ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 8 จากทั้งหมด 9 หน้า แสดงรายการที่ 141 - 160 จากข้อมูลทั้งหมด 179 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
141 | แนวทางการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ (พื้นที่เพิ่มเติม) | ยธ. | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานผลการศึกษาแนวทางการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ เพื่อสร้างงาน
สร้างอาชีพให้แก่ผู้พ้นโทษและผู้ต้องขังที่ได้รับการอนุมัติให้พักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ
โดยมีสาระสำคัญ เช่น รูปแบบของนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ หลักเกณฑ์และองค์ประกอบของนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์
และมาตรการและสิทธิประโยชน์เพื่อสร้างแรงจูงใจในการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้กระทรวงยุติธรรมและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยพิจารณาดำเนินการประสานความร่วมมือกันตามหน้าที่และอำนาจ
เพื่อขับเคลื่อนการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป
โดยต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องตามนัยความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
(การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็น ข้อเสนอแนะ และข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร.
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เช่น เช่น
ควรมีการกำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนนโยบายและควรมีการรวบรวมและรายงานผลความก้าวหน้าการดำเนินงานในแต่ละพื้นที่นำร่อง
ตลอดจนปัญหาอุปสรรคที่ทำให้การดำเนินงานไม่ประสบความสำเร็จหรือเกิดความล่าช้า
ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
142 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2559 เรื่อง โครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น (พ.ศ. 2559 - 2572) | อว. | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
143 | ขออนุมัติดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำแม่ตาช้าง จังหวัดเชียงราย | กษ. | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยกรมชลประทาน ดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำแม่ตาช้าง จังหวัดเชียงราย ภายในกรอบวงเงิน ๑,๓๒๕,๒๘๕,๐๐๐ ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ ๓ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗-๒๕๖๙) ทั้งนี้
ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน และแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม
และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและคณะกรรมการการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติด้วย
สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำแม่ตาช้าง จังหวัดเชียงราย
ให้กรมชลประทานจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ตามความสามารถในการใช้จ่ายและการก่อหนี้ผูกพันภายในปีงบประมาณ
ที่สอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติอย่างเคร่งครัด
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งความเห็นและข้อเสนอแนะของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เช่น กรณีประชาชนได้รับผลกระทบและประสงค์จะขอรับการจัดที่ดินทำกินสามารถยื่นความประสงค์ผ่านคณะกรรมการนโยบายที่ดินจังหวัดในพื้นที่ได้ได้
ให้ความสำคัญกับการควบคุมและกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ควรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม
และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ด้านสาธารณสุข ทั้งในระยะก่อนก่อสร้าง
ระยะก่อสร้าง และระยะดำเนินการ ที่กำหนดไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
144 | ขออนุมัติคณะรัฐมนตรีนำเงินค่าปรับที่อยู่ในอำนาจเปรียบเทียบปรับคดีอาญาที่เป็นอำนาจของข้าราชการตำรวจ เงินค่าปรับตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก เฉพาะส่วนที่ต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน และเงินค่าปรับทางปกครองที่ข้าราชการตำรวจสั่งปรับตามกฎหมาย สมทบเข้ากองทุนเพื่อการสืบสวน สอบสวน การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญา ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ | ตช. | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาตินำเงินค่าปรับที่อยู่ในอำนาจเปรียบเทียบปรับคดีอาญาที่เป็นอำนาจของข้าราชการตำรวจ
เงินค่าปรับตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบกเฉพาะส่วนที่ต้องนำส่งรายได้แผ่นดิน
และเงินค่าปรับทางปกครองที่ข้าราชการตำรวจสั่งปรับตามกฎหมายสมทบเข้ากองทุนเพื่อการสืบสวน
สอบสวน การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญา
โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำความตกลงกับกระทรวงการคลังในการกำหนดอัตราการนำเงินค่าปรับดังกล่าวที่ต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดินสมทบเข้ากองทุน
เพื่อประโยชน์ในการกำกับการใช้จ่ายเงินให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถติดตามประเมินผลการดำเนินงานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุน
และควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
