ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 31 จากทั้งหมด 81 หน้า แสดงรายการที่ 601 - 620 จากข้อมูลทั้งหมด 1601 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
601 | การมอบหมายการชี้แจงร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | ปสส. | 07/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี
(นายพิชัย ชุณหวชิร) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นางมนพร เจริญศรี)
เป็นผู้แทนคณะรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมเพื่อชี้แจงประกอบการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ต่อที่ประชุมวุฒิสภาในวันจันทร์ที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๗ โดยให้สำนักงบประมาณสนับสนุนข้อมูลประกอบการชี้แจงดังกล่าว
และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพิชัย ชุณหวชิร)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวขอบคุณต่อวุฒิสภาเมื่อการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ เสร็จสิ้น ทั้งนี้ ตามมาตรา ๑๖๒ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
602 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช) | นร.04 | 07/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช
เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๗ กันยายน ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
603 | รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet | นร. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล) รายงาน และมอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป ดังนี้ ๑. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายเผ่าภูมิ
โรจนสกุล) รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินโครงการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital Wallet (โครงการฯ) ว่า ปัจจุบันได้มีการเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ
ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม - ๑๕ กันยายน ๒๕๖๗ และในขั้นตอนต่อไป จะต้องมีการตรวจสอบสิทธิของผู้ลงทะเบียนให้ถูกต้อง
ครบถ้วน เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
จึงเสนอให้ที่ประชุมรับทราบและพิจารณาความเหมาะสมในการมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ
โดยให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ดังนี้ หน่วยงานที่รับผิดชอบ ภารกิจ กระทรวงมหาดไทย ตรวจสอบข้อมูลทะเบียนราษฎร กระทรวงการคลัง (กรมสรรพากร) ตรวจสอบข้อมูลรายได้ของประชาชน ณ ปีภาษี ๒๕๖๖ ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ นำส่งข้อมูลเงินฝาก ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม
๒๕๖๗ ไปยังสถาบันคุ้มครองเงินฝาก สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ช่วยประสานงานกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
ในการจัดเตรียมข้อมูลเงินฝากและช่วยประมวลผลข้อมูลเงินฝากดังกล่าว กระทรวงยุติธรรม (กรมราชทัณฑ์) ตรวจสอบข้อมูลผู้อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกในเรือนจำ หน่วยงานผู้รับผิดชอบมาตรการ ตรวจสอบข้อมูลผู้ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนหรือฝ่าฝืนเงื่อนไขของมาตรการหรือโครงการอื่น ๆ ของรัฐ หรือโครงการอื่น ๆ ของรัฐ ๒. รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีความเห็นว่า กระทรวงการคลังควรเร่งจัดการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าวข้างต้น
เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินการตามภารกิจต่าง ๆ ให้ชัดเจน
ถูกต้องตรงกัน ๓. เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นว่า
การมอบหมายให้หน่วยงานดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ นั้น
แต่ละหน่วยงานสามารถปฏิบัติได้ตามหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายของหน่วยงานนั้น ๆ
อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม หน่วยงานต่าง ๆ ควรเร่งรัดดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
604 | การให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยและฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย | นร.04 | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี
(นายภูมิธรรม เวชยชัย) ปฏิบัติหน้าที่แทน นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
เพื่อให้การให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยและฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเป็นไปอย่างรวดเร็ว
เห็นควรให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ
รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๑.
เร่งสำรวจความเสียหายของประชาชนทั้งด้านชีวิตและทรัพย์สินที่เกิดขึ้นในพื้นที่ที่รับผิดชอบ
และกำหนดมาตรการช่วยเหลือเยียวยาภายหลังน้ำลด
รวมทั้งให้เร่งจัดทำประมาณการค่าใช้จ่ายเพื่อการให้ความช่วยเหลือ/เยียวยา/ชดเชย
แล้วเสนอขอใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยด่วน
ให้แล้วเสร็จทันภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๗ ๒.
