ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 612 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 12221 - 12240 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
12221 | การกำหนดวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษในเขตกรุงเทพมหานครและนนทบุรี เนื่องในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง | กต | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้วันจันทร์ที่ ๔ และวันอังคารที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ เป็นวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดนนทบุรี เพื่อบรรเทาปัญหาด้านการจราจรและเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของผู้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๕ และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒-๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี รวมทั้งเพื่อให้การอารักขาและการรักษาความปลอดภัยผู้นำต่างประเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. สำหรับสถานที่ราชการที่ประชาชนจำเป็นต้องติดต่อและมีกำหนดนัดไว้แล้ว เช่น ศาล โรงพยาบาล ให้พิจารณาตามความเหมาะสม ในส่วนของสถาบันการเงินและสถาบันการเงินเฉพาะกิจเห็นควรกำหนดให้ช่วงวันดังกล่าวเป็นวันทำการตามปกติของสถาบันการเงินและสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เนื่องจากสถาบันการเงินและสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ถือเป็นตัวกลางสำคัญในการให้บริการทางการเงินแก่ภาคธุรกิจและประชาชน ตามความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12222 | ขอความเห็นชอบต่อร่างปฏิญญาโอกายามะของรัฐมนตรีสาธารณสุข G20 | สธ | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาโอกายามะของรัฐมนตรีสาธารณสุข G20 (Okayama Declaration of the G20 Health Ministers) มีสาระสำคัญเพื่อส่งเสริมให้แต่ละประเทศเพิ่มความเข้มแข็งของระบบสุขภาพ เพื่อบรรลุหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ให้ความสำคัญกับการเพิ่มขีดความสามารถของแต่ละประเทศในการวิจัยและพัฒนาเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกันและตอบสนองต่อภัยคุกคามของโรคระบาดและภาวะฉุกเฉินทางสุขภาพอื่น ๆ รวมทั้งแสดงความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาการดื้อยาต้านจุลชีพทั้งในระดับชาติและระดับภูมิภาค ทั้งนี้ จะมีการรับรองร่างปฏิญญาฯ ในที่ประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุข G20 ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๑๙-๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ เมืองโอกายามะ ประเทศญี่ปุ่น ๑.๒ อนุมัติให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุข G20 หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายรับรองร่างปฏิญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12223 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับรัฐบาลมณฑลกวางตุ้ง | สกพอ | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับรัฐบาลมณฑลกวางตุ้ง และอนุมัติให้เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ของฝ่ายไทย โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งและความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจร่วมกัน ได้แก่ การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสองฝ่ายในการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับมณฑลกวางตุ้งและเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า ความร่วมมือในด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย ด้านการวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม รวมทั้งด้านการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยจะมีการรับรองร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในช่วงการเยือนมณฑลกวางตุ้งและเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน ของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้ สกพอ. ดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้ สกพอ. รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยี เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกต่อไป สำหรับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการภายหลังจากการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานหรือแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมแล้วแต่กรณี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้ สกพอ. ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12224 | เอกสารผลลัพธ์ของกระทรวงศึกษาธิการสำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง | ศธ | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบถ้อยและสารัตถะในเอกสารผลลัพธ์ของกระทรวงศึกษาธิการสำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๕ และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒-๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ ประเทศไทย ได้แก่ ๑.