ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 7 จากทั้งหมด 11 หน้า แสดงรายการที่ 121 - 140 จากข้อมูลทั้งหมด 209 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 121 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 7/2566 | นร.11 สศช | 06/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่
๗/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๖ โดยอนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ค่ารักษาพยาบาลแก่กลุ่มผู้ไร้สิทธิการรักษาพยาบาลของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ โดยขยายระยะเวลาสิ้นสุดโครงการ จากเดือนธันวาคม ๒๕๖๕ เป็นเดือนกันยายน ๒๕๖๖ และเพิ่มจำนวนกลุ่มเป้าหมายของโครงการ
อนุมัติให้จังหวัด เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ปี ๒๕๖๕ มอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการ
เร่งปรับปรุงรายละเอียดของโครงการในระบบ eMENSCR ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว
พร้อมทั้งเร่งดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด
มอบหมายให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
และอยู่ระหว่างดำเนินการให้เร่งรัดการดำเนินงานและต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
พร้อมทั้งกำหนดเงื่อนไขในกรณีที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ไม่สามารถดำเนินงานและเบิกจ่ายเงินกู้ให้แล้วเสร็จภายในกำหนดที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้หน่วยงานรับผิดชอบดำเนินโครงการโดยใช้จ่ายจากแหล่งอื่นต่อไป
และอนุมัติการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๖ เรื่อง
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการฯ ในคราวประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๖๖
และเรื่องผลการพิจารณาของคณะกรรมการฯ ในคราวประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๖๖
ในส่วนของการขยายระยะเวลาสิ้นสุดการดำเนินโครงการและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ปี ๒๕๖๕ ของกระทรวงมหาดไทย จากเดิมเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๖ เป็นเดือนมิถุนายน ๒๕๖๖ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานเจ้าของโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ให้กระทรวงต้นสังกัดติดตามหน่วยงานเจ้าของโครงการในการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด
และกำกับดูแลหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ.
๒๕๖๔ ข้อ ๒๒ และ ๒๓ สำหรับโครงการที่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้อีก
หากมีเงินกู้เหลือจ่ายของโครงการนั้น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังภายใน ๓
เดือนนับจากวันที่สิ้นสุดการดำเนินโครงการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม
๒๕๖๖ เพื่อให้การบริหารจัดการเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วน เป็นไปตามหลักเกณฑ์ อัตราค่าใช้จ่าย
และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 122 | การเสนอพระนามพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ให้องค์การยูเนสโกประกาศยกย่องและร่วมเฉลิมฉลองในวาระ 100 ปี วันพระบรมราชสมภพ ในปี พ.ศ. 2570 | ศธ. | 06/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักการในการเสนอพระนามพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ให้องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์
และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (องค์การยูเนสโก) ประกาศยกย่องและร่วมเฉลิมฉลองในวาระ
๑๐๐ ปี วันพระราชสมภาพ ในปี พ.ศ. ๒๕๗๐
และให้กระทรวงศึกษาธิการในฐานะสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา
วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ
เป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำร่างเอกสารเสนอพระนามต่อองค์การยูเนสโก
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
และให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 123 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดเรื่องที่อุทธรณ์ไม่ได้ พ.ศ. .... | กค. | 30/05/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดเรื่องที่อุทธรณ์ไม่ได้ พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างกับหน่วยงานของรัฐที่ใช้สิทธิอุทธรณ์ไม่ได้
พ.ศ. ๒๕๖๐
เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมประเด็นที่ต้องห้ามอุทธรณ์เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุ
เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุด ที่เห็นว่าในส่วนที่ระบุไม่มีสิทธิอุทธรณ์ในข้อ
