ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 5 จากทั้งหมด 9 หน้า แสดงรายการที่ 81 - 100 จากข้อมูลทั้งหมด 179 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
81 | ผลการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 19 (CITES CoP19) | ทส. | 20/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์
ครั้งที่ ๑๙ (The 19th Meeting of the Conference
of the Parties to the Convention on International Trade in Endangered Species
of Wild Fauna and Flora : CITES CoP19) ๑๔-๒๕
พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ณ กรุง ปานามา ซิตี้ สาธารณรัฐปานามา
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามอนุสัญญา CITES ของไทยตามมติที่ประชุมภาคีอนุสัญญา CITES ครั้งที่
๑๙ โดยให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกับกรมประมง
พิจารณาจัดทำและเสนอร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดชนิดสัตว์ป่า ซากของสัตว์ป่า
และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากสัตว์ป่าที่ห้ามนำเข้าหรือส่งออก
และกรมวิชาการเกษตรพิจารณาจัดทำและเสนอร่างประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง
พืชอนุรักษ์ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงบัญชีชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าในการประชุม
CITES ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมประมง
และกรมวิชาการเกษตร จัดทำรายงานเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ตามที่ถูกร้องขอ
ส่งสำนักเลขาธิการ CITES ตามกำหนดเวลา ให้กรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กำหนดมาตรการต่าง ๆ เพิ่มเติม
เพื่อควบคุมประชากรเสือในกรงเลี้ยง
และควบคุมมิให้ตัวอย่างพันธุ์ของเสือในกรงเลี้ยงออกสู่การค้าที่ผิดกฎหมาย
ให้กรมประมงขอสงวนสิทธิ (Reservation)
ชนิดพันธุ์ที่พบว่ามีการค้ามากในประเทศไทยที่มีการบรรจุอยู่ในบัญชี CITES หรือปรับเปลี่ยนบัญชี ได้แก่ ปลาฉลามทุกชนิดในวงศ์ Carcharhinidae
เป็นต้น และให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
ตั้งงบประมาณอุดหนุนการเป็นสมาชิกอนุสัญญา CITES
ที่ถูกปรับเพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงบประมาณ ที่ควรเร่งเตรียมความพร้อมเรื่องมาตรการ/กฎระเบียบภายใน
รวมไปถึงการศึกษาผลกระทบจากการค้าที่มีต่อปลาฉลามทุกชนิดในวงศ์ Carcharhinidae ให้เรียบร้อยก่อนสิ้นสุดระยะเวลาการขอสงวนสิทธิ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
82 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ พ.ศ. .... | ตช. | 20/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดการได้รับเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรมข้าราชการตำรวจ
ซึ่งรวมถึงสิทธิได้รับค่ารักษาพยาบาล หรือการประกันสุขภาพตามที่จ่ายจริงในอัตราเบี้ยประกันไม่เกินคนละ
๓๐,๐๐๐ บาทต่อปี
และเงินบำเหน็จตอบแทนตามระยะเวลาในการดำรงตำแหน่ง ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรพิจารณาหน้าที่และอำนาจ
ลักษณะงานและลักษณะของการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ จำนวนหน่วยงาน
และจำนวนข้าราชการ ที่ต้องดูแลรับผิดชอบ ตลอดจนสิทธิในการได้รับค่าตอบแทน
หรือการประกันสุขภาพ สิทธิในการได้รับบำเหน็จตอบแทนและการนับระยะเวลาและการคำนวณบำเหน็จตอบแทนในแต่ละมาตราเพื่อกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายอย่างเหมาะสมและจำเป็น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
83 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายตติรัฐ รัตนเศรษฐ) | คค. | 13/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายตติรัฐ
รัตนเศรษฐ เป็นข้าราชการการเมือง ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ)
รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปเมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๖๙ (๒) แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
84 | แนวทางส่งเสริมการนำเอทานอลไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่นนอกเหนือจากการเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพและการผลิตสุรา ตามมติคณะกรรมการบริหารการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพเศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy:BCG Model) ครั้งที่ 2/2565 | กค. | 13/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางส่งเสริมการนำเอทานอลไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่นนอกเหนือจากการเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพและการผลิตสุรา
ตามมติคณะกรรมการบริหารการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพเศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว
(Bio-Circular-Green Economy : BCG Model) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๕
เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ สรุปได้ ดังนี้ (๑)
