ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 8 จากทั้งหมด 11 หน้า แสดงรายการที่ 141 - 160 จากข้อมูลทั้งหมด 209 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 141 | โครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2566 | กค. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ปีการผลิต ๒๕๖๖
มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกษตรกรมีเครื่องมือในการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านภัยพิบัติผ่านระบบการประกันภัย
และเป็นการต่อยอดความช่วยเหลือของภาครัฐ ตามระเบียบกระทรวงการคลัง
ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๖๒
เพื่อรองรับต้นทุนในการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้กับเกษตรกรเมื่อประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ
รวมทั้งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นและเป็นภาระต่องบประมาณ ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร)
จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามผลการดำเนินงานจริงต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ควรมีการหารือเพื่อพิจารณาความเหมาะสมของกรอบวงเงินในการดำเนินการ
ควรมีการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการ และควรพิจารณาความเหมาะสมของงบประมาณการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 142 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลศรีบุญเรือง ตำบลหันนางาม และตำบลเมืองใหม่ อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู พ.ศ. .... | คค. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลศรีบุญเรือง ตำบลหันนางาม
และตำบลเมืองใหม่ อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลศรีบุญเรือง ตำบลหันนางาม
และตำบลเมืองใหม่ อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู
เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๙๘ สายทางเลี่ยงเมืองศรีบุญเรือง ตอนทางเลี่ยงเมืองศรีบุญเรือง
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าก่อนการก่อสร้างทางหลวงแผ่นดินทุกเส้นทาง ขอให้กระทรวงคนนาคม
(กรมทางหลวง) ให้ความสำคัญและตระหนักถึงแนวทางในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการก่อสร้างทางหลวงกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติ
เพื่อป้องกันปัญหาการระบายน้ำไม่ทัน
และอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมหรืออุทกภัยต่อไปในอนาคต หากมีโครงการใด ๆ ในพื้นที่ป่าไม้
ขอให้ปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
กระทรวงคมนาคมควรตระหนักและให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติตามกฎหมายในการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาในครั้งต่อไป
และให้กรมทางหลวงถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เรื่อง
แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการตราร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนเพื่อก่อสร้างหรือขยายถนน
พร้อมทั้งปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 143 | ขออนุมัติลงนามร่างสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนและการดำเนินการให้สนธิสัญญาฯ มีผลใช้บังคับ | กต. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในสนธิสัญญาฯ
โดยมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ในสนธิสัญญาฯ
รวมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการให้สนธิสัญญาฯ
มีผลใช้บังคับในโอกาสอันเหมาะสมตามแต่จะตกลงกับรัสเซียต่อไป
โดยหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามสนธิสัญญาฯ แล้ว
กระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินการมีหนังสือแจ้งฝ่ายรัสเซียว่า
ฝ่ายไทยได้เสร็จสิ้นการดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมายภายในเพื่อให้สนธิสัญญาฯ
มีผลใช้บังคับแล้ว โดยสนธิสัญญาฯ จะมีผลใช้บังคับ ๓๐ วัน
นับจากวันที่ภาคีได้รับการแจ้งครั้งสุดท้าย ทั้งนี้ เป็นไปตามข้อ ๒๑ ของสนธิสัญญาฯ
โดยร่างสนธิสัญญาฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการให้ความร่วมมือระหว่างสองประเทศในการปราบปรามอาชญากรอย่างมีประสิทธิภาพ
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างสนธิสัญญาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 144 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามความตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับภาษีอากร พ.ศ. .... และเสนอร่างพระราชกำหนดการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามความตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับภาษีอากร พ.ศ. .... | กค. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการพระราชกำหนดการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามความตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับภาษีอากร
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบร้องขอและแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีทางการเงินแบบอัตโนมัติ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชกำหนดดังกล่าว
ตามที่กระทรงการคลังเสนอ
๓.