๒ (๓) การจัดซื้อจัดจ้างที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ตามมาตร ๕๖ (๑) (ค) ว่าเป็นกรณีการตัดสิทธิอุทธรณ์ของผู้ซึ่งยื่นข้อเสนอในกระบวนการของฝ่ายบริหาร
ซึ่งอาจมีการนำข้อโต้แย้งหรือข้อพิพาทขึ้นสู่ศาลได้ทันทีก็ตาม
แต่เหตุจำเป็นเร่งด่วนนั้น ไม่อาจเป็นข้ออ้างไม่ให้อุทธรณ์ได้
หากเป็นกรณีอุทธรณ์เกี่ยวกับการทำผิดกฎหมาย ผิดระเบียบ ผิดข้อบังคับ หรือการกระทำทุจริตเอื้อประโยชน์
เพราะฝ่ายบริหารมีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบให้มีการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างที่สุจริตโปร่งใส
ตามหลักธรรมาภิบาล และตามกฎหมาย
ทั้งการที่จะมีการพิจารณาในเรื่องอุทธรณ์ลักษณะดังกล่าวก่อนลงนามในสัญญาย่อมเป็นการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับรัฐได้
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 124 | รายงานผลการดำเนินการตามแผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินของการไฟฟ้านครหลวง ปี 2565 (ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2565) | มท. | 30/05/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามแผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินของการไฟฟ้านครหลวง ปี ๒๕๖๕ (ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม ๒๕๖๕) โดยการไฟฟ้านครหลวงมีแผนดำเนินโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินในพื้นที่การไฟฟ้านครหลวงดูแลและรับผิดชอบระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้า
ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี และสมุทรปราการ ระยะทางรวม ๒๓๖.๑
กิโลเมตร มีกรอบระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ปี ๒๕๒๗-๒๕๗๐ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
(๑) ผลการดำเนินการตามแผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าฯ แผนงาน/โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ
๑๗๔.๑ กิโลเมตร ๔ แผนงาน ประกอบด้วย แผนงานฯ ปี ๒๕๕๑-๒๕๕๖ (ฉบับปรับปรุง)
ระยะทางรวม ๒๕.๒ กิโลเมตร อยู่ระหว่างดำเนินการ ๑๐.๙ กิโลเมตร มีกำหนดแล้วเสร็จปี
๒๕๖๗ แผนงานฯ รัชดาภิเษก ระยะทางรวม ๒๒.๕ กิโลเมตร มีกำหนดแล้วเสร็จปี ๒๕๖๘
แผนงานฯ เพื่อรองรับการเป็นมหานครแห่งอาเซียน ระยะทางรวม ๑๒๗.๓ กิโลเมตร
อยู่ระหว่างดำเนินการ ๑๒๐.๒ กิโลเมตร มีกำหนดแล้วเสร็จปี ๒๕๖๘ และแผนงานฯ
ฉบับเร่งรัด ระยะทางรวม ๒๐.๕ กิโลเมตร มีกำหนดแล้วเสร็จปี ๒๕๗๐ (๒)
การเบิกจ่ายงบประมาณ ณ เดือนธันวาคม ๒๕๖๕ ได้มีการเบิกจ่ายเงินรวม ๓,๒๒๘.๔๔ ล้านบาท จากเป้าหมายการเบิกจ่ายในปี ๒๕๖๕
จำนวน ๔,๕๗๖.๓๙ ล้านบาท (๓)
ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการและแนวทางแก้ไข เช่น
พื้นที่ก่อสร้างมีโครงการระบบสาธารณูปโภคจำนวนมาก
ทำให้เกิดความล่าช้าในการก่อสร้าง ปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างในการดำเนินโครงการร่วมกับหน่วยงานสาธารณูปโภค
และ (๔) แผนการดำเนินงานในระยะต่อไป
เป็นการปรับแผนงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยเร่งรัดระยะเวลาในการก่อสร้างให้เร็วยิ่งขึ้น เพื่อให้สามรถดำเนินการได้ตามแผนที่กำหนด
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 125 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การเทียบโอนความรู้และประสบการณ์สำหรับอาชีวศึกษา เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา | สว. | 30/05/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
การเทียบโอนความรู้และประสบการณ์สำหรับอาชีวศึกษา
เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา
ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปได้ว่า
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นพ้องกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการดังกล่าว
โดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาได้มีแนวทางในการสร้างความเข้าใจในกฎ ระเบียบ
หลักเกณฑ์และแนวทางในการปฏิบัติในเรื่องการเทียบโอนความรู้และประสบการณ์เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ถือปฏิบัติ
ได้แก่ ประกาศคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติในการเทียบโอนความรู้และประสบการณ์รายวิชาของสถานศึกษา
และประกาศคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เรื่อง
หลักเกณฑ์และวิธีการจัดการอาชีวศึกษากลุ่มเทียบโอนความรู้และประสบการณ์รายวิชาของสถานศึกษาอาชีวศึกษา
รวมถึงได้เร่งประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจในกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ต่าง ๆ
บนหน้าเว็บไซต์ http://bsq.vec.go.th ให้กับสถานศึกษาและสถานประกอบการ และได้มีการจัดทำมาตรฐานอาชีพ
จำนวน ๕๒ สาขาวิชา
