ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 4 จากทั้งหมด 11 หน้า แสดงรายการที่ 61 - 80 จากข้อมูลทั้งหมด 209 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 61 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์) | อว. | 26/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่ง เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 62 | แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2567 | กค. | 26/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติตามที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗ เฉพาะในส่วนที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติแล้ว การบริหารหนี้ที่ครบกำหนด
และการชำระหนี้ ประกอบด้วย (๑) แผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงินรวม ๑๙๔,๔๓๔.๕๓ ล้านบาท
(๒) แผนการบริหารหนี้เดิม วงเงินรวม ๑,๖๒๑,๑๓๕.๒๒ ล้านบาท และ (๓) แผนการชำระหนี้
วงเงินรวม ๓๙๐,๕๓๘.๖๓ ล้านบาท ทั้งนี้ การดำเนินการตามแผนฯ หน่วยงานภายใต้แผนฯ
จะต้องดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วย ๑.๒ อนุมัติให้รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๔ แห่ง
ได้แก่ การเคหะแห่งชาติ (กคช.) บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.)
การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)
ที่มีสัดส่วนความสามารถในการหารายได้เทียบกับภาระหนี้ของกิจการ (Debt Service Coverage Ratio : DSCR) ต่ำกว่า
๑ เท่า สามารถกู้เงินและบริหารหนี้ภายใต้แผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗
โดยให้รัฐวิสาหกิจทั้ง ๔ แห่งดังกล่าวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะกรรมการฯ
เช่น (๑) กคช. ควรเร่งดำเนินการตามแผนการบริหารจัดการทรัพย์สิน (Sunk Cost)
อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
และร่วมมือกับภาครัฐในการจัดทำแผนการใช้ที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการภายใต้ยุทธศาสตร์การเคหะแห่งชาติ
เพื่อนำที่ดินไปใช้ในการพัฒนาโครงการในอนาคต (๒) ธพส. ควรเร่งรัดการดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ
๘๐ พรรษา พื้นที่โซน C ให้มีความก้าวหน้า
ตามแผนการดำเนินงานและแผนการใช้เงิน และบริหารสินทรัพย์และหนี้สินให้มีประสิทธิภาพ
รวมทั้งพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานทั้งในด้านธุรกิจและด้านการเงิน
เพื่อเพิ่มระดับความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่นในการระดมทุน (๓) รฟท.
ควรเร่งโอนทรัพย์สินให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์ของ รฟท.
ให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด เพื่อให้เกิดรายได้มาชำระคืนหนี้คงค้างที่สะสม
และเร่งรัดดำเนินโครงการรถไฟทางคู่ และ (๔) ขสมก. ควรเร่งรัดการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการและแผนต่าง
ๆ อย่างครบถ้วน และจัดทำแผนดังกล่าวเป็นตัวชี้วัด (KPI) ของ
ขสมก. และมีการจัดการข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารหนี้สาธารณะที่ถูกต้อง ครบถ้วน
และทันสมัย ไปดำเนินการด้วย ทั้งนี้ ขอให้ รฟท. และ ขสมก.
เร่งรัดการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการของหน่วยงานเพื่อเพิ่มรายได้ให้เพียงพอสำหรับการชำระหนี้และเพื่อทำให้ฐานะทางการเงินของหน่วยงานดีขึ้นตามข้อสังเกตของคณะกรรมการฯ
รวมทั้งให้ รฟท. และ ขสมก.
รายงานความก้าวหน้าและปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการตามแผนพื้นฟูกิจการของหน่วยงานต่อคณะกรรมการ
ฯ เพื่อทราบต่อไป ๑.๓
อนุมัติการกู้เงินเฉพาะในส่วนที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติแล้ว
ในส่วนของรัฐบาลสำหรับการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ
การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ
ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
มาตรา ๗
แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
(กองทุน Financial Institutions Development Fund :
FIDF) พ.ศ. ๒๕๔๑ และมาตรา ๗ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุน
FIDF ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕
รวมทั้งอนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเฉพาะในส่วนที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติแล้วเพื่อลงทุนในโครงการพัฒนา
และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนฯ ประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๗ และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน
เงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกัน
และการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ทั้งนี้
หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง
ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๒.