๑.๑ ปฏิญญากรุงเทพฯ ว่าด้วยการเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางการศึกษาเพื่อบรรลุเป้าหมายตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ (Bangkok Declaration on Advancing Partnership in Education for 2030 Agenda for Sustainable Development in ASEAN) จัดทำขึ้นเพื่อประกาศเจตนารมณ์ของผู้นำอาเซียนในการยกระดับความร่วมมือด้านการศึกษา และใช้โอกาสในการเป็นประธานอาเซียนของประเทศไทยในการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมให้บรรลุตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ ให้สัมฤทธิ์ผลอย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๑.๒ แผนปฏิบัติการระดับภูมิภาคเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานตามปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนที่ตกหล่น (Regional Action Plan for the Implementation of the ASEAN Declaration on Strengthening Education for Out-of-School Children and Youth) เป็นเอกสารระบุประเด็นสำคัญที่เห็นควรเร่งดำเนินการและแนวทางการจัดกิจกรรมตามปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนที่ตกหล่น ที่มุ่งเน้นการขจัดปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงการศึกษาของเด็กและเยาวชนในภูมิภาคผ่านการจัดการศึกษาแบบยึดหยุ่น ตลอดจนเสริมสร้างโอกาสการเรียนรู้ตลอดชีวิตตามศักยภาพและความจำเป็นของแต่ละบุคคล ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้ความเห็นชอบร่างปฏิญญาฯ และรับรองแผนปฏิบัติการฯ ร่วมกับรัฐมนตรีศึกษาอาเซียนหรือผู้แทน ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะประธานคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมเห็นชอบร่างปฏิญญาฯ และแผนปฏิบัติการฯ ในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๒๒ ในวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ๑.๔ อนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองร่างปฏิญญาฯ และแผนปฏิบัติการฯ ร่วมกับผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๕ (แผนปฏิบัติการฯ เป็นเอกสารที่เสนอเพื่อที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๕ รับทราบ) ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ และแผนปฏิบัติการฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12225 | ขออนุมัติดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ครั้งที่ 1/2562 | กษ | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ ๑ ในกรอบวงเงินไม่เกิน ๒๔,๒๗๘,๖๒๖,๕๓๔ ล้านบาท การขยายวงเงินสินเชื่อและปรับปรุงวิธีดำเนินงานโครงการสนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ยาง วงเงิน ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท ภายในระยะเวลาเดิม การขยายระยะเวลาการดำเนินการโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการยาง (ยางแห้ง) วงเงินสินเชื่อ ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ขยายเวลาจากเดิมเดือนมกราคม ๒๕๖๓ ต่อเนื่องจนถึงเดือนธันวาคม ๒๕๖๔ การขยายระยะเวลาดำเนินโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อรวบรวมยาง วงเงินสินเชื่อ ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยขยายเวลาจากเดิมตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๐ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓ ต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๗ และการขยายระยะเวลาและปรับปรุงวิธีดำเนินงานโครงการส่งเสริมการใช้ยางของหน่วยงานรัฐ เป้าหมายปริมาณการใช้น้ำยางสด จำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ ตัน ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๖๒ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๖๕ (๓ ปี) และปรับปรุงวิธีการดำเนินงาน รวมทั้งงบประมาณดำเนินงาน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยการยางแห่งประเทศไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ เช่น ควรพิจารณาแนวทางกำหนดราคาประกันรายได้เท่าที่จำเป็นอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม เพื่อมิให้ส่วนต่างของต้นทุนการผลิตที่สูงเกินความจำเป็น ควรศึกษามาตรการหรือแนวทางเพิ่มเติม เพื่อดูดซับยางในระบบให้มากยิ่งขึ้นโดยไม่เป็นภาระต่องบประมาณแผ่นดิน ควรพิจารณาแนวทาง มาตรการการเร่งรัด และจัดให้มีระบบการติดตามและรายงานผลการดำเนินงานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น ควรมีระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐาน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วนอย่างชัดเจน และควรปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ต่าง ๆ ของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่เกษตรกรจะได้รับเป็นสำคัญ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12226 | ขออนุมัติการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฟื้นฟู เยียวยา เกษตรกรผู้ประสบภัยฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยปี 2562 | กษ | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฟื้นฟู เยียวยา เกษตรกรผู้ประสบภัยฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยปี ๒๕๖๒ จำนวน ๕ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อยเพื่อสร้างรายได้แก่เกษตรกร (ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์, ถั่วเขียว) (๒) โครงการรักษาระดับปริมาณและคุณภาพข้าวปี ๒๕๖๓/๖๔ (๓) โครงการพัฒนาเสริมทางเลือกอาชีพด้านประมง : การเลี้ยงปลานิลแปลงเพศในบ่อดิน (๔) โครงการสร้างรายได้จากอาชีพประมงในแหล่งน้ำชุมชน และ (๕) โครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ปีก เพื่อฟื้นฟูเกษตรกรที่ประสบปัญหาอุทกภัย ภายในกรอบวงเงิน ๓,๑๒๐.๘๖๑๘ ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน และระเบียบที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒,๙๖๗.๕๐๐๐ ล้านบาท งบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวข้องที่ได้รับเงินจัดสรรไว้แล้ว จำนวน ๑๕๒.๓๑๑๘ ล้านบาท และเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี จำนวน ๑.๐๕๐ ล้านบาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดให้มีคู่มือ หลักเกณฑ์ ขั้นตอนในการขอรับการจัดสรรงบประมาณการเบิกจ่ายเงิน การคืนเงินค่าสนับสนุนเมล็ดพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ และปัจจัยการผลิตต่าง ๆ อย่างโปร่งใส ผ่านกระบวนการประชาคม การพิจารณาแนวทาง วิธีการจัดสรรเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อให้ความช่วยเหลือเยียวยาถึงกลุ่มเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยอย่างแท้จริง เพื่อให้สามารถติดตาม ตรวจสอบก่อน-หลังการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ และการรายงานผลการดำเนินงาน รวมทั้งการพิจารณาถึงศักยภาพและความพร้อมของเกษตรกรและพื้นที่ตามโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการฯ การเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการผลิต แปรรูป และการตลาดที่จำเป็นให้กับเกษตรกร ตลอดจนการพิจารณาสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมและจำเป็นต่อการรับมือกับภัยพิบัติอย่างทั่วถึง เพื่อรองรับการปรับระบบการผลิตในไร่นาท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12227 | ขออนุมัติโครงการเพิ่มน้ำต้นทุนและระบบกระจายน้ำเพื่อสนับสนุนแผนปฏิบัติการฟื้นฟู เยียวยาเกษตรกรผู้ประสบภัยฝนทิ้งช่วงและอุทกภัย ปี 2562 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | ทส | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินโครงการเพิ่มน้ำต้นทุนและระบบกระจายน้ำเพื่อสนับสนุนแผนปฏิบัติการฟื้นฟู เยียวยา เกษตรกรผู้ประสบภัยฝนทิ้งช่วงและอุทกภัย ปี ๒๕๖๒ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในกรอบวงเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ ล้านบาท จากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล สำรวจและตรวจสอบพื้นที่ดำเนินการให้มีความสอดคล้องกับพื้นที่ประสบภัยพิบัติที่ประกาศโดยกระทรวงมหาดไทย และให้พิจารณาดำเนินการในพื้นที่ดังกล่าวตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานเป็นลำดับแรก สำหรับกรณีนอกเขตพื้นที่ประสบภัยที่ประกาศโดยกระทรวงมหาดไทย นั้น ให้กรมทรัพยากรน้ำ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล สำรวจพื้นที่โดยคำนึงถึงอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายการจัดตั้งหน่วยงาน รวมถึงบูรณาการเป้าหมายร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดตัวชี้วัดที่เกษตรกรจะได้รับ และเสนอแผนงานโครงการต่อสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เพื่อนำเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติพิจารณาก่อนและนำเสนอคณะรัฐมนตรี ตามนัยมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณอย่างเคร่งครัด ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12228 | การใช้เงินของกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจเพื่อการเพิ่มทุนธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย | กค | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น แต่มิได้เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจตามพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ พ.ศ. ๒๕๕๘ สามารถใช้เงินจากกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจเพื่อการเพิ่มทุนได้ ๑.