โดยคัดเลือกจากสาขาวิชาชีพที่สอดรับกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่
๑๒ และฉบับที่ ๑๓ และยุทธศาสตร์ภายใต้โมเดลเศรษฐกิจใหม่ (BCG)
หรือนโยบายหลักอื่น ๆ ของรัฐบาล ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 126 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางศิริเนตร กล้าหาญ) | นร.12 | 30/05/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางศิริเนตร กล้าหาญ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการ (นักพัฒนาระบบราชการทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน
ก.พ.ร. ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ ก.พ.ร. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักนายกรัฐมนตรี
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักงาน
ก.พ.ร. เสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๖๙ (๒) แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 127 | รายงานผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินการตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) ช่วงปี พ.ศ. 2561 - 2565 ต่อแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นที่ 19 การบริหารจัดการน้ำทั้งระบบและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป้าหมายที่ 6 (SDG 6) | นร.14 | 23/05/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินการตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕ ต่อแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
ประเด็นที่ ๑๙ การบริหารจัดการน้ำทั้งระบบและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
เป้าหมายที่ ๖ (SDG 6) ตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
ในคราวประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ ซึ่งมีผลการดำเนินงาน
ได้แก่ (๑) ผลการดำเนินงานภายใต้แผนแม่บทฯ น้ำ ช่วงปี ๒๕๖๑-๒๕๖๕ (๒)
ผลการประเมินดัชนีตัวชี้วัดแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นที่ ๑๙ การบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ
และ (๓) ผลการประเมินตัวชี้วัดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป้าหมายที่ ๖ (SDG
6) : การบริหารน้ำและสุขาภิบาล โดยมีปัญหาอุปสรรคในการขับเคลื่อนและแนวทางแก้ไข
เช่น งบประมาณเรื่องการพัฒนาระบบประปาให้ได้มาตรฐานมีจำนวนจำกัด หน่วยงานกำหนดเป้าหมายตัวชี้วัดเกินความเป็นจริง
และการปลูกพืชที่มีมูลค่าต่ำส่งผลให้ผลิตภาพจากการใช้น้ำต่ำ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรให้หน่วยงานดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ หลักเกณฑ์ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด
เร่งรัดการดำเนินการภายใต้กลยุทธ์/แผนงานดังกล่าวตามแนวทางขับเคลื่อนที่กำหนด
และขอให้แก้ไขข้อเท็จจริง/สาระสำคัญ ในส่วนผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงานตามแผนแม่บทฯ
น้ำ ด้านที่ ๑ การจัดการน้ำอุปโภคบริโภค จากเดิม “พบว่ามีร้อยละ ๓๘.๔๘
ของระบบประปาที่ผ่านมาตรฐานประปาดื่มได้” เป็น “พบว่ามีร้อยละ ๓๘.๔
ผ่านเกณฑ์คุณภาพน้ำประปาดื่มได้” ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 128 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี 2566 และแนวโน้มปี 2566 | นร.11 สศช | 16/05/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๖
และแนวโน้มปี ๒๕๖๖ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้
ดังนี้ ๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๖ ขยายตัวร้อยละ ๒.๗ เร่งขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๑.๔
ในไตรมาสก่อนหน้า (%YoY) และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว
เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๖ ขยายตัวจากไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๖๕ ร้อยละ ๑.๙ (%QoQ_SA ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๖๖ คาดว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ ๒.๗-๓.๗
โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการปรับตัวดีขึ้นของภาคการท่องเที่ยว การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการอุปโภค
บริโภคภายในประเทศ และการขยายตัวของการลงทุนทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ คาดว่าการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ
๑.๙ และร้อยละ ๒.๗ ตามลำดับ และมูลค่าส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์ สรอ. ลดลงร้อยละ
๑.๖ ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ในช่วงร้อยละ ๒.๕-๓.๕ และดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลร้อยละ
๑.๔ ของ GDP ๓.