ให้กระทรวงการคลัง คณะกรรมการฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการกำกับ
ติดตาม และเร่งรัดการดำเนินการของรัฐวิสาหกิจทั้ง ๔ แห่ง ให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว
การเร่งรัดการดำเนินงานและเบิกจ่ายเงินกู้ให้สอดคล้องและบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนที่กำหนด
การให้ความสำคัญกับการเพิ่มขีดความสามารถในการจัดเก็บรายได้
การจัดสรรงบประมาณเพื่อการชำระหนี้คืนต้นเงินกู้ให้มากขึ้น และการดำเนินนโยบายการคลังและการบริหารเงินกู้ที่ต้องเป็นไปอย่างระมัดระวังรอบคอบ
รวมทั้งการติดตามการดำเนินงานตามแนวทางการแก้ไขปัญหาขององค์กรหรือแผนพื้นฟูกิจการของรัฐวิสาหกิจที่มีความจำเป็นต้องกู้เงิน
แต่มีผลการดำเนินงานที่ไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ความสามารถในการชำระหนี้ตามระเบียบคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๖๑
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 63 | มาตรการพักชำระหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อยตามนโยบายรัฐบาล (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566) | กค. | 26/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อกำหนดมาตรการในการพักหนี้เกษตรกรและผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(SMEs)
ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เห็นชอบมาตรการพักชำระหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อยตามนโยบายรัฐบาล
รวมถึงการพัฒนาศักยภาพเพื่อฟื้นฟูลูกหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ผู้เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ดังกล่าวภายใต้หลักการ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม
เพิ่มรายได้” และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี จำนวนรวมทั้งสิ้น ๑๒,๐๙๖ ล้านบาท โดยมอบหมายให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณเป็นรายปีตามความเหมาะสมโดยคำนึงถึงสภาพคล่องของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและตามผลการดำเนินงานจริงต่อไป
ควรคัดกรองผู้ที่เข้าร่วมโครงการให้เป็นลูกหนี้ที่ได้รับความเดือดร้อนทางด้านสภาพคล่องอย่างแท้จริง
เพื่อมิให้ลูกหนี้ที่มีศักยภาพในการชำระหนี้ เกิดแรงจูงใจที่จะไม่ชำระหนี้
และมอบหมายให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีข้อมูลของเกษตรกร
ร่วมกันประเมินสภาพปัญหาของผู้ที่แสดงความประสงค์จะเข้าร่วมโครงการ
และกำหนดแนวทางในการให้ความช่วยเหลือให้เหมาะสมแก่สภาพปัญหาของเกษตรกรแต่ละราย
ควรมีการสร้างแรงจูงใจให้ลูกหนี้ที่มีศักยภาพยังชำระหนี้ต่อเนื่อง
โดยออกแบบมาตรการที่ให้ผลตอบแทนแก่ลูกหนี้มากพอที่จะยังชำระหนี้ต่อ
รัฐจะต้องให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์และสื่อสารทำความเข้าใจกับลูกหนี้ถึงเจตนารมณ์และเงื่อนไขของโครงการอย่างชัดเจน
ครบถ้วน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 64 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายสุรพล เกียรติไชยากร และนางสาวเพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ) | วธ. | 18/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ กันยายน ๒๕๖๖)
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑. นายสุรพล
เกียรติไชยากร ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ๒. นางสาวเพ็ญพิสุทธิ์
จินตโสภณ ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 65 | การขอความเห็นชอบต่อร่างกรอบความร่วมมืออาเซียน-องค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ระยะปี ค.ศ. 2024-2028 (ASEAN-ECO Framework of Cooperation 2024-2028) | กต. | 18/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกรอบความร่วมมืออาเซียน-องค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
(Economic Cooperation Organization : ECO) ระยะปี ค.ศ.
