ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 6 จากทั้งหมด 9 หน้า แสดงรายการที่ 101 - 120 จากข้อมูลทั้งหมด 179 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
101 | รายงานการเงินประจำปีพร้อมกับรายงานผลการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 | ลต. | 25/04/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเงินประจำปีของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว
เห็นว่ารายงานการเงินดังกล่าวถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
102 | รายงานประจำปี 2558 และปี 2559 ของกองทุนการออมแห่งชาติ | กค. | 11/04/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๕๘ และปี ๒๕๕๙
ของกองทุนการออมแห่งชาติ โดยรายงานดังกล่าวประกอบด้วยผลการดำเนินงานของกองทุนการออมแห่งชาติ
ประจำปี ๒๕๕๘ และประจำปี ๒๕๕๙ และรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงิน ปี ๒๕๕๘ และปี
๒๕๕๙ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ และสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม
๒๕๕๙ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว
โดยเห็นว่ารายงานการเงินของกองทุนการออมแห่งชาติดังกล่าวมีความถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน
ตามที่กองทุนการออมแห่งชาติเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
103 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกและสำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนแห่งสาธารณรัฐเกาหลีฉบับใหม่ | สกพอ. | 04/04/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกและสำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนแห่งสาธารณรัฐเกาหลี
และอนุมัติให้เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ
ฉบับใหม่ของฝ่ายไทย โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีวัตถุประสงค์เป็นกรอบความร่วมมือในการส่งเสริมความสัมพันธ์ในด้านธุรกิจและอุตสาหกรรมระหว่างไทยและเกาหลีใต้
โดยมุ่งเน้นการสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกของไทย
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยบันทึกความเข้าใจฯ
ได้รับการลงนามและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ และมีอายุ ๓ ปี
(สิ้นสุดผลบังคับใช้วันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๕)
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมที่เห็นควรมุ่งเน้นส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการวิจัยและพัฒนาในมิติต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในภาคอุตสาหกรรม
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง
ผลักดันให้เกิดการลงทุนพัฒนาในระบบนิเวศทางธุรกิจและอุตสาหกรรม (Ecosystems) ของไทย
ซึ่งรวมถึงการพัฒนาระบบขนส่งโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
สำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนแห่งสาธารณรัฐเกาหลี และหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนของทั้งสองประเทศสามารถแสวงหาโอกาสต้นแบบการพัฒนาที่เหมาะสมเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันและแบ่งปันข้อมูล
ตลอดจนเทคโนโลยีที่ทันสมัยภายใต้กรอบความร่วมมือฉบับนี้ โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
104 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... | มท. | 04/04/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบางสะพาน
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ตำบลร่อนทอง
ตำบลกำเนิดนพคุณ ตำบลแม่รำพึง และตำบลพงศ์ประศาสน์ อำเภอบางสะพาน
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท
ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ
และสภาพแวดล้อมให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ซึ่งมีนโยบายเพื่อส่งเสริมและพัฒนาที่อยู่อาศัย
การบริการด้านการคมนาคมและขนส่งให้เพียงพอ
และได้มาตรฐานโดยดำรงรักษาวัฒนธรรมและประเพณีซึ่งเป็นวิถีชีวิตของชุมชน
อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภายในพื้นที่เพื่อให้เกิดความสมดุลของระบบนิเวศ
และรักษาดุลยภาพระหว่างเศรษฐกิจชุมชนเดิมซึ่งเป็นชุมชนประมงชายฝั่งกับการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่สำคัญของประจวบคีรีขันธ์
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย กฎหรือระเบียบ และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล เกิดผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ
การกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอนุรักษ์พื้นที่ป่าไม้บางส่วนไม่สอดคล้องกับพื้นที่วนอุทยานแม่รำพึงและวนอุทยานป่ากลางอ่าว
ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวอยู่ระหว่างเตรียมการกำหนดพื้นที่ให้เป็นอุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม
จึงควรแก้ไขแผนผังให้ถูกต้องตรงกับแผนที่
จะต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อการดำรงชีวิตที่ปกติสุขของประชาชน
และเป็นไปตามกฎกระทรวงควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๖๐
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดประเภทหรือขนาดของกิจการ และหลักเกณฑ์ วิธีการ
เงื่อนไข ที่ผู้ขออนุญาตจะต้องดำเนินการก่อนการพิจารณาออกใบอนุญาต พ.ศ. ๒๕๖๑
และประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง
หลักเกณฑ์การรับฟังความคิดเห็นของประชาขนที่เกี่ยวข้อง พ.ศ. ๒๕๖๑
และเมื่อผังชุมชนเมืองนี้มีผลใช้บังคับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรกำกับดูแลการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
105 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงเคียฟ ยูเครน คนใหม่ (นางลูย์ดมืยลา ราดุตสกา) | กต. | 28/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางลูย์ดมืยลา ราดุตสกา (Mrs. Liudmyla Radutska)
ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงเคียฟ ยูเครน สืบแทน นายมีไคโล ราดุดสกี (Mr.
