ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 6 จากทั้งหมด 11 หน้า แสดงรายการที่ 101 - 120 จากข้อมูลทั้งหมด 209 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 101 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติ ประจำเดือนพฤษภาคม 2566 | นร.11 สศช | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติ
ประจำเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๖ ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น (๑)
ความก้าวหน้าในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติสู่การปฏิบัติ (๒)
การดำเนินการของหน่วยงานของรัฐในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ (๓) การติดตาม
การตรวจสอบ และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ (๔) ประเด็นที่ควรเร่งรัดเพื่อการบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ
และ (๕)นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติปรับรอบรายงานความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติเป็นรอบการรายงานทุก
ๆ ๖ เดือน (เดิมรายงานคณะรัฐมนตรีทราบทุกเดือน)
และประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการรับผิดชอบติดตาม
เร่งดำเนินการรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการในระบบ eMENSCR อย่างต่อเนื่อง ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 102 | ผลการดำเนินงานตามมาตรการลดการใช้พลังงานในหน่วยงานภาครัฐ | พน. | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานตามมาตรการลดการใช้พลังงานในหน่วยงานภาครัฐ
รอบ ๓ เดือน ตั้งแต่เดือนมีนาคม-พฤษภาคม ๒๕๖๕ และเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ๒๕๖๕
และเห็นชอบให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินการตามมาตรการลดการใช้พลังงานอย่างต่อเนื่องตามแนวทางประหยัดพลังงานในหน่วยงานภาครัฐที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่
๒๒ มีนาคม๒๕๖๕ (เรื่อง มาตรการลดการใช้พลังงานในหน่วยงานภาครัฐ)
โดยกำหนดเป้าหมายให้หน่วยงานภาครัฐลดการใช้พลังงานลงร้อยละ ๒๐
พร้อมทั้งให้รายงานผลการดำเนินงานฯ ในเว็บไซต์ www.e-reportenergy.go.th เป็นประจำทุกเดือน แล้วให้กระทรวงพลังงาน
โดยสำนักงานนโยบายและพลังงานทำหน้าที่กำกับดูแลและรวบรวมข้อมูลการใช้พลังง่านของหน่วยงานภาครัฐในภาพรวมเสนอนายกรัฐมนตรี
โดยปรับรอบการรายงานผลการดำเนินงานฯ จากเดิม รายงานเสนอนายกรัฐมนตรีเป็นรายไตรมาส
เป็นรายงานเสนอนายกรัฐมนตรีเป็นประจำทุก ๖ เดือน (เดือนตุลาคม-มีนาคมและเดือนเมษายน-กันยายนของทุกปี)
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงาน
ก.พ.ร. โดยให้กระทรวงพลังงานเร่งประสานสำนักงบประมาณในการพิจารณาแนวทางที่จะสนับสนุนให้หน่วยงานต่าง
ๆ
สามารถจัดหาอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะช่วยให้เกิดการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้ตามที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติต่อไป
และเร่งรัดให้ที่ทำการปกครองอำเภอ สถาบันอุดมศึกษา และรัฐวิสาหกิจ ที่มีผลการดำเนินการไม่ถึงร้อยละ
๕๐ ของหน่วยงานทั้งหมดในแต่ละกลุ่มรายงานผลให้ครบถ้วน
โดยประสานความร่วมมือกับกรมการปกครอง สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานของหน่วยงานทั้ง ๓ กลุ่มดังกล่าว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 103 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดปัตตานี พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดปัตตานี พ.ศ. 2560) | มท. | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดปัตตานี
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดปัตตานี
พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อแก้ไขการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินประเภทอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรม
(สีขาวมีกรอบและเส้นทแยงสีเขียว) บริเวณ ๔.๑ (บางส่วน) เป็นที่ดินประเภทอุตสาหกรรมและคลังสินค้า