เห็นชอบให้กระทรวงการคลังแจ้งองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Cooperation and Development : OECD) เพื่อให้ความตกลงพหุภาคีระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงินแบบอัตโนมัติ
(Multilateral Competent Authority Agreement on Automatic Exchange of
Financial Account Information : MCAA CRS) มีผลผูกพันเมื่อร่างพระราชกำหนดการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามความตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับภาษีอากร
พ.ศ. .... มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 145 | ร่างพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน
วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติอาวุธปืน
เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ เพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลนำอาวุธปืนที่ยังไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายนำอาวุธปืนมาขอรับใบอนุญาตตามกฎหมายภายในระยะเวลาที่กำหนด
หรือนำอาวุธปืนที่ไม่อาจออกใบอนุญาตได้ตามกฎหมายมาส่งมอบให้นายทะเบียนท้องที่ภายในระยะเวลาที่กำหนดโดยไม่ต้องรับโทษ
รวมทั้งเพื่อจัดเก็บอัตลักษณ์และรายละเอียดเกี่ยวกับอาวุธปืน
อันจะส่งผลให้ปริมาณอาวุธปืนที่ไม่ถูกกฎหมายลดน้อยลง สามารถตรวจสอบได้
สามารถควบคุมตรวจสอบ กำกับและติดตาม การมีและใช้อาวุธปืนเหล่านี้ได้
ตลอดจนป้องกันการนำอาวุธปืนไปใช้ก่ออาชญากรรม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้พิจารณาประเด็นตามข้อสังเกตของคณะกรรมการกฤษฎีกา และรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม
ที่เห็นว่า “หน่วยงานทหารที่ใกล้ที่สุด” ควรระบุให้ชัดเจน
เนื่องจากหน่วยงานทหารบางหน่วยไม่มีความพร้อมทางด้านอาคาร สถานที่ และกำลังพล ในการดำเนินการกำกับดูแลเก็บรักษาอาวุธปืนดังกล่าว
รวมถึงควรพิจารณานำเทคโนโลยีมาช่วยในการตรวจสอบการขึ้นทะเบียนปืนและปรับปรุงฐานข้อมูลให้ทันสมัยตลอดเวลา
ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เช่น
การนำอาวุธปืนที่ไม่ได้รับอนุญาตมาขึ้นทะเบียนควรมีการตรวจสอบหลักเกณฑ์มาตรฐานและประวัติอาชญากรรมของอาวุธปืนก่อนและการจัดเก็บข้อมูลอาวุธปืนควรดำเนินการจัดเก็บตั้งแต่ขั้นตอนการขึ้นทะเบียนหรือการขอใบอนุญาต
ควรมีการกำหนดรายละเอียด วิธีการ และหลักเกณฑ์ต่าง ๆ อย่างชัดเจน
ไว้ในกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง
ควรกำหนดมาตรการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการให้ความร่วมมือกับทางราชการ
รวมถึงมาตรการป้องกันมิให้เกิดการเรียกรับผลประโยชน์จากการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 146 | โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ ชุดที่ 1 | พน. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนอุบลรัตน์
ชุดที่ ๑ ในวงเงินรวมทั้งสิ้น ๘๖๓.๔๐ ล้านบาท แบ่งเป็นเงินตราต่างประเทศ ๔๘๔.๘๐
ล้านบาท และเงินบาท ๓๗๘.๖๐ ล้านบาท และหากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ
ให้ถือว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้รับอนุมัติงบประมาณเพื่อการลงทุนตามแผนการประมาณการเบิกจ่ายประจำปี
๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และให้กระทรวงพลังงานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ที่
นร ๐๗๑๕/๑๑๕๗๐ ลงวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๕) สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ธนาคารแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงงาน
(หนังสือคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ที่ สกพ ๕๕๐๑/๐๐๘๒ ลงวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕)
เช่น ให้การไฟฟ้าเร่งดำเนินโครงการลงทุนภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยที่สนับสนุนให้ประเทศไทยมุ่งสู่พลังงานสะอาดให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว
เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) เป้าหมายที่ ๗ สร้างหลักประกันให้ทุกคนสามารถเข้าถึงพลังงานสมัยใหม่ที่ยั่งยืนในราคาที่ย่อมเยา
รวมทั้งสอดคล้องกับความต้องการของนักลงทุนและสถาบันการเงินที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนในโครงการที่มีการดำเนินงานภายใต้กรอบแนวคิดความยั่งยืน
หรือ ESG (Environment, Social และ Governance) พิจารณากำหนดมาตรการกำกับ ติดตาม การปฏิบัติตามรายงานประมวลหลักการปฏิบัติ
(Code of Practice : CoP)
และรายงานเกี่ยวกับการศึกษามาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย
(Environment & Safety Assessment : ESA) อย่างเคร่งครัด ศึกษาความเหมาะสมในการใช้ประโยชน์จากการติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่
(BESS)
เพื่อรองรับแนวทางการพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าที่มุ่งเน้นการเพิ่มสัดส่วนกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนภายในประเทศ
จัดลำดับความสำคัญและปรับแผนการลงทุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้เร็วขึ้นจากที่กำหนดไว้ตามแผน
PDP๒๐๑๘ REV.๑
พร้อมทั้งพิจารณาปรับเพิ่มกำลังการผลิตโดยคำนึงการใช้ระบบและอุปกรณ์ที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 147 | การเปิดโครงข่ายขยายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต (โครงการงบ Big Rock) ตามหลักการโครงข่ายแบบเปิด (Open Access Network) | ดศ. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเปิดโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต
(โครงการงบ Big Rock)
ตามหลักการโครงข่ายแบบเปิด (Open Access Network)
โดยใช้แนวทางที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในการประชุม ครั้งที่ ๓/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เพื่อให้มีการเชื่อมโยงเครือข่ายไปให้บริการปลายทาง
(Last Mile Access) ยังทุกภาคส่วน
ซึ่งเป็นการใช้โครงข่ายดังกล่าวให้เกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพสูงสุดลดความซ้ำซ้อนในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม
และรับทราบการโอนทรัพย์สินภายใต้โครงการเน็ตประชารัฐ
และโครงการขยายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต (โครงการงบ Big
Rock)
ให้กับสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ตามมติคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในคราวประชุม ครั้งที่
๒/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เช่น
ควรพิจารณาจัดทำฐานข้อมูลของโครงการรวมทั้งการติดตั้งอุปกรณ์ switch ต้นทาง และอุปกรณ์ปลายทาง (SDP : Splitter Distribution Point)
ทั้งหมดในพื้นที่ให้สามารถเข้าถึงและตรวจสอบจุดให้บริการหรือการขอใช้บริการได้ผ่านบริการเว็บ
ควรขยายความครอบคลุมเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ทั่วถึงทั้งประเทศโดยเร็ว
ควรปฏิบัติให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่รัฐและประชาชนจะได้รับ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. โดยที่โครงการเน็ตประชารัฐและโครงการ
Big Rock มีประเด็นการค้างชำระค่าใช้จ่าย
ค่าบริการแก่หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด
(มหาชน) การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตั้งแต่ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๕
จึงมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเร่งหารือกับกระทรวงมหาดไทย
สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาภาระหนี้สินดังกล่าวของโครงการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
รวมทั้งให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเร่งศึกษาทางเลือกรูปแบบธุรกิจของโครงการดังกล่าวข้างต้นที่เหมาะสมภายใต้หลักการโครงข่ายแบบเปิด
(Open Access Network) เพื่อให้มีช่องทางสร้างรายได้อย่างเพียงพอและยั่งยืนต่อไปในอนาคต |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 148 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการฟื้นฟู เตรียมความพร้อม และเสริมสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) กลุ่มอาชีพในชุมชน หลังสถานการณ์โควิด ด้วยองค์ความรู้ วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ภายใต้แนวคิดการพัฒนาท้องถิ่นอย่างมั่นคงตามแนวทางเศรษฐกิจ BCG | อว. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
จำนวน ๕๑๔,๒๒๑,๓๐๐ บาท เพื่อดำเนินโครงการฟื้นฟู
เตรียมความพร้อม และเสริมสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) กลุ่มอาชีพในชุมชน หลังสถานการณ์โควิด ด้วยองค์ความรู้ วิทยาศาสตร์ วิจัย
และนวัตกรรม ภายใต้แนวคิดการพัฒนาท้องถิ่นอย่างมั่นคงตามแนวทางเศรษฐกิจ BCG
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
(มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี) บูรณาการและพิจารณาตรวจสอบภารกิจไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับโครงการภาครัฐที่ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน
(ตามหนังสือสำนักงบประมาณ ที่ นร ๑๗๑๑.๒/๕๖๖๙ ลงวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๖)
รวมทั้งให้ควบคุม กำกับ และตรวจสอบการดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์
โปร่งใส ถูกต้อง ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒.
