ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 613 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 12241 - 12260 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
12241 | รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี 2561 ขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) | ส.ส.ท | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี ๒๕๖๑ ขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือไทยพีบีเอส (Thai PBS) ซึ่งมีสาระครอบคลุมการดำเนินการในปีที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานในฐานะสื่อสาธารณะ และแผนการดำเนินงานในปี ๒๕๖๒ ตามที่ ส.ส.ท. เสนอ ๒. ในการรายงานผลการปฏิบัติงานของ ส.ส.ท. สำหรับปีต่อ ๆ ไป ให้ ส.ส.ท. นำเสนอคณะรัฐมนตรีภายในกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งจัดทำรายงานให้มีเนื้อหาสาระครบถ้วนตามนัยมาตรา ๕๒ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๑ ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12242 | รายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ | นร01 | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ ประจำเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดกิจกรรมจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” ในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เช่น การจัดจิตอาสาเฉพาะกิจพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และการจัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาในส่วนภูมิภาคของกองกำลังจิตอาสา ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน ๙๐๔ วปร. และการจัดกิจกรรม “จิตอาสาพัฒนา คู คลอง” ๒. การดำเนินโครงการจิตอาสาพัฒนาสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชนเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เช่น การพัฒนาลำน้ำ ลำคลอง และคุณภาพชีวิตของชุมชนริมน้ำ การผลิตแผงโซล่าเซลล์เพื่อเป็นพลังงานทดแทนและสำหรับสำรองไฟฉุกเฉินให้แก่ประชาชน การผลิตเครื่องกำจัดมลพิษทางอากาศ PM2.5 และ PM10 และการรับรองมาตรฐานสิ่งประดิษฐ์ภายใต้โครงการลดและคัดแยกขยะของชุมชน เป็นต้น ๓. การดำเนินโครงกร “จิตอาสาพิทักษ์โบราณสถาน” โดยการเสริมสร้างความปลอดภัย ลดความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอัคคีภัยจากระบบไฟฟ้าอาคารและสิ่งก่อสร้าง เพื่อป้องกันความสูญเสียด้านชีวิตและทรัพย์สินของพระอารามหลวง มัสยิด โบสถ์คริสต์ที่สำคัญในพื้นที่ต่าง ๆ การให้ความรู้แก่บุคลากรด้านการบำรุงรักษาป้องกันและระงับเหตุอัคคีภัย ๔. การฝึกอบรมหลักสูตรจิตอาสา ๙๐๔ ประกอบด้วย หลักสูตรหลักประจำ รุ่นที่ ๓/๖๒ รุ่น “เป็นเบ้า เป็น แม่พิมพ์” เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของวิทยากรจิตอาสา ๙๐๔ ในการจัดบรรยายให้ความรู้แก่ข้าราชการบุคลากรของหน่วยงานต่าง ๆ และประชาชนจิตอาสาในจังหวัด และหลักสูตรพื้นฐาน ประจำปี ๒๕๖๒ รุ่นที่ ๑ (วันที่ ๒๕ พฤษภาคม-๘ มิถุนายน ๒๕๖๒) จำนวน ๔๙๓ ราย และรุ่นที่ ๒ (วันที่ ๑๕-๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๒) จำนวน ๔๙๖ ราย โดยมุ่งเน้นการฝึกเพื่อทำหน้าที่เป็นวิทยากรและผู้นำจิตอาสาในการฝึกอบรมและขยายผลให้ข้าราชการและประชาชนมีทัศนคติที่ดีต่อสถาบัน มีความเสียสละ มีอุดมการณ์ และมีความสามัคคีสามารถทำงานเป็นทีมได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12243 | การจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับสำนักงาน ก.พ. เพื่อใช้เป็นตำแหน่งหมุนเวียนรองรับแนวทางการรักษากลุ่มกำลังคนคุณภาพ (Talent Retention) | นร10 | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๒ ซึ่งอนุมัติการจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับสำนักงาน ก.พ. ตามจำนวนที่ต้องใช้จริงไม่เกิน ๘๐ อัตรา เพื่อใช้เป็นกรอบอัตรากำลังหมุนเวียนตามแนวทางการรักษากลุ่มกำลังคนคุณภาพ ตามที่สำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าว หากมีความจำเป็นต้องสรรหาอัตราบุคลากรตั้งใหม่ และสามารถบรรจุได้ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เห็นควรให้สำนักงาน ก.พ. พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายไว้แล้วในแผนงานบุคลากรภาครัฐไปดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน โดยขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ส่วนภาระงบประมาณรายจ่ายด้านบุคลากรที่จะเพิ่มขึ้นในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้สำนักงาน ก.