ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 34 จากทั้งหมด 81 หน้า แสดงรายการที่ 661 - 680 จากข้อมูลทั้งหมด 1601 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
661 | การมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี | นร.04 | 20/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. ในกรณีที่รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย)
ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ไม่อาจปฏิบัติราชการได้
คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามลำดับ
ดังนี้ ๑.๑ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ๑.๒ นายพิชัย ชุณหวชิร ๑.๓ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ๑.๔ พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ๑.๕ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ๒. ในระหว่างการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ผู้รักษาราชการแทนข้างต้นจะสั่งการใดเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลและการอนุมัติเงินงบประมาณอันอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรีได้
ต้องได้รับความเห็นชอบจากรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีเสียก่อน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
662 | ร่างพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท. | 20/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยถอนเรื่องนี้คืนไป
เพื่อพิจารณาทบทวนในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
663 | คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 286/2567 | นร.04 | 20/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๒๘๖/๒๕๖๓ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ในกรณีที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้หรือไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง
ลงวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๗ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
664 | แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ พ.ศ. 2567 - 2570 | กษ. | 20/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำและให้เป็นวาระแห่งชาติ
โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง)
ดำเนินการตามความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่าการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ
ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่จะต้องรีบดำเนินการเพื่อจำกัดขอบเขตการระบาดของปลาหมอคางดำให้ได้โดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ พ.ศ. ๒๕๖๗ - ๒๕๗๐
ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอในครั้งนี้ เป็นแผนที่มีระยะเวลาดำเนินการถึงปี พ.ศ.
๒๕๗๐ ดังนั้น ในชั้นนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
จึงเห็นควรพิจารณาจำกัดขนาดของแผนปฏิบัติการฯ
และระยะเวลาการดำเนินการให้สั้นลงเหลือเท่าที่จำเป็นเร่งด่วนก่อน
และเมื่อมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่แล้ว เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) เสนอแผนปฏิบัติการดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๑๑๔/๔๗๘๐
ลงวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๗) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าการควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำทุกแห่งที่พบการแพร่ระบาดในกิจกรรมที่
๑ การกำจัดในแหล่งน้ำธรรมชาติด้วยเครื่องมือประมงที่มีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องประสานความร่วมมือกับหน่วยงานผู้รับผิดชอบ เพื่อดำเนินการกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติที่อยู่ในบริเวณพื้นที่คุ้มครอง
เช่น อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ป่าชายเลนอนุรักษ์
อย่างมีประสิทธิภาพและทันเวลา
รวมทั้งพิจารณาถึงการป้องกันและควบคุมเส้นทางการแพร่ระบาดด้วย เป็นต้น การพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำในกิจกรรมที่
๑
ควรพิจารณาดำเนินการประเมินความปลอดภัยทางชีวภาพหรือการประเมินผลกระทบอย่างรอบคอบก่อนดำเนินการปล่อยปลาที่ได้รับการปรับปรุงพันธุ์สู่สิ่งแวดล้อม
และควรดำเนินการปล่อยปลาดังกล่าวในช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม ควรเพิ่มการจัดทำเกณฑ์การประเมินมูลค่าความเสียหายต่อความหลากหลายทางชีวภาพในแหล่งน้ำธรรมชาติด้วย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๓ เรื่อง แนวทางการจัดทำแผนระดับที่ ๓ ที่เป็นแผนปฏิบัติการด้าน...
