ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 33 จากทั้งหมด 81 หน้า แสดงรายการที่ 641 - 660 จากข้อมูลทั้งหมด 1601 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
641 | โครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | ยธ. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ เพื่อสนับสนุนงบประมาณให้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน ๑๖,๐๐๐,๐๐๐
บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ งบเงินอุดหนุน ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) และให้เลขาธิการ ป.ป.ส.
มีอำนาจอนุมัติโครงการ แผนงาน และกิจกรรมภายใต้กรอบงบประมาณ งบเงินอุดหนุน
รายการโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
และสามารถจ่ายเงินงบประมาณสนับสนุนหน่วยงานกลางด้านยาเสพติดของประเทศเพื่อนบ้านแต่ละประเทศ
เพื่อให้มีการดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ตามที่ได้รับจัดสรร ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงยุติธรรม
(สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๕/๘๒๘๒ ลงวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๗)
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นควรที่สำนักงาน ป.ป.ส.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาให้ความสำคัญกับการสร้างกลไกหรือระบบในการติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานระหว่างประเทศ
เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูลได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน
และการปฏิบัติงานด้านยาเสพติดเป็นไปอย่างรวดเร็วทันต่อสถานการณ์
รวมทั้งเพื่อให้มีข้อมูลประกอบการกำหนดนโยบายและบริหารจัดการของภาครัฐที่เหมาะสม
อันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหายาเสพติดในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
642 | ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | กค. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
จำนวน ๓,๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท ให้แก่กองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม
สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดสรรสวัสดิการให้แก่ผู้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ
ปี ๒๕๖๕ อย่างต่อเนื่องในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ต่อไป ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
643 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 600.35 ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินชดเชยค่างานก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ของกรมทางหลวง | คค. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๖๐๐.๓๕
ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินชดเชยค่างานก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ของกรมทางหลวง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งควรเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณให้ทันภายในปีงบประมาณ
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด |
||||||||||||||||||||||||||||||
644 | ร่างขอบเขตข้อกำหนดสำหรับการจัดตั้งคณะกรรมการร่วม ว่าด้วยความร่วมมือทางทหารและสิ่งอุปกรณ์และเทคโนโลยีทางทหารระหว่างกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงกลาโหมแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | กห. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ออกไปก่อน
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
645 | ร่างกรอบความร่วมมือด้านการศุลกากร การตรวจคนเข้าเมือง และการกักกัน ภายใต้แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย - มาเลเซีย - ไทย (IMT - GT) | กค. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในการจัดทำร่างกรอบความร่วมมือด้านการศุลกากร
การตรวจคนเข้าเมือง และการกักกัน ภายใต้แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย
อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) ที่จะมีการลงนามในการประชุมระดับรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๓๐ ภายใต้แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเข้าร่วมลงนามในร่างกรอบความร่วมมือฯ ในการประชุมระดับรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๓๐ ภายใต้แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย ซึ่งกำหนดจะจัดขึ้นในดือนกันยายน
๒๕๖๗ ณ รัฐยะโฮร์ ประเทศมาเลเซีย โดยร่างกรอบความร่วมมือฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจทำให้เกิดการริเริ่มการดำเนินการด้านในระดับอนุภูมิภาคและการอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งให้ดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน
เสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการศุลกากร การตรวจคนเข้าเมือง และการกักกัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างกรอบความร่วมมือฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่ากระทรวงการคลัง
จำเป็นต้องวิเคราะห์และประเมินผลประสิทธิภาพของการดำเนินงานตามกรอบความร่วมมือด้านการศุลกากร
การตรวจคนเข้าเมือง และการกักกันดังกล่าว
รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์ให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ไทยพึงจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
646 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันเกินกว่างบประมาณรายจ่ายที่ได้รับในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | ดศ. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ของกรมอุตุนิยมวิทยา จำนวน ๓,๘๔๖,๕๐๗.๓๑ บาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
647 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันเกินวงเงินที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | กษ. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมประมงก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๙,๙๑๗,๙๘๒ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการชำระค่าสาธารณูปโภคค้างเบิกข้ามปี
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
648 | มาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในอุตสาหกรรมแร่ ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ | อก. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๗ (เรื่อง
มาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในอุตสาหกรรมแร่)
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
649 | การลงนามร่างหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent) เพื่อเข้าร่วมเป็นภาคีใน Multilateral Convention to Facilitate the Implementation of the Pillar Two Subject to Tax Rule | กค. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้มีการลงนามร่างหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent) เพื่อเข้าร่วมเป็นภาคีใน
Multilateral Convention to Facilitate the Implementation of the Pillar
Two Subject to Tax Rule (STTR
Multilateral Instrument หรือ STTR MLI) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ โดยร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ในการเข้าร่วมเป็นภาคีใน
STTR MLI ของไทย
โดยภายหลังการลงนามในร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ กรมสรรพากรจะได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องและประสานงานอย่างใกล้ชิดกับฝ่ายเลขาธิการ
STTR เพื่อนำหลักการ STTR มาปรับใช้เพื่อให้ประโยชน์สูงสุดต่อการบริหารจัดเก็บภาษีของประเทศต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผล และประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
650 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย | กก. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓๔๔,๖๕๒,๘๘๗.๘๔ บาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรพิจารณาการจัดทำชุดสิทธิประโยชน์สำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยให้เป็นที่ยุติ
และสอดคล้องกับบริบทการเปลี่ยนแปลงและแนวโน้มการเติบโตของการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ
เพื่อให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์สูงสุดและมีมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยที่แข่งขันได้กับประเทศอื่นทั่วโลก
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
651 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (1. นายสมคิด เชื้้อคง ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | นร.04 | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
จำนวน ๓ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. นายสมคิด เชื้อคง ๒. นางสาวธีราภา ไพโรหกุล ๓. นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช
|
||||||||||||||||||||||||||||||
652 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐลัตเวียประจำประเทศไทย และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐลัตเวียประจำประเทศไทย (นายณภัทร จงรัตนากุล) | กต. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. รับทราบการสิ้นสุดหน้าที่ของ นายประสงค์
จงรัตนากุล กงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐลัตเวียประจำประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ ๔
ตุลาคม ๒๕๖๕ เนื่องจากขอลาออกจากตำแหน่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
653 | ร่างแถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุม The 2nd Asia Zero Emission Community (AZEC) Ministerial Meeting | พน. | 20/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุม
The 2nd Asia Zero Emission Community (AZEC) Ministerial Meeting และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
(หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน)
เป็นผู้ให้การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ดังกล่าว โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในภูมิภาคเอเชียให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
ควบคู่กับการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานร่วมกันบนพื้นฐานของแนวทางที่หลากหลายและความสามารถในการปฏิบัติได้จริงตามสถานการณ์ของแต่ละประเทศ
โดยเน้นการหารือเชิงนโยบายในการผลักดันเป้าหมายการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานร่วมกัน โดยมีแนวทาง
ประกอบด้วย ๑) ส่งเสริมไฟฟ้าที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ๒) ส่งเสริมตลาดเชื้อเพลิงที่ยั่งยืน
และ ๓) สร้างอุตสาหกรรมยุคใหม่ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นว่าหากมีประเด็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว
ให้คำนึงถึงถึงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ |
||||||||||||||||||||||||||||||
654 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (1. นายธิติวัฐ อดิศรพันธ์กุล ฯลฯ จำนวน 6 ราย) | นร.04 | 20/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๖ ราย
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. นายธิติวัฐ อดิศรพันธ์กุล ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (รองนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย) ๒. นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (รองนายกรัฐมนตรี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) ๓. นายพงศ์ศรัณย์ อัศวชัยโสภณ ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
(รองนายกรัฐมนตรี นายพิชัย ชุณหวชิร) ๔. นายรังสรรค์ วันไชยธนวงศ์ ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
(รองนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล) ๕. พลตำรวจโท อภิรัต นิยมการ ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
(รองนายกรัฐมนตรี พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ)
|
||||||||||||||||||||||||||||||
655 | การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายและเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจ | นร. | 20/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพิชัย ชุณหวชิร)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอว่า
การลงทุนของภาครัฐเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่จะทำให้เม็ดเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีกระจายลงสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศได้โดยเร็วซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ
(GDP) ได้โดยตรง
ดังนั้น