ประเด็นการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคในช่วงที่เหลือของปี ๒๕๖๖ ควรให้ความสำคัญกับ
(๑) การขับเคลื่อนภาคการส่งออกสินค้า การติดตามและดูกลไกตลาดเพื่อให้ราคาสินค้าเคลื่อนไหวสอดคล้องกับต้นทุนการผลิต
(๒) การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน (๓)
การสนับสนุนการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและบริการเกี่ยวเนื่อง (๔) การดูแลการผลิตภาคเกษตรและรายได้
(๕) การรักษาบรรยากาศทางเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศในช่วงหลังการเลือกตั้ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 129 | จังหวัดเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 พ.ศ. 2568 (ค.ศ. 2025) และกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 พ.ศ. 2568 (ค.ศ. 2025) | กก. | 16/05/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบจังหวัดเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์
ครั้งที่ ๓๓ พ.ศ. ๒๕๖๘ (ค.ศ. ๒๐๒๕) และกีฬาอาเซียนพาราเกมส์
ครั้งที่ ๑๓ พ.ศ. ๒๕๖๘ (ค.ศ. ๒๐๒๕)
ดังนี้ (๑) จังหวัดเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ ๓๓ พ.ศ. ๒๕๖๘
(ค.ศ. ๒๐๒๕) ระหว่างวันที่ ๙-๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๘
ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดชลบุรี และสงขลา และ (๒) จังหวัดเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์
ครั้งที่ ๑๓ พ.ศ. ๒๕๖๘ (ค.ศ. ๒๐๒๕)
ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๖ มกราคม ๒๕๖๙ ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
สำหรับค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬา ให้พิจารณาความพร้อมในด้านต่าง
ๆ และแนวทางการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงความประหยัด
การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นสำคัญ และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณโดยให้ครอบคลุมทุกแหล่งเงินที่ต้องใช้ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน
และเพื่อให้เกิดภาระต่องบประมาณในสัดส่วนที่เหมาะสม
รวมทั้งจัดทำแผนบริหารจัดการความเสี่ยงสำหรับรองรับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
ควรประสานการดำเนินงานร่วมกับจังหวัดเจ้าภาพอย่างใกล้ชิด
เพื่อสร้างการรับรู้และเตรียมความพร้อมในการจัดการแข่งขัน
ให้เผยแพร่แบบถ่ายทอดสดได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป และกำหนดให้ผู้ให้บริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไปจะต้องให้บริการโทรทัศน์ตามผังรายการโดยมีเนื้อหาเดียวกันทุกช่องทางทั้งในระบบภาคพื้นดิน
ระบบดาวเทียม ระบบเคเบิลทีวี และระบบไอพีทีวี อย่างต่อเนื่อง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 130 | การจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน | นร. | 09/05/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีพิจารณาเห็นว่า
สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันมีผลให้ประชาชนจำนวนมากต้องเปลี่ยนแปลงแนวทางในการดำรงชีวิต
การประกอบอาชีพการทำงานเพื่อหารายได้สำหรับตนเองและครอบครัว
นอกจากมีประชาชนจำนวนมากต้องตกงานแล้ว
นักเรียน/นักศึกษาที่เพิ่งจบการศึกษาทั้งในระดับอุดมศึกษาและระดับที่ต่ำกว่า
ทั้งในสายสามัญและวิชาชีพก็มีแนวโน้มที่จะตกงานเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ
สาเหตุสำคัญประการหนึ่งอาจเนื่องมาจากปริมาณและคุณภาพของผู้จบการศึกษาไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานและแนวทางการทำงาน/การประกอบอาชีพในปัจจุบันซึ่งเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเป็นอย่างมาก
รวมทั้งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในปัจจุบันก็มีผลทำให้ความต้องการแรงงานและประเภทของแรงงานมีความแตกต่างหลากหลายมากขึ้นด้วย
ดังนั้น ๆ หน่วยงานต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องควรต้องศึกษาและตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนผู้จบการศึกษาในแต่ละสาขาวิชา
ภาวะการว่างงานและการมีงานทำของประชาชนให้ถูกต้อง ชัดเจน และเป็นปัจจุบัน