เพื่อให้สามารถนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีได้โดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
665 | ผลการพิจารณาญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน | นร.14 | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน
ของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
โดยสรุปผลการพิจารณาว่า
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำมาตรการรับมือฤดูฝน
ปี ๒๕๖๖ เพื่อเป็นการป้องกันและลดผลกระทบที่จะเกิดจากปัญหาอุทกภัยที่อาจส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน
และได้มีการจัดทำแผนรองรับสถานการณ์เอลนีโญ
แผนการป้องกันการเกิดโรคระบาดจากภัยพิบัติด้านน้ำ
การเตรียมแผนสำรองในพื้นที่ภัยพิบัติด้านสาธารณสุขและการจัดการสุขาภิบาลระหว่างเกิดภัยพิบัติและภายหลังภัยพิบัติ
รวมถึงมาตรการในการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ
ซึ่งแนวทางการแก้ปัญหาดังกล่าวสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันกำหนดแนวทาง
ค่าเป้าหมาย ตัวชี้วัด กลยุทธ์ แผนงานร่วมกัน
เพื่อเป็นกรอบแนวทางการแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
๒๐ ปี ประกอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม เช่น
การขุดลอกร่องน้ำทางเดินเรือแม่น้ำสายหลัก การกำจัดผักตบชวา การซ่อมแชมพื้นผิวถนนและสะพานที่ขาด
ชำรุด การส่งข้อความแจ้งเตือนภัยไปยังประชาชน (Cell Broadcast) เป็นต้น ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
666 | ร่างเอกสารที่จะมีการรับรองในช่วงการประชุมรัฐมนตรีพลังงานเอเปค ประจำปี ค.ศ. 2024 | พน. | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ลิมา
การประชุมรัฐมนตรีพลังงานเอเปคประจำปี ค.ศ. ๒๐๒๔
(Lima Statement 2024 APEC Energy Ministerial Meeting) และร่างแนวนโยบายเอเปคเพื่อพัฒนาและปรับใช้กรอบนโยบายด้านไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
(APEC Policy Guidance to Develop and Implement
Low-Carbon Hydrogen Policy Frameworks in the Asia-Pacific) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
(หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน)
เป็นผู้ให้การรับรองร่างเอกสารฯ ทั้ง ๒ ฉบับ ดังกล่าว
ในระหว่างการเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีพลังงานเอเปค ครั้งที่ ๑๔ โดยร่างแถลงการณ์ลิมา
การประชุมรัฐมนตรีพลังงานเอเปคประจำปี ค.ศ. ๒๐๒๔
และร่างแนวนโยบายเอเปคเพื่อพัฒนาและปรับใช้กรอบนโยบายด้านโฮโดรเจนคาร์บอนต่ำในภูมิภาคเอเชีย
- แปซิฟิก เป็นเอกสารที่แสดงเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีพลังงานเอเปค
ในการกำหนดทิศทางและวางกรอบนโยบายความร่วมมือด้านพลังงานร่วมกันและเป็นเอกสารที่กำหนดกรอบนโยบายและแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรม สำหรับการผลิต
การขนส่ง และการใช้ประโยชน์จากเชื้อเพลิงโฮโดรเจนร่วมกันในภูมิภาคเอเปคอีกด้วย
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
ที่เห็นว่าร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับ ไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ
และไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
667 | ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐคาซัคสถานว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจ | พณ. | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจไทย
- คาซัคสถาน และอนุมัติการลงนามในร่างความตกลงฯ
โดยมอบอำนาจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนาม
โดยมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย สำหรับการลงนามดังกล่าว โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจ
อำนวยความสะดวก และยกระดับความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างกัน
และหารือร่วมกันเพื่อจัดทำโครงการความร่วมมือในสาขาที่มีศักยภาพ เช่น
อาหารและการเกษตร เครื่องจักรกล อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า
และเศรษฐกิจสีเขียว เป็นต้น รวมถึงจัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้าเพื่อกำกับดูแลและติดตามการดำเนินการตามความตกลงฯ
โดยจะมีผลบังคับใช้เป็นเวลา ๕ ปี และจะขยายเวลาโดยอัตโนมัติต่อไปอีกทุก ๕ ปี
เว้นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะแสดงเจตจำนงเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านช่องทางการทูตอย่างน้อย ๖ เดือน
ก่อนการยกเลิกความตกลงฯ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงการต่างประเทศ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรมีการติดตามปัญหาความไม่สงบภายในประเทศและนโยบายด้านต่างประเทศของสาธารณรัฐคาซัคสถานอย่างใกล้ชิด
พร้อมทั้งประเมินสถานการณ์ความอ่อนไหวที่สุ่มเสี่ยงจะกระทบต่อการค้าระหว่างกัน
การลงทุนของผู้ประกอบการไทยในสาธารณรัฐคาซัคสถาน