Mykhajlo Radoutskyy) ที่สิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่ โดบปรับชื่อเรียกตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์จากกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำยูเครน
เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงเคียฟ ยูเครน และปรับชื่อเรียกสถานทำการทางกงสุลจากสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำยูเครน
เป็น สถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงเคียฟ ยูเครน โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมยูเครน
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
106 | ความก้าวหน้าของการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ประจำเดือนมกราคม 2566 | นร.11 สศช | 21/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ
เดือนธันวาคม ๒๕๖๕ ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น (๑)
ความก้าวหน้ายุทธศาสตร์ชาติ (๒) การดำเนินการของหน่วยงานของรัฐในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ
(๓) การติดตาม การตรวจสอบ และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ และ (๔)
ประเด็นที่ควรเร่งรัดเพื่อการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
107 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. .... | ทส. | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงชนิดสัตว์ป่าคุ้มครองตามบัญชีท้ายกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง
พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ที่เห็นว่าสัตว์บางชนิดเป็นสัตว์ชนิดอื่นตามบทนิยาม มาตรา ๔
แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ เช่น สัตว์จำพวก นก ค่าง ค้างคาว
ซึ่งประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดสัตว์หรือซากสัตว์ชนิดอื่นตามมาตรา
๓๔ (๔) แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. ๒๕๖๔ การนำสัตว์หรือซากสัตว์ไปยังท้องที่จังหวัดอื่น
ต้องได้รับใบอนุญาตจากสัตว์แพทย์ประจำท้องที่ต้นทาง มาตรา ๓๔ ด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
108 | ผลการคัดเลือกเอกชนและร่างสัญญาร่วมลงทุนที่ผ่านการตรวจพิจารณาของสำนักงานอัยการสูงสุดและเงื่อนไขสำคัญของสัญญาร่วมลงทุน โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) | คค. | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงคมนาคมถอนเรื่อง ผลการคัดเลือกเอกชนและร่างสัญญาร่วมลงทุนที่ผ่านการตรวจพิจารณาของสำนักงานอัยการสูงสุดและเงื่อนไขสำคัญของสัญญาร่วมลงทุน
โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) คืนไปก่อนได้
ตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ)
รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
109 | การปรับเพิ่มอัตราเงินตอบแทนตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ และเรื่อง ขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 (เรื่อง แนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567) | มท. | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติการปรับเพิ่มอัตราเงินตอบแทนตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ และเรื่อง ขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๕ (เรื่อง แนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) ดำเนินการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งให้ได้รับการยกเว้นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๕ เรื่อง แนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่จะต้องคำนึงถึงภาระงบประมาณในระยะยาว ประกอบกับการดำเนินการใด ๆ ของรัฐ ที่ก่อให้เกิดภาระทางการเงินการคลังแก่รัฐต้องพิจารณาความคุ้มค่า ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ ควรคงไว้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง การปรับเพิ่มอัตราการตอบแทนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ) ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลดผลกระทบงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในระยะยาวต่อไป และให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
110 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการลงทุนในตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ (DR)] | กค. | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
111 | การปรับเพิ่มอัตราเงินตอบแทนตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ และเรื่อง ขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 (เรื่อง แนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567) | มท. | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติการปรับเพิ่มอัตราเงินตอบแทนตำแหน่งกำนัน
ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง
และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ และเรื่อง
ขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๕ (เรื่อง แนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) ดำเนินการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน
รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
และดำเนินการตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งให้ได้รับการยกเว้นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๕ เรื่อง แนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ.