๒ อนุมัติกรอบวงเงินที่จะจัดสรรจากกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจเพื่อการเพิ่มทุนเพื่อขยายการดำเนินงานให้แก่ ธพว. ไม่เกิน ๖,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่คณะกรรมการกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจได้ให้ความเห็นชอบไว้แล้ว และหากในอนาคต ธพว. ยังคงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินเพิ่มทุน สามารถนำเสนอกระทรวงการคลังและคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ กองทุนฯ เห็นควรให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของการขยายการดำเนินงาน โดยวัดผลจากความสามารถในการขยายสินเชื่อและความสามารถในการบริหารจัดการสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ตามแผนงานของ ธพว. ด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมกันพิจารณาจัดสรรเงินเป็นงวดเวลาตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ และกำหนดตัวชี้วัดในการประเมินผลสัมฤทธิ์ของการขยายผลการดำเนินงาน โดยวัดผลจากความสามารถในการขยายสินเชื่อและความสามารถในการบริหารจัดการสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ตามแผนงานของ ธพว. ตามความเห็นของคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อให้การดำเนินการปล่อยสินเชื่อไม่มีความเสี่ยงหรือความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ โดยกำกับควบคุมสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ และเงินทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และรายงานผลการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ นอกจากนี้ ในการกำหนดเป้าหมายการขยายสินเชื่อ ควรพิจารณาถึงขีดความสามารถและความพร้อมของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ซึ่งจะต้องให้ความสำคัญกับการดูแลคุณภาพของสินเชื่อควบคู่ไปด้วย เพื่อมิให้เกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้สะสมจนเกิดความเสี่ยงต่อการดำเนินงานของ ธพว. และระบบสถาบันการเงินในภาพรวม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12229 | เลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน 2562) | นร | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า ในวันจันทร์ที่ ๔ และวันอังคารที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ เป็นวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดนนทบุรี เพื่อบรรเทาปัญหาด้านการจราจรและเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของผู้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๕ และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ในการนี้ นายกรัฐมนตรีจึงให้เลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ไปเป็นวันพุธ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12230 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม จำนวน 12 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองขลุง จังหวัดจันทบุรี) | มท | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม จำนวน ๑๒ ฉบับ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลบ้านโฮ่ง อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองขลุง จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลเกวียนหัก ตำบลซึ้ง ตำบลขลุง และตำบลวันยาว อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลกระเสียว ตำบลสามชุก และตำบลย่านยาว อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลตาสัง ตำบลเจริญผล ตำบลบางตาหงาย และตำบลท่างิ้ว อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลทับยายเชียง ตำบลหอกลอง อำเภอพรหมพิราม และตำบลวัดโบสถ์ ตำบลท่างาม ตำบลบ้านยาง ตำบลท้อแท้ อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ๑.๖ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองจันทบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลแสลง ตำบลท่าช้าง ตำบลพลับพลา ตำบลจันทนิมิต ตำบลวัดใหม่ ตำบลบางกะจะ ตำบลตลาด ตำบลคลองนารายณ์ ตำบลเกาะขวาง อำเภอเมืองจันทบุรี ตำบลเขาวัว ตำบลพลอยแหวน อำเภอท่าใหม่ และตำบลท่าหลวง ตำบลมะขาม อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี ๑.๗ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลสากเหล็ก อำเภอสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร ๑.๘ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลหนองกุง ตำบลโพนทอง ตำบลบึงวิจัย ตำบลลำพาน ตำบลกาฬสินธุ์ ตำบลเหนือ และตำบลหลุบ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ๑.๙ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองมหาสารคาม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลท่าสองคอน ตำบลเกิ้ง ตำบลตลาด ตำบลแก่งเลิงจาน ตำบลเขวา และตำบลแวงน่าง อำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม ๑.๑๐ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสามง่าม จังหวัดพิจิตร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลสามง่าม อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร ๑.๑๑ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลสุขสำราญ ตำบลพุนกยูง และตำบลตากฟ้า อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ ๑.