ตลอดจนการดำเนินการให้เป็นตามความตกลงฯ
เพื่อให้สามารถเตรียมความพร้อมและจัดทำมาตรการรองรับได้อย่างเหมาะสมทันต่อสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
668 | ผลการประชุมสมัชชากองทุนสิ่งแวดล้อมโลก ครั้งที่ 7 และการรับรองข้อเสนอโครงการที่เสนอขอรับการสนับสนุนจากกองทุน Global Biodiversity Framework Fund (GBFF) | ทส. | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้ ๑.๑
รับทราบผลการประชุมสมัชชากองทุนสิ่งแวดล้อมโลก (GEF
Assembly) ครั้งที่ ๗ ที่มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๒-๒๖ สิงหาคม
๒๕๖๖ ณ นครแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา โดยผลการประชุม GEF Assembly ครั้งที่ ๗ มีสาระสำคัญ เช่น
ที่ประชุมให้การรับรองข้อมติเรื่องการจัดตั้งกองทุน Global Biodiversity
Framework Fund (GBFF) เพื่อเป็นกลไกทางการเงินสนับสนุนการดำเนินงานตามเป้าหมายของกรอบงานคุนหมิง-มอนทรีออลว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพของโลก
โดยประเทศแคนาดาจะบริจาคเงินเข้ากองทุน GBFF จำนวน ๒๐๐
ล้านดอลลาร์แคนาดา และสหราชอาณาจักรจะบริจาคเงินเข้ากองทุน GBFF จำนวน ๑๐ ล้านปอนด์สเตอร์ลิง นอกจากนี้ ธนาคารโลก (World Bank) ในฐานะผู้จัดการดูแล (Trustee) ของกองทุน GBFF
จะเร่งจัดตั้งและระดมเงินเข้ากองทุนดังกล่าว ในเดือนมกราคม ๒๕๖๗
เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบข้อเสนอโครงการที่จะขอรับการสนับสนุนจากกองทุน GBFF ๑.๒
มอบหมายให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมปฏิบัติหน้าที่หน่วยงานกลางประสานการดำเนินงานของกองทุน
GBFF ของประเทศไทย มีอำนาจในการพิจารณาให้การรับรองข้อเสนอโครงการที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุน
GBFF ๑.๓
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุน GBFF นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนการลงนามในข้อตกลงทางการเงินสำหรับกรณีที่โครงการได้รับอนุมัติสนับสนุนทางการเงินจากกองทุน
GBFF และมีข้อผูกพันทางการเงินที่เป็นตัวเงิน (In
Cash) ร่วมสนับสนุนในการดำเนินโครงการ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงมหาดไทย
รวมทั้งความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่เห็นควรมีการประชาสัมพันธ์ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบเกี่ยวกับการขอรับการสนับสนุน
รวมทั้งควรมีการสื่อสารและประสานงานให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบถึงช่องทางระดมทุน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
การขอรับการสนับสนุนจากกองทุน GBFF ในเรื่องใด ๆ
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณารายละเอียด
ความจำเป็นเหมาะสม และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอย่างรอบคอบและรอบด้าน
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ (เรื่อง การขอรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ)
อย่างเคร่งครัด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
669 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก เขตเลือกตั้งที่ 1 แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. .... | ลต. | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก
เขตเลือกตั้งที่ ๑ แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขึ้นแทนตำแหน่งที่ว่างภายใน
๔๕ วัน นับแต่วันที่ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่างลง (ภายในวันที่ ๒๐ กันยายน
๒๕๖๗) และจัดทำร่างแผนการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพิษณุโลก
เขตเลือกตั้งที่ ๑ แทนตำแหน่งที่ว่าง
โดยจะประกาศกำหนดหน่วยเลือกตั้งและบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่า ๒๕
วัน ก่อนวันเลือกตั้ง (ภายในวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๗) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
670 | การเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | นร.07 | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ เพื่อให้เป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนดในแนวทาง หลักเกณฑ์
แผนและขั้นตอนการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๘ และมอบหมายให้สำนักงบประมาณนำเรื่องการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว
เสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
671 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการซ่อมแซมอาคารชลประทานที่ได้รับความเสียหายเนื่องจากอุทกภัย ปี พ.ศ. 2567 | กษ. | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน
ใช้จ่ายงประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๘๖๗,๘๑๒,๐๐๐ บาท
เพื่อดำเนินโครงการซ่อมแซมอาคารชลประทานที่ได้รับความเสียหายเนื่องจากอุทกภัย ปี