การจัดทำมาตรฐานการผลิตเอานอลเพื่อให้การอนุญาตนำเอทานอลแปลงสภาพหรือบริสุทธิ์ไปใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมอื่น
(๒) การจัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันระหว่างผู้ผลิตเอทานอลและผู้ใช้เอทานอล
โดยกำหนดรายละเอียดของปริมาณเอทานอลที่ต้องส่งมอบและระยะเวลาอย่างชัดเจน
เพื่อเป็นกลไกการจัดซื้อและจัดหาเอทานอลล่วงหน้าให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ
(๓) การแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อกำหนดปริมาณการซื้อขายเอทานอลจากผู้ผลิตในประเทศล่วงหน้า
และกำหนดปริมาณการนำเข้าเอทานอลที่จะได้รับสิทธิอากรขาเข้าพิเศษจากการนำเข้าเอทานอลเพื่อนำมาใช้ในการผลิตเอทิลีนชีวภาพ
(๔) การสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพเกษตรกรและผู้ผลิตเอทานอลในประเทศให้สามารถผลิตเอทานอลที่มีคุณภาพและมาตรฐาน
และ (๕) การออกกฎหมายและแก้ไขกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น
การอนุญาตให้ผู้รับใบอนุญาตผลิตสุรากลั่นชนิดเอทานอลสามารถนำเอาเอทานอลไปจำหน่ายให้กับอุตสาหกรรมอื่น
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
85 | รัฐบาลสาธารณรัฐอิสลามมอริเตเนียเสนอขอให้สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามมอริเตเนียประจำสาธารณรัฐอินโดนีเซียมีเขตอาณาครอบคลุมประเทศไทย | กต. | 06/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามมอริเตเนียประจำสาธารณรัฐอินโดนีเซียมีเขตอาณาครอบคลุมประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
86 | รัฐบาลสหรัฐเม็กซิโกเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหรัฐเม็กซิโกประจำประเทศไทย (นางอิลเซ ลิเลียน เฟร์เรร์ ซิลบา) | กต. | 06/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางอิลเซ ลิเลียน เฟร์เรร์ ซิลบา (Mrs. Ilse Lilian Ferrer Silva)
ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหรัฐเม็กซิโกประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายเบร์นาโด กอร์โดบา เตโย (Mr.
Bernardo Cordova Tello) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
87 | รายงานผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก | สกพอ. | 06/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก
มีสาระสำคัญเพื่อร่วมผลักดันพัฒนาเมืองการบินภาคตะวันออกให้เกิดขึ้นและเป็นศูนย์กลางในด้านการท่องเที่ยว
ธุรกิจ การบิน และโลจิสติกส์ที่มีศักยภาพสูงและแข่งขันในภูมิภาคเอเชีย ตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ
และให้คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เช่น ควรพิจารณาความคุ้มค่า ต้นทุน
และผลประโยชน์ เสถียรภาพ และความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ ควรที่ สกพอ.
จะตรวจสอบข้อสัญญาอย่างรอบคอบและชัดเจน
โดยเฉพาะในระหว่างการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนนั้น ผู้ยื่นข้อเสนอโครงการฯ
ได้รับทราบปริมาณข้อโดยสาร ตลอดจนแผนการขยายท่าอากาศยานที่เกี่ยวข้อง หรือไม่
อย่างไร ควรเร่งกำกับติดตามความก้าวหน้าของโครงการที่สำคัญใน EEC Project List เช่น
โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน และมาตรการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ
ของภาครัฐ จะต้องไม่ทำการให้รัฐสูญเสียรายได้ และประชาชนต้องได้รับผลประโยชน์ด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
88 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อว. | 06/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาตรีในสาขาวิชา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ
และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา (ฉบับที่ ..) พ..ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ รวมทั้งกำหนดสีประจำสาขาดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๘
กันยายน ๒๕๔๑ ให้ถือเป็นหลักการว่า
เมื่อมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาใดอนุมัติหลักสูตรวิชาใดแล้ว
จะต้องเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดปริญญาในสาขาวิชานั้นเสียก่อน
แล้วจึงจะเปิดทำการสอนในสาขาวิชานั้นได้ แต่โดยที่ปรากฎข้อเท็จจริงว่าสภามหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาได้มีมติเห็นชอบหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต
(หลักสูตรใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๕) เมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
โดยจะมีผู้สำเร็จการศึกษาในปี ๒๕๖๘ ดังนั้น กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมควรดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวอย่างเคร่งครัด
เมื่อมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาใดอนุมัติหลักสูตรวิชาใดแล้วจะต้องเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดปริญญาในสาขาวิชานั้นเสียก่อน