๑๒ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเวียงฝาง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลเวียง ตำบลโป่งน้ำร้อน ตำบลม่อนปิ่น ตำบลสันทราย ตำบลแม่คะ และตำบลแม่สูน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำกับดูแลและอนุมัติการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของผังเมืองรวมอย่างเข้มงวด เพื่อให้สามารถรองรับการพัฒนาและการขยายตัวของชุมชนได้อย่างเหมาะสมสอดคล้องกับภูมิสังคมของพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12231 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม จำนวน 12 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี) | มท | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม จำนวน ๑๒ ฉบับ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลบ้านโฮ่ง อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองขลุง จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลเกวียนหัก ตำบลซึ้ง ตำบลขลุง และตำบลวันยาว อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลกระเสียว ตำบลสามชุก และตำบลย่านยาว อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลตาสัง ตำบลเจริญผล ตำบลบางตาหงาย และตำบลท่างิ้ว อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลทับยายเชียง ตำบลหอกลอง อำเภอพรหมพิราม และตำบลวัดโบสถ์ ตำบลท่างาม ตำบลบ้านยาง ตำบลท้อแท้ อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ๑.๖ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองจันทบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลแสลง ตำบลท่าช้าง ตำบลพลับพลา ตำบลจันทนิมิต ตำบลวัดใหม่ ตำบลบางกะจะ ตำบลตลาด ตำบลคลองนารายณ์ ตำบลเกาะขวาง อำเภอเมืองจันทบุรี ตำบลเขาวัว ตำบลพลอยแหวน อำเภอท่าใหม่ และตำบลท่าหลวง ตำบลมะขาม อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี ๑.๗ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลสากเหล็ก อำเภอสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร ๑.๘ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลหนองกุง ตำบลโพนทอง ตำบลบึงวิจัย ตำบลลำพาน ตำบลกาฬสินธุ์ ตำบลเหนือ และตำบลหลุบ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ๑.๙ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองมหาสารคาม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลท่าสองคอน ตำบลเกิ้ง ตำบลตลาด ตำบลแก่งเลิงจาน ตำบลเขวา และตำบลแวงน่าง อำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม ๑.๑๐ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสามง่าม จังหวัดพิจิตร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลสามง่าม อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร ๑.๑๑ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลสุขสำราญ ตำบลพุนกยูง และตำบลตากฟ้า อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ ๑.๑๒ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเวียงฝาง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลเวียง ตำบลโป่งน้ำร้อน ตำบลม่อนปิ่น ตำบลสันทราย ตำบลแม่คะ และตำบลแม่สูน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำกับดูแลและอนุมัติการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของผังเมืองรวมอย่างเข้มงวด เพื่อให้สามารถรองรับการพัฒนาและการขยายตัวของชุมชนได้อย่างเหมาะสมสอดคล้องกับภูมิสังคมของพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12232 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม จำนวน 12 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์) | มท | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม จำนวน ๑๒ ฉบับ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลบ้านโฮ่ง อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองขลุง จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลเกวียนหัก ตำบลซึ้ง ตำบลขลุง และตำบลวันยาว อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลกระเสียว ตำบลสามชุก และตำบลย่านยาว อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลตาสัง ตำบลเจริญผล ตำบลบางตาหงาย และตำบลท่างิ้ว อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลทับยายเชียง ตำบลหอกลอง อำเภอพรหมพิราม และตำบลวัดโบสถ์ ตำบลท่างาม ตำบลบ้านยาง ตำบลท้อแท้ อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ๑.๖ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองจันทบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลแสลง ตำบลท่าช้าง ตำบลพลับพลา ตำบลจันทนิมิต ตำบลวัดใหม่ ตำบลบางกะจะ ตำบลตลาด ตำบลคลองนารายณ์ ตำบลเกาะขวาง อำเภอเมืองจันทบุรี ตำบลเขาวัว ตำบลพลอยแหวน อำเภอท่าใหม่ และตำบลท่าหลวง ตำบลมะขาม อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี ๑.๗ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลสากเหล็ก อำเภอสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร ๑.๘ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลหนองกุง ตำบลโพนทอง ตำบลบึงวิจัย ตำบลลำพาน ตำบลกาฬสินธุ์ ตำบลเหนือ และตำบลหลุบ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ๑.๙ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองมหาสารคาม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลท่าสองคอน ตำบลเกิ้ง ตำบลตลาด ตำบลแก่งเลิงจาน ตำบลเขวา และตำบลแวงน่าง อำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม ๑.๑๐ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสามง่าม จังหวัดพิจิตร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลสามง่าม อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร ๑.๑๑ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลสุขสำราญ ตำบลพุนกยูง และตำบลตากฟ้า อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ ๑.๑๒ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเวียงฝาง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลเวียง ตำบลโป่งน้ำร้อน ตำบลม่อนปิ่น ตำบลสันทราย ตำบลแม่คะ และตำบลแม่สูน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำกับดูแลและอนุมัติการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของผังเมืองรวมอย่างเข้มงวด เพื่อให้สามารถรองรับการพัฒนาและการขยายตัวของชุมชนได้อย่างเหมาะสมสอดคล้องกับภูมิสังคมของพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12233 | รายงานสรุปคำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐ และการดำเนินคดี | อส | 07/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปคำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐและการดำเนินคดีที่สำนักงานอัยการสูงสุดจัดทำขึ้น ซึ่งมีสาะสำคัญเป็นการรายงานผลการพิจารณาชี้ขาดการดำเนินคดีระหว่างส่วนราชการกับเอกชน และข้อพิพาทระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจด้วยกันเอง รวม ๓๕ เรื่อง ตามที่คณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐและการดำเนินคดีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12234 | ขอถอนร่างกฎกระทรวงว่าด้วยเครื่องแบบตำรวจ พ.ศ. .... | ตช | 07/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างกฎกระทรวงว่าด้วยเครื่องแบบตำรวจ พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12235 | การแต่งตั้งกงสุลใหญ่มาเลเซีย ณ จังหวัดสงขลา (นายมูฮัมมัด ริดซวน บิน อาบู ยาซิด) | กต | 07/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายมูฮัมมัด ริดซวน บิน อาบู ยาซิด (Mr. Muhammad Ridzuan bin Abu Yazid) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่มาเลเซีย ณ จังหวัดสงขลา โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดสงขลา ชุมพร กระบี่ นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ภูเก็ต ระนอง สุราษฎร์ธานี สตูล ตรัง และยะลา สืบแทน นายโมฮัมมัด อาฟันดี บิน อาบู บาการ์ (Mr. Mohd Afandi bin Abu Bakar) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12236 | ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมการพ้นจากตำแหน่งของข้าราชการตุลาการ) | ศย | 07/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๔๓ โดยให้ยกเลิกกรณีการพ้นจากตำแหน่งของข้าราชการตุลาการเมื่อวุฒิสภามีมติให้ถอดถอนจากตำแหน่ง และแก้ไขเพิ่มเติมให้การพ้นจากตำแหน่งของข้าราชการตุลาการบางกรณี โดยให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงทราบเท่านั้น เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12237 | ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | นร07 | 07/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นจำนวนไม่เกิน ๓,๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายของหน่วยรับงบประมาณ เป็นจำนวน ๓,๑๓๗,๒๙๐,๕๓๔,๒๐๐ บาท และเพื่อชดใช้เงินคงคลัง เป็นจำนวน ๖๒,๗๐๙,๔๖๕,๘๐๐ บาท พร้อมเอกสารประกอบงบประมาณ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12238 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และกรรมาธิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สผ | 07/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และกรรมาธิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และกรรมาธิการ พ.