รวมทั้งพิจารณาทบทวนแนวทางการจัดการศึกษา การเรียนการสอน การฝึกอบรม
และการฝึกฝีมือแรงงาน เพื่อให้นักเรียนนักศึกษาและผู้ใช้แรงงาน
ตามแต่กรณีมีความรู้ความสามารถ คุณวุฒิ ทักษะ และประสบการณ์ในสาขาวิชาที่สอดคล้องกับความถนัดและตอบสนองในการพัฒนาประเทศในภาพรวมด้วย
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามแนวทางข้างต้นให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป
ทั้งนี้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าวข้างต้นรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 131 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 42 | กต. | 09/05/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมสุดยอดอาเซียน
ครั้งที่ ๔๒ จำนวน ๘ ฉบับ เช่น แถลงการณ์ผู้นำอาเซียนต่อวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนภายหลังปี
ค.ศ. ๒๐๒๕ ร่างแผนการดำเนินงานสำหรับการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนของติมอร์-เลสเต
ร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการบรรจุงานและการคุ้มครองแรงงานข้ามชาติในภาคประมง
เป็นต้น และมอบหมายให้นายกรัฐมนตรี หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสารฯ
ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๔๒ ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๐-๑๑ พฤษภาคม
๒๕๖๖ ณ เมืองลาบวน บาโจ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดอาเซียน
ครั้งที่ ๔๒ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยให้ดำเนินการตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับที่มีอยู่ในปัจจุบันและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
หากมีค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนงบประมาณรายจ่าย โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
และกระทรวงการต่างประเทศจำเป็นต้องวิเคราะห์ ประเมินผล
และติดตามการดำเนินงานที่สืบเนื่องจากการรับรองร่างเอกสารดังกล่าว
ตลอดจนสื่อสารผลลัพธ์และความคืบหน้าให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนรับรู้
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 132 | การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด สมัยที่ 16 การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมว่าด้วยกระบวนการแจ้งข้อมูลสารเคมีล่วงหน้าสำหรับสารเคมีอันตรายและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์บางชนิดในการค้าระหว่างประเทศ สมัยที่ 11 และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน สมัยที่ 11 | ทส. | 02/05/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด
สมัยที่ ๑๖ การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมว่าด้วยกระบวนการแจ้งข้อมูลสารเคมีล่วงหน้าสำหรับสารเคมีอันตรายและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์บางชนิดในการค้าระหว่างประเทศ
สมัยที่ ๑๑ และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน
สมัยที่ ๑๑ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้
ในส่วนของกรอบการเจรจาและท่าทีของประเทศไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคี ๓
อนุสัญญาให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 133 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ (1. นางถวิลวดี บุรีกุล ฯลฯ จำนวน 9 คน) | พม. | 25/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ
จำนวน ๙ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตีรีมีมติ (๒๕ เมษายน ๒๕๖๖) ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
ดังนี้ ๑. ผู้แทนองค์กรสตรีและองค์กรที่ทำงานด้านสิทธิความหลากหลายทางเพศ
จำนวน ๖ คน ๑.๑
นางถวิลวดี บุรีกุล ๑.๒
นางสาวศุธาฎา เมฆาวงศกุล ๑.๓
นางสาวสุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง ๑.๔
นายรณภูมิ สามัคคีคารมย์ ๑.๕
นางสาวเสาวลักษณ์ ทองก๊วย ๑.๖
นางสาวศิริพร ไชยสุต ๒. ผู้ทรงคุณวุฒิด้านนิติศาสตร์ ด้านสิทธิมนุษยชน
ด้านสังคมศาสตร์ หรือด้านจิตวิทยา จำนวน ๓ คน ๒.๑
นางปารีณา ศรีวนิชย์ ๒.๒
นายสมศักดิ์ ชลาชล ๒.๓