พ.ศ. ๒๕๖๗ รวม ๒๒๗ รายการ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
รับความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๗/๘๗๑๖
ลงวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๗) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่ากรมชลประทานควรจัดส่งรายการตามแผนงานโครงการดังกล่าวให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
ตรวจสอบเพื่อป้องกันความซ้ำซ้อนของโครงการที่หน่วยงานอื่น ๆ ได้ขอรับจัดสรรงบประมาณไปแล้ว
พร้อมทั้งจัดทำแผนการใช้งบประมาณให้สามารถติดตามตรวจสอบการดำเนินโครงการให้เกิดประสิทธิภาพ
ความคุ้มค่า และประโยชน์ต่อประชาชนสูงสุด สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เห็นควรจัดทำแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ตรวจสอบความซ้ำซ้อนของแผนงาน/โครงการ และดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการ ให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ และให้รายงานผลการดำเนินงานโครงการดังกล่าวให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
เพื่อเป็นข้อมูลในการรายงานผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) เสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
672 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นางอัมพร เบญจพลพิทักษ์ ฯลฯ จำนวน 13 ราย) | สธ. | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญสังกัดกระทรวงสาธารณสุขให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง
จำนวน ๑๓ ราย เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่เกษียณอายุราชการ สับเปลี่ยนหมุนเวียน
และทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. นางอัมพร
เบญจพลพิทักษ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอนามัย ๒. นายสุรโชค ต่างวิวัฒน์ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ๓. นายทวีศิลป์
วิษณุโยธิน ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการแพทย์ ๔. นายภานุมาศ
ญาณเวทย์สกุล ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมควบคุมโรค ๕. นายกิตติศักดิ์
อักษรวงศ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสุขภาพจิต ๖. นายภานุวัฒน์ ปานเกตุ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ๗.
นายสมกฤษ์ จึงสมาน ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ๘.
นายภูวเดช สุระโคตร ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๙.
นายมณเฑียร คณาสวัสดิ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๑๐.
นายศักดา อัลภาชน์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๑๑.
นายวีรวุฒิ อิ่มสำราญ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๑๒.
นายปรีชา เปรมปรี ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๑๓.
นางสาวสุภัทรา บุญเสริม ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
673 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีทางปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สธ. | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีทางปกครอง
(ฉบับที่..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติเป็นหน่วยงานของรัฐตามมาตรา
๖๓/๑๕ วรรคหก แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครองได้
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
674 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนฉลุง จังหวัดสตูล พ.ศ. .... | มท. | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนฉลุง จังหวัดสตูล พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการวางและจัดทำผังเมืองรวมชุมชนฉลุง จังหวัดสตูล
ซึ่งเป็นผังเมืองรวมชุมชนเปิดใหม่ มีพื้นที่วางผังประมาณ ๑๓๑.๘๒ ตารางกิโลเมตร
ครอบคลุมพื้นที่ตำบลฉลุง ตำบลเกตรี และตำบลบ้านควน อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล
เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา
การดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน
การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค
บริการสาธารณะและสภาพแวดล้อมให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการแก้ไขชื่อเขตห้ามล่าสัตว์ป่าในแผนที่และแผนผังกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินตามที่ได้จำแนกประเภทท้ายประกาศฯ
ตามความความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แล้วดำเนินการต่อได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นว่าจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ
หรือระเบียบ และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล
เกิดผลสัมฤทธิ์ หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
675 | ร่างแผนดำเนินการร่วมระยะ 3 ปี เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านศักยภาพในการผลิตระหว่างประเทศสมาชิกกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (ค.ศ. 2024-2026) | กต. | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบต่อร่างแผนดำเนินการร่วมระยะ ๓ ปี
เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านศักยภาพในการผลิตระหว่างประเทศสมาชิกกรอบความร่วมมือแม่โขง
- ล้านช้าง (ค.ศ. ๒๐๒๔ - ๒๐๒๖) และให้เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของประเทศไทยในกรอบความร่วมมือแม่โขง
- ล้านช้าง หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายมีหนังสือแจ้งให้การรับรองร่างแผนดำเนินการร่วมฯ
ตามที่ประเทศสมาชิกมีฉันทามติ โดยร่างแผนดำเนินการร่วมระยะ ๓ ปีฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านศักยภาพในการผลิตเพื่อส่งเสริม
การพัฒนาด้านอุตสาหกรรม และการเสริมสร้างผลิตภาพการผลิต ที่นำมาซึ่งผลประโยชน์ร่วมและความร่วมมือที่ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแผนดำเนินการร่วมระยะ
๓ ปีฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงพาณิชย์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงพาณิชย์ เห็นว่ากระทรวงการต่างประเทศ ควรประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานของไทยรับทราบอย่างทั่วถึง
เพื่อให้การดำเนินงานตามร่างแผนดำเนินการร่วมระยะ ๓ ปีฯ
เกิดประโยชน์และมีผลเป็นรูปธรรมมากที่สุด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรวิเคราะห์และประเมินผลจากการร่วมรับรองร่างแผนดำเนินการร่วมระยะ ๓ ปีฯ รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์การดำเนินงานที่เกี่ยวข้องให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงผลประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับด้วย ๒.
การจัดทำความร่วมมือหรือการขอรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง
- ล้านช้างในเรื่องใด ๆ
ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณารายละเอียดความจำเป็นเหมาะสม
และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอย่างรอบคอบและรอบด้านตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ (เรือง การขอรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ) อย่างเคร่งครัด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
676 | การพระราชทานอภัยโทษให้แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 (ร่างพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 พ.ศ. ....) | ยธ. | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ถอนร่างพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา
๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ พ.ศ. .... ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม
๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
677 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายณัฏฐา พาชัยยุทธ และนายธนศักดิ์ มังกโรทัย) | นร.12 | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย
ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้ ๑. นายณัฏฐา พาชัยยุทธ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการ
(นักพัฒนาระบบราชการทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ.ร. ตั้งแต่วันที่ ๕ กันยายน ๒๕๖๖ ๒. นายธนศักดิ์ มังกโรทัย ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการ
(นักพัฒนาระบบราชการทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ.ร. ตั้งแต่วันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๗
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
678 | การรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ 9 | กต. | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง
- ล้านช้าง ครั้งที่ ๙ จำนวน ๔ ฉบับ ได้แก่ ๑. ร่างแถลงข่าวร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง
-ล้านช้าง ครั้งที่ ๙ มีสาระสำคัญเป็นการทบทวนความคืบหน้าการดำเนินการของกรอบความร่วมมือ
MLC และแสดงเจตนารมณ์ที่จะส่งเสริมความร่วมมือใน
๓ เสา และ ๕ สาขาความร่วมมือหลัก และความร่วมมือด้านอื่น ๆ ๒. ร่างแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยข้อริเริ่มอากาศสะอาดแม่โขง
- ล้านช้าง มีสาระสำคัญเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นของประเทศสมาชิกกรอบความร่วมมือ MLC ในการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ
และส่งเสริมบทบาทของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และหน่วยงานท้องถิ่นของประเทศสมาชิกกรอบ MLC ๓. ร่างข้อริเริ่มว่าด้วยการกระชับความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำล้านช้าง
- แม่โขง มีสาระสำคัญเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพระหว่างประเทศสมาชิกกรอบความร่วมมือ
MLC ๔.