เร่งสำรวจความเสียหายของสถานที่ราชการในความรับผิดชอบและเร่งดำเนินการปรับปรุง/ซ่อมแซมให้สามารถใช้ปฏิบัติราชการได้ตามปกติโดยเร็วเพื่อให้สามารถให้บริการประชาชนได้อย่างต่อเนื่องต่อไป ๓. เร่งจัดทำแผนฟื้นฟูความเสียหายจากอุทกภัยดังกล่าวข้างต้นและดำเนินการตามแผนดังกล่าวตามขั้นตอนโดยเร็วต่อไป ๔. เร่งจัดทำมาตรการป้องกันความเสียหายจากอุทกภัย
รวมทั้งให้จัดทำแผนเผชิญเหตุอุทกภัยด้วย
เพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นเหมาะสม ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ โดยให้คำนึงถึงความจำเป็นเร่งด่วน
เท่าทันต่อสถานการณ์และความพร้อมของหน่วยงานดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
605 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันงบประมาณ และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ | นร.07 | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันงบประมาณและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณจากที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม
ภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาบริการประชาชนและการพัฒนาประสิทธิภาพภาครัฐ
โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการงบประมาณ งบลงทุน ค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง
จำนวน ๒ รายการ ดังนี้ ๑) รายการค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการ พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ
กองจัดทำงบประมาณเขตพื้นที่ ๑ ตำบลหนองไม้แดง อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี จากเดิม
วงเงิน ๘๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท (วงเงินรวมเงินเผื่อเหลือเผื่อขาด
๘๖,๖๒๕,๐๐๐ บาท) ผูกพันงบประมาณปี พ.ศ.
๒๕๖๔ - พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็น วงเงิน ๘๙,๕๐๐,๐๐๐
บาท ผูกพันงบประมาณ ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ - พ.ศ. ๒๕๖๙ และ ๒) รายการค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการ
พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ กองจัดทำงบประมาณเขตพื้นที่ ๑ ตำบลหนองไม้แดง
อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี จากเดิม วงเงิน ๔,๓๓๑,๒๐๐ บาท (วงเงินรวมเงินเผื่อเหลือเผื่อขาด
๔,๕๔๗,๗๖๐ บาท) ผูกพันงบประมาณ ปี พ.ศ.
๒๕๖๔ - พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็น วงเงิน ๔,๖๙๘,๗๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณ ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ - พ.ศ.
๒๕๖๙ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้สำนักงบประมาณดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง
เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
606 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีดิจิทัลระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการไปรษณีย์และโทรคมนาคมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา | ดศ. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีดิจิทัลระหว่าง
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการไปรษณีย์และโทรคมนาคมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ร่วมลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทย
- กัมพูชา ในด้านต่าง ๆ เช่น บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลสินค้าและบริการของรัฐบาลดิจิทัล
กำลังคนทางดิจิทัล ความปลอดภัยทางออนไลน์และการป้องกันการหลอกลวงผ่านสื่อออนไลน์รวมถึงความร่วมมืออื่น
ๆ เป็นต้น ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับข้อสังเกตของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ที่เห็นควรเพิ่มเติมรายละเอียดความร่วมมือด้านการสืบสวนดำเนินคดีเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติ
ทั้งนี้ ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าวได้ภายใต้อำนาจหน้าที่ตามบทบัญญัติของกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน
จึงไม่มีข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะเพิ่มเติมแต่อย่างใด ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
607 | ร่างกฎกระทรวงการขึ้นทะเบียนของหน่วยบริการตามพระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2562 พ.ศ. .... | สธ. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขึ้นทะเบียนของหน่วยบริการตามพระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. ๒๕๖๒ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการขอขึ้นทะเบียน การขึ้นทะเบียน การเพิกถอนทะเบียน และการประเมินคุณภาพการให้บริการของหน่วยบริการอาชีวเวชกรรมหรือเวชกรรมสิ่งแวดล้อม
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงแรงงาน สำนักงาน ก.พ.ร.