(สีม่วง) บริเวณหมายเลข ๒.๑
เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมให้มีการพัฒนาเมืองต้นแบบ
“สามเหลี่ยม มั่นคง ยั่งยืน” ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเมืองหลัก ได้แก่
เมืองหนองจิก จังหวัดปัตตานี ให้เป็น “เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าผสมผสาน”
โดยนำร่องในพื้นที่ที่มีความพร้อมด้านความมั่นคงปลอดภัย และกระตุ้นการลงทุนนำไปสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจในพื้นที่ใกล้เคียงสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนผ่านการจ้างงานและการสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับประชาชนในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียง
ทำให้จังหวัดชายแดนภาคใต้มีพื้นที่ปลอดภัยมากขึ้น
และแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่และสามารถรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระยะต่อไป
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองกำหนดสัญลักษณ์สีแดงการใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมไว้ในผังการใช้ประโยชน์ที่ดิน
(สีเขียวมีกรอบและเส้นทแยงสีน้ำตาล) จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ หรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ควรคำนึงถึงกฎ ระเบียบ
ที่เกี่ยวข้องในการใช้ประโยชน์ที่ดินด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย เช่น
มาตรการการใช้ที่ดินลุ่มน้ำ มาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ
และควรมีแนวทางการควบคุมกำกับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีความเสี่ยงในการก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน
รวมทั้งกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรกำกับดูแลการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด
เพื่อรักษาพื้นที่ป่าไม้รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับชุมชนและสิ่งแวดล้อม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 104 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ความตกลง CPTPP ต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับภาคการเกษตร ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา | สว. | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ความตกลง CPTPP ต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับภาคการเกษตร
ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
สรุปได้ ดังนี้ ๑) ด้านโยบาย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการดำเนินการ เช่น การเตรียมการเร่งรัดและสนับสนุนงานวิจัยพื้นฐาน
พัฒนา การผลิต และการกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าว และเตรียมการจัดตั้งงบประมาณในปี ๒๕๖๗
เพื่อเร่งรัดการสร้างความเข้าใจบุคลากรและชาวนา
และองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทยได้มีการดำเนินการพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มที่ประเทศไทยสามารถมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์นมมูลค่าเพิ่มที่เป็นที่ต้องการสูงในกลุ่มประเทศ
CPTPP ๒) ด้านการเตรียมความพร้อมเพื่อการเจรจา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ร่วมประชุมกับหน่วยงานภายในเพื่อจัดทำข้อสงวน
ข้อยืดหยุ่นและ/หรือระยะเวลาปรับตัวของไทยในการรับพันธกรณีความตกลง CPTPP ๓) ด้านการสร้างความเข้มแข็งให้ระบบการผลิตและการค้าสินค้าเกษตร
ได้มีการเร่งรัดดำเนินการในหลายประเด็น เช่น จัดการระบบการผลิต
ส่งเสริมการจัดทำโซนนิ่งพืชปรับเปลี่ยนที่นาในภาคกลางเป็นพื้นที่ปลูกพืชอาหารสัตว์โดยเบื้องต้นใช้พันธุ์ข้าว
กข๘๕ และ กข๘๗ กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและภาคบริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า
๔) ด้านการปรับปรุงทางกฎหมาย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ดำเนินการจัดทำร่างพระราชบัญญัติความหลากหลายทางชีวภาพ