นางสาวชมพูนุท นาครทรรพ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 134 | รายงานเสนอต่อคณะรัฐมนตรี กรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 (เรื่อง สิทธิการเข้าถึงบริการไฟฟ้าในครัวเรือน) | สผผ. | 25/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด
๕ หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ (เรื่อง
สิทธิการเข้าถึงบริการไฟฟ้าในครัวเรือน) ตามที่ผู้ตรวจการการแผ่นดินเสนอ
รวมทั้งรับทราบสรุปผลการพิจารณาในภาพรวมต่อข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน
ตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงาน
และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงมาตรการตามข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินให้เกิดความเหมาะสม
โดยดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
โดยกระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม
กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สรุปผลการพิจารณาและความเห็นในภาพรวม
เช่น (๑) การแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาสิทธิเข้าถึงบริการไฟฟ้าในครัวเรือน
อาจมีบทบาทหน้าที่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานที่มีอยู่ในปัจจุบัน (๒)
การแบ่งจ่ายค่าไฟฟ้าที่ค้างชำระควรมีการศึกษาผลกระทบในด้านต่าง ๆ
เพื่อไม่ให้มีผลต่อรายได้และอาจจะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของหน่วยงานผู้ให้บริการ
และเป็นภาระทางการคลังของรัฐบาล (๓)
มาตรการจูงใจให้ประชาชนแบ่งจ่ายค่าไฟฟ้าที่ค้างชำระได้ตามกำลังทางเศรษฐกิจ เช่น
การไฟฟ้านครหลวงมีมาตรการขยายระยะเวลาและผ่อนชำระค่าไฟฟ้า
และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยมีมาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
และ (๔) กรมการปกครองได้สำรวจครัวเรือนที่ยังไม่มีไฟฟ้าผ่านระบบ ThaiQM แล้ว
และพร้อมให้การสนับสนุนข้อมูลแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำหนดนโยบายการแก้ไขปัญหาสิทธิเข้าถึงบริการไฟฟ้าในครัวเรือนให้แก่ประชาชนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 135 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนนายาง-หนองจอก จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. .... | มท. | 25/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนนายาง-หนองจอก จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลหนองจอก
และตำบลปึกเตียน อำเภอท่ายาง ตำบลหนองศาลา ตำบลบางเก่า ตำบลนายาง ตำบลดอนขุนห้วย
และตำบลเขาใหญ่ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน
การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและสภาพแวดล้อม
เป็นศูนย์กลางหลักการค้าและบริการรับซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ให้บริการแก่ชุมชนโดยรอบ
รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชายทะเล การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ประวัติศาสตร์
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควร (๑)
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการควบคุมกับการวางผังเมือง
ให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของประกาศดังกล่าว และคำนึงถึงการควบคุมการก่อสร้างต่าง ๆ
ไม่ให้กีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติ (๒) จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ หรือระเบียบ
และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล เกิดผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ (๓) หากมีการดำเนินการใด ๆ
ในเขตพื้นที่ป่า ขอให้ปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
(๔)
การพิจารณาอนุญาตกิจการต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อการดำรงชีวิตที่ปกติสุขของประชาชน
(๕)
ให้พิจารณาทบทวนหรือกำหนดข้อกำหนดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัญชีท้ายประกาศกระทรวงมหาดไทย
ในประเภทหรือชนิดของโรงงานลำดับที่ ๒๒ (๔) การพิมพ์สิ่งทอให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม
เรื่อง กำหนดจำนวน ขนาด
และประเภทหรือชนิดของโรงงานที่ไม่ให้ตั้งหรือขยายในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจกร พ.ศ.