๒๐๒๔-๒๐๒๘ (ASEAN-ECO Framework of Cooperation 2024-2028 :
FoC) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างกรอบความร่วมมือฯ
โดยร่างกรอบความร่วมมือฯ
เป็นเอกสารที่จะมีการรับรองโดยไม่มีการลงนามในที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-องค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
(ECO) ครั้งที่ ๑๕ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในวันที่ ๒๒
กันยายน ๒๕๖๖ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับ ECO ในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านการค้าและการลงทุน การคมนาคมและการสื่อสาร
พลังงาน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการควบคุมสารเสพติด
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างกรอบความร่วมมือฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรวิเคราะห์และประเมินผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์ของกรอบความร่วมมือฯ
ให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ไทยพึงจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 66 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ) | รง. | 13/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง
นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ เป็นข้าราชการการเมือง ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ กันยายน ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 67 | แผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2567-2570) ฉบับทบทวน | กค. | 13/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง
(ปีงบประมาณ ๒๕๖๗-๒๕๗๐) ฉบับทบทวน เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาจัดทำกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี
ตามมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และเพื่อให้หน่วยงานของรัฐนำไปประกอบการพิจารณาในการจัดเก็บหรือหารายได้
การจัดทำงบประมาณ และการก่อหนี้ของหน่วยงานของรัฐ ตามมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังฯ ต่อไป
ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้ความสำคัญการลดการขาดดุลงบประมาณให้อยู่ในระดับต่ำกว่าในแผนการคลังระยะปานกลาง
(ปีงบประมาณ ๒๕๖๗-๒๕๗๐) ฉบับทบทวน
รวมทั้งแสดงเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นที่ชัดเจนในการเพิ่มรายได้และประสิทธิภาพการใช้จ่ายภาครัฐ
ตลอดจนจัดสรรงบประมาณเพื่อการชำระหนี้ให้มากขึ้น
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและลดแรงกดดันด้านเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
รวมทั้งเพื่อให้มีพื้นที่ทางการคลังที่เพียงพอต่อการรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนทางเศรษฐกิจและการเงินโลก
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 68 | การจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกัน สำหรับการพำนักระยะสั้นแก่ผู้ถือหนังสือเดินทางราชการ | กต. | 13/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกันสำหรับการพำนักระยะสั้นแก่ผู้ถือหนังสือเดินทางราชการ
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ
โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางราชการที่มีอายุใช้ได้และออกให้นับตั้งแต่วันที่
๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ในการเดินทางเข้า แวะผ่าน
และพำนักอยู่ในดินแดนที่กำหนดของอีกฝ่ายหนึ่ง
สำหรับการพำนักอย่างต่อเนื่องหนึ่งครั้งหรือหลายครั้ง รวมระยะเวลาพำนักไม่เกิน ๙๐
วัน ตลอดระยะเวลา ๑๘๐ วัน นับตั้งแต่วันที่เข้าสู่ดินแดนที่กำหนดของอีกฝ่ายหนึ่ง
โดยมีเงื่อนไขว่า บุคคลเหล่านั้นจะไม่ทำงานแม้ว่าการทำงานนั้นจะเป็นการดำเนินกิจการของตนเอง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 69 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (1. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | กต. | 13/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๓ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ กันยายน ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. นายมาริษ
เสงี่ยมพงษ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่ากระทรวงการต่างประเทศ ๒.
นายธนรัช จงสุทธานามณี ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ๓.นายรัศม์
ชาลีจันทร์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงการต่างประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 70 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (พลเอก สมศักดิ์ รุ่งสิตา และพลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์) | กห. | 13/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ กันยายน ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้ ๑. พลเอก
สมศักดิ์ รุ่งสิตา ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่ากระทรวงกลาโหม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 71 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช และนายกิตติ เชาวน์ดี) | กก. | 13/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ กันยายน ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้ ๑. นายณณัฏฐ์
หงษ์ชูเวช ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ๒.