พ. จัดทำแผนกรอบอัตรากำลังหมุนเวียนในแต่ละปีพร้อมแผนการใช้จ่ายงบประมาณบรรจุไว้ในกรอบวงเงินรายจ่ายล่วงหน้าระยะปานกลาง เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ การใช้จ่ายงบประมาณเพื่อการดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามความจำเป็นและทันต่อสถานการณ์อย่างเหมาะสมตามความสามารถในการใช้จ่ายตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัดด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12244 | การจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ | นร10 | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๒ ซึ่งอนุมัติการจัดสรรอัตราข้าราชการตำรวจตั้งใหม่ให้แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งสิ้น ๙,๐๐๐ อัตรา ตามที่สำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเสนอ ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการสรรหาและบรรจุแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในอัตราตั้งใหม่ที่ได้รับจัดสรรและอัตราที่มีอยู่เดิมให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และควรนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการทำงานให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติภารกิจ รวมทั้งข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เกี่ยวกับภารกิจด้านคดีความที่เกี่ยวข้องกับเด็ก สตรี และครอบครัว ปัจจุบันมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยคดีความดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้เสียหาย ซึ่งการมีข้าราชการตำรวจหญิงมาปฏิบัติภารกิจในกระบวนการสอบสวนคดีดังกล่าวจะมีความเหมาะสมในการปฏิบัติงานมากกว่า ดังนั้น ภายใต้กรอบอัตรากำลังที่ได้รับการจัดสรรในครั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงควรพิจารณาจัดสรรอัตราเพื่อบรรจุข้าราชการตำรวจหญิงในสัดส่วนที่เหมาะสมเพื่อรองรับการปฏิบัติภารกิจดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการบริหารอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของส่วนราชการตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๑ (เรื่อง รายงานผลการดำเนินการของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเกี่ยวกับมาตรการด้านกำลังคนภาครัฐ) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๒ [เรื่อง มาตรการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕)] อย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12245 | รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญฯ (เดือนเมษายน - มิถุนายน 2562) | นร11 | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา ๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เดือนเมษายน-มิถุนายน ๒๕๖๒) ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ และให้เสนอรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป สรุปได้ ดังนี้
๑. ความคืบหน้า ณ สิ้นเดือนมิถุนายน ๒๕๖๒ ประกอบด้วย (๑) กิจกรรม/ประเด็นย่อยภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศ มีความคืบหน้าแบ่งได้เป็น ๔ กลุ่ม คือ กิจกรรมที่ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน ๑๒๑ กิจกรรม (ร้อยละ ๑๐) กิจกรรมที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตามแผนฯ จำนวน ๙๗๔ กิจกรรม (ร้อยละ ๗๙) กิจกรรมที่อยู่ระหว่างการดำเนินการแต่ล่าช้ากว่าแผนฯ จำนวน ๙๒ กิจกรรม (ร้อยละ ๘) และกิจกรรมที่ต้องปรับปรุงให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๔๒ กิจกรรม (ร้อยละ ๓) และ (๒) กฎหมายภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศ จำนวน ๒๒๑ ฉบับ พบว่า ณ สิ้นเดือนมิถุนายน ๒๕๖๒ มีความคืบหน้าในการออกกฎหมายใต้แผนการปฏิรูปประเทศทั้งสิ้น ๔๕ ฉบับ (ร้อยละ ๒๐.๓๖ จากกฎหมายทั้งหมด) ๒. ปัญหาอุปสรรค ได้แก่ การปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศ อยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียดความสอดคล้องของแผนการปฏิรูปประเทศกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และการแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ อยู่ระหว่างการเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวในตำแหน่งที่ว่างอยู่ตามขั้นตอนของกฎหมาย ๓. ข้อเสนอแนะ ได้แก่ การให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบตามแผนการปฏิรูปประเทศเร่งดำเนินการและรายงานผลผ่านระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (eMENSCR) และการให้คณะกรรมการปฏิรูประเทศนำกิจกรรมที่ต้องปรับปรุงให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาเตรียมการปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12246 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 6/2562 เรื่อง ร่างระเบียบคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ว่าด้วยกองทุนพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. .... | สกพอ | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ ๖/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๒ เรื่อง ร่างระเบียบคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ว่าด้วยกองทุนพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. .... ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารกองทุนทำหน้าที่กำหนดนโยบาย กำกับดูแลการบริหารจัดการ และติดตามการดำเนินงานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุน รวมทั้งกำหนดการจัดการเงินและทรัพย์สินของกองทุน และให้มีระบบบัญชี การประเมินผลและการตรวจสอบการดำเนินงานของกองทุน อันจะทำให้การพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับบทอาศัยอำนาจในการออกร่างระเบียบฯ ว่า สมควรอ้างเฉพาะมาตรา ๑๑ (๗) และมาตรา ๖๓ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นมาตราที่ให้อำนาจในการออกระเบียบในเรื่องนี้เท่านั้น ไปแก้ไขปรับปรุงการออกร่างระเบียบดังกล่าวต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เช่น (๑) การจัดตั้งและบริหารกองทุนจะต้องพิจารณาถึงประโยชน์ของรัฐและประชาชน ความคุ้มค่า และความประหยัด ซึ่งจะต้องกระทำด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง และมีการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม รวมถึงการพิจารณาเป้าหมายและประโยชน์ที่จะได้รับประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้น ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และ (๒) การกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการพิจารณาอันสืบเนื่องจากระเบียบฯ โดยเฉพาะการนำส่งเงินและทรัพย์สินเข้ากองทุน และการใช้จ่ายเงินกองทุน จำเป็นจะต้องมีความชัดเจนและรัดกุมเพื่อให้การบริหารจัดการกองทุนเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12247 | รายงานประจำปี 2561 ของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา | กสศ | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๑ ของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) (พฤษภาคม ๒๕๖๑-มีนาคม ๒๕๖๒) ประกอบด้วย (๑) ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา เช่น โครงการจัดสรรเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษแบบมีเงื่อนไขในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๑ โครงการพัฒนาสถาบันต้นแบบด้านการพัฒนาคุณภาพเด็กปฐมวัยเพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา และโครงการพัฒนาครูและโรงเรียนเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น (๒) รายงานคณะกรรมการตรวจสอบภายใน ซึ่งมีข้อเสนอแนะ เช่น กสศ. ต้องมอบหมายหน่วยงานหรือบุคลากรจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบเพื่อรองรับการประเมินผลการดำเนินงานของ กสศ. ตามมาตรา ๔๔ แห่งพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ และให้สำนักงาน กสศ. จัดหาบุคลากรเพิ่มเติมแก่ฝ่ายตรวจสอบภายใน รวมทั้งจัดให้มีการฝึกอบรมที่จำเป็นเพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น และ (๓) รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงิน กสศ. ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ซึ่งถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังประกาศใช้แล้ว ตามที่ กสศ. เสนอ และให้ กสศ. ติดตามผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง และให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษาด้วย ๒. การจัดทำรายงานประจำปีต่อ ๆ ไป ขอให้ กสศ. เร่งรัดการดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12248 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | นร01 | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ ๑ และไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยสถิติการใช้บริการจำแนกตามช่องทางการร้องทุกข์ เปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาในช่วงเวลาเดียวกัน พบว่า ประชาชนยื่นเรื่องร้องทุกข์ในภาพรวมทุกช่องทางเพิ่มมากขึ้น คิดเป็นร้อยละ ๑๓.๖๔ โดยช่องทางตู้ ปณ.๑๑๑๑/ไปรษณีย์/โทรสาร เป็นช่องทางที่ประชาชนยื่นเรื่องในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นมากที่สุด ส่วนช่องทาง ตู้ ปณ.๔๔๔ มีสัดส่วนที่ลดลงมากที่สุด สำหรับประเด็นเรื่องร้องทุกข์ที่ประชาชนยื่นเรื่องมากที่สุด ๑๐ อันดับแรก ใน ๖ เดือนแรก ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เปรียบเทียบข้อมูลกับปีงบประมาณที่ผ่านมา ได้แก่ เหตุเดือดร้อนรำคาญ การเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายและโครงการของรัฐ ไฟฟ้า บ่อนการพนัน น้ำประปา ถนน หนี้สินนอกระบบ ยาเสพติด โทรศัพท์ และการเมือง และให้ทุกส่วนราชการให้ความสำคัญแก่การแจ้งความคืบหน้าการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และเร่งรัดการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้มีผลเป็นที่ยุติด้วยความเป็นธรรมภายในระยะเวลาที่เหมาะสม ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12249 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวดารณี เพ็ญเจริญ) | สธ | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวดารณี เพ็ญเจริญ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านความปลอดภัยและประสิทธิผลของผลิตภัณฑ์และการใช้ผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข (นักวิชาการอาหารและยาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12250 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ประโยชน์ตอนแทนของกรรมการและอนุกรรมการตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 พ.