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 149 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ รวม 3 ฉบับ ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | สผ. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
และร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
โดยสำนักงานศาลยุติธรรมรายงานว่าที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ครั้งที่
๕/๒๕๖๖ เมื่อวันที ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
มีมติเห็นควรให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับศึกษาข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ในประเด็นที่เกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์การได้มาของผู้พิพากษาสมทบในศาลชำนัญพิเศษต่าง
ๆ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เช่น กำหนดช่วงอายุของผู้สมัคร วุฒิการศึกษา เป็นต้น
และในประเด็นที่เกี่ยวกับการให้สำนักงานศาลยุติธรรมพิจารณาปรับปรุงแก้ไขบทบัญญัติในการกำหนดหลักเกณฑ์การพ้นตำแหน่งของผู้พิพากษาสมทบในศาลชำนัญพิเศษต่าง
ๆ ให้มีความสอดคล้องกัน อาทิ
ในบทบัญญัติของกฎหมายที่กำหนดเกี่ยวกับคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามโดยทั่วไป
จะบัญญัติแต่เพียงคำว่า “เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก” หรือ
“ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก” ตามความในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ซึ่งจะไม่มีถ้อยคำ “คำสั่งถึงที่สุดของศาลให้จำคุก”
โดยเห็นว่าสำนักงานศาลยุติธรรมควรพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมายในประเด็นดังกล่าวเพื่อให้สอดคล้องกัน
ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 150 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการลงทุนในตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ (DR)] | กค. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 151 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2565/2566 | อก. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี
๒๕๖๕/๒๕๖๖ ทั้ง ๙ เขตคำนวณราคาอ้อย เป็นราคาเดียวทั่วประเทศ
โดยราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิต ปี ๒๕๖๕ /๒๕๖๖ ในอัตรา ๑,๐๘๐ บาท ต่อตันอ้อย ณ
ระดับความหวานที่ ๑๐ ซี.ซี.เอส และกำหนดอัตราขึ้น/ลง ของราคาอ้อยเท่ากับ ๖๔.๘๐
บาทต่อ ๑ หน่วย ซี.ซี.เอส และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้นฤดูการผลิตปี
๒๕๖๕/๒๕๖๖ เท่ากับ ๔๖๒.๘๖ บาทต่อตันอ้อย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
และให้กระทรวงอุตสาหกรรม (สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ส่วนราชการอาจพิจารณาข้อผูกพันและระดับการอุดหนุนภายในโดยรวมของสินค้าเกษตรทุกรายการในแต่ละปีที่ไทยให้เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ผู้ผลิตสินค้าเกษตรในประเทศ
จะต้องไม่เกินจำนวนที่ไทยได้ผูกพันไว้ตามความตกลง AOA ให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายจ่ายเงินชดเชยให้แก่โรงงานเท่ากับส่วนต่างดังกล่าวตามนัยมาตรา
๕๖ ของพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗
และแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕
กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายควรพิจารณาดำเนินการทบทวนระเบียบมาตรการต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งพิจารณาถึงความจำเป็นและภารกิจของหน่วยงาน เป้าหมาย
ผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับ
และควรพิจารณามาตรการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนควบคู่กับการส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
เพื่อลดต้นทุนและสร้างผลตอบแทนให้แก่ชาวไร่อ้อยที่สูงขึ้น
รวมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ในการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นเป็นแบบรายเขตคำนวณราคาอ้อยแทนการกำหนดเป็นราคาเดียวทั้งประเทศแต่ต้องไม่สูงกว่าที่กว่าที่กฎหมายกำหนด
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 152 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ รวม 3 ฉบับ ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | สว. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
และร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
โดยสำนักงานศาลยุติธรรมรายงานว่าที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ครั้งที่
๕/๒๕๖๖ เมื่อวันที ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