กรุงเทพมหานคร และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
เช่น กรุงเทพมหานคร เห็นควรให้หน่วยงานกระทรวงสาธารณสุขในฐานะผู้รับผิดชอบ
ต้องสนับสนุนในเรื่องต่าง ๆ ให้หน่วยงานของกรุงเทพมหานครมีความพร้อมมากยิ่งขึ้นในการดำเนินงานในเรื่องดังกล่าวด้วย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นควรรับฟังข้อคิดเห็นจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเพื่อประกอบการพิจารณา
และควรพิจารณาทบทวนการกำหนดระยะเวลาดังกล่าวเพื่อให้เกิดความเหมาะสมตามความจำเป็น ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงาน
ก.พ.ร. และกรุงเทพมหานคร ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นว่าการกำหนดให้กฎกระทรวงใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามร้อยหกสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาตามร่างกฎกระทรวงข้อ
๑ ควรพิจารณาให้กฎกระทรวงมีผลบังคับใช้เร็วกว่าที่กำหนด
การกำหนดระยะเวลาแจ้งผลการพิจารณารับขึ้นทะเบียนให้แก่หน่วยบริการตามร่างกฎกระทรวงฯ
ข้อ ๙ วรรคหนึ่ง ควรกำหนดให้สอดคล้องตามมาตรา ๑๐
แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘
เป็นต้น กรุงเทพมหานคร เห็นควรให้หน่วยงานกระทรวงสาธารณสุขในฐานะผู้รับผิดชอบ
ต้องสนับสนุนในเรื่องต่าง ๆ ให้หน่วยงานของกรุงเทพมหานครมีความพร้อมมากยิ่งขึ้นในการดำเนินงานในเรื่องดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
608 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและการยกเว้นค่าธรรมเนียม ใบอนุญาตโฆษณายาเสพติดให้โทษหรือวัตถุออกฤทธิ์ และค่าธรรมเนียมที่เจ้าหน้าที่ได้ให้บริการตาม (17) (18) (19) (20) และ (21) ในอัตราค่าธรรมเนียมท้ายประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. .... | สธ. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและการยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตโฆษณายาเสพติดให้โทษหรือวัตถุออกฤทธิ์
และค่าธรรมเนียมที่เจ้าหน้าที่ได้ให้บริการตาม (๑๗) (๑๘) (๑๙) (๒๐) และ (๒๑)
ในอัตราค่าธรรมเนียมท้ายประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดค่าธรรมเนียมและการยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตโฆษณายาเสพติดให้โทษหรือวัตถุออกฤทธิ์
ตาม (๑๑) และค่าธรรมเนียมที่เจ้าหน้าที่ได้ให้บริการตาม (๑๗) (๑๘) (๑๙) (๒๐) และ
(๒๑) ได้แก่ ค่าขึ้นบัญชีที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ
หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ค่าคำขออนุญาตหรือคำขออื่น ๆ ค่าประเมินเอกสารทางวิชาการ ค่าตรวจสถานประกอบการ
และค่าดำเนินการอื่น ๆ ให้เป็นไปตามอัตราค่าธรรมเนียมท้ายประมวลกฎหมายยาเสพติด ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
เห็นสมควรที่กระทรวงสาธารณสุขจะสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้ผู้เกี่ยวข้องทราบอย่างทั่วถึง
และแจ้งกระทรวงการคลังจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินงานทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบเป็นประจำทุกสิ้นปีงบประมาณ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
609 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานการให้บริการของหน่วยบริการเวชกรรมสิ่งแวดล้อมตามพระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2562 พ.ศ. .... | สธ. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานการให้บริการของหน่วยบริการเวชกรรมสิ่งแวดล้อมตามพระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. ๒๕๖๒พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานการให้บริการเวชกรรมสิ่งแวดล้อมที่หน่วยบริการเวชกรรมสิ่งแวดล้อมต้องใช้ดำเนินการเพื่อเฝ้าระวังสุขภาพแก่ประชาชนที่ได้รับหรืออาจได้รับมลพิษตามหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการเกี่ยวกับเวชกรรมสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสภาการพยาบาลไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ เช่น กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เห็นควรมีการแก้ไขร่างกฎกระทรวง
เช่น ควรมีการเพิ่มเติมผลการประเมินความเสี่ยงที่อยู่ในระดับต่ำด้วย เพื่อจัดทำแผนเฝ้าระวังและป้องกัน
และควรให้หน่วยบริการเวชกรรมสิ่งแวดล้อมต้องมีนักอาชีวอนามัยและอนามัยสิ่งแวดล้อมในการดำเนินการ
เป็นต้น สภาการพยาบาล เห็นว่า ในคำนิยาม พยาบาล ควรเพิ่มคำว่า
“ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์” ด้วย ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงาน ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นว่าร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด เพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวัง การป้องกัน