ทั้งนี้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรเร่งดำเนินการเชื่อมโยงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศกับกรมการขนส่งทางบก
และบังคับใช้กฎหมายในการติดตามการชำระเงินค่าปรับจากผู้กระทำความผิด
เพื่อให้การจัดเก็บค่าปรับและนำส่งเงินเข้ากองทุนครบถ้วนตามระยะเวลาที่กำหนดในแต่ละปีงบประมาณ
และทราบประมาณการรายได้ได้อย่างถูกต้อง
สามารถกำหนดแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินกองทุน
และเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้อย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับรายได้ที่ได้รับ
และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำข้อตกลงกับกระทรวงการคลัง
เรื่องการกำหนดสัดส่วนเงินสมทบเข้ากองทุนฯ ทั้งในเรื่องการเบิกจ่ายเงินจากกองทุน การเก็บรักษาเงิน
และการควบคุมตรวจสอบให้มีประสิทธิภาพและมีความโปร่งใสสูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
145 | การขยายระยะเวลาและรายงานเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการตราพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา 9 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 | สธ. | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการขยายระยะเวลาและรายงานเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการตราพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา
๙ และมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาในการตราพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา
๙ และมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ ออกไปอีก ๑ ปี
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขจัดให้มีการเผยแพร่รายการเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการได้ต่อสาธารณชนตามที่กฎหมายกำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
146 | ขออนุมัติให้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2565 เพิ่มเติมสำหรับกรณีพื้นที่ประสบอุทกภัย ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2566 ภายใต้กรอบวงเงินที่ได้รับการจัดสรร ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 | มท. | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน
ปี ๒๕๖๕ เพิ่มเติมสำหรับกรณีพื้นที่ประสบอุทกภัย ตั้งแต่วันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๕ ถึงวันที่
๓๑ มกราคม ๒๕๖๖ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัด ๑๕ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร
ตรัง นครปฐม นครศรีธรรมราช นราธิวาส ประจวบคีรีขันธ์ ปัตตานี พัทลุง ยะลา ระนอง
สงขลา สตูล สมุทรสาคร สุราษฎร์ธานี และจังหวัดอ่างทอง โดยใช้จ่ายจากวงเงินงบประมาณ
ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น งบเงินอุดหนุน
ลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไปจากสำนักงบประมาณแล้ว และใช้หลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือ
เช่นเดียวกันกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี ๒๕๖๕
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ทั้งนี้
ครัวเรือนที่จะได้รับความช่วยเหลือในกรณีนี้จะต้องไม่เป็นครัวเรือนที่ได้รับความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน
ปี ๒๕๖๕ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ มาแล้ว โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสำรวจ
หรือผู้ประสบภัยยื่นคำร้องขอความช่วยเหลือภายใน ๓๐
วันนับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ
และให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับธนาคารออมสินเร่งรัดการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้แลวเสร็จภายใน
๖๐ วัน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทย
(กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๔/๔๙๕๖ ลงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖) ที่เห็นควรพิจารณาดำเนินการเร่งรัด
และตรวจสอบความถูกต้องในส่วนที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนต่อไป
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
147 | สรุปผลการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 40 และ 41 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง | กต. | 21/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
148 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ครั้งที่ 1/2566 | กษ. | 21/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ โดยที่ประชุมฯ ได้มีมติเห็นชอบโครงการสำคัญ ได้แก่
โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ ๔ โครงการสนับสนุนสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการไม้ยางและผลิตภัณฑ์
ระยะที่ ๒ อนุมัติแผนปฏิบัติการด้านยางพารา พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๘๐
หลักเกณฑ์กำหนดอัตราภาษีที่ดินในการประกอบเกษตรกรรมสวนยางพารา
ตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งก่อสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒
การประกาศต้นยางพันธุ์ดีตามพระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. ๒๕๔๒ และรัฐอิลลินอยส์
สหรัฐอเมริกา บังคับใช้กฎหมายห้ามใช้ถุงมือยางลาเท็กซ์ในกลุ่มธุรกิจบริการอาหาร และกลุ่มการให้บริการทางการแพทย์
และการตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการสวนยางยั่งยืน
