกินสามสิบวัน
เป็นกรณีพิเศษ และ ๒.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง กำหนดให้ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางของไต้หวัน
ซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว
ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา และให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกินสามสิบวัน
เป็นกรณีพิเศษ รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการแก้ไขปรับปรุงร่างประกาศกระทรวงมหาดไทยฯ รวม ๒ ฉบับ
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
205 | ขออนุมัติให้ความเห็นชอบต่อคณะทำงานฝ่ายไทยของคณะทำงานร่วมระหว่างรัฐบาลไทยและคณะกรรมาธิการยุโรปในการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม | กษ. | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะทำงานฝ่ายไทยของคณะทำงานร่วมระหว่างรัฐบาลไทยและคณะกรรมาธิการยุโรปในการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย
ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีติ (๗ พฤษภาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
206 | ร่างปฏิญญาสำหรับการประชุมรัฐภาคีสนธิสัญญาห้ามอาวุธนิวเคลียร์ (Treaty on the Prohibition of Nuclear Weapons-TPNW) ครั้งที่ 2 (Second Meeting of States Parties-2MSP) | นร.08 | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาสำหรับการประชุมรัฐภาคีสนธิสัญญาห้ามอาวุธนิวเคลียร์
(Treaty on the
Prohibition of Nuclear Weapon : TPNW) ครั้งที่
๒ (Second Meeting of States Parties :
2MSP) และให้เอกอัครราชทูต
ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีสนธิสัญญาห้ามอาวุธนิวเคลียร์
ครั้งที่ ๒ หรือผู้แทน ร่วมรับรองร่างปฏิญญาฯ โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของรัฐภาคีสนธิสัญญาห้ามอาวุธนิวเคลียร์
อาทิ ๑) แสดงความกังวลต่อผลกระทบด้านมนุษยธรรมอันเกิดจากอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งส่งผลกระทบร้ายแรงต่อการอยู่รอดของมนุษย์
และ ๒)
การขู่หรือการใช้อาวุธนิวเคลียร์ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรของสหประชาชาติ
โดยรัฐภาคีประณามการกระทำดังกล่าว ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
ซึ่งเป็นหน่วยงานผู้ประสานงาน
เสนอมาตรการปฏิบัติของไทยเพื่อให้เป็นไปตามเนื้อหาร่างปฏิญญาฯ รวมทั้งการปฏิบัติตามสนธิสัญญาต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น
สนธิสัญญาว่าด้วยเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast
Asia Nuclear Weapon-Free Zone : SEANWFZ) ด้วย และจำเป็นต้องวิเคราะห์และประเมินผลการดำเนินงานภายใต้ร่างปฏิญญาฯ
รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์การดำเนินงานให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับทราบถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
207 | นายกรัฐมนตรีลากิจในวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 | นร.02 | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรี แจ้งว่า
นายกรัฐมนตรีได้ลากิจในวันศุกร์ที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐ - ๑๒.๐๐ น. ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบแล้ว
ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑
กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรี ให้อยู่ในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี
และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
208 | ขออนุมัติหลักการกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 | นร.01 | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๗๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗
โดยการเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดและค่าใช้จ่ายตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย
และนำเสนอคณะกรรมการฝ่ายกลั่นกรองการขอใช้งบประมาณฯ ให้ความเห็นชอบ
เมื่อส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบผลการพิจารณาแล้ว ให้นำเสนอรองนายกรัฐมนตรี
รัฐมนตรีเจ้าสังกัดหรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแล พิจารณาให้ความเห็นชอบ
เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณโดยตรง
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
209 | โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet | กค. | 23/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์)
ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ๑.๑
เรื่องที่กระทรวงการคลังเสนอในครั้งนี้เป็นการเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบหลักการของกรอบหลักการโครงการเติมเงิน
๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital
Wallet (โครงการฯ) หลังจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน
๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital Wallet เพื่อพิจารณาจัดทำรายละเอียดในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนและครบถ้วน
โดยนำความเห็นของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ได้เสนอมาประกอบการพิจารณาด้วย และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๑.๒ โครงการฯ
มีแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในการดำเนินโครงการฯ จาก ๓ แหล่ง ได้แก่ ส่วนที่ ๑
การบริหารจัดการเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ส่วนที่ ๒
เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ สำหรับส่วนที่ ๓
ถือเป็นการดำเนินโครงการผ่านหน่วยงานของรัฐในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่เกษตรกร
ซึ่งเป็นนโยบายกึ่งการคลังของรัฐที่มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามนัยมาตรา
๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะได้มีหนังสือหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินส่วนที่
๓ ให้เกิดความถูกต้อง รอบคอบ ชัดเจน ก่อนดำเนินการต่อไป เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอความเห็นเพิ่มเติมว่า
เรื่องนี้เป็นการดำเนินการตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๖๒/๒๕๖๖ เรื่อง
แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital Wallet ลงวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๖
เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบหลักการของกรอบหลักการโครงการฯ เท่านั้น
สำหรับรายละเอียดต่าง ๆ ของการดำเนินโครงการฯ เช่น นิติสัมพันธ์ในการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างประชาชนและร้านค้า
หรือระหว่างร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ
รวมทั้งการออกแบบระบบให้เหมาะสมและเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
เป็นเรื่องที่คณะรัฐมนตรีสามารถจะมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องได้ตามหน้าที่และอำนาจของแต่ละหน่วยงาน
แล้วนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาตามขั้นตอนอีกครั้งหนึ่งต่อไป ๒.