พ.ศ.... เพื่อให้เกิดกลไกการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน
และ ๕) ด้านการลงทุนที่ภาครัฐควรเร่งรัดให้การสนับสนุน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดทำแผนเตรียมการเข้าสู่
CPTPP ในด้านการเพิ่มศักยภาพด้านวิจัยและพัฒนา
การสร้างธนาคารพันธุกรรม การผลิต การกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวมาตั้งแต่ปี ๒๕๖๕
และได้ดำเนินการจัดทำแบบสำรวจความคิดเห็นตามกรอบข้อเสนอ ข้อสงวน ข้อยืดหยุ่น ระยะเวลาปรับตัวของไทยในการรับพันธกรณี
CPTPP ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(ประเด็นด้านพันธุ์พืช)
รวมทั้งได้เผยแพร่เพื่อรับฟังความเห็นบนเว็บไซต์ของกรมวิชาการเกษตรแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 105 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล และบัญชีกำไรขาดทุนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 | กค. | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี งบดุล
และบัญชีกำไรขาดทุนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ประกอบด้วย (๑) รายงานผลการดำเนินงานปีบัญชี ๒๕๖๕ เปรียบเทียบกับปีบัญชี ๒๕๖๔ ได้แก่
งบแสดงฐานะการเงิน งบกำไรขาดทุนและกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น (๒)
ผลการดำเนินงานที่สำคัญในปี ๒๕๖๕ และ (๓) ทิศทางการดำเนินงานปี ๒๕๖๖
และแผนยุทธศาสตร์ ๕ ปี (ปี ๒๕๖๖-๒๕๗๐) มุ่งเน้นการพัฒนา SMES ผ่านการเป็นธนาคารเพื่อการพัฒนาผู้ประกอบการ
SMES ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้เห็นชอบแล้วและได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี
๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 106 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม พ.ศ. .... | มท. | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนกำแพงแสน
จังหวัดนครปฐม พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ตำบลกำแพงแสน
ตำบลรางพิกุล ตำบลวังน้ำเขียว และตำบลทุ่งกระพังโหม อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม
เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาชุมชนกำแพงแสนให้เป็นเมืองน่าอยู่
เป็นศูนย์กลางการศึกษาวิจัย และการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ
พัฒนาเศรษฐกิจการเกษตรและอุตสาหกรรมแปรรูป การคมนาคมขนส่ง บริการสาธารณะ และเมืองพักอาศัยน่าอยู่
เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ซึ่งมีนโยบายและมาตรการในการส่งเสริมและพัฒนาชุมชนให้เป็นศูนย์กลางการบริหาร
การปกครอง และพาณิชยกรรมในระดับอำเภอ
การส่งเสริมและการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการศึกษาวิจัยและสนับสนุนเทคโนโลยีด้านการเกษตรควบคู่กับการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมของพื้นที่
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
กฎ หรือระเบียบและความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล เกิดผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ
ควรคำนึงถึงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องในการใช้ประโยชน์ที่ดินด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย
ควรให้ร่างประกาศผลดังกล่าวไม่ให้มีผลใช้บังคับกับกิจกรรมการผลิตปิโตรเลียมที่มีอยู่ก่อนที่จะมีการบังคับใช้ประกาศฉบับดังกล่าว
การพิจารณาอนุญาตกิจการต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อการดำรงชีวิตที่ปกติสุขของประชาชน
ให้พิจารณาทบทวนหรือกำหนดข้อกำหนดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัญชีท้ายประกาศกระทรวงมหาดไทยในประเภทหรือชนิดของโรงงานลำดับที่
๒๒ (๒) การทอหรือการเตรียมเส้นด้ายยืนสำหรับการทอให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม
เรื่อง กำหนดจำนวน ขนาด
และประเภทหรือชนิดของโรงงานที่ไม่ให้ตั้งหรือขยายในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร พ.ศ.