ตามที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
149 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 บีเอ็ม เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่ของบริษัท หินอ่อน จำกัด ที่จังหวัดสระบุรี | อก. | 21/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
150 | ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ จำนวน 3 ฉบับ | รง. | 21/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการ ๑.๑ ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
เรื่อง มาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างงานในรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) ๑.๒ ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
เรื่อง หลักเกณฑ์การจ่ายค่าทดแทนการขาดรายได้กรณีทุพพลภาพ และค่าทดแทนกรณีการตาย
อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน ๑.๓ ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ
(กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด 19) จำนวน
๓ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจในบางเรื่องให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
เช่น กำหนดให้ลูกจ้างมีวันหยุดพิเศษตามมติคณะรัฐมนตรี
กำหนดเพิ่มจำนวนวันลาเพื่อคลอดบุตร
กำหนดสิทธิได้รับค่าทดแทนกรณีถึงแก่ความตายอันมิใช่เนื่องจากการทำงานในปีที่จะเกษียณอายุ
เป็นต้น
รวมทั้งปรับปรุงหลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 เพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่เห็นควรให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมในเรื่องดังกล่าวโดยเทียบเคียงกับหลักเกณฑ์
เงื่อนไข และวิธีการที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๒๐ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.
๒๕๔๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าควรคำนึงถึงความคุ้มค่า
ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐประกอบการพิจารณาด้วย
และการจ่ายค่าตอบแทนและสวัสดิการหรือประโยชน์อื่นใดของรัฐวิสาหกิจในภาพรวมควรคำนึงถึงความจำเป็นและเหมาะสม
ตลอดจนสถานะทางการเงิน และผลการดำเนินงานของแต่ละรัฐวิสาหกิจ
รวมทั้งกำหนดมาตรการเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงประกาศในเรื่องนี้
เพื่อไม่ให้เป็นภาระงบประมาณในระยะยาวต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
151 | รับทราบรายงานผลการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2565 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 และขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2565 | มท. | 21/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
152 | ขออนุมัติการดำเนินโครงการ Country Programme (CP) ระยะที่ 2 และการลงนามบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการต่ออายุโครงการ Country Programme ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) | นร.11 สศช | 21/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการต่ออายุโครงการ Country Programme ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา
(OECD) และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๖๖.๗๒๐๑ ล้านบาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ Country Programme ระยะที่ ๒
โดยเบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน จำนวน ๑๑๙.๑๐๔๑ ล้านบาท และงบดำเนินงาน จำนวน ๔๗.๖๑๖๐
ล้านบาท
โดยในส่วนของงบเงินอุดหนุนจะจัดสรรให้กับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจำนวนทั้งหมด
เพื่อดำเนินการมอบให้กับ OECD และให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
โดยอนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์)
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรองนายกรัฐมนตรี (นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์)
เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ
และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์)
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรองนายกรัฐมนตรี (นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์)
เป็นผู้ลงนามเอกสารดังกล่าวข้างต้น ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการต่ออายุโครงการ
Country Programme ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับองค์กรแห่งความร่วมมือทางเศรษฐกิจและพัฒนา
(OECD)
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
153 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การเปิดภูมิพื้นที่ศิลปวัฒนธรรมภายใต้แนวคิดไตรภาคีศิลปวัฒนธรรม ของคณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา | สว. | 21/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
154 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 6/2565 | นร.04 | 14/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
155 | โครงการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้แห่งชาติ OKMD : OKMD National Knowledge Center (Ratchadamnoen Center 1 และ 2) | สบร. | 14/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