มีมติเห็นควรให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับศึกษาข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ในประเด็นที่เกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์การได้มาของผู้พิพากษาสมทบในศาลชำนัญพิเศษต่าง
ๆ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เช่น กำหนดช่วงอายุของผู้สมัคร วุฒิการศึกษา เป็นต้น
และในประเด็นที่เกี่ยวกับการให้สำนักงานศาลยุติธรรมพิจารณาปรับปรุงแก้ไขบทบัญญัติในการกำหนดหลักเกณฑ์การพ้นตำแหน่งของผู้พิพากษาสมทบในศาลชำนัญพิเศษต่าง
ๆ ให้มีความสอดคล้องกัน อาทิ
ในบทบัญญัติของกฎหมายที่กำหนดเกี่ยวกับคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามโดยทั่วไป
จะบัญญัติแต่เพียงคำว่า “เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก” หรือ
“ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก” ตามความในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ซึ่งจะไม่มีถ้อยคำ “คำสั่งถึงที่สุดของศาลให้จำคุก”
โดยเห็นว่าสำนักงานศาลยุติธรรมควรพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมายในประเด็นดังกล่าวเพื่อให้สอดคล้องกัน
ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 153 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลฝั่งแดง ตำบลน้ำก่ำ ตำบลธาตุพนม ตำบลธาตุพนมเหนือ และตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม พ.ศ. .... | คค. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลฝั่งแดง ตำบลน้ำก่ำ ตำบลธาตุพนม ตำบลธาตุพนมเหนือ และตำบลพระกลางทุ่ง
อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลฝั่งแดง
ตำบลน้ำก่ำ ตำบลธาตุพนม ตำบลธาตุพนมเหนือ และตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม
จังหวัดนครพนม เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๙๗ สายทางเลี่ยงเมืองธาตุพนม
ตอนทางเลี่ยงเมืองธาตุพนม เพื่ออำนวยความสะดวกและรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค
และเพื่อนำที่ดินไปชดเชยให้เกิดความเป็นธรรมแก่เจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าก่อนการก่อสร้างทางหลวงแผ่นดินทุกเส้นทาง ขอให้กระทรวงคนนาคม
(กรมทางหลวง)
ให้ความสำคัญและตระหนักถึงแนวทางในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการก่อสร้างทางหลวงกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติ
เพื่อป้องกันปัญหาการระบายน้ำไม่ทัน
และอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมหรืออุทกภัยต่อไปในอนาคต หากมีโครงการใด ๆ ในพื้นที่ป่าไม้
ขอให้ปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
กระทรวงคมนาคมควรตระหนักและให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติตามกฎหมายในการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาในครั้งต่อไป
และให้กรมทางหลวงถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เรื่อง
แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการตราร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนเพื่อก่อสร้างหรือขยายถนนอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 154 | ผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) พื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน | นร16 | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแนวทางการใช้เส้นปรับปรุงการสำรวจแนวเขต
ปี ๒๕๕๓ ในการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map)
พื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน จังหวัดนครราชสีมา
และจังหวัดปราจีนบุรี และให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมป่าไม้
สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดปราจีนบุรี
ร่วมกันตรวจสอบข้อมูลพื้นที่ของจุดที่ไม่ชัดเจนให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน
และเร่งรัดดำเนินการสำรวจเพื่อจัดทำแนวกันชน (Buffer Zone) ที่ชัดเจน
เพื่อรักษาความสมบูรณ์ของพื้นที่มรดกโลกและสภาพพื้นที่ป่าไม้
ภายหลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
ในส่วนของการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด แนวทางการคุ้มครองการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ที่ได้ดำเนินการจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายและการคุ้มครองและรับรองการดำเนินการของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ
คณะทำงาน และเจ้าหน้าที่ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องตามหน้าที่และอำนาจให้ถูกต้อง รอบคอบ เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 155 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่่ 15 ธันวามคม 2530 วันที่ 23 กรกฎาคม 2534 วันที่ 22 สิงหาคม 2543 และวันที่ 17 ตุลาคม 2543 ที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน สำหรับการดำเนินการก่อสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กข้ามคลองสวีเฒ่า บนเส้นทางสายปากแพรก-วิสัยใต้ พร้อมถนนผิวจราจรหินคลุก หมู่ที่ 1 ตำบลปากแพรกเชื่อมตำบลวิสัยใต้ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร | มท. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๕ ธันวาคม ๒๕๓๐ วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ และวันที่ ๑๗
ตุลาคม ๒๕๔๓ ที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน สำหรับการดำเนินการก่อสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กข้ามคลองสวีเฒ่า
บนเส้นทางสายปากแพรก-วิสัยใต้ พร้อมถนนผิวจราจรหินคลุก หมู่ที่ ๑ ตำบลปากแพรก
เชื่อมตำบลวิสัยใต้ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายในการปลูกป่าและบำรุงรักษาป่าชายเลนทดแทนไม่น้อยกว่า ๒๐ เท่าของพื้นที่ป่าชายเลนที่ใช้ประโยชน์
ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพรพิจารณาใช้จ่ายจากเงินรายได้ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพรดำเนินการเป็นลำดับแรก
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงมหาดไทยและองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพรรับความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และคณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เช่น
ควรดำเนินการในรูปแบบสะพานยกระดับต่อเนื่องเพื่อลดผลกระทบโดยตรงต่อระบบนิเวศป่าชายเลน
และการขออนุญาตตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องก่อนดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปให้ถูกต้อง
เป็นปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 156 | ผลการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหภาพยุโรป (อียู) สมัยพิเศษ ค.ศ. 2022 | กต. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหภาพยุโรป
(อียู) สมัยพิเศษ ค.ศ. ๒๐๒๒ เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๕ ณ กรุงบรัสเซลส์
ราชอาณาจักรเบลเยียม และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการประชุมฯ
ไปปฏิบัติและติดตามความคืบหน้าต่อไป
โดยนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำนโยบายเศรษฐกิจของไทยที่ให้ความสำคัญกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับความยั่งยืนผ่านแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ
เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งเป็นประเด็นที่สำคัญต่อการทำการค้ากับ EU
และที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับความร่วมมืออาเซียน-EU รวมทั้งประเด็นภูมิภาคและระหว่างประเทศ โดยมีประเด็นที่สำคัญ เช่น
การต่อต้านก่อการร้าย และความมั่นคงทางไซเบอร์ การส่งเสริมระบบการค้าพหุภาคีที่เปิดกว้าง
เสรี ครอบคลุม และอยู่บนกฎกติกา และการเปลี่ยนผ่านสีเขียวและดิจิทัล เช่น การแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ EU ได้เน้นย้ำข้อริเริ่ม “Global
Gateway” ซึ่งมุ่งหวังที่จะระดมทุนมูลค่า
๓๐๐,๐๐๐ ล้านยูโร (๑๐.๘ ล้านล้านบาท) ภายในปี ๒๕๗๐
เพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านต่าง ๆ รวมทั้งด้านดิจิทัล ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม และข้อสังเกตของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยให้ปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
รวมทั้งเรื่องนโยบายและมาตรการเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่การพัฒนาสีเขียว
ควรส่งเสริมให้เกิดการค้าการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ
ในลักษณะไม่ก่อให้เกิดการกีดกันทางการค้าต่อประเทศไทยและประเทศสมาชิกอาเซียน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 157 | รัฐบาลสาธารณรัฐกัวเตมาลาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐกัวเตมาลาประจำประเทศไทย (นางชีร์เลย์ เดนนิเซ อากิลาร์ บาร์เรรา) | กต. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นางชีร์เลย์ เดนนิเซ อากิลาร์ บาร์เรรา (Mrs. Shirley Dennise Aguilar Barrera) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐกัวเตมาลาประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร
สืบแทน นายการ์โรส อุมเบร์โต ฆิเมเนช ลิโกนา (Mr.