๒๕๕๐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรกำกับดูแลการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด
เพื่อรักษาพื้นที่เกษตรกรรมและสภาพแวดล้อมให้เป็นเมืองน่าอยู่และเป็นศูนย์กลางการศึกษาวิจัยด้านการเกษตรที่ยั่งยืน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 107 | รายงานการสร้างระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2565 และรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 ของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ | สปสช. | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการสร้างระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕ ประกอบด้วย (๑) รายงานการสร้างระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕
มีผลการดำเนินงาน เช่น มีการเบิกจ่ายงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้กับหน่วยบริการที่จัดบริการให้ผู้มีสิทธิการใช้บริการของผู้ป่วยนอก
ประมาณ ๑๖๗ ล้านครั้ง การใช้บริการผู้ป่วยใน ประมาณ ๖ ล้านครั้ง ความท้าทายต่าง ๆ
ในการดำเนินงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
รวมถึงการพัฒนารูปแบบการเบิกจ่ายชดเชยค่าบริการที่ถูกต้องรวดเร็ว
และมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น และ (๒) และรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ ของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
และงบเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองแล้ว
เห็นว่ารายงานการเงินดังกล่าวถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 108 | รายงานสรุปผลการดำเนินการคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย | นร.12 | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินการคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย
ระหว่างเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔-มีนาคม ๒๕๖๖ โดยได้ประชุมทั้งสิ้น ๑๐ ครั้ง
เพื่อขับเคลื่อนประเด็นสำคัญอันจะเป็นส่วนสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาหนี้สิน
และมีความคืบหน้าที่สำคัญ ได้แก่
การช่วยเหลือลูกหนี้ให้สามารถเข้าถึงกลไกการแก้ไขหนี้สินได้ง่ายและเป็นธรรมยิ่งขึ้น
การปรับปรุงกฎหมายและระเบียบที่สำคัญเพื่อสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem)
ที่เอื้อให้ลูกหนี้สามารถเข้าถึงกลไกการไกล่เกลี่ยหนี้สิน และกำกับให้ธุรกิจสินเชื่อให้ดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบยิ่งขึ้น
และการเพิ่มเติมแหล่งสินเชื่อที่เป็นธรรมให้กับประชาชน ตามที่คณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อยเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 109 | รายงานสถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ปี 2565 สรุป ณ สิ้นสุดไตรมาส 4 | นร.53 | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ปี ๒๕๖๕
สรุป ณ สิ้นสุดไตรมาส ๔ สรุปได้ ดังนี้ (๑)
สถานการณ์ MSME ปี ๒๕๖๕ GDP
ของ MSME ปี ๒๕๖๕ มีมูลค่า ๑,๖๐๔,๔๘๗ ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ ๒.๗ ด้านการส่งออก มีมูลค่า ๓๐,๕๐๘.๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ ๖.๐
ด้านการนำเข้า มีมูลค่า ๓๔,๘๕๗.๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ลดลงร้อยละ ๑.๙ ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ MSME
อยู่ที่ ๕๕.๗ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ ๕๓.๘
และสถานการณ์ด้านการจ้างงานของ MSME มีจำนวนสถานประกอบการ MSME ในระบบประกันสังคม ๔๑๕,๐๐๖ แห่ง และมีการจ้างงาน
รวม ๔,๐๗๔,๒๔๐ คน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๓.๒๔
และ (๒) สถานการณ์ MSME เดือนมกราคม ๒๕๖๖ เช่น ด้านการส่งออก
มีมูลค่า ๒,๓๙๕.๗ ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขยายตัวร้อยละ ๒๒.๑ ด้านการนำเข้า มีมูลค่า ๓,๑๙๖.๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขยายตัวร้อยละ ๑๓.๖
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ MSME อยู่ที่ ๕๓.๙
โดยปรับตัวลดลงในเกือบทุกองค์ประกอบและลดลงในภูมิภาคและสถานการณ์ด้านการจ้างงานของ
MSME มีจำนวนสถานประกอบการ MSME
ระบบประกันสังคม ๔๑๑,๖๗๐ แห่ง และมีการจ้างงานรวม ๔,๕๔๒,๓๓๐ คน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๕.๑๕ ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 110 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การส่งเสริมและพัฒนาสร้างมูลค่าเพิ่มในห่วงโซ่คุณค่าสินค้าเกษตร ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา | สว. | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง การส่งเสริมและพัฒนาสร้างมูลค่าเพิ่มในห่วงโซ่คุณค่าสินค้าเกษตร
ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา
ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
โดยสรุปผลการดำเนินงานได้ว่า เช่น การกำหนดให้ “การเกษตรสร้างมูลค่า”
เป็นเป้าหมายสำคัญของการขับเคลื่อนและเร่งรัดจัดทำแผนพัฒนาภาคการเกษตรในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ ๑๓ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) ได้จัดทำแผนปฏิบัติการด้านการเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ.