156 | การพิจารณามีมติให้ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงานอื่นใดในหน่วยงานของรัฐมาปฏิบัติงานที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นการชั่วคราว | ดศ. | 14/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
157 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ (GMS) ครั้งที่ 25 (The 25th GMS Ministerial Conference) | นร.11 สศช | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
158 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงแบบรูปรายการ ขออนุมัติเพิ่มวงเงิน และขอขยายระยะเวลาก่อสร้างอาคารผ่าตัด ผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุ เป็นอาคาร คสล. 7 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 13,576 ตารางเมตร (ปรับราคา 3 จังหวัดชายแดนใต้) โรงพยาบาลปัตตานี ตำบลสะบารัง อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี 1 หลัง | สธ. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุข
โดยสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของรายการและเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารผ่าตัดผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุ
เป็นอาคาร คสล. ๗ ชั้น จากพื้นที่ใช้สอยประมาณ ๑๓,๕๗๖ ตารางเมตร ระยะเวลาดำเนินการ ๙๓๐ วัน ในวงเงิน ๑๕๓,๘๔๖,๔๐๐ บาท เป็นพื้นที่ใช้สอยประมาณ ๑๔,๗๐๓ ตารางเมตร ระยะเวลาดำเนินการ ๑,๓๙๕ วัน ในวงเงิน
๓๕๖,๖๖๔,๐๐๐ บาท และอนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-พ.ศ. ๒๕๖๙
เป็นกรณีเฉพาะราย ตามนัยข้อ ๗ (๓) ของระเบียบว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๓๒๔,๑๓๓,๓๐๐ บาท
ขอให้กระทรวงสาธารณสุขจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายในแต่ละปีให้ครบวงเงินตามสัญญาต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุข
(สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข)
รับความเห็นของกระทรวงคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรเร่งดำเนินโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จและถือปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ ของทางราชการ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ควรมีการกำกับติดตาม และตรวจสอบการการดำเนินการอยู่เป็นระยะ ๆ
เพื่อให้การดำเนินการก่อสร้างเป็นไปตามแผนและกรอบระยะเวลาที่กำหนด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
159 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายศุภฤกษ์ ภู่พงศ์ศักดิ์) | นร15 | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายศุภฤกษ์ ภู่พงศ์ศักดิ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ
ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง ให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ
ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ
ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดองเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
160 | ขออนุมัติโครงการให้บริการ 5G สำหรับลูกค้าองค์กร ของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) | ดศ. | 31/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการโครงการให้บริการ 5G สำหรับลูกค้าองค์กรของบริษัท
โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) กรอบวงเงินลงทุน จำนวน ๔,๙๖๔.๓๐
ล้านบาท และรับทราบกรอบวงเงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานกรอบวงเงิน จำนวน ๑,๗๔๑.๓๐ ล้านบาท และให้ดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยเคร่งครัด และเห็นชอบมอบหมายให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง อาทิ
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงสาธารณสุข
เร่งสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้งานจากเทคโนโลยี 5G ที่หลากหลายเพิ่มขึ้น โดยอาจจะเริ่มต้นจากเมืองที่มีความพร้อมของบุคลากรและมีความสามารถในการลงทุนและประยุกต์ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและข้อมูลที่เกิดขึ้นจากโครงการฯ
ซึ่งจะช่วยให้เกิดการพัฒนาเมืองสู่เมืองอัจฉริยะได้อย่างแท้จริง
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ และให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
[บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด] (มหาชน)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข
รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และมติของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๑๐๖/๕๔๔๓ ลงวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๕) เช่น บริษัท
โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ควรมุ่งเน้นการบริหารจัดการโครงการโดยให้ความสำคัญกับการจัดทำแผนการตลาดเชิงรุกและแนวทางการบริการจัดการความเสี่ยงของโครงการฯ
โครงการดังกล่าวเป็นประโยชน์แก่หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ห่างไกลและจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการดูแลรักษาระหว่างการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยได้
และเร่งสร้าง
และในส่วนของการเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยี 5G
กระทรวงสาธารณสุขยินดีร่วมดำเนินงาน
โดยขอให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นหน่วยงานหลักในการสนับสนุนงบประมาณและทรัพยากรที่เกี่ยวข้อง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |