ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 39 จากทั้งหมด 81 หน้า แสดงรายการที่ 761 - 780 จากข้อมูลทั้งหมด 1601 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
761 | มาตรการภาษีในการสนับสนุนคนไทยที่มีศักยภาพที่ทำงานในต่างประเทศให้กลับเข้ามาทำงานในประเทศ | กค. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบมาตรการภาษีในการสนับสนุนคนไทยที่มีศักยภาพที่ทำงานในต่างประเทศให้กลับเข้ามาทำงานในประเทศ
โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ คนไทย ซึ่งมีประสบการณ์ทำงานในต่างประเทศอย่างน้อย ๒ ปี
และวุฒิการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อดึงดูดคนไทยที่มีศักยภาพสูงและมีความเชี่ยวชาญในสาขาตามความต้องการของอุตสาหกรรมเป้าหมายให้กลับเข้ามาทำงานในประเทศไทยในอุตสาหกรรมที่มีความจำเป็นต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศตามกฎหมาย
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกไประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิผลของมาตรการควรกำหนดคุณสมบัติที่เป็นหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของทั้งลูกจ้างและนายจ้างในต่างประเทศให้มีความเข้มงวดและมีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น
เช่น
จบการศึกษาหรือมีประสบการณ์ทำงานในสาขาอาชีพที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเป้าหมาย
เป็นต้น
รวมถึงควรมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ตรวจสอบและรับรองคุณสมบัติดังกล่าวด้วย
รวมทั้งภาครัฐควรพิจารณาดำเนินมาตรการส่งเสริมและสร้างแรงจูงใจในการยกระดับและปรับปรุงทักษะแรงงานไทยที่มีอยู่ให้มีทักษะสอดคล้องตรงตามความต้องการจ้างงานของอุตสาหกรรมเป้าหมายในรูปแบบอื่น
เช่น การให้เครดิตภาษี (Tax Credit) แก่ผู้ที่เข้ารับการอบรม
และการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเป้าหมายส่งเสริมลูกจ้างให้มีการศึกษาต่อหรือฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะ
เป็นต้น เพื่อส่งเสริมให้แรงงานไทยมีทักษะและความสามารถตรงตามความต้องการของตลาดมากขึ้น สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
เห็นว่าร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีถ้อยคำในร่างมาตรา ๓ ไม่สอดคล้องกับถ้อยคำตามกฎหมายว่าด้วยเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ซึ่งมาตรา ๓๙ และมาตรา ๔๐ แห่งพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกอบกับประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
เรื่อง การกำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ลงวันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ดังนั้น ควรให้หน่วยงานผู้เสนอมาตรการ
ปรับเนื้อหาในร่างมาตรา ๓ ๓. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม เห็นว่าในระยาวหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาภาครัฐและภาคเอกชนจำเป็นต้องพิจารณาการจัดสรรค่าตอบแทน
สวัสดิการ และสิ่งจูงใจที่เหมาะสมกับระดับทักษะความรู้ ประสบการณ์การทำงาน
และภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ
เพื่อสร้างหลักประกันที่มั่นคงทั้งในเชิงเศรษฐกิจและสังคม
ให้แก่แรงงานไทยที่มีศักยภาพ สำนักงบประมาณ เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวรวมถึงความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ
ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
762 | ขอความเห็นชอบดำเนินโครงการสินเชื่อ SME Green Productivity วงเงิน 15,000 ล้านบาท เป็นโครงการสินเชื่อธุรกรรมนโยบายรัฐ (Public Service Account : PSA) | อก. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
(ธพว.) ดำเนินโครงการสินเชื่อ SME Green Productivity
วงเงิน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท และให้ ธพว.
แยกบัญชีการดำเนินโครงการ SME Green Productivity ออกจากการดำเนินการตามปกติ
เป็นโครงการธุรกรรมนโยบายรัฐ (Public Service Account : PSA) และอนุมัติกรอบวงเงินงประมาณชดเชยเพื่อดำเนินโครงการ SME Green
Productivity โดยขอรับงบประมาณชดเชยเป็นระยะเวลา ๓ ปี
ในกรอบวงเงินงบประมาณ ๑,๓๕๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
ยกเว้นในส่วนของการนำส่วนต่างระหว่างค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริงและค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ได้รับชดเชย
เพื่อบวกกลับในการคำนวณโบนัสประจำปีของพนักงานและเป็นส่วนหนึ่งในการปรับตัวชี้วัดทางการเงินที่เกี่ยวข้องตามบันทึกข้อตกลงประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ
ให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง รวมทั้งให้เพิ่มเติมรายละเอียดของกลุ่มเป้าหมายกลุ่มที่
๔ เป็น “ผู้ประกอบการ SME ที่ผ่านการพัฒนาหรือยกระดับด้านผลิตภาพ
(Productivity) โดยมุ่งเน้นสู่อุตสาหกรรมสีเขียว
จากหน่วยงานราชการหรือพันธมิตรที่ ธพว. กำหนด” ตามความเห็นของกระทรวงพลังงาน
(หนังสือกระทรวงพลังงาน ด่วนที่สุด ที่ พน ๐๒๐๔/๑๙๙ ลงวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๗)
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น ให้ ธพว.
จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามผลการดำเนินงานจริงตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม ธพว.
และหน่วยงานทีเกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต้องต่อไปด้วย เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อควรมีความสอดคล้องกับมาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
(Thailand Taxonomy) ธนาคารแห่งประเทศไทย เห็นควรกำหนดกลุ่มเป้าหมายและคุณสมบัติของผู้ประกอบการ
SME ที่ต้องการสนับสนุนสินเชื่อให้ชัดเจน
รวมถึงมีกระบวนการติดตามการใช้สินเชื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การกู้ยืม
เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการ ควรพิจารณาศักยภาพและความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้
รวมถึงการใช้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมในการค้ำประกัน
หรือหลักประกันอื่นให้เหมาะสมกับศักยภาพของลูกหนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
763 | รายงานผลการดำเนินโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM2.5 | อก. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น
PM2.5 ซึ่งมีการกำหนดอัตราการจ่ายเงินสนับสนุนตามโครงการฯ
โดยใช้ข้อมูลปริมาณอ้อยสดคุณภาพดีของฤดูการผลิตปี ๒๕๖๕/๒๕๖๖ ในอัตราไม่เกิน ๑๒๐
บาทต่อตัน กรอบวงเงินงบประมาณสนับสนุนรวมจำนวน ๗,๗๗๕.๐๑
ล้านบาท เพื่อให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยสามารถดำเนินการเก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดี และนำไปแก้ไขปัญหาในพื้นที่ที่มีข้อจำกัดที่ทำให้เกิดการลักลอบเผาอ้อย
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
764 | รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศประจำประเทศไทย (นายฟัยยาซ มูรชิด กาซี) | กต. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายฟัยยาซ มูรชิด กาซี (Mr. Faiyaz Murshid Kazi) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายมุฮัมมัด อับดุล ฮัย (Mr.
Mohammed Abdul Hye) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
765 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนเคลือบอะลูมิเนียม 55% ผสมสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนเคลือบอะลูมิเนียม
๕๕% ผสมสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
พ.ศ. …. มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนเคลือบอะลูมิเนียม
๕๕% ผสมสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
โดยเป็นการกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมบังคับขึ้นใหม่เพื่อรองรับการใช้งานที่แพร่หลายมากขึ้น
สอดคล้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีการทำ และการใช้งานภายในประเทศ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
766 | ข้อเสนอแนะหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายเงินสินบนและรางวัลให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามระเบียบกรมศุลกากรว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและรางวัล | ปช. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อเสนอแนะหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายเงินสินบนและรางวัลให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามระเบียบกรมศุลกากรว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและรางวัล
ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร)
เป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติ
โดยให้กระทรวงการคลังสรุปผลการพิจารณา/ผลการดำเนินการในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน
๓๐ วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
767 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดในวันที่ 17 มิถุนายน 2567 | กค. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดในวันที่
๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๗ โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดในวันที่
๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๗ จำนวน ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท
(เป็นหนี้ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ระยะที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๔๕) ด้วยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ครั้งที่
๑ จำนวน ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
768 | การเป็นเจ้าภาพการประชุมประจำปีขององค์การที่ปรึกษากฎหมายแห่งเอเชียและแอฟริกา (Asian-African Legal Consultative Organization: AALCO) สมัยที่ 62 | กต. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเป็นเจ้าภาพการประชุมประจำปีขององค์การที่ปรึกษากฎหมายแห่งเอเชียและแอฟริกา
(Asian - African Legal Consultative Organization : AALCO) สมัยที่ ๖๒ ของประเทศไทย และเห็นชอบในหลักการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติอำนวยความสะดวกในการรักษาความปลอดภัยสถานที่ประชุมและผู้แทนระดับรัฐมนตรีที่เดินทางมาเข้าร่วมการประชุม
การจัดการจราจรในพื้นที่โดยรอบ
รวมถึงอำนวยความสะดวกด้านการตรวจลงตราและการเข้าออกเมืองแก่ผู้เข้าร่วมการประชุมฯ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นควรถือปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนด้วย
ประกอบกับการเป็นเจ้าภาพการประชุมประจำปี AALCO สมัยที่ ๖๒
ของกระทรวงการต่างประเทศถือเป็นการดำเนินการที่มีผลผูกพันทรัพย์สินหรือก่อให้เกิดภาระทางการเงินการคลังแก่รัฐ
ดังนั้น ในการพิจารณาเรื่องดังกล่าวควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า ต้นทุน
และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำนักงบประมาณ เห็นว่าค่าใช้จ่ายการเป็นเจ้าภาพการประชุมประจำปีของ
AALCO สมัยที่ ๖๒
ให้กระทรวงการต่างประเทศใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ที่ได้รับจัดสรรรองรับค่าใช้จ่ายดังกล่าวไว้แล้ว |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
769 | การพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินโครงการบริหารและประกอบการท่าเทียบเรือ เอ ๐ ณ ท่าเรือแหลมฉบัง ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย | คค. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการดำเนินการที่เหมาะสมของโครงการท่าเทียบเรือ
เอ ๐ ณ ท่าเรือแหลมฉบัง โดยการให้สัญญามีผลใช้บังคับต่อไป จะทำให้เกิดความต่อเนื่องในการให้บริการสาธารณะและหากมีการบอกเลิกสัญญาอาจนำมาสู่ข้อพิจารณาจนทำให้บริการสาธารณะหยุดลงและส่งผลกระทบต่อประชาชนได้
ตามรายงานผลการศึกษาวิเคราะห์ด้านการเงินและด้านกฎหมาย ตามที่คณะกรรมการพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินโครงการลงทุน
บริหารและประกอบการท่าเทียบเรือ เอ ๐ ณ ท่าเรือแหลมฉบัง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้กระทรวงคมนาคม (การท่าเรือแห่งประเทศไทย)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยดำเนินการตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนของพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน
พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยเคร่งครัดต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย
เร่งรัดการพิจารณาแนวทางการดำเนินโครงการที่เหมาะสมของโครงการท่าเทียบเรือ ซี ๐
ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนของมาตรา ๗๒
แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามนัยของมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๓ เพื่อเสนอตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
770 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | คค. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงคมนาคม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย
เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑. นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทางหลวง ๒. นายมนตรี เดชาสกุลสม ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทางหลวงชนบท ๓. นางสาวรัชนีพร ธิติทรัพย์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
771 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ขนาดเล็กที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยประกายไฟต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ขนาดเล็กที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยประกายไฟต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ขนาดเล็กที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยประกายไฟต้องเป็นไปตามมาตรฐานเลขที่
มอก. ๓๐๑๗ - ๒๕๖๓ โดยเป็นการปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมดังกล่าว
เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีและเป็นไปตามมาตรฐานระดับสากล
รวมทั้งให้สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลภาวะด้านฝุ่นละออง”
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
772 | รายงานผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางที่เหมาะสมในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน (กรณีระเบียบกระทรวงแรงงานกำหนดคุณสมบัติผู้มีสิทธิเลือกตั้งกรรมการในคณะกรรมการประกันสังคม โดยไม่คำนึงถึงหลักการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย) | รง. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางที่เหมาะสมในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน
(กรณีระเบียบกระทรวงแรงงานกำหนดคุณสมบัติผู้มีสิทธิเลือกตั้งกรรมการในคณะกรรมการประกันสังคม
โดยไม่คำนึงถึงหลักการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย)
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงแรงงานได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยมีผลสรุปในภาพรวม ดังนี้ ๑) ให้คงระเบียบกระทรวงแรงงานว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเลือกตั้งผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตนเป็นกรรมการในคณะกรรมการประกันสังคม
พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๑๖ (๑) เนื่องจากไม่ขัดหลักการสิทธิมนุษยชน และ ๒)
กระทรวงแรงงานได้จัดการเลือกตั้งเพื่อให้ได้มาซึ่งผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตนเป็นกรรมการในคณะกรรมการประกันสังคมแล้วเมื่อวันที่
๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
773 | ขอความเห็นชอบรายละเอียดความร่วมมือ: เพื่อนำไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจและวาระการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย - ออสเตรเลีย (เซก้า) | พณ. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายละเอียดความร่วมมือ
: เพื่อนำไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจและวาระการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย
- ออสเตรเลีย (เซก้า) และมอบหมายกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
เพื่อนำวาระการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย - ออสเตรเลีย
(เซก้า) ดังกล่าว ไปปฏิบัติและติดตามความคืบหน้าต่อไป โดยรายละเอียดความร่วมมือฯ เป็นเอกสารที่ระบุสาขาความร่วมมือที่ทั้งสองฝ่ายเห็นร่วมกันที่จะมีการหารือ/พัฒนา/แลกเปลี่ยนข้อมูล
ความรู้และแนวปฏิบัติที่ดีระหว่างกันในสาขาต่าง ๆ ๘ สาขา ได้แก่ ๑) เกษตรเทคโนโลยี
และระบบอาหารที่ยั่งยืน ๒) การท่องเที่ยว ๓) บริการสุขภาพ ๔) การศึกษา ๕)
การค้าดิจิทัลและเศรษฐกิจดิจิทัล ๖) เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ๗) การลงทุนระหว่างกัน และ
๘) พลังงาน เศรษฐกิจสีเขียว และการลดการปล่อยคาร์บอน และวาระการดำเนินงานฯ
เป็นเอกสารที่ระบุกิจกรรมความร่วมมือตามสาขาที่ได้มีการระบุไว้ในรายละเอียดความร่วมมือฯ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของแต่ละฝ่าย เช่น สาขาเกษตร
มีการกำหนดกิจกรรมในการแลกเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับระบบอาหารการเกษตรยั่งยืน ส่งเสริมเกษตรอัจฉริยะและแลกเปลี่ยนเงื่อนไขด้านการนำเข้า
โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบของฝ่ายไทย เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
เป็นต้น
สาขาการลงทุนระหว่างกันมีการกำหนดกิจกรรมในการสร้างเครือข่ายภาคธุรกิจด้านการลงทุน
แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการยอมรับทักษะแรงงานระหว่างกัน โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบของฝ่ายไทย
เช่น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า
เป็นต้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเอกสารรายละเอียดความร่วมมือ
: เพื่อนำไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจและวาระการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย - ออสเตรเลีย (เซก้า)
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
774 | การเรียกให้ทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ปีบัญชี 2567 | กค. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเรียกให้ทุนหมุนเวียน จำนวน
๔ ทุน นำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียน ปีบัญชี ๒๕๖๗ จำนวนเงินทั้งสิ้น ๑,๖๙๒,๖๐๒,๐๒๓.๙๘ บาท ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินภายใน ๖๐ วัน
หลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาการกำหนดจำนวนเงินสะสมสูงสุดและการนำทุนสะสมหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
พ.ศ. ๒๕๖๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติมฯ ตามมาตรา ๘ และมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเวียนในคราวประชุม
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๗ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ
และให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรดำเนินการกำกับ ติดตามการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนงาน/โครงการ
รวมทั้งพิจารณาการขอกำหนดจำนวนเงินสะสมสูงสุดเพิ่มขึ้น
โดยคำนึงถึงถึงผลการดำเนินงานภาระผูกพันเท่าที่จำเป็นตามกฎหมาย และสร้างการรับรู้และความเข้าใจกับทุนหมุนเวียนต่าง
ๆ เกี่ยวกับการเรียกให้ทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
ว่าเป็นหน้าที่ที่จะต้องดำเนินการในโอกาสแรก ตลอดจนการจัดทำประมาณการรายได้ดังกล่าวจะต้องกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลาง
ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้ถูกต้องครบถ้วนด้วย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
775 | ท่าทีการเจรจาร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (JC) ครั้งที่ 15 และการประชุมคณะกรรมการว่าด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาร่วมสำหรับพื้นที่ชายแดน (JDS) ครั้งที่ 6 ระดับรัฐมนตรี ระหว่างไทยกับมาเลเซีย | กต. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อท่าทีการเจรจาร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมฯ
ได้แก่ ๑)
ท่าทีการเจรจาร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (JC) ระหว่างไทยกับมาเลเซีย ครั้งที่ ๑๕
มีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามความคืบหน้าของความร่วมมือระหว่างไทยกับมาเลเซียอย่างรอบด้านและแสดงเจตนารมณ์ร่วมของรัฐบาลทั้งสองประเทศที่จะขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างกันในทุกระดับ
ทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคี เพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมาเลเซียมีความใกล้ชิดยิ่งขึ้นอันจะนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองและประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนของทั้งสองฝ่าย
๒) ท่าทีการเจรจาร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมการว่าด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาร่วมสำหรับพื้นที่ชายแดน
(JDS) ระหว่างไทยกับมาเลเซีย ครั้งที่ ๖ มีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามความคืบหน้าของการดำเนินงานภายใต้กรอบ
JDS ทั้งในระดับเจ้าหน้าที่ผู้ประสานงาน เจ้าหน้าที่ระดับสูง
และระดับคณะทำงานรวมถึงการแสดงเจตนารมณ์ร่วมของทั้งสองประเทศในการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดนไทย
- มาเลเซีย เพื่อมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ชายแดนบนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน
โดยผลักดันโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ
ให้มีความคืบหน้าและการอำนวยความสะดวกด้านการค้า และการลงทุนระหว่างกัน และ ๓) ร่างแผนยุทธศาสตร์ของคณะกรรมการว่าด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาร่วมสำหรับพื้นที่ชายแดน
(JDS Strategic Plan) ค.ศ. ๒๐๒๔ - ๒๐๒๗ เป็นการเอกสารผลลัพธ์การประชุมมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแนวทางและเป้าหมายในการดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องกับชายแดนโดยร่างแผนยุทธศาสตร์ฯ
ไม่มีรูปแบบหรือถ้อยคำที่มุ่งจะก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ
กอปรกับไม่มีการลงนามในร่างแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าว ดังนั้น ร่างแผนยุทธศาสตร์ฯ
จึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมฯ
ทั้ง ๓ ฉบับ ได้ในวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนท่าทีการเจรจาร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีระหว่างไทยกับมาเลเซีย
ครั้งที่ ๑๕
ท่าทีการเจรจาร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมการว่าด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาร่วมสำหรับพื้นที่ชายแดนระหว่างไทยกับมาเลเซีย
ครั้งที่ ๖
และร่างแผนยุทธศาสตร์ของคณะกรรมการว่าด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาร่วมสำหรับพื้นที่ชายแดน
ค.ศ. ๒๐๒๔ - ๒๐๒๗ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ไห้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ตามความเหมาะสม
และให้รายงานต่อคณะรัฐมนตรีทราบในภายหลังพร้อมเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ รวมทั้งให้สื่อสารผลลัพธ์ให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับ
ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
776 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายชัยธร สุวรรณอำภา) | นร.06 | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายชัยธร สุวรรณอำภา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก
(ผู้อำนวยการสูง) สำนัก ๕ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ)
กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์และมีคำสั่งให้รักษาการในตำแหน่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
777 | ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช 2478 | มท. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ.
.... ออกตามความในพระราชบัญญัติการพนันพุทธศักราช ๒๔๗๘
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเวลาในการแข่งขันวัวลาน จากเวลา ๐๗.๐๐ นาฬิกา ถึง ๑๙.๐๐
นาฬิกา เป็น เวลา ๑๘.๐๐ นาฬิกา ถึง ๐๖.๐๐ นาฬิกา ของวันรุ่งขึ้น
ซึ่งการพิจารณาปรับเวลาดังกล่าวจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรที่ประกอบอาชีพเลี้ยงวัวลานและอาชีพอื่นที่เกี่ยวข้องในพื้นที่
และภาครัฐจะสามารถเข้าไปดูแลจัดการให้การเล่นเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
778 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีการทำสัญญาเช่าอาคารที่ทำการสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองกัลกัตตา สาธารณรัฐอินเดีย | กต. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ - พ.ศ. ๒๕๗๐ วงเงินทั้งสิ้น ๑๗,๖๔๑,๐๐๐ บาท
หรือไม่เกินวงเงินตามสกุลเงินท้องถิ่น
สำหรับกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน ตามนัยมาตรา ๔๒ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ สำนักงบประมาณได้เสนอตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว
สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป
ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมให้ครบวงเงินตามสัญญาต่อไป
ตามความความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรติดตามผลการดำเนินงานของสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองกัลกัตตา
เพื่อนำมาวิเคราะห์และรวบรวมรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
779 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย) | กค. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย) มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย
โดยกำหนดให้เงินได้ของบุคคลธรรมดาที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนใน “กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน
(Thailand ESG Fund หรือ TESG)” ในอัตราไม่เกินร้อยละ ๓๐ ของเงินได้เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับปีภาษีนั้น (จากเดิมไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐
บาท) เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้
สำหรับเงินได้ที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗
ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๙ และกำหนดให้ผู้มีเงินได้ไม่ต้องนำเงินหรือผลประโยชน์ใด
ๆ ที่ได้รับเนื่องจากการขายหน่วยลงทุนคืนให้แก่ TESG มารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
เฉพาะกรณีที่เงินหรือผลประโยชน์ดังกล่าวคำนวณมาจากเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธธรรมดาตามที่กล่าวมา
ทั้งนี้ ต้องถือหน่วยลงทุนดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า ๕ ปี
นับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน (จากเดิมไม่น้อยกว่า ๘ ปี
นับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังพิจารณาหาแนวทางการเพิ่มรายได้ภาษี เพื่อให้การจัดเก็บภาษีเป็นไปตามเป้าหมายและเพื่อป้องกันความเสี่ยงทางการคลังในอนาคต
รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงบประมาณ และสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าในการดำเนินการควรพิจารณาดำเนินการควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาธรรมาภิบาลของภาคธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนและการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์โดยกำหนดมาตรการที่เข้มงวดในการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ให้มีการดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาล
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนและสนับสนุนให้การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับตัวดีขึ้นได้อย่างยั่งยืน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
780 | ถ้อยแถลงร่วมเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวประกันในกาซา (Joint Statement Calling for the Release of the Hostages Held in Gaza) ฉบับสุดท้าย | กต. | 30/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบถ้อยแถลงร่วมเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวประกันในกาซา (Joint Statement
Calling for the Release of the Hostages Held in Gaza) ฉบับสุดท้าย
โดยถ้อยแถลงร่วมฯ มีสาระสำคัญเป็นการเรียกร้องให้รัฐอิสราเอลและกลุ่มฮามาสเร่งรัดการเจรจาเพื่อนำไปสู่การลงนามข้อตกลงหยุดยิงอย่างถาวร
การปล่อยตัวประกัน
และการยินยอมให้มีการจัดส่งความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมเข้าไปในฉนวนกาซาโดยเร่งด่วน ซึ่งถ้อยแถลงร่วมฯ
ฉบับสุดท้าย มีประเทศที่ร่วมสนับสนุนจำนวนทั้งหมด ๑๗ ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐอาร์เจนตินา
สาธารณรัฐออสเตรีย สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล สาธารณรัฐบัลแกเรีย แคนาดา
สาธารณรัฐโคลอมเบีย ราชอาณาจักรเดนมาร์ก สาธารณรัฐฝรั่งเศส
สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี สาธารณรัฐโปแลนด์ สาธารณรัฐโปรตุเกส โรมาเนีย สาธารณรัฐเซอร์เบีย
ราชอาณาจักรสเปน ประเทศไทย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา และได้มีการปรับถ้อยคำในเนื้อหาของถ้อยแถลงร่วมฯ
โดยเน้นย้ำให้กลุ่มฮามาสยอมรับในข้อตกลงหยุดยิง
พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐอิสราเอลและกลุ่มฮามาสใช้ความพยายามประนีประนอมอย่างที่สุดเพื่อให้ได้ข้อยุติในการเจรจาปล่อยตัวประกัน
และช่วยบรรเทาความทุกข์ให้แก่ครอบครัวของตัวประกัน
รวมไปถึงประชาชนของทั้งสองฝ่ายที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งด้วย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|