ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 764 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 15261 - 15280 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
15261 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 5 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | ทส | 08/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ (Fifth Greater Mekong Subregion Environment Ministers’ meeting : GMS EMM-5) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๓๐ มกราคม-๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย การประชุมประกอบด้วย ๓ ส่วนสำคัญ ได้แก่ (๑) การประชุมเชิงวิชาการ (๒) การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส และ (๓) การประชุมระดับรัฐมนตรี ซี่งให้การรับรองกรอบยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการของแผนงานหลักด้านสิ่งแวดล้อม (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕) ที่จัดทำขึ้นเพื่อเป็นกรอบแผนงานสำหรับการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงภายในระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕) รวมทั้งให้การรับรองแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ มีสาระสำคัญในการให้คำมั่นร่วมกันเพื่อสร้างเศรษฐกิจสีเขียวที่ครอบคลุมและยั่งยืนตามแนวทางของแผนงานหลักด้านสิ่งแวดล้อมที่มุ่งเน้นหลักการลงทุนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมด้วยการเสริมสร้างนโยบายที่เชื่อมต่อการลงทุน ปรับปรุงกระบวนการวางแผนทางยุทธศาสตร์ และให้การสนับสนุนเพื่อสร้างความพร้อมด้านการลงทุน โดยโครงการที่มีศักยภาพภายใต้แผนงานหลักด้านสิ่งแวดล้อมจะถูกรวบรวมอยู่ในกรอบการลงทุนระดับภูมิภาค ปี ๒๕๕๖-๒๕๖๕ และแผนปฏิบัติการฮานอย ปี ๒๕๖๑-๒๕๖๕ ซึ่งได้มีการนำเสนอในที่ประชุมสุดยอดผู้นำของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๖ ที่จัดขึ้นในเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15262 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 08/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้กองทุนการออมแห่งชาติเป็นหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15263 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน รวม 2 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ ตำบลเชียรเขา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และตำบลท้องลำเจียก อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ ตำบลดอนตรอ และตำบลเชียรเขา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้เป็นเขตสำรวจจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ) | กษ | 08/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน เพื่อให้สามารถนำที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินในเขตสำรวจการจัดรูปที่ดินมาใช้เพื่อการจัดรูปที่ดินได้ รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลเชียรเขา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และตำบลท้องลำเจียก อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลดอนตรอ และตำบลเชียรเขา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15264 | การรับรองเอกสารร่างกรอบความร่วมมือและปฏิญญาว่าด้วยกรอบความร่วมมือเพื่อลดผลกระทบจากข่าวลวง | นร | 08/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาว่าด้วยกรอบความร่วมมือเพื่อลดผลกระทบจากข่าวลวง (Framework/Declaration on the Framework to Minimise the Harmful Effects of Fake News) ซึ่งจะมีการรับรองในวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ในการประชุมรัฐมนตรีสารนิเทศอาเซียน (ASEAN Ministers Responsible for Information : AMRI) ครั้งที่ ๑๔ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ โดยการรับรองร่างปฏิญญาฯ จะเป็นการรับรองกรอบความร่วมมือเพื่อลดผลกระทบจากข่าวลวง ซึ่งเป็นแนวทางที่ประเทศสมาชิกอาเซียนจะร่วมมือกันลดผลกระทบจากข่าวลวงภายใต้ ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) การศึกษาและการตระหนักรู้ (๒) การตรวจจับและการรับมือ (๓) บรรทัดฐานและแนวทางปฏิบัติ และ (๔) การมีส่วนร่วมของประชาชนผ่านกลไกและกิจกรรมต่าง ๆ และอนุมัติให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล) ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนประเทศไทยในการประชุม AMRI ครั้งที่ ๑๔ รับรองร่างปฏิญญาฯ ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) เสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้สำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแนวคิดและข้อหารือเกี่ยวกับการลดผลกระทบจากข่าวลวงที่ได้จากการประชุม AMRI ครั้งที่ ๑๔ มาร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางหรือมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาจากการเผยแพร่ข่าวลวงและข้อมูลที่บิดเบือนผ่านสื่อออนไลน์และสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อรับมือกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งในปัจจุบันกำลังเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อสังคมไทย ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพของประชาชนในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15265 | แผนพัฒนาจังหวัด แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด (พ.