๒๕๕๐ และ (๖)
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรกำกับดูแลการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด
เพื่อให้การใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการวางผังเมืองรวมชุมชนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 136 | รายงานการเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | กค. | 25/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเงินแผ่นดิน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ มีสาระสำคัญประกอบด้วย (๑)
งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน (๒) งบแสดงฐานะการเงิน (๓)
งบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน (๔) งบกระแสเงินสด (๕)
รายงานการรับจ่ายเงินประจำปีงบประมาณ และ (๖) หมายเหตุประกอบงบการเงิน
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 137 | มาตรการการกำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางให้สามารถอ้างอิงบัญชีมาตรฐานครุภัณฑ์ของยานพาหนะดัดแปลง : กรณีศึกษารถดัดแปลง | ปช. | 11/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบมาตรการกำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางให้สามารถอ้างอิงบัญชีมาตรฐานครุภัณฑ์ของยานพาหนะดัดแปลง
: กรณีศึกษารถดัดแปลง โดยจากการศึกษาพบว่า
การจัดซื้อจัดจ้างรถดัดแปลงของหน่วยงานรัฐมีปัญหา เช่น การกำหนดลักษณะเฉพาะ TOR
เอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัท การกำหนดราคากลางที่สูงเกินควร
การเข้าเสนอราคาที่ไม่มีลักษณะการแข่งขัน การจัดซื้อรถดัดแปลงในราคาแพง
และการเสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้มีอำนาจอนุมัติให้จัดซื้อ
ควรมีมาตรการเพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตในการจัดซื้อรถดัดแปลง
โดยการจัดทำหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางให้สามารถอ้างอิงบัญชีมาตรฐานครุภัณฑ์
ราคาต้นทุน และผลตอบแทนตามปกติทางการค้าของยานพาหนะดัดแปลง
บูรณาการข้อมูลเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ ตรวจสอบเชิงรุก
เพื่อป้องกันการสมยอมราคาในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
และนำข้อเสนอแนะจากการประเมินติดตามการปฏิบัติตามอนุสัญญา UN ว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. ๒๐๐๓
และข้อเสนอแนะจากคู่มือพิชิตความเสี่ยงต่อการเกิดทุจริตในสัญญาภาครัฐจาก UNDP
เช่น
ประเด็นการขยายระยะเวลาการพิจารณาและวินิจฉัยอุทธรณ์มาประกอบการพิจารณาปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มความเหมาะสมมากขึ้น
ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 138 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... | มท. | 04/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบางสะพาน
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ตำบลร่อนทอง
ตำบลกำเนิดนพคุณ ตำบลแม่รำพึง และตำบลพงศ์ประศาสน์ อำเภอบางสะพาน
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท
ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ
และสภาพแวดล้อมให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ซึ่งมีนโยบายเพื่อส่งเสริมและพัฒนาที่อยู่อาศัย
การบริการด้านการคมนาคมและขนส่งให้เพียงพอ
และได้มาตรฐานโดยดำรงรักษาวัฒนธรรมและประเพณีซึ่งเป็นวิถีชีวิตของชุมชน
อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภายในพื้นที่เพื่อให้เกิดความสมดุลของระบบนิเวศ
และรักษาดุลยภาพระหว่างเศรษฐกิจชุมชนเดิมซึ่งเป็นชุมชนประมงชายฝั่งกับการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่สำคัญของประจวบคีรีขันธ์