ศ. .... | กค | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ประโยชน์ตอบแทนของกรรมการและอนุกรรมการตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. ๒๕๖๒ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้คณะกรรมการและคณะอนุกรรมการตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้รับประโยชน์ตอบแทนในอัตราเช่นเดียวกันกับการกำหนดให้คณะกรรมการและคณะอนุกรรมการได้รับประโยชน์ตอบแทนตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น การกำหนดจำนวนครั้งของการประชุมคณะกรรมการนโยบายร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชนในแต่ละเดือนนั้น ควรพิจารณากำหนดตามความจำเป็นและเหมาะสมและความเร่งด่วนในการพิจารณาโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนเป็นสำคัญ เป็นต้น ไปประกอบการตรวจพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นจากการกำหนดค่าตอบแทนดังกล่าว ให้กระทรวงการคลังพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณในโอกาสแรก สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12251 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (นายฤทธี ศรีสวัสดิ์) | นร06 | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายฤทธี ศรีสวัสดิ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12252 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (นายยุทธนา หยิมการุณ และคณะ) | กค | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๗ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายยุทธนา หยิมการุณ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมธนารักษ์ ๒. นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมบัญชีกลาง ๓. นางปานทิพย์ ศรีพิมล ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นางญาณี แสงศรีจันทร์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นางศิริวัลย์ แก้วมูลเนียม ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๖. นางแพตริเซีย มงคลวนิช ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ๗. นายวิจักษณ์ อภิรักษ์นันท์ชัย ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12253 | แต่งตั้งผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร08 | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายชื่อบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวม ๗ คน และหน้าที่อำนาจ รวม ๖ ข้อ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ ดังนี้
๑. พลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล หัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๒. พลเอก จำลอง คุณสงค์ รองหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๓. พลเอก ปราการ ชลยุทธ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๔. พลเอก วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๕. พลเอก มณี จันทร์ทิพย์ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๖. นายฉัตรพงศ์ ฉัตราคม ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๗. นายจำนัล เหมือนดำ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12254 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายแสนศักดิ์ ศิริพานิช) | นร04 | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายแสนศักดิ์ ศิริพานิช ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ กันยายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12255 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นางรัชนี พลซื่อ) | นร04 | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นางรัชนี พลซื่อ ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ กันยายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12256 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ และคณะ) | คค | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงคมนาคม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๗ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๒ นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๓ นางอัมพวัน วรรณโก ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๔ นายสมัย โชติสกุล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๕ นายวิทยา ยาม่วง ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมเจ้าท่า ๑.๖ นายจิรุตม์ วิศาลจิตร ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ๑.๗ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทางหลวง ๒. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๒ [เรื่อง ขอความเห็นชอบให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ (การเสนอแต่งตั้งข้าราชการประเภทบริหารรดับสูงต่อคณะรัฐมนตรี)] ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12257 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ และคณะ) | สธ | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นายธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ๑.