ศ. 2561-2564) แผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด กลุ่มจังหวัด คำของบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 แผนพัฒนาภาค ในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) และแผนปฏิบัติการภาค ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | นร11 | 08/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการบูรณาการนโยบายการพัฒนาภาค ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ โดยที่ประชุมมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนพัฒนาจังหวัด จำนวน ๗๖ จังหวัด และแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด จำนวน ๑๘ กลุ่มจังหวัด โดยในภาพรวมของแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี นโยบายรัฐบาล แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ รวมทั้งแผนรายสาขา และแผนเฉพาะด้านต่าง ๆ ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี รวมทั้งความสอดคล้องกับศักยภาพ โอกาส สภาพปัญหา และความต้องการประชาชนในพื้นที่ ๒. เห็นชอบแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด ๗๖ จังหวัด และแผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัด ๑๘ กลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้แก่ คำของบประมาณของจังหวัด ๗๖ จังหวัด และกลุ่มจังหวัด ๑๘ กลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกอบด้วย (๑) เห็นควรสนับสนุนภายในกรอบวงเงิน จำนวน ๑,๕๐๕ โครงการ งบประมาณ ๒๘,๘๔๗,๙๗๖,๓๕๑ บาท และ (๒) เห็นควรสนับสนุนเกินกรอบวงเงิน จำนวน ๘๙๔ โครงการ งบประมาณ ๒๘,๖๐๐,๕๓๙,๘๘๗ บาท รวมทั้งสิ้น ๒,๓๙๙ โครงการ งบประมาณ ๕๗,๔๔๘,๕๑๖,๒๓๘ บาท ๓. เห็นชอบแผนพัฒนาภาค ในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ทั้ง ๖ ภาค พร้อมแผนงานโครงการสำคัญ ประกอบด้วย แผนพัฒนาภาคเหนือ แผนพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แผนพัฒนาภาคกลาง แผนพัฒนาภาคตะวันออก แผนพัฒนาภาคใต้ และแผนพัฒนาภาคใต้ชายแดน ๔. เห็นชอบคำของบประมาณของส่วนราชการตามแผนปฏิบัติการภาค ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๑,๒๕๒ โครงการ งบประมาณรวม ๔๖๕,๙๓๑.๐๕ ล้านบาท ๕. เห็นชอบในหลักการโครงการที่จังหวัดและกลุ่มจังหวัด เสนอให้กระทรวง กรม ดำเนินการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และตามแผนปฏิบัติการภาค ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อให้กระทรวง กรม นำไปพิจารณากลั่นกรองตามขอบเขตภารกิจ เป้าหมาย และแนวทางการดำเนินงาน และเสนอเป็นคำของบประมาณต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15266 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน รวม 2 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ ตำบลเชียรเขา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และตำบลท้องลำเจียก อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ ตำบลดอนตรอ และตำบลเชียรเขา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้เป็นเขตสำรวจจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ) | กษ | 08/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน เพื่อให้สามารถนำที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินในเขตสำรวจการจัดรูปที่ดินมาใช้เพื่อการจัดรูปที่ดินได้ รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลเชียรเขา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และตำบลท้องลำเจียก อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลดอนตรอ และตำบลเชียรเขา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15267 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม 2561) | นร | 08/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้ประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติรับข้อสังเกตไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15268 | แนวทางการพัฒนาโครงข่ายด้านคมนาคมขนส่งของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 และผลการดำเนินงานโครงการสำคัญ | คค | 08/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการพัฒนาโครงข่ายด้านคมนาคมขนส่งของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ๑ (นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์) และผลการดำเนินงานโครงการสำคัญ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การพัฒนาโครงข่ายเชื่อมโยงกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ๑ กับภูมิภาคอื่น ได้กำหนดแนวทางการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางถนน ทางราง และทางอากาศ ให้ครอบคลุมในภูมิภาคเดียวกัน และเชื่อมโยงด้านคมนาคมขนส่งระหว่างภูมิภาค ทั้งภาคกลาง และกรุงเทพฯ ภาคตะวันออก รวมถึงพื้นที่ชายแดน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาโครงข่ายการเดินทางให้เกิดการเชื่อมโยงทั่วถึงตลอดแนวเหนือ-ใต้ และแนวตะวันออก-ตะวันตก โดยมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ (๑) เชื่อมโยงระหว่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง (ร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคาม และกาฬสินธุ์) และตอนบน (หนองคาย เลย อุดรธานี หนองบัวลำภู นครพนม มุกดาหาร และสกลนคร) (๒) เชื่อมโยงภายในกลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ๑ และ ๒ (สุรินทร์ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ชัยภูมิ อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร และอุบลราชธานี) และพื้นที่ชายแดน (๓) เชื่อมโยงไปยังภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร และ (๔) เชื่อมโยงไปยังภาคตะวันออก ๒. การเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวงสายหลักเพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมในพื้นที่ ได้ดำเนินการปรับปรุงเส้นทางหลวงให้สามารถรองรับการเดินทางของประชาชนได้สะดวก รวดเร็ว และมีความปลอดภัยมากขึ้น ได้แก่ (๑) โครงการก่อสร้างขยายช่องจราจรของทางหลวงสายหลัก และ (๒) การปรับปรุงเส้นทางให้เดินทางได้สะดวกและปลอดภัย ๓. การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยว กีฬานานาชาติ และนันทนาการ ได้ดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้เพียงพอ สามารถเชื่อมโยงการเดินทางได้อย่างสะดวก และปลอดภัย เข้าถึงได้ง่าย (Accessibility) ตลอดจนสามารถเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจและชุมชน ซึ่งเป็นการสร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ โดยมีโครงการสำคัญ ได้แก่ (๑) พัฒนาท่าอากาศยานบุรีรัมย์ (๒) พัฒนาระบบขนส่งมวลชนสาธารณะจังหวัดนครราชสีมา และ (๓) การดำเนินงานสนับสนุนการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก (Moto GP 2018)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15269 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายนิพัทธ์ สีมาขจร) | สธ | 08/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายนิพัทธ์ สีมาขจร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15270 | รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางการใช้จ่ายเงินสะสมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2560 | นร01 | 08/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ เกี่ยวกับเรื่อง แนวทางการใช้จ่ายเงินสะสมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ได้เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๑ ซึ่งที่ประชุมมีมติสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ มอบหมายให้สำนักงบประมาณรับไปพิจารณาแนวทางการจัดสรรงบประมาณให้แก่ อปท. ดำเนินงานตามภารกิจต่าง ๆ ให้เพียงพอและสอดคล้องกับภารกิจถ่ายโอน เช่น ถนน หรือตามจำนวนเป้าหมาย การจ่ายเบี้ยยังชีพประเภทต่าง ๆ และเป็นไปตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๓๐ (๔) ซึ่งกำหนดให้จัดสรรรายได้ให้ อปท. ให้สอดคล้องกับการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของ อปท. แต่ละประเภทอย่างเหมาะสม โดยการจัดสรรสัดส่วนที่เป็นธรรมและคำนึงถึงรายได้ของ อปท. เพื่อให้สามารถดำเนินภารกิจถ่ายโอนหรือดำเนินการตามนโยบายของรัฐให้สอดคล้องกับปริมาณงาน ๑.๒ มอบหมายให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นรับไปพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาการใช้จ่ายเงินสะสมตามแนวทางการแก้ไขและข้อสังเกตของคณะอนุกรรมการกำหนดมาตรการเสริมสร้างวินัยทางการเงินการคลังของ อปท. ๑.๓ มอบหมายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) รับไปตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหาภาระค่าไฟฟ้าที่ติดตั้งบริเวณถนนที่ อปท. รับโอนจากกรมทางหลวงชนบทและส่วนราชการอื่น ซึ่งยังคงมีภาระค่าไฟฟ้ากับ กฟภ. และรายงานผลการดำเนินงานให้คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทราบต่อไป ซึ่ง กฟภ. ได้กำหนดวิธีปฏิบัติให้การใช้ไฟฟ้าสาธารณะของกรมทางหลวงและหน่วยงานราชการที่ถ่ายโอนให้กับ อปท. เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (๑๓ ธันวาคม ๒๕๔๘ และ ๘ สิงหาคม ๒๕๔๙) โดยให้เทศบาลได้รับสิทธิไม่ต้องชำระค่ากระแสไฟฟ้าสาธารณะส่องสว่างทางหลวงที่โอนให้เทศบาลรับผิดชอบบำรุงรักษาเท่านั้น ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) เร่งรัดติดตามการดำเนินงานของ อปท. ในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับแนวนโยบายรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับพื้นที่ เช่น โครงการไทยนิยม ยั่งยืน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดเล็ก การพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน การส่งเสริมด้านอาชีพให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เป็นต้น ทั้งนี้ ให้ อปท. แต่ละแห่งคำนึงถึงความพร้อมและลำดับความจำเป็นเร่งด่วนในการดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15271 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ. .... | สว | 08/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงการคลังได้ดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ แล้ว โดยคณะกรรมการนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายได้กำหนดประเภทอุตสาหกรรมเป้าหมายที่หลากหลายครอบคลุมอุตสาหกรรมหลักที่มีความสำคัญของประเทศทั้ง ๑๐ อุตสาหกรรม และกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาวิธีการกำหนดสิทธิประโยชน์และเงื่อนไขไว้ชัดเจน โดยคำนึงถึงความสำคัญต่อการพัฒนาบุคลากรและผู้ประกอบการไทย โดยออกเป็นประกาศคณะกรรมการนโยบายฯ รวมทั้งได้กำหนดให้คณะอนุกรรมการสรรหาและเจรจาแต่งตั้งคณะทำงานที่ประกอบด้วยนักวิชาการและผู้ที่มีความเชี่ยวชาญอีก ๗ คณะ เพื่อมาช่วยกลั่นกรองและวิเคราะห์โครงการ และได้ออกประกาศคณะกรรมการนโยบายฯ เพื่อกำหนดให้โครงการที่ยื่นขอรับการส่งเสริมต้องนำเสนอแผนความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา หรือสถาบันเฉพาะทางในประเทศ โดยต้องมีการพัฒนาบุคลากรในภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจนและสามารถวัดผลได้ ส่วนการออกบัตรส่งเสริมในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจะรับไปพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15272 