ร่างแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดน
ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง มีสาระสำคัญเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นของประเทศสมาชิกในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามพรมแดน
สนับสนุนการดำเนินการภายใต้กลไกที่มีอยู่ของกรอบความร่วมมือ MLC และกลไกอื่น ๆ ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ ทั้ง ๔ ฉบับ ตามที่ประเทศสมาชิกมีฉันทามติ
ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ ๙ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ดังนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้
และรวบรวมผลการปรับแก้ร่างเอกสารดังกล่าวและเอกสารผลลัพธ์ความตกลงระหว่างประเทศของกรอบความร่วมมืออื่น
ๆ พร้อมทั้งผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องรายงานต่อคณะรัฐมนตรีทราบในคราวเดียวกัน
โดยให้ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เห็นว่าไม่มีข้อขัดข้องต่อร่างแถลงการณ์ฯ
เนื่องจากเป็นการสนับสนุนการดำเนินงานด้านความมั่นคง
และแก้ไขปัญหาอาชญากรรมผ่านแม่น้ำข้ามพรมแดน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
679 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานกลิ่นในอากาศจากโรงงาน พ.ศ. .... | อก. | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานกลิ่นในอากาศจากโรงงาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานและวิธีการตรวจสอบกลิ่นในอากาศจากโรงงาน
พ.ศ. ๒๕๔๘ เพื่อปรับปรุงแก้ไขกฎหมายว่าด้วยกลิ่น ให้มีความถูกต้อง ชัดเจน
เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
รวมถึงแก้ไขปัญหาการบังคับใช้กฎหมายให้ครอบคลุมมากขึ้น และเพื่อให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดมาตรฐานค่าความเข้มกลิ่นของอากาศเสียที่ปล่อยทิ้งจากโรงงานผลิตยาง
ลงวันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ อีกทั้งเพื่อให้เป็นไปตามมาตรา ๕๖
แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรพิจารณาการตรวจวัดค่าความเข้มกลิ่นด้วยวิธีอื่นร่วมด้วย เพื่อให้มีมาตรฐานตามหลักวิชาการ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
680 | แนวคิดการจัดตั้งองค์กรการค้ำประกันเครดิต General Credit Guarantee Facility (GCGF) Concept Paper | กค. | 13/08/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล) เสนอว่า กระทรวงการคลังขอแก้ไขชื่อ “องค์กรการค้ำประกันเครดิต
[General Credit Guarantee Facility
(GCGF)]” เป็น “สถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ (National Credit
Guarantee Agency : NaCGA)” ๒. เห็นชอบหลักการของร่างแนวคิดการจัดตั้งสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ
มีสาระสำคัญ เช่น GCGF มีสถานะเป็นนิติบุคคลที่เป็นหน่วยงานของรัฐ
โดยไม่เป็นทั้งส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจและจะทำหน้าที่หลักในการค้ำประกันสินเชื่อและธุรกรรมต่าง
ๆ ของทั้งสถาบันการเงินและ Non - banks รวมถึงค้ำประกันหลักทรัพย์และการออกหลักทรัพย์
ให้ความรู้และคำปรึกษาทางการเงินแก่ผู้ประกอบธุรกิจ
และจัดทำฐานข้อมูลความเสี่ยงด้านเครดิต
เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น วิธีและรูปแบบการค้ำประกันจะเน้นการค้ำประกันโดยตรง
(Direct Guarantee) โดย GCGF เป็นผู้ประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตของลูกหนี้และเป็นผู้รับผิดชอบขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ำประกันทั้งหมด
สำหรับแหล่งเงินทุน ของ GCGF ประกอบด้วย ๑)
เงินสมทบจากรัฐบาล ๒) เงินสมทบจากผู้ประกอบธุรกิจให้สินเชื่อ
และ ๓) เงินบริจาค และแหล่งรายได้ ประกอบด้วยค่าธรรมเนียมการค้ำประกันและค่าธรรมเนียมและค่าบริการอื่น
ๆ เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น สำนักงบประมาณ
เห็นควรให้กระทรวงการคลังจัดทำแผนการดำเนินการ
โดยแสดงแหล่งเงินทุนที่จะใช้สำหรับการดำเนินการของ GCGF
ให้ครอบคลุมและเหมาะสม เพื่อไม่ให้เป็นภาระงบประมาณในอนาคต |