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่จะต้องคำนึงถึงภาระงบประมาณในระยะยาว
ประกอบกับการดำเนินการใด ๆ ของรัฐ
ที่ก่อให้เกิดภาระทางการเงินการคลังแก่รัฐต้องพิจารณาความคุ้มค่า ต้นทุน
และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ
ควรคงไว้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง การปรับเพิ่มอัตราการตอบแทนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน
ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ) ทั้งนี้
เพื่อเป็นการลดผลกระทบงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในระยะยาวต่อไป
และให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
112 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลป่างิ้ว ตำบลศาลาแดง ตำบลย่านซื่อ ตำบลตลาดกรวด ตำบลบ้านรี อำเภอเมืองอ่างทอง และตำบลชัยฤทธิ์ อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง พ.ศ. .... | คค. | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลป่างิ้ว ตำบลศาลาแดง ตำบลย่านซื่อ ตำบลตลาดกรวด ตำบลบ้านรี
อำเภอเมืองอ่างทอง และตำบลชัยฤทธิ์ อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลป่างิ้ว ตำบลศาลาแดง
ตำบลย่านซื่อ ตำบลตลาดกรวด ตำบลบ้านรี อำเภอเมืองอ่างทอง และตำบลชัยฤทธิ์
อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๗๗
ทางสายทางเลี่ยงเมืองอ่างทอง ตอนทางเลี่ยงเมืองอ่างทอง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าก่อนการก่อสร้างทางหลวงแผ่นดินทุกเส้นทาง
ขอให้กระทรวงคนนาคม (กรมทางหลวง)
ให้ความสำคัญและตระหนักถึงแนวทางในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการก่อสร้างทางหลวงกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติ
เพื่อป้องกันปัญหาการระบายน้ำไม่ทัน
และอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมหรืออุทกภัยต่อไปในอนาคต กระทรวงคมนาคมควรตระหนักและให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติตามกฎหมายในการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาในครั้งต่อไป
และให้กรมทางหลวงเร่งจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
พร้อมทั้งการเตรียมความพร้อมในการดำเนินโครงการรวมถึงร่างพระราชกฤษฎีกาที่เสนอในครั้งนี้
เพื่อให้กรมทางหลวงสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลการสำรวจและทราบข้อเท็จจริงของสภาพพื้นที่ที่ดำเนินโครงการ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
113 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะอาคารประเภทอื่นที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. .... | มท. | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอาคารประเภทอื่นที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม
(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดลักษณะอาคารประเภทอื่นที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม
พ.ศ. ๒๕๕๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อขยายระยะเวลาการใช้บังคับกฎกระทรวง
และระยะเวลาที่เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารจะต้องได้รับในรับรองการดัดแปลงหรือใบอนุญาตเปลี่ยนการใช้อาคารมาประกอบธุรกิจโรงแรมภายใน
๙ ปี (เดิม ๘ ปี)
และแก้ไขเพิ่มเติมข้อกำหนดหรือเงื่อนไขเกี่ยวกับการนำอาคารประเภทอื่นมาประกอบธุรกิจโรงแรมเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถขออนุญาตเปลี่ยนการใช้อาคารเพื่อประกอบธุรกิจโรงแรมได้
เช่น ยกเว้นข้อกำหนดบางเรื่อง อาทิ ที่ว่างของอาคาร ช่องทางเดินในอาคาร
ความกว้างบันได รวมทั้งกำหนดเพิ่มเติมเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยสำหรับผู้พัก