๒๕๖๖-๒๕๗๐ ซึ่งมีความเชื่อมโยงและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ และแผนอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้อง สำหรับให้ส่วนราชการ องค์การมหาชน รัฐวิสาหกิจ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการ
ควรจัดตั้งให้มีศูนย์ความเป็นเลิศ (Center
of Excellence) สำหรับสินค้าเกษตรแต่ละชนิด
เพื่อให้เกษตรกรมีพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์คุณภาพดี มีความหลากหลาย
และเพียงพอต่อความต้องการของตลาด
โดยได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (Agriculture and Innovation Center : AIC)
เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมองค์ความรู้ทางเทคโนโลยีการเกษตร จัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านการวิจัยดินแห่งภูมิภาคเอเชีย (CENTER OF EXCELLENCE FOR SOIL
RESEARCH INASIA : CESRA)
เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลทางวิชาการด้านดิน
และจัดตั้งศูนย์ข้อมูลทรัพยากรดินอัจฉริยะ (Smart Soil Data Center) เพื่อเชื่อมโยงกับระบบฐานข้อมูลในระดับประเทศภูมิภาคเอเชียและนานาชาติ
ควรกำหนดให้จังหวัดเป็นเจ้าภาพในการจัดทำแผนงานหรือโครงการส่งเสริมเกษตร
โดยประสานงานกับสำนักงบประมาณเพื่อประเมินศักยภาพของชุมชนและกำหนดเป้าหมายอย่างเป็นระบบ
เพื่อปรับปรุงระบบงบประมาณให้สอดคล้องกับแผนงานหรือโครงการ ได้มีการดำเนินการ เช่น
ได้จัดการประชุมชี้แจงการขับเคลื่อน BCG Model ด้านการเกษตรระดับจังหวัดด้วยโมเดลเศรษฐกิจ
ให้แก่สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดทุกจังหวัด
โดยนำไปบรรจุอยู่ภายใต้แผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ของจังหวัด (Project Bank) และเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากจังหวัด/กลุ่มจังหวัดต่อไป
และควรมอบหมายให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนกำหนดนโยบายและหลักเกณฑ์ส่งเสริมการลงทุนในโครงการ
“การเกษตรสร้างมูลค่า” โดยให้สถาบันการเงินของรัฐสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษให้แก่เกษตรกร
กรมประมง ได้ดำเนินการจัดทำโครงการสินเชื่อดอกเบี้ต่ำเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการประมง
เป็นต้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 111 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 100 ปี วันประสูติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ พ.ศ. .... | กค. | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๑๐๐ ปี
วันประสูติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา
กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะโลหะสีขาว
(ทองแดงผสมนิกเกิล) ชนิดราคายี่สิบบาท เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบรอบ ๑๐๐
ปี วันประสูติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา
กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 112 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและห้ามนำผ่านราชอาณาจักรไปยังบุคคลหรือองค์กร กรณีสาธารณรัฐเฮติ พ.ศ. .... | พณ. | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง
กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและห้ามนำผ่านราชอาณาจักรไปยังบุคคลหรือองค์กร
กรณีสาธารณรัฐเฮติ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและห้ามนำผ่านราชอาณาจักรไปยังนาย
Jimmy Cherizier หรือ Barbeque
และไปยังบุคคลหรือองค์กรที่คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นตามที่มติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกำหนด
เพื่อให้เป็นไปตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ ๒๖๕๓ (ค.ศ. ๒๐๒๒)
กรณีสาธารณรัฐเฮติ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 113 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่า พ.ศ. .... | ทส. | 11/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่า
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่า
เพื่อช่วยเหลือบุคคลที่ไม่มีที่ดินทำกินและได้อยู่อาศัยหรือทำกินในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่าที่มีการประกาศกำหนดมาก่อนวันที่พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
พ.ศ. ๒๕๖๒ ใช้บังคับ โดยไม่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินนั้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับข้อสังเกตของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (คุณหญิงกัลยา
โสภณพนิช) ที่เห็นว่าการกำหนดให้บุคคลที่อยู่อาศัยหรือทำกินในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่าภายใต้โครงการตามร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่า
พ.ศ. .... ครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินได้ไม่เกินครอบครัวละยี่สิบไร่
และในกรณีที่อยู่กันเป็นครัวเรือนตั้งแต่สามครอบครัวขึ้นไป
ให้ครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินได้ไม่เกินครัวเรือนละห้าสิบไร่ นั้น