เห็นชอบให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
อย่างเคร่งครัด ในการจัดทำรายละเอียดโครงการฯ
หากมีประเด็นข้อสงสัยหรือความไม่ชัดเจนในเรื่องใด ๆ
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ได้ข้อยุติที่ถูกต้อง
ชัดเจน ครบถ้วนทุกประเด็น ก่อนดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
210 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กรณีสายการบินปฏิบัติต่อคนพิการไม่เหมาะสม | คค. | 23/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
กรณีสายการบินปฏิบัติต่อคนพิการไม่เหมาะสม ซึ่งได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
สรุปได้ว่า โดยปัจจุบันสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.)
อยู่ระหว่างการจัดทำร่างข้อกำหนดของ กพท. ฉบับที่ ..
ว่าด้วยการกำหนดมาตรฐานสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการที่ผู้ดำเนินการต้องจัดไว้บริการผู้โดยสารที่เป็นบุคคลผู้ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ
ซึ่งเป็นกฎหมายที่ส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของผู้พิการ เด็ก และคนชรา ให้มีโอกาสได้เข้าถึงการเดินทางทางอากาศได้อย่างเท่าเทียมเช่นคนปกติทั่วไป
ซึ่งสอดคล้องกับภาคผนวก ๙ ว่าด้วยการอำนวยความสะดวกและบทแก้ไขเพิ่มเติมภาคผนวก ๙
แห่งอนุสัญญาว่าด้วยการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ค.ศ. ๑๙๔๔
โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕/๑๐ แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๗ และมาตรา
๗๑ และพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๒๐ (๘) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
211 | ข้อเสนอแนะในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 87 และฉบับที่ 98 | สม. | 23/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อเสนอแนะในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
กรณีการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ ๘๗ และฉบับที่ ๙๘
ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ๒.มอบหมายให้กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
โดยให้กระทรวงแรงงานสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
212 | การเข้าร่วมประชุม Sustainable Finance for Tiger Landscapes Conference ณ ประเทศภูฏาน | ทส. | 23/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุม
Paro Pledge for Tigers : A Billion-dollar
Commitment to Biodiversity Conservation และอนุมัติให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทย
[ที่ปรึกษากรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
(นางรุ่งนภา พัฒนวิบูลย์)] หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
ให้การรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ โดยร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ เป็นเอกสารผลลัพธ์ที่จะมีการรับรองในวันที่
๒๓ เมษายน ๒๕๖๗ ระหว่างการประชุม Sustainable Finance for Tiger Landscapes
Conference ณ เมืองพาโร ราชอาณาจักรภูฏาน มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงความมุ่งมั่นร่วมกันในการกระตุ้นการระดมทุนเพิ่มเติม
จำนวน ๑ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี ค.ศ. ๒๐๓๔ เพื่อการอนุรักษ์เสือโคร่ง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
213 | การยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยวให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติรัสเซีย เป็นกรณีพิเศษและเป็นการชั่วคราว | กต. | 23/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการในการกำหนดให้ “สหพันธรัฐรัสเซีย”
อยู่ในรายชื่อประเทศในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
กำหนดรายชื่อประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว
ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราและให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน ๖๐ วัน เป็นกรณีพิเศษ
โดยมีเงื่อนไขให้มีผลบังคับใช้ชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๑
กรกฎาคม ๒๕๖๗ เพื่อประโยชน์ต่อมิติเศรษฐกิจและการต่างประเทศกับสหพันธรัฐรัสเซีย โดยเฉพาะด้านความเชื่อมโยงระหว่างประชาชนที่เป็นรากฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒.
เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
กำหนดรายชื่อประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว
ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา และให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกินหกสิบวันเป็นกรณีพิเศษ
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทยแก้ไขความในร่างข้อ ๑ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
214 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (1. นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ฯลฯรวม 6 ราย) | ทส. | 23/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก
รวม ๖ คน
แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ เมษายน ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑. นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ประธานกรรมการ ๒. นายพิสิทธิ์ ปทุมบาล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารธุรกิจ ๓. นายบัณฑิต ลิ้มมีโชคชัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน ๔. นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๕. นายนิคม แหลมสัก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านป่าไม้ ๖. นายภานุวัฒน์ ตริยางกูรศรี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการอุตสาหกรรม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
215 | รายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | กค. | 18/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบรายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ และรายงานการเงินรวมภาครัฐ (บทวิเคราะห์) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ และให้หน่วยงานของรัฐที่ไม่ส่งรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ส่งรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
พร้อมทั้งรายงานเหตุผลหรือปัญหาอุปสรรค
และแนวทางแก้ไขให้กระทรวงเจ้าสังกัดและกระทรวงการคลังภายใน ๖๐ วัน
นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
และให้หน่วยงานของรัฐส่งรายงานการเงินประจำปีงบประมาณถัดไปให้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนด
เพื่อให้การจัดทำรายงานการเงินรวมภาครัฐมีความครบถ้วนสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
216 | การจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐคาซัคสถานว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดา | กต. | 18/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐคาซัคสถานว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดา
โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายปานปรีย์ พหิทธานุกร) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามร่างความตกลงฯ
ทั้งนี้ ในกรณีมอบหมายผู้แทนให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้ผู้ลงนามดังกล่าว และให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการมีผลใช้บังคับของความตกลงฯ
โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นการตรวจลงตราแก่บุคคลที่ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของแต่ละฝ่ายในการเดินทางเข้า
เดินทางออกจาก เดินทางผ่านและพำนักอยู่ชั่วคราวในดินแดนของรัฐภาคีอีกฝ่ายหนึ่ง
เป็นระยะเวลาไม่เกิน ๓๐ วัน นับจากวันที่เดินทางเข้า โดยระยะเวลาพำนักสะสมรวมกันจะต้องไม่เกิน
๙๐ วันภายในแต่ละช่วงเวลา ๑๘๐ วัน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐคาซัคสถานว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาดำเนินมาตรการในการคัดกรองนักท่องเที่ยวชาวคาซัคสถานอย่างเข้มงวด
รวมถึงติดตามและประเมินผลกระทบทางด้านความมั่นคงจากชาวคาซัคสถานเป็นระยะ
เนื่องจากในห้วงที่ผ่านมาพบความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มก่อการร้ายท้องถิ่นในคาซัคสถานกับกลุ่มก่อการร้ายสากล
จึงมีความเป็นไปได้ที่กลุ่มดังกล่าวอาจแสวงประโยชน์จากการยกเว้นการตรวจลงตรา
โดยใช้ไทยเป็นทางผ่านหรือเป็นพื้นที่หลบซ่อน (safe heaven)
และให้กระทรวงการต่างประเทศสื่อสารผลลัพธ์การดำเนินงานที่เกี่ยวข้องให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงผลประโยชน์ที่ไทยพึงจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
217 | การดำเนินงานโครงการ “โคแสนล้าน” นำร่อง | สทบ. | 18/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบโครงการ “โคแสนล้าน” นำร่อง
กรอบวงเงินสินเชื่อจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ๕,๐๐๐ ล้านบาท รัฐชดเชยต้นทุนการเงินให้กับ
ธ.ก.ส. ระยะเวลา ๒ ปี อัตราร้อยละ ๔.๕ ต่อปี ซึ่ง ธ.ก.ส. เป็นหน่วยงานตั้งงบประมาณรายจ่ายเพื่อชดเชยอัตราดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากรัฐ
จำนวน ๔๕๐ ล้านบาท และมอบหมายสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ
ประสานหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการต่อไป ตามที่คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้าน
และชุมชนเมืองแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
ให้นำความเห็นของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์)
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายชาดา ไทยเศรษฐ์)
และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายไชยา พรหมา) ไปกำหนดเป็นแนวทาง
เงื่อนไข หลักเกณฑ์ และรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินโครงการฯ ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
218 | เทศกาลสงกรานต์ ปี 2567 | นร. | 18/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
การเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี ๒๕๖๗ นี้
ในภาพรวมถือได้ว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อยเป็นอย่างดี เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงคมนาคม บริษัท ขนส่ง จำกัด บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ได้ช่วยกันดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในด้านต่าง
ๆ ให้แก่ประชาชนในทุกจุดอย่างเต็มที่ รวมทั้งได้จัดเตรียมรถโดยสารสาธารณะไว้อย่างพอเพียง
ทำให้ประชาชนสามารถดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะเพิ่มมากขึ้น
สถิติการเกิดอุบัติเหตุลดลง สภาพการจราจรติดขัดน้อยลง
ส่งผลให้การเดินทางของประชาชนเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็วขึ้น ในส่วนของการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ทั่วประเทศ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คณะกรรมการชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ดี การจัดงานประเพณีและงานเทศกาลสงกรานต์ในหลาย
พื้นที่ยังคงดำเนินการต่อเนื่องไปตลอดเดือนเมษายน จึงขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๑. เร่งประชาสัมพันธ์งานประเพณีและงานเทศกาลสงกรานต์ในจังหวัดต่าง ๆ
ที่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของเดือนเมษายน เช่น ประเพณีสงกรานต์พระประแดง
จังหวัดสมุทรปราการ งานประเพณีวันไหลพัทยา จังหวัดชลบุรี
พิธีอัญเชิญหลวงพ่อโสธรขึ้นจากแม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา รวมทั้งสนับสนุนการจัดงาน/กิจกรรมต่าง
ๆ ในเมืองรอง
เพื่อผลักดันให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจและการกระจายรายได้แก่ประชาชนในพื้นที่ให้มากขึ้นด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
219 | ร่างกฎกระทรวงการขอและการออกหนังสือรับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ขยายกำหนดระยะเวลาการขอให้รับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงานตามกฎกระทรวงการขอและการออกหนังสือรับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงาน พ.ศ. 2566) | กค. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขอและการออกหนังสือรับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงาน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงการขอและการออกหนังสือรับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงาน
พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยขยายกำหนดระยะเวลาการขอให้รับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงาน
สำหรับปีปฏิทินที่สิ้นสุดก่อนวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ (ปี พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๖) ให้ดำเนินการภายในวันที่
๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ (จากเดิมภายในวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๖) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นว่าควรพิจารณาให้ผู้ประสงค์ยื่นคำขอหนังสือรับรองสถานะการเป็นผู้มีหน้าที่รายงานมีระยะเวลาเพียงพอในการดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนดได้
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
220 | แผนการใช้จ่ายเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ปีงบประมาณ 2567 (แผนปฏิบัติการประจำปี 2567) | พณ. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนการใช้จ่ายเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
ปีงบประมาณ ๒๕๖๗ ซึ่งเป็นโครงการของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวม ๘ หน่วยงาน จำนวน
๒๑๒ โครงการ ซึ่งแบ่งเป็น (๑) แผนปฏิบัติการด้านการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศ
จำนวน ๔๙ โครงการ (๒) แผนปฏิบัติการด้านการเจรจาเชิงรุกเพื่อเปิดตลาด จำนวน ๑๔๘
โครงการ และ (๓) แผนปฏิบัติการด้านการเร่งรัดทำการตลาดเชิงกลยุทธ์จำนวน ๑๕ โครงการ
วงเงินทั้งสิ้น ๕๓๐.๐๙ ล้านบาท โดยเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
รวมถึงสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล
และยุทธศาสตร์ของกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศที่กำหนดไว้
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|