Carlos Humberto Jimenez Licona) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 158 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการกีฬา) | กค. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการกีฬา)
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรแก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินเพื่อสนับสนุนการกีฬาให้แก่ (๑)
การกีฬาแห่งประเทศไทย (๒) คณะกรรมการกีฬาจังหวัด (๓) สมาคมกีฬาแห่งจังหวัด (๔)
สมาคมกีฬาที่ใช้คำว่า “แห่งประเทศไทย”
หรือกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการกีฬาแห่งประเทศไทย
และ (๕) กรมพลศึกษา โดยให้หักลดหย่อนหรือหักเป็นรายจ่ายได้ ๒ เท่าของจำนวนเงินบริจาค
สำหรับการบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation)
ของกรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม
๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมขับเคลื่อนและสร้างการรับรู้และความเข้าใจมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการกีฬา
และร่วมติดตามและประเมินประโยชน์ที่ได้รับจากมาตรการนี้เพื่อจัดทำรายงานเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้รับกับการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริงกับประมาณการตามมาตรา
๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
รวมทั้งร่วมส่งเสริมและสนับสนุนให้หน่วยรับบริจาคสำหรับการบริจาคเพื่อสนับสนุนการกีฬาทุกแห่งใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์
(e-Donation) ของกรมสรรพากร เพื่อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริจาคและหน่วยบริจาค ๓.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 159 | การขออนุมัติปรับแผนการดำเนินงานและแผนเบิกจ่ายงบประมาณ รวมทั้งขอความเห็นชอบหลักการแนวทางดำเนินการโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ กิจกรรมที่ 2 การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Digital Hub) | ดศ. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการปรับแผนการดำเนินงานและแผนเบิกจ่ายการดำเนินโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
กิจกรรมที่ ๒
การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน
(ASEAN Digital Hub) (กิจกรรมที่
๒) กิจกรรมย่อยที่ ๓ การร่วมก่อสร้างโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำระบบใหม่ฯ
จากเดิมสิ้นสุดปี ๒๕๖๕ เป็นสิ้นสุดปี ๒๕๖๗ ๑.๒
เห็นชอบในหลักการขยายความจุเพิ่มเติมของระบบเคเบิลใต้น้ำ ASIA Direct Cable (ADC) ภายใต้กิจกรรมที่ ๒
กิจกรรมย่อยที่ ๓ การร่วมก่อสร้างโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำระบบใหม่ฯ จากเดิม ๒๐๐ Gbps
ซึ่งเป็นความจุเบื้องต้นของประเทศไทยที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักการโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไว้
เป็นไม่เกินสิทธิการใช้วงจรทั้งหมด (เบื้องต้นที่ประมาณ ๙,๐๐๐ Gbps) โดยใช้งบประมาณของ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน)
(บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ) และให้ความจุเพิ่มเติมดังกล่าวเป็นทรัพย์สินของ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
และ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เช่น ควรให้ความสำคัญกับการควบคุมและกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงานที่กำหนดไว้
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. หากมีการขยายกรอบวงเงินลงทุนโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
กิจกรรมที่ ๒
การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน
(ASEAN Digital Hub) กิจกรรมย่อยที่
๓ การร่วมก่อสร้างโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำระบบใหม่ที่เชื่อมต่อประเทศไทยกับประเทศต่าง
ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพิ่มเติมจาก ๒,๑๘๐ ล้านบาท
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป ๔. ในกรณีที่สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพิจารณาอนุมัติให้
บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ ขยายความจุเพิ่มเติมของระบบเคเบิลใต้น้ำ Asia Direct Cable (ADC) ในแต่ละครั้งแล้ว
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรายงานผลการพิจารณาดังกล่าวต่อคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติโดยเร็วด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 160 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงคิงส์ตัน จาเมกา และการเปิดทำการของสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ กรุงคิงส์ตัน จาเมกา (นายไมเคิล คริสโตเฟอร์ ลิน) | กต. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายไมเคิล คริสโตเฟอร์
ลิน (Mr. Michael Christopher
Lyn) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงคิงส์ตัน จาเมกา
ประจำสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ กรุงคิงส์ตัน จาเมกา
โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจาเมกา สืบแทน นางทาเลีย เจรัลดีน ลิน (Ms. Thalia
Geraldine Lyn) และการเปิดทำการของสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ
กรุงคิงส์ตัน จาเมกา ซึ่งได้ปิดไว้เป็นการชั่วคราว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