แล้วจึงจะเปิดทำการสอนวิชานั้นได้ เพื่อให้พระราชกฤษฎีกามีผลใช้บังคับก่อนเปิดทำการสอน
ซึ่งจะรองรับศักดิ์และสิทธิ์ให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
89 | การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุม High-Level Political Meeting (HLPM) ภายใต้กรอบความริเริ่มเพื่อความมั่นคงจากการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง | นร.08 | 30/05/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ไทยรับบรองร่างแถลงการณ์ร่วมเรื่อง Proliferation Security Initiative (PSI) 20th Anniversary : Joint Statement of the 2023 High-Level Political Meeting (HLPM) ภายใต้กรอบความริเริ่มเพื่อความมั่นคงจากการแพร่ขยายอาวุธที่มีอนุภาพทำลายล้างสูง
(PSI) ระหว่างวันที่ ๓๐ พฤษภาคม-๒ มิถุนายน ๒๕๖๖ ณ เกาะเจจู
สาธารณรัฐเกาหลี โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงความมุ่งหมายและเจตนารมณ์ทางการเมืองของรัฐสมาชิกในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ขยายอาวุธที่มีอนุภาพทำลายล้างสูง
ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วม Proliferation Security Initiative 20th Anniversary : Joint Statement of the 2023 High-Level Political Meeting ภายใต้กรอบความริเริ่มเพื่อความมั่นคงจากการแพร่ขยายอาวุธที่มีอนุภาพทำลายล้างสูง ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
มาดำเนินการ ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณแล้วแต่กรณี สำหรับค่าใช้จ่ายในปี
ต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
90 | รายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเเห่งชาติ ประจำปี 2565 | กสทช. | 23/05/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๖๕ มีสาระสำคัญประกอบด้วย
(๑) ผลการปฏิบัติงานที่สำคัญของ กสทช. ปี ๒๕๖๕ (๒)
รายงานสภาพตลาดและการแข่งขันในกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคม (๓) ผลการดำเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี ๒๕๖๕ (๔)
งบการเงิน และการตรวจสอบภายใน ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน (๕) แผนการดำเนินงานและงบประมาณรายจ่ายประจำปี
๒๕๖๖ และ (๖) ปัญหา อุปสรรคในการประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคม ที่มีความสำคัญต่อประชาชน และแนวทางแก้ไข ตามที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
91 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำนักงานศาลยุติธรรม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 | ศย. | 23/05/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำนักงานศาลยุติธรรม
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่ารายงานการเงินดังกล่าวถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐตามที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
92 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 42 | กต. | 09/05/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมสุดยอดอาเซียน
ครั้งที่ ๔๒ จำนวน ๘ ฉบับ เช่น แถลงการณ์ผู้นำอาเซียนต่อวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนภายหลังปี
ค.ศ. ๒๐๒๕ ร่างแผนการดำเนินงานสำหรับการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนของติมอร์-เลสเต
ร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการบรรจุงานและการคุ้มครองแรงงานข้ามชาติในภาคประมง
เป็นต้น และมอบหมายให้นายกรัฐมนตรี หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสารฯ
ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๔๒ ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๐-๑๑ พฤษภาคม
๒๕๖๖ ณ เมืองลาบวน บาโจ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดอาเซียน
ครั้งที่ ๔๒ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยให้ดำเนินการตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับที่มีอยู่ในปัจจุบันและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
หากมีค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนงบประมาณรายจ่าย โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
และกระทรวงการต่างประเทศจำเป็นต้องวิเคราะห์ ประเมินผล
และติดตามการดำเนินงานที่สืบเนื่องจากการรับรองร่างเอกสารดังกล่าว
ตลอดจนสื่อสารผลลัพธ์และความคืบหน้าให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนรับรู้
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
93 | ร่างกฎกระทรวงจัดตั้ง ยุบ รวม หรือเลิกสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. .... | ศธ. | 02/05/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติร่างกฎกระทรวงจัดตั้ง ยุบ รวม
หรือเลิกสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการจัดตั้ง รวม
หรือเลิกสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๐ และกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดตั้ง รวม
หรือเลิกสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
