ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 32 จากทั้งหมด 81 หน้า แสดงรายการที่ 621 - 640 จากข้อมูลทั้งหมด 1601 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
621 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 2 กันยายน 2567 | ปสส. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒ กันยายน ๒๕๖๗ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๒๐ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง)
เป็นพิเศษ วันอังคารที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๗ พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๒๑ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ วันพุธที่
๔ กันยายน ๒๕๖๗ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒
ครั้งที่ ๒๒ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ วันพฤหัสบดีที่ ๕ กันยายน
๒๕๖๗ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
622 | ร่างกฎกระทรวงการแจ้งกำหนดวัน เวลา และสถานที่ที่พาหนะจะเข้ามาถึงด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ พ.ศ. .... | สธ. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการแจ้งกำหนดวัน
เวลา และสถานที่ที่พาหนะจะเข้ามาถึงด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนมาตรการทางกฎหมายกรณีเมื่อมีเหตุอันสมควรหรือมีเหตุสงสัยว่าพาหนะใดมาจากท้องที่หรือเมืองท่าใดนอกราชอาณาจักรที่มีโรคระบาด
โดยให้เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะแจ้งกำหนดวัน เวลา และสถานที่ที่พาหนะนั้น ๆ จะเข้ามาถึงด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ
ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด เพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวัง
ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม
และกระทรวงมหาดไทยไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นว่าระยะเวลาที่ให้เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะแจ้งต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อฯ
ตามข้อ ๓ (๓) กรณีของอากาศยานประเภทเครื่องบิน อาจไม่เหมาะสมในทางปฏิบัติและอาจมีผลกระทบต่อความปลอดภัยในการปฏิบัติ
จึงเห็นควรกำหนดระยะเวลาโดยใช้หลักเดียวกันกับกรณีพาหนะทางบกและพาหนะทางน้ำ โดยให้มีระยะเวลาที่เพียงพอสำหรับเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อฯ
ในการเตรียมตัวสำหรับการปฏิบัติหน้าที่แต่ไม่ควรน้อยกว่า ๑ ชั่วโมง กระทรวงมหาดไทย เห็นควรขยายระยะเวลาในการกำหนดวันบังคับใช้ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากเดิมที่กำหนดให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด
๓๐ วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ซักซ้อมแนวทางในขั้นตอนการดำเนินการ
และเห็นควรตัดข้อ ๕ ออก โดยนำถ้อยคำในข้อ ๕ มาเพิ่มเติมในข้อ ๔ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงคมนาคมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่าร่างกฎกระทรวงดังกล่าวต้องสอดรับกับพันธกรณีของไทยต่อกฎอนามัยระหว่างประเทศ
ค.ศ. ๒๐๐๕ ฉบับแก้ไขล่าสุด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
623 | การให้ความเห็นชอบเอกสารผลลัพธ์ด้านเศรษฐกิจสำหรับการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 56 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง จำนวน 2 ฉบับ | นร.53 | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ด้านเศรษฐกิจสำหรับการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน
(AEM) ครั้งที่ ๕๖ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง
จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่ ๑) ร่างผลลัพธ์การจัดทำตัวชี้วัดเชิงนโยบายในการพัฒนา SME
อาเซียน และ ๒)
ร่างกรอบแบบจำลองสำหรับระบบการรับรองธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานรากในอาเซียน และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้ความเห็นชอบร่างเอกสาร
๒ ฉบับ ในฐานะรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน [ASEAN Economic Ministers (AEM)] ในการประชุมหรือในห้วงการประชุม AEM ครั้งที่ ๕๖
และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๕ - ๒๒ กันยายน พ.ศ.
๒๕๖๗ ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยร่างผลลัพธ์ฯ
มีสาระสำคัญเป็นการนำเสนอผลลัพธ์จากการศึกษารวบรวมและประเมินข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบศักยภาพของนโยบายในการพัฒนา
SME ทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค และร่างกรอบแบบจำลองฯ
เป็นคู่มือเกี่ยวกับวิธีการพัฒนาระบบการรับรองธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานรากแห่งชาติ
โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมและสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานรากสำหรับผู้กำหนดนโยบาย
เจ้าหน้าที่ของรัฐ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการรับรองเศรษฐกิจฐานราก
เพื่อเตรียมเสนอต่อคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และผู้นำอาเซียนพิจารณาให้การรับรองและเห็นชอบต่อไป
ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การจัดทำตัวชี้วัดเชิงนโยบายในการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอาเซียน
และร่างกรอบแบบจำลองสำหรับระบบการรับรองธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานรากในอาเซียน
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
และให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม วิเคราะห์ ประเมินผล
และติดตามการดำเนินงาน ตลอดจนสื่อสารผลลัพธ์และความคืบหน้าของร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าว
ให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนรับรู้ถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
624 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | รง. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๔๗,๐๐๐,๐๐๐ บาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการพัฒนาทักษะฝีมือบุคลากรเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้กระทรวงแรงงานดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง
เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
625 | ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 30 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) | นร.11 สศช | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๓๐ แผนงาน IMT-GT และให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์) หรือผู้แทนที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์) มอบหมาย ปฏิบัติหน้าที่เป็นรัฐมนตรีประจำแผนงาน IMT-GT
และเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๓๐ แผนงาน IMT-GT และการประชุมอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องในระหว่างวันที่ ๑๑-๑๒ กันยายน ๒๕๖๗ รวมทั้ง
ให้การรับรองแถลงการณ์ร่วมฯ ในวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๗ โดยไม่มีการลงนาม โดยแถลงการณ์ร่วมฯ
มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินการต่าง ๆ เช่น การพัฒนาการเกษตรที่ยั่งยืน
การพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาล การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว การพัฒนาโครงการเชื่อมต่อทางกายภาพภายในอนุภูมิภาค
การเปลี่ยนแปลงของนวัตกรรมดิจิทัลในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและครอบคลุมในอนุภูมิภาค
และการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
626 | ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาเพื่อพิจารณาก่อนรับหลักการ [ร่างพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | สผ. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อสังเกตและผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร กับคณะ เป็นผู้เสนอ)
ของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒. ให้ส่งคืนร่างพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร กับคณะ เป็นผู้เสนอ)
ที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการไปยังสภาผู้แทนราษฎรภายในกำหนดเวลา
พร้อมแจ้งข้อสังเกตดังกล่าว และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๓.
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการทบทวนความเหมาะสมและประเมินผลสัมฤทธิ์ของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวทั้งฉบับอย่างเป็นระบบตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
627 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... | ทส. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ.
๒๕๖๐ ที่จะสิ้นสุดระยะเวลาการใช้บังคับในวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๗ เพื่อกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ในเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ตให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
และเพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างการบังคับใช้กฎหมาย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทยไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นควรให้บังคับใช้ตามกฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง
ในบริเวณจังหวัดภูเก็ต พ.ศ. ๒๕๖๕ เพื่อรักษาความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรในพื้นที่
ความเป็นอยู่และวิถีชีวิตของชาวประมงบริเวณพื้นที่ดังกล่าวอย่างยั่งยืนต่อไป กระทรวงมหาดไทย เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตามระเบียบ
กฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
628 | ขออนุมัติการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในการจ่ายเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | พม. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายร่ายประจำปีงบประมาณ งบกลาง
รายการเงินสำรองสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในการจ่ายเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ
โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๑,๒๑๔,๒๑๖,๖๐๐ บาท เพื่อเป็นเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด
ที่จะได้รับเงินต่อเนื่องในเดือนกันยายน ๒๕๖๗ จำนวน ๒,๒๗๕,๔๙๐ ราย โดยเบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน
ตามที่นายกรัฐมนตรีเห็นชอบให้กรมกิจการเด็กและเยาวชนใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ แล้ว ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง
เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
629 | รายการสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือในภาคการเกษตร | กษ. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายอรรถกร ศิริลัทธยากร)
รายงานภาพรวมสถานการณ์อุทกภัย ปี ๒๕๖๗ และการให้ความช่วยเหลือในภาคการเกษตร ดังนี้ ๑.๑
สรุปสถานการณ์อุทกภัย ผลกระทบด้านการเกษตร (ด้านพืช ประมง และปศุสัตว์) และการให้ความช่วยเหลือเฉพาะหน้า
(ข้อมูล ณ วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๗) ๑.๒ การขอปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๖๓
และหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๖๔ ๑.๓
การเตรียมการช่วยเหลือเกษตรหลังน้ำลดเพื่อฟื้นฟูอาชีพเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย เช่น
การสนับสนุนปัจจัยการผลิตตามความต้องการของเกษตรกร การฟื้นฟูพื้นที่การเกษตร
การปรับปรุงคุณภาพดินและน้ำ การช่วยเหลือด้านหนี้สินและทรัพย์สิน ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง
กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย
ตามหน้าที่และอำนาจ และเป็นไปตามแนวทางระเบียบ หลักเกณฑ์
และวิธีปฏิบัติที่ใช้อยู่ในปัจจุบันให้รวดเร็วและทั่วถึง
เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรได้โดยเร็วและทันต่อสถานการณ์มากที่สุด ๓.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการประเมินมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ในภาพรวมทั้งหมด
รวมทั้งให้ศึกษาความจำเป็นเหมาะสมของการปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์และอัตราการช่วยเหลือเยียวยาแก่เกษตรกรด้วย
แล้วให้รายงานผลต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
630 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาการส่งข้อมูลการอุดมศึกษาและการอื่นที่เกี่ยวข้อง พ.ศ. .... | อว. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้เลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ออกไปก่อน
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
631 | การป้องกันและปราบปรามธุรกิจขายสินค้าจากต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย | พณ. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการแก้ไขปัญหาสินค้านำเข้าไม่มีคุณภาพมาตรฐานและธุรกิจจากต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
จำนวน ๕ มาตรการหลัก (๖๓ แผนปฏิบัติการ) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรม เร่งรัดดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวตามหน้าที่และอำนาจ
รวมทั้งให้บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป
สำหรับการจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจป้องกันและปราบปรามสินค้าและธุรกิจจากต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมายและการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างชาติที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
ให้กระทรวงพาณิชย์เสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่พิจารณาต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ทั้งนี้
ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรกำกับดูแลและตรวจสอบให้หน่วยงานมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ
รวมทั้งมีการประสานการทำงานอย่างใกล้ชิดกับเครือข่ายที่สามารถให้ข้อมูลและเบาะแสการขายสินค้าจากต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย
อาทิ สถาบันการเงิน และผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ ตลอดจนเร่งรัดการตราพระราชบัญญัติว่าด้วยเศรษฐกิจแพลตฟอร์มให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว
และควรมีมาตรการช่วยเหลือและพัฒนาที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการ SMEs แต่ละประเภท ขนาด และศักยภาพของธุรกิจ อาทิ
เร่งแก้ปัญหาหนี้สินและสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง ส่งเสริมให้เข้าถึงการทดสอบและรับรองมาตรฐานเพื่อยกระดับสินค้าและบริการ
ตลอดจนพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ จูงใจให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นและลดผลกระทบจากการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
632 | ร่างกฎกระทรวงการตรวจสุขภาพของแรงงานนอกระบบ พ.ศ. .... | สธ. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการตรวจสุขภาพของแรงงานนอกระบบ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดสิทธิในการตรวจสุขภาพของแรงงานนอกระบบให้มีสิทธิได้รับการตรวจสุขภาพโดยหน่วยบริการที่ได้ขึ้นทะเบียน
๓ กรณี ได้แก่ การตรวจสุขภาพแรกเข้าทำงานภายในสามสิบวันและตรวจสุขภาพเป็นระยะ
การตรวจสุขภาพก่อนกลับเข้าทำงานหลังจากเจ็บป่วยหรือประสบอันตราย
และการตรวจสุขภาพกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินหรือมีเหตุจำเป็นเร่งด่วน ทั้งนี้
ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด
เพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน
และควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพของแรงงานนอกระบบ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงแรงงาน สำนักงาน ก.พ.ร.
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ เช่น กระทรวงแรงงาน เห็นควรกำหนดให้กฎกระทรวงฯ
มีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
และควรมีการระบุลักษณะการประกอบอาชีพอื่นที่ควรเฝ้าระวังด้วย เช่น
โรคที่เกิดจากรังสีแตกตัว โรคหูเสื่อมจากเสียงดัง และโรคติดเชื้อจากสัตว์ เป็นต้น สำนักงาน ก.พ.ร.
เห็นควรพิจารณาให้กฎกระทรวงมีผลบังคับใช้เร็วกว่าที่กำหนด
และกระทรวงสาธารณสุขต้องมีการสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้กับหน่วยบริการอาชีวเวชกรรมได้ทราบถึงบทบาทของหน่วยบริการที่จะต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขภายหลังจากกฎกระทรวงดังกล่าวมีผลใช้บังคับโดยเร็ว
รวมถึงควรพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศรองรับการเชื่อมโยงฐานข้อมูลการตรวจสุขภาพของแรงงานนอกระบบและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสำนักงาน ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่ากระทรวงสาธารณสุขอาจพิจารณาหาแนวทางที่เหมาะสมที่จะให้แรงงานต่างด้าวซึ่งมีจำนวนมากและเป็นสัดส่วนที่สูงของแรงงานทั้งหมดในประเทศไทย
สามารถเข้าถึงการตรวจสุขภาพได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึงมากขึ้น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เห็นควรมีการสื่อสารสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้แก่ประชาชนผู้เป็นแรงงานนอกระบบ
เพื่อให้รับรู้ถึงสิทธิการตรวจสุขภาพ รวมถึงขั้นตอนการปฏิบัติที่ถูกต้อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
633 | ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก หรือจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 พ.ศ. .... | สธ. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการอนุญาตผลิต นำเข้า
ส่งออก หรือจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท ๓ พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก หรือจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท
๓ และการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการดำเนินการดังกล่าว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการและเงื่อนไขการขอขึ้นทะเบียนและการปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมดังกล่าว
ให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง และแจ้งกระทรวงการคลังจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้อง
ครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินงานทางการเงินการคลังและงประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบเป็นประจำทุกสิ้นปีงบประมาณ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
634 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ บริหารจัดการน้ำ และเตรียมความพร้อมการบริหารจัดการน้ำ | กษ. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน
ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ บริหารจัดการน้ำ และเตรียมความพร้อมการบริหารจัดการน้ำ
จำนวน ๑,๐๗๒
รายการ วงเงิน ๒,๒๘๙,๓๘๒,๒๐๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
635 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหายาเสพติดตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล | ตช. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวนเงิน ๖๓๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหายาเสพติด
ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เพื่อดำเนินโครงการจัดซื้อระบบอุโมงค์เอกซเรย์รถแบบเคลื่อนที่
พร้อมยานพาหนะบรรทุกสำหรับเคลื่อนย้าย จำนวน ๕ ชุด ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
636 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม 2567 | นร. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๗
ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา ได้แก่
ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พ.ศ. .... พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑๘ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพุธที่ ๒๘
สิงหาคม ๒๕๖๗ พิจารณาระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ ๑
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๗ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑๙ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ
วันพฤหัสบดีที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๗ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
637 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม 2567) | ปสส. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๗
ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พ.ศ. ....
ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
638 | ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เรืออากาศโท ธนเดช เพ็งสุข กับคณะ เป็นผู้เสนอ) (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม 2567) | ปสส. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รับร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เรืออากาศโท ธนเดช เพ็งสุข กับคณะ เป็นผู้เสนอ)
ไปพิจารณาก่อนรับหลักการภายใน ๖๐ วัน นับแต่วันที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
639 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์การวิจัยและข้อกำหนดจริยธรรมการวิจัยซึ่่งมีปัญหากับหลักศาสนาวัฒนธรรม จารีตประเพณี หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน พ.ศ. .... | อว. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์การวิจัยและข้อกำหนดจริยธรรมการวิจัยซึ่งมีปัญหากับหลักศาสนา
วัฒนธรรม จารีตประเพณี หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์การวิจัยและข้อกำหนดจริยธรรมการวิจัยซึ่งมีปัญหากับหลักศาสนา
วัฒนธรรม จารีตประเพณี หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
กำหนดให้มีคณะกรรมการพิจารณาการวิจัยซึ่งอาจมีปัญหากับหลักศาสนาฯ
และกำหนดลักษณะของการวิจัยที่มีปัญหากับหลักศาสนาฯ
รวมทั้งกำหนดวิธีดำเนินการวิจัยที่มีปัญหากับหลักศาสนาฯ ตามที่สภานโยบายการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติไปประกอบการพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรตัดความในมาตรา ๑๔ ของร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว
ตามร่างมาตรา ๑๔ ที่กำหนดให้ประธานกรรมการ กรรมการ ประธานอนุกรรมการ อนุกรรมการ
ได้รับเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการ
ว่า อาจเป็นการกำหนดเกินบทบัญญัติในมาตรา ๓๓ วรรคสาม
แห่งพระราชบัญญัติการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. ๒๕๖๒
ประกอบกับพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ซึ่งให้สิทธิเฉพาะเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการที่เข้าข่ายตามนัยนิยาม มาตรา ๕
มิได้รวมถึงกรรมการที่แต่งตั้งโดยพระราชกฤษฎีกา
และมิได้มีบทกำหนดเกี่ยวกับประโยชน์ตอบแทนอื่นไว้ในพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการฯ
เพื่อมิให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เห็นว่าหากมีความจำเป็นต้องมีการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาการวิจัยซึ่งอาจมีปัญหากับหลักศาสนาวัฒนธรรมจารีตประเพณี
หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน เพื่อทำหน้าที่ในลักษณะเดียวกันคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมตามกฎหมายว่าด้วยสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (กสว.) โดยความเห็นชอบของสภานโยบายการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ กำหนดหลักเกณฑ์การวิจัยและข้อกำหนดจริยธรรมการวิจัย กสว.
อาจจำเป็นต้องบัญญัติบทให้อำนาจในการแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวไว้ในพระราชกฤษฎีกา
หรืออาจต้องบัญญัติให้การกำหนดหลักเกณฑ์การวิจัยและข้อกำหนดจริยธรรมการวิจัยซึ่งมีปัญหากับหลักศาสนา
วัฒนธรรม จารีตประเพณี หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
ของคณะกรรมการหรืออนุกรรมการตามพระราชกฤษฎีกาต้องได้รับความเห็นชอบจาก กสว.
รวมทั้งอาจจำเป็นต้องบัญญัติในเรื่องของการอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการและการพิจารณาอุทธรณ์ดังกล่าวไว้ในพระราชกฤษฎีกาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
640 | คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี รวม 3 ฉบับ (คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 288/2567-290/2567) | นร 05 | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
รวม ๓ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๘๘/๒๕๖๗ เรื่อง
มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ลงวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๗ ๒. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๘๙/๒๕๖๗ เรื่อง
มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ
และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ
รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย
และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๗
|