เช่นอาคารต้องไม่มีสภาพเป็นภยันตราย มีวิศวกรประเมินความมั่นคงแข็งแรง
มีการติดตั้งเครื่องดับเพลิง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปด้วย และให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม ที่เห็นควรจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาลเป็นไปเพื่อประโยชน์ของรัฐและประชาชนเป็นสำคัญ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
114 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2565/2566 | อก. | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี
๒๕๖๕/๒๕๖๖ ทั้ง ๙ เขตคำนวณราคาอ้อย เป็นราคาเดียวทั่วประเทศ
โดยราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิต ปี ๒๕๖๕ /๒๕๖๖ ในอัตรา ๑,๐๘๐ บาท ต่อตันอ้อย ณ
ระดับความหวานที่ ๑๐ ซี.ซี.เอส และกำหนดอัตราขึ้น/ลง ของราคาอ้อยเท่ากับ ๖๔.๘๐
บาทต่อ ๑ หน่วย ซี.ซี.เอส และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้นฤดูการผลิตปี
๒๕๖๕/๒๕๖๖ เท่ากับ ๔๖๒.๘๖ บาทต่อตันอ้อย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
และให้กระทรวงอุตสาหกรรม (สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ส่วนราชการอาจพิจารณาข้อผูกพันและระดับการอุดหนุนภายในโดยรวมของสินค้าเกษตรทุกรายการในแต่ละปีที่ไทยให้เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ผู้ผลิตสินค้าเกษตรในประเทศ
จะต้องไม่เกินจำนวนที่ไทยได้ผูกพันไว้ตามความตกลง AOA ให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายจ่ายเงินชดเชยให้แก่โรงงานเท่ากับส่วนต่างดังกล่าวตามนัยมาตรา
๕๖ ของพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗
และแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕
กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายควรพิจารณาดำเนินการทบทวนระเบียบมาตรการต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งพิจารณาถึงความจำเป็นและภารกิจของหน่วยงาน เป้าหมาย
ผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับ
และควรพิจารณามาตรการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนควบคู่กับการส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
เพื่อลดต้นทุนและสร้างผลตอบแทนให้แก่ชาวไร่อ้อยที่สูงขึ้น
รวมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ในการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นเป็นแบบรายเขตคำนวณราคาอ้อยแทนการกำหนดเป็นราคาเดียวทั้งประเทศแต่ต้องไม่สูงกว่าที่กว่าที่กฎหมายกำหนด
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
115 | การเยียวยาค่าตอบแทนใบประกอบโรคศิลปะเภสัชกรขององค์การเภสัชกรรม | สธ. | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจ่ายเงินตอบแทนใบประกอบโรคศิลปะเภสัชกรขององค์การเภสัชกรรม
ในอัตรา ๑,๐๐๐ บาท และ ๓,๐๐๐ บาท ตั้งแต่วันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๓ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
116 | ขออนุมัติลงนามร่างสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนและการดำเนินการให้สนธิสัญญาฯ มีผลใช้บังคับ | กต. | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในสนธิสัญญาฯ
โดยมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ในสนธิสัญญาฯ
รวมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการให้สนธิสัญญาฯ
มีผลใช้บังคับในโอกาสอันเหมาะสมตามแต่จะตกลงกับรัสเซียต่อไป
โดยหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามสนธิสัญญาฯ แล้ว
กระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินการมีหนังสือแจ้งฝ่ายรัสเซียว่า
ฝ่ายไทยได้เสร็จสิ้นการดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมายภายในเพื่อให้สนธิสัญญาฯ
มีผลใช้บังคับแล้ว โดยสนธิสัญญาฯ จะมีผลใช้บังคับ ๓๐ วัน