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การตรวจสอบการใช้จ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 08/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง การตรวจสอบการใช้จ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณารายงานฯ และได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ แล้ว เช่น ออกระเบียบให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นถือปฏิบัติ จัดประชุมร่วมกับผู้บริหารของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินอยู่ระหว่างการจัดทำมาตรฐานการตรวจสอบเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการจัดทำแผนพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้ความสำคัญต่อแผนพัฒนาและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ กลุ่มจังหวัด จังหวัด เป็นต้น ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15273 | แต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) (นายปัญญา กางกรณ์) | พม | 08/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายปัญญา กางกรณ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมาย (นิติกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตั้งแต่วันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15274 | สรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 39 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2560-31 มกราคม 2561) | นร | 08/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๓๙ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๐-๓๑ มกราคม ๒๕๖๑) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์ การจัดกิจกรรมส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเพื่อสร้างความปรองดอง การจัดกิจกรรมให้ความรู้แก่ประชาชนเรื่องโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการแก้ไขปัญหาร้องเรียน ร้องทุกข์ ของศูนย์ดำรงธรรม ๒. การปฏิรูปประเทศ กขร. ได้มีการติดตามความคืบหน้าการปฏิรูปใน ๔ ประเด็น คือ การส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน : ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน พ.ศ. .... การปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อสังคม : ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. .... สถาบันการเงินชุมชน : ร่างพระราชบัญญัติสถาบันการเงินชุมชน พ.ศ. .... และกองทุนยุติธรรม ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ประกอบด้วย (๑) ด้านความมั่นคง เช่น การปกป้องเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ (๒) ด้านสังคมจิตวิทยา เช่น การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม การสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของภาครัฐ การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม (๓) ด้านเศรษฐกิจ เช่น เร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ (๔) การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากรและการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน เช่น การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้ การดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๐) (๕) ด้านการต่างประเทศ เช่น การเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีกับนานาประเทศ และ (๖) ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ การปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15275 | รัฐบาลสาธารณรัฐอิตาลีเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม แห่งสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายโลเรนโซ กาลันตี (Mr. Lorenzo Galanti)] | กต | 08/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายโลเรนโซ กาลันตี (Mr. Lorenzo Galanti) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย คนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายฟรันเชสโก ซาเวรีโอ นีซีโอ (Mr. Francesco Saverio Nisio) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15276 | รัฐบาลราชอาณาจักรสวาซิแลนด์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม แห่งราชอาณาจักรสวาซิแลนด์ประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายอึมลอนดี โซโลมอน ดลามีนี (Mr. Mlondi Solomon Dlamini)] | กต | 08/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอึมลอนดี โซโลมอน ดลามีนี (Mr. Mlondi Solomon Dlamini) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรสวาซิแลนด์ประจำประเทศไทย คนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย สืบแทน นางสาวซาเนเล แอนเจลีน อึมดลูลี (Ms. Zanele Angeline Mdluli) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15277 | ร่างกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรี ไทย-ศรีลังกา | พณ | 08/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement : FTA) ไทย-ศรีลังกา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการเจรจาจัดทำ FTA ไทย-ศรีลังกา แบบกรอบกว้าง ซึ่งมีสาระสำคัญครอบคลุม ๒๐ ประเด็น เช่น การค้าสินค้า การค้าบริการ การลงทุน พิธีการศุลกากร กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า ทรัพย์สินทางปัญญา พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งแวดล้อม แรงงาน เป็นต้น โดยศรีลังกาเสนอเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมหารือเพื่อกำหนดกรอบการเจรจา FTA ไทย-ศรีลังกา (Scoping Session) ระหว่างวันที่ ๑๖-๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นว่า