๒ นายไพศาล ดั่นคุ้ม ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ๑.๓ นายณรงค์ สายวงศ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๔ นายยงยศ ธรรมวุฒิ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๒ [เรื่อง ขอความเห็นชอบให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ (การเสนอแต่งตั้งข้าราชการประเภทบริหารระดับสูงต่อคณะรัฐมนตรี)] ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12258 | ผลการประชุมร่วมระหว่างรัฐมนตรีและภาคเอกชนกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง - ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ 12 และการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง - ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ 11 | นร11 | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมร่วมระหว่างรัฐมนตรีและภาคเอกชนกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๑๒ (12th Mekong-Japan Industry and Government Dialogue) เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ๑.๒ เห็นชอบประเด็นหารือของไทยในการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๑๑ และร่างแถลงข่าวร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๑๑ เพื่อให้รัฐมนตรีประจำกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของไทย ร่วมกับรัฐมนตรีของประเทศลุ่มแม่น้ำโขงให้การรับรองร่างแถลงข่าวร่วมฯ โดยไม่มีการลงนาม ในการประชุมระดับรัฐมนตรีของกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๑๑ (11th Mekong-Japan Economic Ministers Meeting) ในวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร และเห็นชอบให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสามารถปรับปรุงถ้อยคำในแถลงข่าวร่วมฯ ได้ในกรณีที่มิใช่การเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญ โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบการปรับปรุงแก้ไขพร้อมด้วยเหตุผลประกอบอีกครั้งหนึ่ง ๑.๓ เห็นชอบมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีประจำกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของไทย และเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๑๑ ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่ขอเสนอถ้อยคำเพิ่มเติมในร่างแถลงข่าวร่วมฯ ข้อ ๓. (ข) “เร่งพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ต่อไป เพื่อเพิ่มผลิตภาพและขีดความสามารถของแรงงานในอุตสาหกรรมหลักคือเกษตรและการผลิต และอุตสาหกรรมชั้นสูงที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๔” ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12259 | รายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | นร07 | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงงบประมาณด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ รวมถึงงบประมาณของกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมให้เหมาะสมเป็นไปตามนัยพระราชบัญญัติการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงแนวทางการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ที่สำนักงบประมาณได้เสนอให้คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในครั้งนี้ และให้ประสานกับสำนักงบประมาณเพื่อดำเนินการต่อไป ๑.๒ ขอแก้ไขคำผิด จากเดิม คำว่า “สำนักงานสภาเกษตรแห่งชาติ” ที่ปรากฎในเอกสารที่เสนอคณะรัฐมนตรีทุกแห่ง เป็น “สำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ” ๒. เห็นชอบรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของหน่วยรับงบประมาณ รวมทั้งแนวทางการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และให้สำนักงบประมาณนำรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของหน่วยรับงบประมาณที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีไปรับฟังความคิดเห็นให้สอดคล้องกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๗๗ วรรค ๒ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12260 | การกำหนดค่าตอบแทน ค่าใช้จ่าย และประโยชน์ตอบแทนอื่นใด ตามพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. 2561 | นร11 | 03/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติค่าตอบแทนของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการพิเศษเฉพาะเรื่อง คณะกรรมการยกร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการประสานการดำเนินงานด้านยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ คณะอนุกรรมการที่แต่งตั้งโดยสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการชำนาญการ ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นจากการกำหนดค่าตอบแทนดังกล่าว ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณในโอกาสแรก สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
.....