นายกิตติ เชาวน์ดี ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 72 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช) | นร.04 | 06/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีเห็นชอบแต่งตั้ง นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช
เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๓ กันยายน ๒๕๖๖) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 73 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 11/2566 | นร.11 สศช | 29/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ เห็นชอบ และรับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๑/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม
๒๕๖๖ โดย คกง.
มีมติเกี่ยวข้องกับการพิจารณากลั่นกรองความเหมาะสมของข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายจากเงินภายใต้พระราชกำหนดกู้เงินฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยอนุมัติให้กรมควบคุมโรคเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย
จำนวน ๖๐,๐๐๐,๐๐๐ โดส (AstraZeneca) ปี พ.ศ. ๒๕๖๕ และโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
(COVID-19) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย จำนวน ๓๐,๐๐๒,๓๑๐ โดส (Pfizer) ปี พ.ศ.
๒๕๖๕ ของกระทรวงสาธารณสุข โดยขยายระยะเวลาสิ้นสุดการดำเนินโครงการจากเดือนกันยายน
๒๕๖๖ เป็นเดือนมีนาคม ๒๕๖๗ อนุมัติให้จังหวัดเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ปี ๒๕๖๕ ของกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๗ จังหวัด ๙ โครงการ กรอบวงเงิน ๗๔.๑๓๖๓ ล้านบาท
มอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการเร่งปรับปรุงรายละเอียดของโครงการในระบบ eMENSCR
ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว
พร้อมทั้งเร่งดำเนินโครงการตามกรอบระยะเวลาที่ได้รับจากคณะรัฐมนตรี
รายงานผลสัมฤทธิ์และคืนเงินกู้เหลือจ่าย (ถ้ามี) ตามระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
และรับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดกู้เงินฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ราย ๓ เดือน ครั้งที่ ๘ (๑ พฤษภาคม-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๖) ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้กระทรวงต้นสังกัดติดตามหน่วยงานเจ้าของโครงการในการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด
และกำกับดูแลหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนดเพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เป็นไปอย่างคุ้มค่า
มีประสิทธิภาพ และบรรลุผลสัมฤทธิ์ของโครงการตามที่ได้กำหนดไว้
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ.
๒๕๖๔ ข้อ ๒๒ และ ๒๓ สำหรับโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก
หากมีเงินกู้เหลือจ่ายของโครงการนั้น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังภายใน ๓ เดือน
นับจากวันที่สิ้นสุดการดำเนินโครงการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๖
เพื่อให้การบริหารจัดการเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๕
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ควรปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วน เป็นไปตามหลักเกณฑ์
อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด รวมทั้งเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
ตลอดจนให้ความสำคัญกับการติดตามและประเมินผลโครงการ เพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างยั่งยืน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 74 | ขอความเห็นชอบการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค | พน. | 29/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจำหน่ายที่ดิน ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานีไฟฟ้าแรงสูงชลบุรี
๒ (บางส่วน)
ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตามหลักฐานโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๔๕๙๗๘
ท้องที่ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ ๑๔-๐-๒๐ ไร่
ให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในราคาที่ดินไร่ละ ๕,๖๑๖,๙๖๖ บาท เป็นเงิน
๗๘,๙๑๘,๓๗๒ บาท และค่าดำเนินการร้อยละ
๒๐ ของราคาที่ดิน เป็นเงิน ๑๕,๗๘๓,๖๗๔
บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๙๔,๗๐๒,๐๔๖
บาท ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงพลังงาน
(การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 75 | ขออนุมัติผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ เพื่อให้กรมชลประทานดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำแม่สะป๊วด อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดลำพูน | กษ. | 29/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำแม่สะป๊วด อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดลำพูน และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
พิจารณาทบทวนมาตรการในการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ตามความเห็นของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และครอบคลุมถึงเรื่องการศึกษาคาร์บอนเครดิตและข้อมูลสัตว์ป่าที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ตามความเห็นของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (หนังสือกรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ ทส ๐๙๐๙.๒๐๔/๒๓๕๖๘ ลงวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕) ด้วย
แล้วให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
นำเรื่องนี้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งเพื่อขออนุมัติผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่
๑ เอ ต่อไป ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอน
เป็นไปตามกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 76 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 [แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ 44 (พ.ศ. 2538)ฯ] | มท. | 29/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. ให้ความเห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ.
....) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๔ (พ.ศ. ๒๕๓๘)
แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๕๑ (พ.ศ. ๒๕๔๑)
ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมข้อกำหนดเกี่ยวกับแบบระบบบำบัดน้ำเสียของอาคารประเภท
ง และอาคารพักอาศัยประเภทบ้านเดี่ยว ห้องแถว ตึกแถว บ้านแถว หรือบ้านแฝด
เพื่อให้ระบบบำบัดน้ำเสียมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและเป็นไปตามมาตรฐานสากล ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่เห็นควรเร่งดำเนินการตามร่างกฎกระทรวงดังกล่าว
ในข้อ ๗ วรรคสอง โดยการออกประกาศหลักเกณฑ์ตามที่รัฐมนตรีกำหนด
โดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมอาคาร เพื่อให้มีผลบังคับใช้ควบคู่กับร่างกฎกระทรวงฯ
นี้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 77 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน ในไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | นร.01 | 29/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชนในไตรมาสที่ ๓
ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ (เดือนเมษายน-มิถุนายน ๒๕๖๖)
ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.
สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน ในไตรมาสที่ ๓
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ พร้อมผลการวิเคราะห์เรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็น
รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ ผ่านช่องทางการร้องทุกข์
๑๑๑๑ รวมทั้งสิ้น ๑๓,๘๗๗ เรื่อง สามารถดำเนินการจนได้ข้อยุติ ๑๑,๗๕๗
เรื่อง โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับการประสานเรื่องร้องทุกข์ฯ มากที่สุด (๑,๒๓๒ เรื่อง) สำหรับเรื่องร้องทุกข์ที่ประชาชนยื่นเรื่องมากที่สุด คือ
เสียงรบกวน/สั่นสะเทือน (๑,๓๔๘ เรื่อง) และข้อจำกัดปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์
เช่น (๑) สถิติการใช้บริการช่องทางรับเรื่องร้องทุกข์มีจำนวนลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ และ (๒) ปัญหาเหตุเดือดร้อนรำคาญยังเป็นปัญหาที่ประชาชนร้องเรียนเป็นจำนวนมาก
ประกอบกับปัจจุบันประชาชนมีช่องทางในการเข้าถึงการร้องเรียน ร้องทุกข์ได้ง่าย
ส่งผลให้ปัญหาดังกล่าวมีจำนวนมากในทุกไตรมาส ๒.
ข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาปรับปรุงการให้บริการ/การปฏิบัติงาน เช่น (๑) ควรให้หน่วยงานส่วนกลาง
ส่วนภูมิภาค และระดับท้องถิ่นที่มีระบบสารสนเทศเรื่องร้องทุกข์
และมีความพร้อมกำหนดแนวทางเข้าร่วมร้องทุกข์กับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
เพื่อการแบ่งปันข้อมูลและเชื่อมโยงการทำงานและเพื่อขับเคลื่อนการบริการประชาชนให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
และ (๒) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับปัญหาเหตุเดือดร้อนรำคาญเคร่งครัดในการตรวจสอบ
ปรับปรุงแนวทางการปฏิบัติงานเพื่อลดการเกิดเหตุในพื้นที่
และควรประชาสัมพันธ์ให้สถานประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 78 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวภคนันท์ ศิลาอาสน์) | นร.04 | 23/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นางสาวภคนันท์ ศิลาอาสน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการกอง
(ผู้อำนวยการระดับสูง) กองงานนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำด้านประสานกิจการภายในประเทศ
(นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๖
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๖๙ (๒)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 79 | แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายกิติพงษ์ มหารัตนวงศ์) | นร.05 | 23/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง
เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง
ราย นายกิติพงษ์ มหารัตนวงศ์ ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่
๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 80 | แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์) | สลค. | 23/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง
เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ราย
นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่
๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