ร่างกรอบการเจรจาฯ ไม่จำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และควรเพิ่มเติมเรื่องการระงับข้อพิพาท ต้องหลีกเลี่ยงกระบวนการอนุญาโตตุลาการ เพื่อความรอบคอบในการเจรจาและป้องกันการเสียเปรียบของไทย โดยจะต้องแก้ไขข้อพิพาทผ่านการเจรจาเพื่อให้ได้ข้อยุติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างกรอบการเจรจาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศเร่งดำเนินการจัดทำกฎหมายกำหนดวิธีการที่ประชาชนจะเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและได้รับการเยียวยาที่จำเป็นอันเกิดจากผลกระทบของการทำหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๙ (เรื่อง การเตรียมการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15278 | ขอขยายระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจ ครั้งที่ 2 | กษ | 08/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจ ออกไปอีก ๑๘๐ วัน นับแต่วันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๑ (สิ้นสุดวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจเร่งรัดและติดตามการดำเนินการตามแผนการแก้ไขปัญหาการดำเนินงานของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานดังกล่าว เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณตามแผนและการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ในกรอบวงเงิน ๒,๓๐๓,๒๖๗,๗๓๓.๖๘ บาท ที่คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ ซึ่งมีเงินคงเหลือ ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๑ จำนวน ๒,๐๘๓,๐๘๔,๕๒๐.๖๕ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดเป้าหมายการดำเนินการแก้ไขปัญหาการดำเนินงานของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ระยะที่ ๒ โดยมุ่งเน้นภารกิจการจัดการปัญหาหนี้สินทางการเกษตรให้กับเกษตรกรที่มีคุณสมบัติตามกฎหมายและมีความเสี่ยงต่อการสูญเสียที่ทำกินภายในช่วงเวลาดังกล่าว การสำรวจและจำแนกข้อมูลหนี้สินเกษตรกรทั้งที่มีคุณสมบัติและขาดคุณสมบัติตามกฎหมายปัจจุบัน และการจัดทำข้อเสนอแนวทางการปรับปรุงโครงสร้างและกฎหมายของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรให้แล้วเสร็จ ซึ่งรวมถึงข้อเสนอแนะต่อการแก้ไขปัญหาหนี้สินทางการเกษตรให้กับเกษตรกรที่อยู่นอกเหนือบทบาทและภารกิจตามกฎหมายของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15279 | ร่างบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศญี่ปุ่น ว่าด้วยความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม | ทส | 08/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศญี่ปุ่น ว่าด้วยความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความร่วมมือฯ ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นระหว่างวันที่ ๑๖-๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๑ โดยร่างบันทึกความร่วมมือฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างอำนวยความสะดวกและพัฒนาความร่วมมือซึ่งกันและกันในสาขาสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความร่วมมือฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า หากจะมีการจัดทำความตกลงเกี่ยวกับการถ่ายโอนเทคโนโลยี รายละเอียดด้านเทคนิค รวมถึงเรื่องการจัดสรรงบประมาณสำหรับกิจกรรมภายใต้ร่างบันทึกความร่วมมือฯ การคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา และการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารที่มีชั้นความลับตามที่ระบุไว้ในร่างบันทึกความร่วมมือฯ ในอนาคต ควรส่งร่างความตกลงดังกล่าวให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาต่อไปด้วย และควรให้ความสำคัญกับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญาที่เป็นผลมาจากการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ภายใต้บันทึกความร่วมมือฯ ที่ต้องใช้สิทธิให้สอดคล้องกับกฎหมายและกฎข้อบังคับของแต่ละประเทศที่จะต้องทำข้อตกลงแยกออกไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการตามบันทึกความร่วมมือฯ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็น และเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15280 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. .... ของคณะกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 08/05/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ แล้ว โดยที่ประชุมได้แก้ไขร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ในบางมาตรา เช่น เพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “ไม้” หมายความว่า “ไม้ทุกชนิดทั้งที่เป็นต้น กอ หรือ เถา ไม่ว่ายังยืนต้นหรือล้มลงแล้วทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต” เพิ่มเติม “อัยการสูงสุด” เป็นกรรมการในคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน แก้ไขให้ “ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด” เป็นกรรมการและเลขานุการของคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัด เป็นต้น และในบางมาตราก็คงไว้ตามร่างเดิม เช่น การนำเงินรายได้มาสนับสนุนการดำเนินการป่าชุมชน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการป่าชุมชนกำหนด บทกำหนดโทษตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต้องอยู่ใต้บังคับของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยพิจารณาว่าบทระวางโทษของกฎหมายฉบับใดหนักกว่ากันก็ลงโทษตามกฎหมายฉบับนั้น เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
.....