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย กฎหรือระเบียบ และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล เกิดผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ
การกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอนุรักษ์พื้นที่ป่าไม้บางส่วนไม่สอดคล้องกับพื้นที่วนอุทยานแม่รำพึงและวนอุทยานป่ากลางอ่าว
ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวอยู่ระหว่างเตรียมการกำหนดพื้นที่ให้เป็นอุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม
จึงควรแก้ไขแผนผังให้ถูกต้องตรงกับแผนที่
จะต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อการดำรงชีวิตที่ปกติสุขของประชาชน
และเป็นไปตามกฎกระทรวงควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๖๐
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดประเภทหรือขนาดของกิจการ และหลักเกณฑ์ วิธีการ
เงื่อนไข ที่ผู้ขออนุญาตจะต้องดำเนินการก่อนการพิจารณาออกใบอนุญาต พ.ศ. ๒๕๖๑
และประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง
หลักเกณฑ์การรับฟังความคิดเห็นของประชาขนที่เกี่ยวข้อง พ.ศ. ๒๕๖๑
และเมื่อผังชุมชนเมืองนี้มีผลใช้บังคับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรกำกับดูแลการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 139 | การขอความเห็นชอบต่อร่างปฏิญญาเวียงจันทน์ ค.ศ. 2023 | นร.14 | 04/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการต่อร่างปฏิญญาเวียงจันทน์
ค.ศ. ๒๐๒๓ โดยร่างปฏิญญาฯ เป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์เชิงนโยบายของประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงในการมุ่งเน้นการดำเนินการตามพันธกรณี
ของความตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน พ.ศ. ๒๕๓๘
และอนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรี (นายประวิตร วงษ์สุวรรณ) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมรัฐมนตรีเสนอการปรับแก้ไขถ้อยคำในร่างปฏิญญาเวียงจันทน์
ค.ศ. ๒๐๒๓ ตามข้อคิดเห็นของกรมสนธิสัญญาและกฎหมายในการประชุมรัฐมนตรีในกรณีที่มีความจำเป็น
และให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมรัฐมนตรีสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่าง
ครั้งที่ ๔ เป็นผู้รับรองปฏิญญาเวียงจันทน์ ค.ศ. ๒๐๒๓ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาเวียงจันทน์ ค.ศ. ๒๐๒๓
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 140 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี : การนำเสนอวัฒนธรรมของประเทศในลักษณะ Soft Power | วธ. | 21/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี :
การนำเสนอวัฒนธรรมของประเทศในลักษณะ Soft Power มีความคืบหน้าการดำเนินการ ดังนี้
(๑) ด้านการส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศผ่านสื่อบันเทิงในลักษณะ Soft Power : แต่งตั้งคณะอนุกรรมการส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศผ่านสื่อบันเทิงในลักษณะอำนาจละมุน
เพื่อใช้สื่อบันเทิงเป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์และขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
สินค้าและบริการของประเทศ และ (๒) ด้านการขับเคลื่อน Soft Power ด้วยมิติวัฒนธรรมแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อน
Soft Power
ด้วยมิติทางวัฒนธรรม และจัดทำร่างแผนการขับเคลื่อน Soft Power เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทย พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐
เพื่อใช้เป็นแกนกลางในการขับเคลื่อน Soft Power
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