94 | รายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (ไตรมาสที่ 2) | นร.07 | 02/05/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ (ไตรมาสที่
๒) ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ทั้งนี้
การจัดทำรายงานดังกล่าวเป็นไปตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
95 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | พน. | 02/05/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน
๑๐,๔๖๔ ล้านบาท โดยขอเบิกจ่ายจากงบเงินอุดหนุน
ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป สำหรับดำเนินมาตรการในช่วงเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๖
ถึงเดือนสิงหาคม ๒๕๖๖ โดยกระทรวงพลังงานไม่ได้ขอรับจัดสรรงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๖๖
สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนจากสถานการณ์ราคาพลังงาน
โดยให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าแบบขั้นบันใดแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน
๓๐๐ หน่วยต่อเดือน และส่วนลดค่าไฟฟ้าสำหรับงวดเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๖ จำนวน ๑๕๐
บาทต่อรายซึ่งเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้า ไม่เกิน ๕๐๐
หน่วยต่อเดือน เพื่อเป็นการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน
โดยแบ่งสัดส่วนการขอจัดสรรงบประมาณสำหรับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยและกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ
จำนวน ๓๕.๗๐ ล้านบาท และการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำนวน ๑๐,๔๒๘.๓๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๖๙ (๓) แล้ว ทั้งนี้
ให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๘/๘๖๕๓ ลงวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๖๖)
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรดำเนินมาตรการเร่งด่วนด้านพลังงานเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนจากสถานการณ์ราคาพลังงาน
โดยให้ความสำคัญในเรื่องการเตรียมความพร้อมของโครงการ วิธีดำเนินงาน
เพื่อให้ได้ผลสัมฤทธิ์ รวมถึงปฏิบัติให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องในทุกขั้นตอน และให้ความสำคัญในการติดตามและปรับสมมติฐานที่ใช้ในการคำนวณอัตราค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ
(Ft)
ให้สะท้อนสภาวการณ์ปัจจุบันอย่างใกล้ชิดควบคู่กับการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าแก่ทุกภาคส่วน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
96 | รายงานประจำปี 2565 ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และผลการสอบบัญชี สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 | สกพอ. | 25/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๕
ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
โดยมีผลการดำเนินงานสำคัญ เช่น โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (EEC Project List) เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ
การจัดทำแผนผังการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
การให้บริการศูนย์เบ็ดเสร็จครบวงจร (EEC-OSS) เป็นต้น
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ
และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป ๒. รับทราบผลการสอบบัญชี
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว
เห็นว่าถูกต้องตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
97 | รายงานผลการดำเนินการตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานในงานประมง พ.ศ. 2562 (ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2564–31 ธันวาคม 2564) | รง. | 25/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานในงานประมง
พ.ศ. ๒๕๖๒ (ระหว่างวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔-๓๑ ธันวาคม
๒๕๖๔) สรุปได้ ดังนี้ (๑) ด้านนโยบาย (Policy) เช่น
แต่งตั้งคณะอนุกรรมการป้องกันการบังคับใช้แรงงานและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน และแต่งตั้งคณะทำงานกำกับและติดตามการป้องกันและแก้ไขปัญหาแรงงานในภาคประมง
(๒) ด้านการป้องกัน (Prevention) เช่น มาตรการห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว
และห้ามนำเข้าแรงงานต่างด้าวในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ (๓)
ด้านการบังคับใช้กฎหมาย
(Prosecution) เช่น ตรวจสอบสภาพการจ้าง สภาพการทำงานของแรงงาน ณ
ศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้า-ออก ในพื้นที่ ๒๒ จังหวัดชายทะเล (๔)
ด้านการคุ้มครองช่วยเหลือ (Protection) เช่น
ดำเนินการจ่ายประโยชน์ทดแทนให้กับแรงงานต่างด้าวในกิจการประมงทะเล
โดยกองทุนประกันสังคม และกองทุนเงินทดแทน และ (๕) ด้านการมีส่วนร่วม (Partnership) เช่น ดำเนินโครงการสิทธิจากเรือสู่ฝั่ง (Ship to Shoer Rights