อาจมีความไม่เหมาะสม
เนื่องจากบุคคลดังกล่าวอาจไม่มีแรงงานเพียงพอที่จะสามารถใช้ประโยชน์ที่ดินดังกล่าวได้ทั้งหมด
จึงควรปรับลดจำนวนการครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินดังกล่าว และอาจพิจารณากำหนดมาตรการในการส่งเสริมศักยภาพในการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อประกอบอาชีพแทน
ไปประกอบการพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
หากพื้นที่โครงการมีที่ราชพัสดุ ก็ควรกันออกจากอุทยานแห่งชาติ
ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้จัดสรรแล้ว
และหากไม่เพียงพอให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานหรือแผนการใช้จ่ายงบประมาณหรือโอนเงินจัดสรร
ควรเร่งการกำหนดพื้นที่โครงการเพิ่มเติมให้ครบถ้วนโดยเร็วต่อไป
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ราษฎรในพื้นที่
ในการปฏิบัติตามเงื่อนไขของกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 114 | ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | พน. | 11/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวนเงินรวมทั้งสิ้น
๑๑๖,๐๗๔,๐๐๐ บาท ให้กรมธุรกิจพลังงาน
โดยให้กรมบัญชีกลางเป็นผู้อนุมัติและดำเนินการแทนกรมธุรกิจพลังงาน
ผ่านวิธีการเบิกจ่ายงบประมาณแทนกัน
และให้กรมธุรกิจพลังงานดำเนินมาตรการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
เมื่อได้รับความเห็นจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๖๙ (๓) แล้ว ทั้งนี้
ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุม
กำกับ ดูแล และการดำเนินโครงการดังกล่าว ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ไปดำเนินการอย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 115 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 05/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อน
ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ๒๕๖๓ (ตามมาตรฐาน เลขที่ มอก. ๕๐-๒๕๖๑) และกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อนขึ้นใหม่
และเพื่อรองรับการพัฒนาเทคโนโลยีการทำและการใช้งานภายในประเทศอย่างทั่วถึง
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 116 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายสมใจ วิเศษทักษิณ ฯลฯ จำนวน 5 ราย) | ศธ. | 05/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๖๙ (๒) แล้ว ดังนี้ ๑. นายสมใจ วิเศษทักษิณ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางสาววันเพ็ญ บุรีสูงเนิน ดำรงตำแหน่งศึกษาธิการภาค
สำนักงานศึกษาธิการภาค ๘ สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายสุภชัย จันปุ่ม ดำรงตำแหน่งศึกษาธิการภาค
สำนักงานศึกษาธิการภาค ๑๓ สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายประพัทธ์ รัตนอรุณ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ๕. นายวิทวัต ปัญจมะวัต ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 117 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามความในพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. 2559 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราฃบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 | อว. | 27/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาในการออกกฎหมายลำดับรอง
ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. ๒๕๕๙
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒
ออกไปอีกหนึ่งปีนับแต่วันที่ครบกำหนดตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๓๙ จนถึงวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 118 | รายงานตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560 | สม. | 20/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี ๒๕๖๕
และรายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๕ ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น
กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษารับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่ปรากฎในรายงานผลการประเมินสถานการณ์ฯ
ไปพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งให้ความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา และข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุด
เช่น ควรให้มีการเน้นย้ำการดำเนินการต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดควบคู่ไปกับการคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนสากล
รวมถึงการติดตามพลวัตของประเด็นปัญหาสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด
ควรดำเนินการเกี่ยวกับกรณีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมแก่ราษฎรซึ่งได้รับความเสียหายหรือผลกระทบจากการดำเนินนโยบายของรัฐอย่างรอบคอบและอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้ส่งความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน
กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา และสำนักงานอัยการสูงสุด
ซึ่งได้แจ้งเกี่ยวกับการดำเนินการตามข้อเสนอแนะในรายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนที่สามารถดำเนินการได้
ไม่อาจดำเนินการได้ หรือต้องใช้เวลาในการดำเนินการ
ให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเพื่อทราบและประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ หากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนประสงค์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญต่อการดำเนินการตามข้อเสนอแนะในเรื่องใดเป็นการเร่งด่วนและให้หน่วยงานแจ้งผลการดำเนินการให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบในกรณีที่ไม่อาจดำเนินการได้หรือต้องใช้เวลาในการดำเนินการขอให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติส่งข้อเสนแนะดังกล่าวให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงอีกทางหนึ่งด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 119 | การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมประจำภูมิภาคระหว่างภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก และภูมิภาคเอเชียใต้ ครั้งที่ 35 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | กก. | 13/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบต่อร่างปฏิญญาพนมเปญว่าด้วยประมวลกฎหมายระหว่างประเทศสำหรับการคุ้มครองนักท่องเที่ยวขององค์การการท่องเที่ยวโลก
ในวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๖ ในช่วงการประชุมประมวลกฎหมายระหว่างประเทศสำหรับการคุ้มครองนักท่องเที่ยวขององค์การการท่องเที่ยวโลก
โดยร่างปฏิญญาพนมเปญฯ เพื่อสะท้อนเจตนารมณ์รัฐมนตรีท่องเที่ยวของรัฐสมาชิก UNWTO สะท้อนความร่วมมือ
และความเป็นหุ้นส่วน เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นในการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยว
หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ คลี่คลายลง
ผ่านการส่งเสริมการบูรณาการระหว่างผู้มีส่วนได้เสียด้านการท่องเที่ยว
ทั้งภาครัฐและเอกชนในการคุ้มครองนักท่องเที่ยว การเผยแพร่ข้อมูล
การประสานงานในการคุ้มครองนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉิน
และการดำเนินการประมวลกฎหมายระหว่างประเทศสำหรับการคุ้มครองนักท่องเที่ยวขององค์การการท่องเที่ยวโลก และอนุมัติให้นางสาวดารณี
ลิขิตวรศักดิ์ รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ให้เข้าร่วมการประชุม CAP-CSA ครั้งที่ ๓๕ และการประชุมอื่น
ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในฐานะผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และร่วมรับรองปฏิญญาฯ ดังกล่าว โดยไม่มีการลงนาม ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาว่าด้วยประมวลกฎหมายระหว่างประเทศ
สำหรับการคุ้มครองนักท่องเที่ยวขององค์การการท่องเที่ยวโลก
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่องการเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 120 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การเพิ่มมูลค่าสมุนไพรด้วยผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง/เวชสำอาง ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา | สว. | 13/06/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
การเพิ่มมูลค่าสมุนไพรด้วยผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง/เวชสำอาง
ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา
ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปได้ว่า
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โดยศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์เป็นหน่วยงานบริหารจัดการทุนด้านการแพทย์และสุขภาพ
มีการจัดสรรทุนเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมสารสกัดสมุนไพรและเวชสำอางสมุนไพร
เพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็น Hub ของ Herbal
Extracts สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
ส่งเสริมการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรเครื่องสำอาง/เวชสำอางแก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม
และมีโครงการที่ดำเนินการวิจัยการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรเครื่องสำอาง/เวชสำอางที่พร้อมถ่ายทอดในอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม
และกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกได้จัดตั้งศูนย์ส่งเสริมผู้ประกอบการสมุนไพร
และได้จัดทำทะเบียนข้อมูลผู้ผลิตสมุนไพร และผู้ผลิตผติตภัณฑ์สมุนไพร
และผู้ผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรไว้ในระบบอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนดำเนินการให้คำปรึกษาและการส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรด้านต่าง
ๆ ทั้งในด้านคุณภาพการผลิตในการจัดการ และการตลาด ความร่วมมือกันของผู้ประกอบการ
กับภาคธุรกิจ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้แจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