และการควบคุมโรคจากสิ่งแวดล้อม สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นควรพิจารณาให้กฎกระทรวงมีผลบังคับใช้เร็วกว่าที่กำหนดเพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวัง
ป้องกัน และควบคุมโรคจากสิ่งแวดล้อมให้กับลูกจ้าง แรงงานนอกระบบ และประชาชนที่ได้รับหรืออาจได้รับมลพิษ
ได้รับการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง เป็นระบบ และทันการณ์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
610 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับจ่ายเป็นเงินชดเชยค่างานก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) | กษ. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยกรมชลประทาน ใช้จ่ายงประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน
๓๓๔,๐๐๑,๓๕๓.๖๑ บาท สำหรับจ่ายเป็นเงินชดเชยค่างานสิ่งก่อสร้าง
ตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) จำนวน ๗๐ รายการ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งควรเร่งรัดการเบิกจ่ายงประมาณให้ทันภายในปีงบประมาณ
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
611 | ร่างกฎกระทรวงการยื่นเอกสารต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ พ.ศ. .... | สธ. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการยื่นเอกสารต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการทางกฎหมายกรณีเมื่อมีเหตุอันสมควรหรือมีเหตุสงสัยว่าพาหนะนั้นมาจากท้องที่หรือเมืองท่าใดนอกราชอาณาจักรที่มีโรคระบาดเจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะยื่นเอกสารต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่าน
ควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด เพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวัง
ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม
และกระทรวงมหาดไทยไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นว่ากรณีของพาหนะทางน้ำตามข้อ ๓
(๑) ของร่างกฎกระทรวงฯ ไม่ได้กำหนดให้ต้องยื่นแบบรายงานเรื่องสุขภาพของผู้เดินทางโดยพาหนะทางน้ำเช่นเดียวกับกรณีของพาหนะทางบกและพาหนะทางอากาศ
จึงเห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์การยื่นแบบรายงานเรื่องสุขภาพสำหรับพาหนะทางบก
พาหนะทางน้ำ และพาหนะทางอากาศให้เป็นอย่างเดียวกัน กระทรวงมหาดไทย
เห็นควรขยายระยะเวลาในการกำหนดวันบังคับใช้ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากเดิมที่กำหนดให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด
๓๐ วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ซักซ้อมแนวทางในขั้นตอนการดำเนินการ
และเห็นควรตัดข้อ ๖ ออก โดยนำถ้อยคำในข้อ ๖ มาเพิ่มเติมในข้อ ๕ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงคมนาคมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการต่างประเทศ
เห็นว่าร่างกฎกระทรวงดังกล่าวต้องสอดรับกับพันธกรณีของไทยต่อกฎอนามัยระหว่างประเทศ
ค.ศ. ๒๐๐๕ ฉบับ แก้ไขล่าสุด
ที่จะมีผลใช้บังคับสำหรับรัฐสมาชิกขององค์การอนามัยโลกในอนาคตอันใกล้ กระทรวงคมนาคม เห็นว่ากรณีของพาหนะทางน้ำตามข้อ ๓
(๑) ของร่างกฎกระทรวงฯ ไม่ได้กำหนดให้ต้องยื่นแบบรายงานเรื่องสุขภาพของผู้เดินทางโดยพาหนะทางน้ำเช่นเดียวกับกรณีของพาหนะทางบกและพาหนะทางอากาศ
จึงเห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์การยื่นแบบรายงานเรื่องสุขภาพสำหรับพาหนะทางบก
พาหนะทางน้ำ และพาหนะทางอากาศให้เป็นอย่างเดียวกัน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
612 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์การวิจัยและข้อกำหนดจริยธรรมการวิจัยซึ่งมีปัญหากับหลักศาสนาวัฒนธรรม จารีตประเพณี หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน พ.ศ. .... | อว. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. ให้ถอนร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์การวิจัยและข้อกำหนดจริยธรรมการวิจัย
ซึ่งมีปัญหากับหลักศาสนา วัฒนธรรม จารีตประเพณี หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน พ.ศ.
....
ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาคืนไปเพื่อพิจารณาทบทวนในรายละเอียดอีกครั้ง
ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี
ในฐานะประธานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาตินำร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์การวิจัยและข้อกำหนดจริยธรรมการวิจัย
ซึ่งมีปัญหากับหลักศาสนา วัฒนธรรม จารีตประเพณี หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน พ.ศ.
.... ไปรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้านจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและประชาชนอีกครั้ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
613 | ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง อัตราค่าใช้จ่ายสูงสุดในการประเมินเอกสารวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบเครื่องมือแพทย์ในการติดตาม ตรวจสอบ หรือเฝ้าระวัง เพื่อควบคุมการผลิต นำเข้า และขายเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. .... | สธ. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข
เรื่อง อัตราค่าใช้จ่ายสูงสุดในการประเมินเอกสารวิชาการ การตรวจวิเคราะห์
การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบเครื่องมือแพทย์ในการติดตาม ตรวจสอบ
หรือเฝ้าระวัง เพื่อควบคุมการผลิต นำเข้า และขายเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายสูงสุดที่จะจัดเก็บในการติดตาม
ตรวจสอบ หรือเฝ้าระวัง เพื่อควบคุมการผลิต นำเข้า และขายเครื่องมือแพทย์
ซึ่งเป็นกระบวนการพิจารณาอนุญาตเครื่องมือแพทย์ในส่วนของการกำกับดูแลหลังออกสู่ตลาด
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เห็นว่าเพื่อเป็นการกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายในการประเมินเอกสาร
การตรวจสอบเครื่องมือแพทย์ประเภทต่าง ๆ รวมถึงการตรวจสถานประกอบการ
ซึ่งต้องใช้กำลังคนผู้เชี่ยวชาญในการดำเนินการตามระดับความซับซ้อนของเครื่องมือแพทย์
ในส่วนของอัตราค่าใช้จ่ายควรพิจารณาร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายฝ่าย
เช่น ภาคเอกชนที่เป็นผู้ประกอบการ สำนักงบประมาณ เห็นควรที่กระทรวงสาธารณสุขจะสร้างการรับรู้และความเข้าใจตามร่างประกาศดังกล่าวให้ผู้เกี่ยวข้องทราบอย่างทั่วถึง
และแจ้งกระทรวงการคลังจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
เพื่อใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินงานทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบเป็นประจำทุกสิ้นปีงบประมาณ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
614 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานการให้บริการของหน่วยบริการอาชีวเวชกรรมตามพระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2562 พ.ศ. .... | สธ. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานการให้บริการของหน่วยบริการอาชีวเวชกรรมตามพระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. ๒๕๖๒ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานการให้บริการอาชีวเวชกรรมที่หน่วยบริการอาชีวเวชกรรมต้องใช้ดำเนินการตรวจสุขภาพแก่ลูกจ้างหรือแรงงานนอกระบบตามหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ เพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวัง การป้องกัน
และการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร.
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สภาการพยาบาล และแพทยสภา ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ เช่น สภาการพยาบาล เห็นว่า หมวด ๒ ข้อ ๕ (๑)
(การตรวจสุขภาพตามปัจจัยเสี่ยง) ความว่า “....หรือแรงงานนอกระบบรับผิดชอบอยู่
โดยการบ่งชี้และประเมินความเสี่ยงการเกิดโรคจากการประกอบอาชีพ ....” มีข้อเสนอว่า
โดยการบ่งชี้และประเมินความเสี่ยง ทั้งนี้ เพื่อให้มีความชัดเจน ควรมีคณะกรรมการ/คณะทำงานไปประเมินทั้งโครงสร้าง องค์ประกอบ ขอบเขต
หน้าที่การทำงาน หมวด ๓ ข้อ ๘ (๒.๒) ความว่า “พยาบาลวิชาชีพที่ผ่านหลักสูตรความรู้พื้นฐานด้านอาชีวอนามัยสำหรับพยาบาล
หรือหลักสูตรการพยาบาล....” ขอแก้โดยเพิ่มเติมเป็น
“พยาบาลวิชาชีพที่ผ่านหลักสูตรความรู้พื้นฐานด้านการพยาบาลอาชีวอนามัย หรือหลักสูตรการพยาบาล....”
ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องตรงกับหลักสูตรที่สภาการพยาบาลให้การรับรอง และ หมวด ๔
ข้อ ๑๑ (๒) ความว่า “...กรมการแพทย์หรือสมาคมโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทยกำหนด
หรือผ่านหลักสูตร ...” ขอแก้โดยเพิ่มเติมเป็น “....กรมการแพทย์หรือสมาคมโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย
หรือสมาคมพยาบาลอาชีวอนามัยแห่งประเทศไทยกำหนด หรือผ่านหลักสูตร ....” แพทยสภา
เห็นว่ากฎกระทรวงควรมีผลใช้บังคับเร็วกว่าที่กำหนดไว้ โดยปรับลดลงเหลือ ๑๘๐ วัน
ทั้งนี้ แพทยสภามีหลักสูตรอบรมแพทย์ด้านสาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงอาชีวเวชศาสตร์อยู่แล้ว
ซึ่งสามารถปฏิบัติงานในด้านนี้ได้ และในการกำหนดมาตรฐานเกี่ยวกับการให้บริการเวชกรรมสิ่งแวดล้อมที่หน่วยบริการเวชกรรมสิ่งแวดล้อมที่ใช้ดำเนินการเพื่อเฝ้าระวังสุขภาพของประชาชนที่ได้รับหรืออาจได้รับมลพิษ
โดยมีหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่เป็นระบบ ทันต่อสถานการณ์โรคมีประสิทธิภาพ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
615 | ขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเอเปค ประจำปี 2567 | นร.53 | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการต่อร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเอเปค
ประจำปี ๒๕๖๗ และให้รัฐมนตรีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ฯ
โดยร่างแถลงการณ์ฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการสนับสนุนการเติบโตของ MSMEs โดยเฉพาะกลุ่มที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ถูกครอบคลุม
เช่น สตรี คนพื้นเมือง ผู้ทุพพลภาพ เป็นต้น ในการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจในระบบ
เศรษฐกิจรูปแบบดิจิทัล การเข้าสู่เศรษฐกิจสีเขียว ตามเป้าหมายกรุงเทพว่าด้วยเศรษฐกิจ
BCG รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและโครงการเพื่อการพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน
ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ดังนี้ กระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่า ร่างแถลงการณ์ฯ
ไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงควรนำเรื่องนี้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรเสนอให้มีความร่วมมือด้านการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง
ขนาดย่อมและรายย่อย (MSMEs) ให้เข้าถึงการทดสอบและรับรองมาตรฐานการผลิตและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ระดับสากลในร่างแถลงการณ์ฯ
อันจะช่วยยกระดับผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการให้ได้คุณภาพมาตรฐาน
สามารถเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานโลกและแข่งขันได้อย่างยั่งยืนต่อไปด้วย ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
ครั้งที่ ๓๐
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
616 | ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ [ร่างพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ] | สผ. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อสังเกตและผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นายอดิศร เพียงเกษ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) และร่างพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นายเอกราช อุดมอำนวย กับคณะ เป็นผู้เสนอ) ของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒.
ให้ส่งคืนร่างพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... (นายอดิศร เพียงเกษ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) และร่างพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นายเอกราช อุดมอำนวย กับคณะ เป็นผู้เสนอ) ที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการไปยังสภาผู้แทนราษฎรภายในกำหนดเวลา
พร้อมแจ้งข้อสังเกตดังกล่าวและความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติดำเนินการทบทวนความเหมาะสมและประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
รวม ๒ ฉบับดังกล่าวทั้งฉบับอย่างเป็นระบบ ตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
617 | ร่างปฏิญญาอัสตานาระดับรัฐมนตรีว่าด้วยความครอบคลุมและการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก | ดศ. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาอัสตานาระดับรัฐมนตรีว่าด้วยความครอบคลุมและการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลในภูมิภาคเอเชีย
- แปซิฟิก และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
ร่วมรับรองร่างปฏิญญาอัสตานาระดับรัฐมนตรีว่าด้วยความครอบคลุมและการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลในภูมิภาคเอเชีย
- แปซิฟิก
ในระหว่างการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยความครอบคลุมและการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลในภูมิภาคเอเชีย
- แปซิฟิก โดยร่างปฏิญญาฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเอกสารการส่งเสริมความร่วมมือเพื่อยกระดับด้านความเท่าเทียมและการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในภูมิภาคเอเชีย
- แปซิฟิก โดยระบุถึงการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
(ICT) และดิจิทัล
เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก โดยมุ่งเน้นการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลและการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในทุกกลุ่ม
เพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านดิจิทัล และกระตุ้นการเติบโตที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน
ผ่านการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล การยกระดับความเชื่อมโยงทางดิจิทัล
การสร้างความเชื่อมั่นด้านดิจิทัล และการใช้เทคโนโลยี ICT เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การส่งเสริมเกี่ยวกับดิจิทัลโซลูชั่นและนวัตกรรมดิจิทัล รวมถึงการสร้างองค์ความรู้
และให้ความช่วยเหลือเชิงนโยบายและเชิงเทคนิค โดยคำนึงถึงโอกาส ความเสี่ยง
และความท้าทายในทุกมิติ เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลที่สมดุลและยั่งยืน
เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในปี ค.ศ. ๒๐๓๐ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว และให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพิจารณากำหนดกลไกการถ่ายทอดองค์ความรู้ที่เกิดขึ้นภายใต้กรอบความร่วมมือแนวทางการพัฒนาดิจิทัลของประเทศต่าง
ๆ ในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน
และภาคประชาชน โดยเฉพาะในส่วนของการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง
ซึ่งรวมถึงประชาชนเพศหญิงและกลุ่มคนเปราะบาง
เพื่อลดช่องว่างทางดิจิทัลและเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
618 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเป็นผู้ชำนาญการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. .... | รง. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขการเป็นผู้ชำนาญการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย
และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการขอใบอนุญาต การออกใบอนุญาต คุณสมบัติของผู้ชำนาญการด้านความปลอดภัย
อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน รวมถึงการควบคุมการปฏิบัติงานของผู้ได้รับใบอนุญาต
การต่ออายุใบอนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาต การสั่งพักใช้การเพิกถอนใบอนุญาต
และการกำหนดและยกเว้นค่าธรรมเนียม ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและสภาคณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์แห่งประเทศไทย ไปประกอบการพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เห็นควรพิจารณาขอบเขตงานในกฎกระทรวง
หรือระเบียบ ข้อบังคับ ที่ผู้ชำนาญการจะสามารถปฏิบัติได้โดยไม่ให้ทับซ้อนกับผู้ปฏิบัติการในระดับชำนาญการของหน่วยงาน
ควรมีการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานอื่นและผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ
เพื่อให้ได้ข้อยุติก่อนที่จะบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป สภาคณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์แห่งประเทศไทย เห็นควรเสนอให้ปรับ
หมวด ๑ การขออนุญาตและการอนุญาต ข้อ ๕ ข้อ (๗) (๘) และ (๙) ของร่างกฎกระทรวงฯ นี้
ให้ปรับเป็น ข้อ ๕ (๗) ข้อเดียว คือ มีคุณสมบัติเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุมสาขาอาชีวอนามัยและความปลอดภัยระดับชำนาญการ
โดยให้อ้างผู้ชำนาญการตามข้อบังคับสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีว่าด้วยการประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุมสาขาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
หมวด ๒ ข้อ ๙ ระดับชำนาญการ และข้อ ๑๑
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
619 | ร่างกฎกระทรวงความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์ พ.ศ. .... | อว. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์ พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์
เพื่อให้ผู้รับใบอนุญาตและผู้มีไว้ในครอบครองวัสดุนิวเคลียร์ต้องปฏิบัติ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณา
ดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ที่ใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัย
ที่มีกำลังตั้งแต่ ๒ เมกะวัตต์ (ความร้อน) ขึ้นไป ต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับกฎกระทรวงฉบับอื่นที่จะมีการประกาศใช้ตามพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ
พ.ศ. ๒๕๕๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ควรพิจารณากำหนดระเบียบ ประกาศ
หรือคู่มือในการดำเนินงานสำหรับกำหนดรายละเอียดในการออกแบบสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
620 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการอาคารเรียน 212 ล./57-ข สำหรับก่อสร้างในเขตแผ่นดินไหว โรงเรียนชุมชนบ้านอุ้มผาง จังหวัดตาก | ศธ. | 03/09/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างและขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
รายการอาคารเรียน ๒๑๒ ล./๕๗-ข สำหรับก่อสร้างในเขตแผ่นดินไหว
โรงเรียนชุมชนบ้านอุ้มผาง ตำบลอุ้มผาง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ๑ หลัง วงเงิน ๒๐,๗๘๙,๐๐๐ บาท
ระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ - พ.ศ. ๒๕๖๙ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ให้กระทรวงศึกษาธิการ
(สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน)
รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวขอให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการ นอกจากนี้ เพื่อมิให้งบประมาณตกเป็นพับไปโดยผลของกฎหมาย
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานควรเร่งดำเนินการและเบิกจ่ายงประมาณ ปี พ.ศ.
๒๕๖๖
ที่ได้รับการขยายเวลาเบิกจ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายในวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน
๒๕๖๗
|