นับจากวันที่ภาคีได้รับการแจ้งครั้งสุดท้าย ทั้งนี้ เป็นไปตามข้อ ๒๑ ของสนธิสัญญาฯ
โดยร่างสนธิสัญญาฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการให้ความร่วมมือระหว่างสองประเทศในการปราบปรามอาชญากรอย่างมีประสิทธิภาพ
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างสนธิสัญญาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
117 | ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2561 [เรื่อง ผลการดำเนินการตามมาตรา 5/8 แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559 เรื่อง แนวทางการควบคุมดูแลกิจการของคณะกรรมการองค์การมหาชน] เกี่ยวกับกรอบเวลาในการทบทวนความจำเป็นในการคงอยู่หรือยุบเลิกองค์การมหาชน | นร.12 | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๑ [เรื่อง ผลการดำเนินการตามมาตรา
๕/๘ แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ เรื่อง
แนวทางการควบคุมดูแลกิจการของคณะกรรมการองค์การมหาชน] ข้อ ๕
ที่ให้สำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณาทบทวนความจำเป็นในการคงอยู่หรือยุบเลิกองค์การมหาชนที่มีอยู่ในปัจจุบัน
โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่และวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งหน่วยงานตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การทบทวนความจำเป็นในการคงอยู่หรือยุบเลิกองค์การมหาชน)
เป็นประจำทุกปีงบประมาณ ตามที่คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาขนเสนอ และให้
สำนักงาน ก.พ.ร.
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาเพิ่มเติมกิจกรรมการประเมินหรือติดตามผลรายปีหรือในช่วงระหว่างปีที่เกี่ยวข้องกับการประเมินความคุ้มค่าเพื่อพัฒนาองค์การมหาชน
เพื่อให้องค์การมหาชนนำไปปฏิบัติก่อนเข้ารับการประเมินความคุ้มค่าเพื่อพัฒนาองค์การมหาชน
ทุกสามปี โดยให้ความสำคัญกับด้านคุณภาพ ประสิทธิภาพ
และผลลัพธ์ที่คาดหวังจากการประเมิน เพื่อให้เกิดประโยชน์ในภาพรวมของการปฏิบัติราชการ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
118 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทและหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจโรงแรม (ฉบับที่ .. ) พ.ศ. .... | มท. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทและหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจโรงแรม
(ฉบับที่ .. ) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดประเภทและหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจ
โรงแรม พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยแก้ไขเพิ่มเติมสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม
โดยกำหนดให้สถานที่พักที่มีจำนวนห้องพักในอาคารเดียวกันหรือหลายอาคารรวมกันไม่เกิน
๘ ห้อง และมีจำนวนผู้พักรวมกันทั้งหมดไม่เกิน ๓๐ คน
ซึ่งให้บริการเพื่อหารายได้เสริม
เมื่อได้แจ้งให้นายทะเบียนทราบให้นายทะเบียนออกหนังสือรับแจ้งสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรมตามพระราชบัญญัติโรงแรม
พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยกำหนดให้หนังสือรับแจ้งมีอายุ ๕ ปีนับแต่วันแจ้ง เพื่ออนุรักษ์อาคารที่มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์ทรงคุณค่าเฉพาะในแต่ละท้องถิ่น
และเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับชุมชนในท้องถิ่น นอกจากนี้
ได้เพิ่มเติมหลักเกณฑ์และเงื่อนไขสำหรับโรงแรม โดยเพิ่มเติมให้สามารถนำอาคารที่มีลักษณะเป็นแพ
และอาคารที่มีลักษณะพิเศษ เช่น เต็นท์ กระโจม มาประกอบธุรกิจโรงแรมได้ รวมทั้งกำหนดเพิ่มเติมเงื่อนไขต่าง
ๆ เพื่อความปลอดภัยสำหรับผู้พัก ทั้งนี้
เพื่อให้ผู้ประกอบการดังกล่าวสามารถดำเนินการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมให้ถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรมได้
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงสาธารณสุข เช่น
ผู้ประกอบการและผู้ให้บริการสถานที่พักดังกล่าว จำเป็นต้องคำนึงถึงสุขลักษณะ
ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวพร้อมการบริหารจัดการ
รวมถึงการลดผลกระทบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการท่องเที่ยว ควรพิจารณาเพิ่มเติมเรื่องสุขลักษณะการจัดการส้วมและสิ่งปฏิกูล
สำหรับโรงแรมที่มีลักษณะเป็นแพ เพื่อให้เป็นไปตามข้อ ๗ และ ๘
ของกฎกระทรวงสุขลักษณะการจัดการสิ่งปฏิกูล พ.ศ. ๒๕๖๑
และการจัดการน้ำเสียที่มีไขมันจากการประกอบอาหารและให้บริการอาหารบนแพ
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม
กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี
และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาลเป็นไปเพื่อประโยชน์ของรัฐและประชาชนเป็นสำคัญ
อาคารที่ใช้เป็นโรงแรม ไม่อยู่ในพื้นที่ที่กฎหมายควบคุมอาคารใช้บังคับอาจเพิ่มเติมเรื่อง
การจัดสิ่งปฏิกูลให้เป็นไปตามกฎกระทรวงสุขลักษณะการจัดการสิ่งปฏิกูล พ.ศ. ๒๕๖๑ ควรพิจารณาจัดทำประเภทและหลักเกณฑ์เงื่อนไขของที่พักแรมให้มีความหลากหลายตามประเภทของที่พักแรมและศักยภาพเบื้องต้นของผู้ประกอบการ
เช่น หลักเกณฑ์เงื่อนไขสำหรับที่พักแรมท้องถิ่น ที่พักแรมอาคารอนุรักษ์
ที่พักแรมวิสาหกิจชุมชน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
119 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดร้อนเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อน ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดร้อนเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อน
ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าแบนรีดร้อนเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อน
ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน โดยเป็นการกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมบังคับขึ้นใหม่
เพื่อให้มีมาตรฐานอ้างอิงในการรับรองควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ดังกล่าว
และเพื่อประโยชน์ในการแบ่งแยกผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อนแผ่นม้วน
แผ่นตัด และแผ่นลูกฟูก ตามเลขที่ มอก. ๕๐-๒๕๖๑
ซึ่งกำหนดเป็นมาตรฐานบังคับไว้ก่อนแล้ว ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
120 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2564/2565 | อก. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๔/๒๕๖๕ เป็นรายเขต ๙ เขต โดยมีราคาอ้อยขั้นสุดท้ายฤดูการผลิตปี
๒๕๖๔/๒๕๖๕ เฉลี่ยทั่วประเทศในอัตราตันอ้อยละ ๑,๑๐๖.๔๐ บาท ณ ระดับความหวานที่ ๑๐ ซี.ซี.เอส.
อัตราขึ้น/ลงของราคาอ้อย เฉลี่ยทั่วประเทศ เท่ากับ ๖๖.๓๘ บาท ต่อ ๑ หน่วย
ซี.ซี.เอส. และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี
๒๕๖๔/๒๕๖๕ เฉลี่ยทั่วประเทศ เท่ากับ ๔๗๔.๑๗ บาทต่อตันอ้อย
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น ให้กระทรวงอุตสาหกรรม
โดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย
ดำเนินการให้โรงงานน้ำตาลนำส่งเงินเข้ากองทุนตามส่วนต่างระหว่างรายได้สุทธิและราคาอ้อยขั้นสุดท้าย
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๔/๒๕๖๕ ให้กับกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย
เพื่อรักษาเสถียรภาพของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย
และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดเพื่อประโยชน์ของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายในภาพรวม
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|