Project) ร่วมกับ EU และ ILO ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
98 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ (1. นางถวิลวดี บุรีกุล ฯลฯ จำนวน 9 คน) | พม. | 25/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ
จำนวน ๙ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตีรีมีมติ (๒๕ เมษายน ๒๕๖๖) ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
ดังนี้ ๑. ผู้แทนองค์กรสตรีและองค์กรที่ทำงานด้านสิทธิความหลากหลายทางเพศ
จำนวน ๖ คน ๑.๑
นางถวิลวดี บุรีกุล ๑.๒
นางสาวศุธาฎา เมฆาวงศกุล ๑.๓
นางสาวสุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง ๑.๔
นายรณภูมิ สามัคคีคารมย์ ๑.๕
นางสาวเสาวลักษณ์ ทองก๊วย ๑.๖
นางสาวศิริพร ไชยสุต ๒. ผู้ทรงคุณวุฒิด้านนิติศาสตร์ ด้านสิทธิมนุษยชน
ด้านสังคมศาสตร์ หรือด้านจิตวิทยา จำนวน ๓ คน ๒.๑
นางปารีณา ศรีวนิชย์ ๒.๒
นายสมศักดิ์ ชลาชล ๒.๓
นางสาวชมพูนุท นาครทรรพ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
99 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านพลศึกษา และการกีฬา ระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการกีฬาแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย | กก. | 25/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านพลศึกษา
และการกีฬา ระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการกีฬาแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย
และอนุมัติให้นายนภินทร ศรีสรรพางค์
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ
โดยสาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจฯ เป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านพลศึกษาและการกีฬาระหว่างกัน
อาทิ การส่งเสริมหลักการแยกการกีฬาออกจากการเมือง
หลักการไม่ยอมรับการเลือกปฏิบัติในวงการกีฬาทุกรูปแบบ
ตลอดจนการต่อต้านการใช้สารต้องห้ามในวงการกีฬา ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศในประเด็นด้านสารัตถะและถ้อยคำ
รวมทั้งประเด็นด้านกฎหมาย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
100 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนดำเนินสะดวก – ศรีดอนไผ่ - ประสาทสิทธิ์ จังหวัดราชบุรี พ.ศ. .... | มท. | 25/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนดำเนินสะดวก–ศรีดอนไผ่-ประสาทสิทธิ์
จังหวัดราชบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม
ในท้องที่ตำบลดอนไผ่ ตำบลประสาทสิทธิ์ ตำบลศรีสุราษฎร์ ตำบลดำเนินสะดวก
ตำบลขุนพิทักษ์ และตำบลตาหลวง อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี
เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน
การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและสภาพแวดล้อม
ให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ซึ่งมีนโยบายและมาตรการในการส่งเสริมและพัฒนาชุมชนดำเนินสะดวก-ศรีดอนไผ่-ประสาทสิทธิ์
ให้เป็นศูนย์กลางการบริหาร การปกครอง การศึกษา การค้า การบริการทางสังคม
และการคมนาคมขนส่งระดับอำเภอ
ส่งเสริมและอนุรักษ์พื้นที่เกษตรกรรมที่มีความอุดมสมบูรณ์ให้เป็นแหล่งผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพและยั่งยืน
ส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวตลาดนำในรูปแบบวิถีชีวิตชุมชนเกษตรและวิถีชีวิตชุมชนริมน้ำของชุมชนดำเนินสะดวกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น
ส่งเสริมและพัฒนาด้านที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรมให้สอดคล้องกับการขยายตัวของชุมชนในอนาคต
รวมทั้งอนุรักษ์วิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของชุมชน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น (๑) ร่างประกาศฉบับนี้
มีพื้นที่อยู่ในลุ่มน้ำชั้นที่ ๕ และยังพบแหล่งศิลปกรรมอันควรอนุรักษ์ การดำเนินการใด
ๆ ในพื้นที่ดังกล่าวจึงควรคำนึงถึง กฎ
ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์ที่ดินด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย
และ (๒) ที่ดินหลายประเภท เช่น ประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย
ที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม และที่ดินประเภทอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรม
ตามร่างประกาศฉบับนี้
ห้ามใช้ประโยชน์เพื่อกิจการโรงงานทุกจำพวกตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน
เว้นแต่โรงงานตามประเภท ชนิด
และจำพวกที่กำหนดให้ดำเนินการได้ตามบัญชีท้ายประกาศนี้ อย่างไรก็ตาม
กิจการที่ไม่เข้าข่ายโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน (เครื่องจักรไม่ถึง ๕๐ แรงม้าหรือคนงานไม่ถึง
๕๐ คน) ยังสามารถดำเนินการได้ ดังนั้น
การพิจารณาอนุญาตจึงต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อการดำรงชีวิตที่ปกติสุขของประชาชน
และเป็นไปตามกฎกระทรวงควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๖๐
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |