ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 35 จากทั้งหมด 81 หน้า แสดงรายการที่ 681 - 700 จากข้อมูลทั้งหมด 1601 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
681 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายประวิต เอราวรรณ์) | ศธ. | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายประวิต เอราวรรณ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาการศึกษา
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
682 | แนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 14-16 สิงหาคม 2567 | นร.05 | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับทราบแนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑๓ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพุธที่ ๑๔
สิงหาคม ๒๕๖๗ ครั้งที่ ๑๔ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ ๑๕
สิงหาคม ๒๕๖๗ และครั้งที่ ๑๕ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ วันศุกร์ที่
๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๗ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
683 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดพื้นที่ทดลองเพาะปลูกและสกัดสารสำคัญจากพืชฝิ่นและพืชเห็ดขี้ควาย เพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิจัย พ.ศ. .... | ยธ. | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดพื้นที่ทดลองเพาะปลูกและสกัดสารสำคัญจากพืชฝิ่นและพืชเห็ดขี้ควาย
เพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิจัย พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดพื้นที่ทดลองเพาะปลูกและสกัดสาระสำคัญจากฝิ่นและเห็ดขี้ควาย
เพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิจัย
รวมทั้งกำหนดมาตรการควบคุมและตรวจสอบการเพาะปลูกและสารสกัดสำคัญจากพืชดังกล่าว
โดยอาศัยอำนาจในมาตรา ๕๕ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
โดยให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมไปปรับแก้พื้นที่ทดลองเพาะปลูกและสกัดสารสำคัญจากพืชเห็ดขี้ควายในร่างพระระราชกฤษฎีกาเพื่อความถูกต้องและเป็นปัจจุบัน
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการต่อไป ๒.
ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ดังนี้ กระทรวงมหาดไทย เห็นว่าหน่วยงานที่เป็นผู้รับผิดชอบและควบคุมการดำเนินการทดลองเพาะปลูกและสกัดสารสำคัญ
ต้องตรวจสอบการทดลองเพาะปลูกและสกัดสารสำคัญ ให้เป็นไปตามมาตรการควบคุมพืชดังกล่าว
รวมทั้งควบคุมไม่ไห้มีการปลูกฝิ่นนอกพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตโดยเคร่งครัด เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน
สังคม และความมั่นคงของประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เห็นควรกำหนดให้มีรูปแบบการรายงานผลการดำเนินงานได้หลายรูปแบบ
เช่น แบบฟอร์มกระดาษ และแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ทั้งนี้
สถาบันอุดมศึกษาที่ได้รับการกำหนดให้เป็นพื้นที่ทดลองเพาะปลูกและสกัดสารสำคัญจากพืชเห็ดขี้ควาย
มีความพร้อมในการดำเนินการศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้อง
โดยขอเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในมาตรา ๕ เพื่อความถูกต้องและความเป็นปัจจุบันของพื้นที่ดังกล่าว
ดังนี้ ๑. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในมาตรา ๕ (๑) จาก “(ก) อาคารปฏิบัติการวิจัยกลาง”
เป็น “(ก) อาคารปฏิบัติการวิจัยกลาง
สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตผลทางการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร” ๒. มหาวิทยาลัยพายัพ ในมาตรา ๕ (๕) จาก “อาคารวิวรณ์
สำนักบริการวิชาการและวิจัย” เป็น “อาคารวิวรณ์ สำนักบริการวิชาการ” |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
684 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์) | รง. | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม
ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน
เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๗
เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
685 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พ.ศ. .... | อว. | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พ.ศ.
.... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการบริหารมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีให้เป็นสถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการแต่อยู่ในกำกับของรัฐ
เพื่อให้มหาวิทยาลัยมีการบริหารจัดการที่เป็นอิสระ มีความคล่องตัวและมีธรรมาภิบาล
สามารถจัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษาได้อย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพเพื่อความเป็นเลิศทางวิชาการและวิชาชีพชั้นสูง
รวมทั้งเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม
และการปฏิรูปการอุดมศึกษา ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา โดยให้ส่งความเห็นของกระทรวงการคลังไปเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
686 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝน และการส่งเสริมความมั่นคงด้านน้ำอุปโภคบริโภค | นร.14 | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายใต้กรอบวงเงิน
๙,๑๘๗.๔๔๖๒ ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝน
และการส่งเสริมความมั่นคงด้านน้ำอุปโภคบริโภค จำนวน ๓,๐๓๒
รายการ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๗/๘๖๙๘ ลงวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๗) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ตามขั้นตอนของระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้หน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์และสอดคล้องกับความต้องการของพื้นที่ตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
และให้เร่งรัดดำเนินการก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๗
โดยให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
687 | รัฐบาลสาธารณรัฐเอสโตเนียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเอสโตเนียประจำประเทศไทย (นายฮันเนส ฮันโซ) | กต. | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายฮันเนส ฮันโซ (Mr. Hannes Hanso)
ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเอสโตเนียประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน สืบแทน นายมาร์เทิน ค็อคค์ (Mr.
Marten Kokk) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
688 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์) | กก. | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
สำนักนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
689 | รายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | ตผ. | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยรายงานดังกล่าวมีสาระสำคัญเกี่ยวกับรายงานผลการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
เช่น การตรวจเงินแผ่นดิน ผลการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ การดำเนินการด้านความผิดวินัยการเงินการคลังของรัฐ
การส่งเสริมให้ความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติงานของหน่วยรับตรวจ
การพัฒนาระบบการบริหารจัดการและเทคโนโลยี ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
690 | ขอความเห็นชอบและอนุมัติให้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทย กับกระทรวงเกษตรแห่งสาธารณรัฐคาซัคสถาน | กษ. | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทย
กับกระทรวงเกษตรแห่งสาธารณรัฐคาซัคสถาน (Memorandum
of Understanding between the Ministry of Agriculture and Cooperatives of the
Kingdom of Thailand and the Ministry of Agriculture of the Republic of
Kazakhstan of Agricultural Cooperation) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างและส่งเสริมการค้าและการถ่ายทอดเทคโนโลยี
การแลกเปลี่ยนข้อมูลความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์และทางวิชาการในสาขาเกษตร ซึ่งมีขอบเขตความร่วมมือ
เช่น การพัฒนาด้านการเกษตร การพัฒนากลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตร
การส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตร เป็นต้น โดยจะร่วมมือกันในรูปแบบ เช่น
แลกเปลี่ยนนักวิชาการ นักวิจัย ฝึกอบรม/สัมมนา/ศึกษาดูงาน
ส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศ เป็นต้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
691 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สผ. | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ๒.
ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ของสภาผู้แทนราษฎรดังกล่าว ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานศาลยุติธรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
692 | รายงานผลการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 | นร.12 | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานผลการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์
พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๒ เรื่อง ได้แก่ ๑) ผลการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐตามมาตรา ๒๐
วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นรายงานความคืบหน้าของดำเนินการของหน่วยงานของรัฐในการประกาศช่องทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับประชาชนติดต่อราชการ
และกำหนดระบบสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
และ ๒) การขอยกเว้นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์
พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ๒.
เห็นชอบผลการพิจารณากลั่นกรองการขอยกเว้นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์
พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ๓. อนุมัติหลักการ ๓.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่ไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์
พ.ศ. ๒๕๖๕ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้พระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์
พ.ศ. ๒๕๖๕ ไม่ใช้บังคับแก่อัยการทหาร ในสังกัดกระทรวงกลาโหม ๓.๒
ร่างกฎกระทรวงกำหนดการอื่นที่ไม่อยู่ภายใต้บังคับมาตรา ๗ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดการดำเนินการที่ประชาชนจะต้องดำเนินการด้วยตนเอง
โดยไม่อาจดำเนินการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ จำนวน ๓๘ รายการ ๓.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดเอกสารสำคัญที่ไม่อาจแสดงเป็นภาพทางอิเล็กทรอนิกส์หรือโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์อื่น
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้หนังสือเดินทางเป็นเอกสารสำคัญที่ไม่อาจแสดงเป็นภาพทางอิเล็กทรอนิกส์หรือโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์อื่น รวม
๓ ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงกลาโหมและความเห็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการแก้ไขข้อความในบัญชีท้ายร่างกฎกระทรวงกำหนดการอื่นที่ไม่อยู่ภายใต้บังคับมาตรา
๗ พ.ศ. .... ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๔. ให้สำนักงาน ก.พ.ร.
รับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการคลังเห็นควรดำเนินการสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการออกร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้
รวม ๓ ฉบับ แก่ประชาชน ภาครัฐ และภาคเอกชน พร้อมทั้งจัดทำรายงานสรุปผลการออกกฎกระทรวงดังกล่าว
เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการดำเนินการต่อไป นอกจากนี้
ควรชี้แจงเจตนารมณ์และสาระสำคัญในการกำหนดข้อยกเว้นและรายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์
พ.ศ. ๒๕๖๕ เพื่อให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตระหนักถึงความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับจากการมีข้อยกเว้นและรายละเอียดเพิ่มเติมที่เหมาะสมและชัดเจน กระทรวงมหาดไทย เห็นว่าหน่วยงานที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จตามมาตรา ๒๐ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕ อาจจะมีข้อจำกัดในการดำเนินการ เช่น ความพร้อมของระบบเทคโนโลยี งบประมาณที่ได้รับการจัดสรร และความรู้ความเข้าใจของบุคลากรในระดับต่าง ๆ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนหน่วยงานของรัฐในด้านต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหาและข้อจำกัดดังกล่าว ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
693 | รัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรียประจำประเทศไทย (นายอับเดลฮะฟีซ บูนูร) | กต. | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอับเดลฮะฟีซ บูนูร (Mr. Abdelhafid Bounour)
ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรียประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย สืบแทน นายนัศริดดีนรีมูช (Mr.
Nasreddine Rimouche) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
694 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (1. นายศุภชัย เจียรวนนท์ ฯลฯ รวม 7 คน) | สมศ. | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา
รวม ๗ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการอื่นเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ
ดังนี้ ๑. นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ ๒. ศาสตราจารย์พิเศษทศพร ศิริสัมพันธ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายสุภัทร จำปาทอง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. ศาสตราจารย์พิริยะ ผลพิรุฬห์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายพิศณุ ศรีพล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. ศาสตราจารย์สมคิด เลิศไพฑูรย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๗. ศาสตราจารย์สุรินทร์ คำฝอย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
695 | การเสนอคำขอแปรญัตติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ของหน่วยงานของรัฐสภา หน่วยงานของศาล หน่วยงานขององค์กรอิสระหรือองค์กรอัยการ | นร.07 | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเสนอคำขอแปรญัตติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ของหน่วยงานของรัฐสภา หน่วยงานของศาล
หน่วยงานขององค์กรอิสระหรือองค์กรอัยการ เพื่อให้การเสนอคำขอแปรญัตติฯ เป็นไปตามขั้นตอนที่จะต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ
ก่อนนำเสนอประกอบการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
696 | ขอความเห็นชอบต่อร่างปฏิญญารัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค ครั้งที่ 9 และเอกสารที่เกี่ยวข้อง | กษ. | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างปฏิญญารัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค ครั้งที่ ๙ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง
ที่จะมีการรับรองระหว่างการประชุมรัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค จำนวน ๒ ฉบับ
ได้แก่ (๑) ร่างปฏิญญารัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค ครั้งที่ ๙
ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการแสดงความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความปลอดภัยและความมั่นคงทางอาหารในภูมิภาค
ตลอดจนลดและป้องกันการสูญเสียอาหารและขยะอาหาร และ (๒) ร่างเอกสารหลักการการป้องกันและการลดการสูญเสียอาหารและขยะอาหารในภูมิภาคเอเปค
เป็นเอกสารที่นำเสนอหลักการสำคัญให้เขตเศรษฐกิจเอเปคยึดถือเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในการส่งเสริมระบบอาหารที่ยั่งยืน
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นว่า
ร่างปฏิญญาฯ และเอกสารที่เกี่ยวข้องไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ
และเอกสารที่เกี่ยวข้องในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
697 | ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก หรือจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 3 หรือประเภท 4 พ.ศ. .... | สธ. | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการอนุญาตผลิต นำเข้า
ส่งออก หรือจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต
นำเข้า ส่งออก หรือจำหน่ายซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงาน
ก.พ.ร. ที่เห็นควรเร่งดำเนินการตามมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยจัดทำคู่มือสำหรับประชาชนและเผยแพร่ตามช่องทางที่กำหนด
รวมถึงในเว็บไซต์ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อติดต่อราชการ (www.info.go.th)
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
698 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อควบคุมโรคลัมปี สกิน ในโค กระบือ | กษ. | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
เพื่อควบคุมโรคลัมปี สกิน ในโค กระบือ ตามข้อมูลที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
พร้อมขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีตามมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ในวงเงินงบประมาณจำนวนทั้งสิ้น ๔๒๙,๗๕๗,๘๓๑ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการควบคุมโรคลัมปี
สกิน ในโค กระบือ ประกอบด้วย ๑) ค่าจัดซื้อวัคซีนโรคลัมปี สกิน ชนิดเชื้อเป็น จำนวน ๗,๘๕๐,๐๐๐ โด๊ส เป็นเงิน ๔๒๑,๐๒๐,๐๐๐ บาท และ ๒)
ค่าจัดซื้อวัสดุวิทยาศาสตร์เพื่อการแพทย์สำหรับฉีดวัดซีนและการรักษา
จำนวน ๘,๗๓๗,๘๓๑ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมปศุสัตว์)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ที่
นร ๐๗๐๗/๘๗๑๙ ลงวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๗) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์นำเรื่องดังกล่าวเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีโดยเสนอผ่านรองนายกรัฐมนตรี
รัฐมนตรีเจ้าสังกัด หรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแล หรือผู้ที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้เป็นผู้กำกับแผนงานบูรณาการกรณีเป็นการดำเนินการภายใต้แผนงานบูรณาการ
แล้วแต่กรณี ตามนัยระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙ (๓)
และเมื่อได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุมและเฝ้าระวังการเคลื่อนย้ายโคและกระบือในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคและการลักลอบนำเข้าโคและกระบืออย่างผิดกฎหมาย
เพื่อป้องกันการระบาดของโรคในวงกว้าง
พร้อมทั้งยกระดับมาตรฐานฟาร์มของเกษตรกรรายย่อย
เพื่อให้การควบคุมและป้องกันการระบาดของโรคลัมปี สกิน ในโค กระบือ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินงาน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
699 | ผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 16 | กห. | 06/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย - กัมพูชา ครั้งที่ ๑๖ ระหว่างวันที่ ๒๑ -
๒๒ มีนาคม ๒๕๖๗ ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยที่ประชุมได้พิจารณาประเด็นหารือ
๒ ด้านที่สำคัญ ได้แก่ ๑)
ด้านความมั่นคงและการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดน เช่น
การดำเนินการเกี่ยวกับจุดผ่านแดนและการสัญจรข้ามแดน
การป้องกันและปราบปรามการค้ายาเสพติด การป้องกันและปราบปรามการก่ออาชญากรรมอื่น ๆ
ในพื้นที่ชายแดน และ ๒) ความร่วมมือด้านอื่น ๆ เช่น ด้านการค้าบริเวณชายแดน
ด้านการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
700 | รายงานสรุปผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปี 2566 | นร.11 สศช | 06/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ
ประจำปี ๒๕๖๖ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเสนอ
โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑. การประมินผลในภาพรวมทั้ง ๖ มิติ โดยภาพรวมปรับตัวดีขึ้น
เช่น ความอยู่ดีมีสุขของคนไทยและสังคมไทยมีพัฒนาการที่ดีขึ้น
เนื่องจากไทยสามารถปรับตัวต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙
ได้ดีขึ้น และความเท่าเทียมและความเสมอภาคของสังคมในภาพรวมปรับตัวดีขึ้น โดยความก้าวหน้าทางสังคมในปี
๒๕๖๖ ไทยจัดอยู่ในอันดับที่ ๕๘ จาก ๑๗๐ ประเทศ ดีขึ้นจากอันดับที่ ๗๑
ของปีที่ผ่านมา ๒. การประเมินผลรายยุทธศาสตร์ชาติทั้ง ๖ ด้าน
โดยส่วนใหญ่ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น เช่น ขีดความสามารถในการแข่งขัน
การพัฒนาเศรษฐกิจและการกระจายรายได้ของไทยมีการพัฒนาที่ดีขึ้น
โดยอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยอยู่ในอันดับที่ ๓๐ ดีขึ้นจากอันดับที่
๓๓ จากปีที่ผ่านมา และการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม
สถานการณ์ด้านความเหลื่อมล้ำของไทยดีขึ้นจากการพัฒนาในระยะที่ผ่านมามีความก้าวหน้าในการลดสัดส่วนความยากจน ๓ ประเด็นท้าทายที่ส่งผลต่อการบรรลุเป้าหมาย เช่น
หน่วยงานของรัฐอาจยังไม่ได้นำผลการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผล อาทิ รายงานสรุปผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ
รายงานผลสัมฤทธิ์ของแผนระดับที่ ๓ ไปใช้ประกอบการปรับปรุงการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องในทุกขั้นตอน
ทำให้ในกระบวนการจัดสรรงบประมาณ อาจยังไม่สอดคล้องกับช่องว่างในการพัฒนาประเทศ ๔. ข้อเสนอแนะเพื่อการดำเนินการในระยะต่อไป เช่น ทุกหน่วยงานของรัฐต้องให้ความสำคัญในการนำเข้าทุกข้อมูลของแผนระดับที่
๓ ในระบบ eMENSCR ให้ครบถ้วน พร้อมทั้งการรายงานผลสัมฤทธิ์
ผลการดำเนินงานตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อให้หน่วยงานและภาคีการพัฒนาที่เกี่ยวข้องมีข้อมูลที่ครอบคลุมทุกการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติของหน่วยงานของรัฐไปใช้ประกอบการวิเคราะห์การดำเนินงานต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ต่อไป
|