จึงเห็นควรให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินทั้งในส่วนของเงินงบประมาณรายจ่ายและเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ภายในกรอบระยะเวลาของปีงบประมาณ หรืออย่างช้าสุดภายในสิ้นปี ๒๕๖๗ เพื่อให้ทันรอบระยะเวลาของการคำนวณ
GDP ในปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ส่วนราชการที่ได้รับการจัดสรรรายจ่ายลงทุนสูง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม ทั้งนี้ ขอให้ความสำคัญกับรายจ่ายลงทุนที่มีผล/เกี่ยวข้องกับการจ้างงานและการก่อสร้างเป็นลำดับแรกด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
656 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช) | นร.04 | 20/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง
นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
657 | ขอความเห็นชอบการรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาอาเซียน ครั้งที่ 13 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง และปฏิญญาร่วมอาเซียน-ซีมีโอ | ศธ. | 20/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาอาเซียน
ครั้งที่ ๑๓ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๓ ฉบับ
มีสาระสำคัญเป็นการสนับสนุนการขับเคลื่อนประเด็นสำคัญของไทย เช่น ๑)
การพลิกโฉมการศึกษาสู่ยุคดิจิทัลและการสนับสนุนให้มีการบูรณาการความร่วมมือระหว่างกันและฟื้นฟูการดำเนินโครงการต่าง
ๆ ในระดับภูมิภาค ๒)
การพลิกโฉมการศึกษาสู่ยุคดิจิทัลเพื่อส่งเสริมให้เด็กกลุ่มเปราะบางสามารถเข้าถึงการศึกษาได้
และ ๓) ความร่วมมือด้านการศึกษา ๑๔ สาขา
ภายใต้แผนปฏิบัติการมะนิลาเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามปฏิญญากรุงพนมเปญว่าด้วยข้อริเริ่มด้านการพัฒนาภายใต้การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก
(พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕)
และปฏิญญาร่วมว่าด้วยพื้นที่ร่วมด้านอุดมศึกษาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จำนวน ๑
ฉบับ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการอุดมศึกษาระหว่างประเทศ สมาชิกอาเซียนและซีมีโอ
เพื่อเป็นข้อตกลงร่วมกันของประเทศสมาชิกและคู่เจรจาในการกำหนดทิศทางการพัฒนาด้านการศึกษา
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือผู้แทนให้ความเห็นชอบและรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
จำนวน ๓ ฉบับ และปฏิญญาร่วมฯ จำนวน ๑ ฉบับ ในการประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาอาเซียน
ครั้งที่ ๑๓ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ในช่วงการประชุมระดับรัฐมนตรี
ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือผู้แทนให้ความเห็นชอบและรับรองปฏิญญาร่วมฯ
จำนวน ๑ ฉบับ ในการประชุมสภารัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (สภาซีเมค)
ครั้งที่ ๕๓ ที่จะจัดขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๖๘ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ในฐานะประธานคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารร่างถ้อยแถลงร่วมฯ และปฏิญญาร่วมฯ รวม
๔ ฉบับ ในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ในเดือนกันยายน ๒๕๖๗
และให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายรับรองเอกสารร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
และปฏิญญาร่วมฯ รวม ๔ ฉบับ
ร่วมกับผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ ๔๔
ในเดือนตุลาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ดังนี้ กระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่าร่างเอกสารทั้ง ๔ ฉบับ
ไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศและไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ทั้งนี้ หากร่างเอกสารทั้ง ๔ ฉบับ ยังไม่ใช่ร่างสุดท้าย
(Final agreed text) ในกรณีที่มีการปรับแก้
ขอให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาร่างสุดท้ายของเอกสารดังกล่าวให้มีความเหมาะสม
สอดคล้องกับนโยบายและผลประโยชน์ของประเทศไทยสามารถปฏิบัติได้ภายใต้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย
ระเบียบ และข้อบังคับที่มีอยู่ในปัจจุบัน ตลอดจนเป็นไปตามพันธกรณีของไทยภายใต้ความตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
เห็นว่ากิจกรรมแลกเปลี่ยนนักศึกษา ควรเน้นการเพิ่มพูนความรู้ทางวิชาการ (hard skills) ควบคู่กับกระบวนการเรียนรู้ที่มีการปฏิบัติจริง
(hands-on) เพื่อให้ผู้เรียนได้เสริมสร้างสมรรถนะที่ต้องการและทักษะแห่งอนาคตที่จำเป็น
(soft skills) ซึ่งสามารถพัฒนาเยาวชนให้มีความพร้อมก่อนเข้าสู่โลกของการทำงานและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศและภูมิภาคต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาอาเซียน
ครั้งที่ ๑๓ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง
และปฏิญญาร่วมว่าด้วยพื้นที่ร่วมด้านอุดมศึกษาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบไว้
ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
658 | หนังสือสัญญาการรับทุนพัฒนางานด้านภูมิอากาศจากองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (Deutsche Gesellschaft für Internationale Zusammenarbeit: GIZ) | ดศ. | 20/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมถอนเรื่องนี้คืนไป
เพื่อพิจารณาทบทวนรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
659 | แต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร.04 | 20/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๒๘๕/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เรื่อง
แต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) โดยมีนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ
เป็นประธานกรรมการ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
660 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม 2567 | นร. | 20/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๗
ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑๖
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพุธที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๗
และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑๗
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๗
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|