ศ. ๒๕๕๕ เพื่อให้การได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยการได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา ควรเทียบเคียงกับสิทธิการได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการประเภทอื่น ๆ ซึ่งกำหนดให้ได้รับนับแต่วันที่เข้ารับหน้าที่ ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง และให้พิจารณาในประเด็นตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่กำหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา ได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มย้อนหลังไปนับแต่วันที่มีสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา แล้วแต่กรณี จะส่งผลกระทบต่อภาระงบประมาณที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งให้รับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ. และคณะกรรมการพิจารณาโครงสร้างหน่วยงานและระบบค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐที่เห็นว่า การกำหนดเกี่ยวกับการได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาควรคำนึงถึงความสอดคล้องกับหลักการ ๒ ประการ ได้แก่ การได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง และการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งดังกล่าว โดยอาจกำหนดให้ได้รับไม่ก่อนวันเข้ารับหน้าที่ ส่วนการกำหนดสิทธิในการได้รับเงินประจำตำแหน่งของสมาชิกวุฒิสภา เห็นว่า ร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ยังไม่ครอบคลุมถึงสมาชิกวุฒิสภาตามมาตรา ๑๐๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งสมาชิกภาพจะเริ่มตั้งแต่วันที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศผลการเลือกตั้ง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. สำหรับภาระงบประมาณที่เกิดขึ้นเห็นควรให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ซี่งได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายรายการดังกล่าวไว้แล้ว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12239 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำระหว่างสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงมหาดไทยฮังการี | นร14 | 07/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำระหว่างสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงมหาดไทยแห่งฮังการี (Memorandum of Understanding on Cooperation in the Field of Water Resources Management between the Office of the National Water Resources of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Interior of Hungary) ที่จะมีการลงนามในช่วงการประชุม Budapest Water Summit 2019 ณ กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๒ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างสองประเทศด้านการบริหารจัดการน้ำบนพื้นฐานของความเสมอภาคและผลประโยชน์ร่วมกันภายใต้กฎหมายและข้อบังคับของแต่ละประเทศ ในสาขาการจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ การบริหารจัดการน้ำและน้ำเสีย และการศึกษา การวิจัยและพัฒนาในสาขาที่เกี่ยวข้องกับน้ำ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงบประมาณที่เห็นว่า ร่างบันทึกความเข้าใจฯ ไม่มีถ้อยคำหรือบริบทใดที่มุ่งจะก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ จึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศและไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และหากในอนาคตมีการจัดทำข้อตกลงโครงการเฉพาะ (specific project arrangement) ตามวรรค ๖ อนุวรรค ๔ ของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ก็ควรพิจารณาส่งร่างข้อตกลงฯ ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาในโอกาสต่อไปด้วย สำหรับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการภายหลังจากการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ เห็นควรให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน หรือเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม แล้วแต่กรณี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12240 | ขอความเห็นชอบผลการคัดเลือกและร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการให้เอกชนลงทุนก่อสร้าง และบริหารจัดการระบบกำจัดขยะมูลฝอยขององค์การบริหารส่วนจังหวัด นนทบุรี | มท | 07/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบผลการคัดเลือกและร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการให้เอกชนลงทุนก่อสร้างและบริหารจัดการระบบกำจัดขยะมูลฝอยขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี (อบจ.นนทบุรี) สรุปได้ว่า อบจ.นนทบุรี ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบร่างประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุน ร่างขอบเขตของโครงการ ร่างสัญญาร่วมทุน และผลคัดเลือกเอกชน ซึ่งคณะกรรมการคัดเลือกได้ประกาศผลการคัดเลือกเอกชนที่ผ่านการพิจารณาเพื่อให้ร่วมลงทุน จำนวน ๑ ราย คือ บริษัท เอสพีพี ซิค จำกัด ซึ่งร่วมลงทุนกับบริษัท ซุปเปอร์ เอิร์ธ เอนเนอร์ยี่ ๑ จำกัด โดยภายหลังการประกาศผลการคัดเลือกเอกชนดังกล่าว อบจ.นนทบุรี ได้มีหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเพื่อเสนอความเห็นต่อผลการคัดเลือกเอกชน โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติม เช่น การสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับประเด็นอำนาจหน้าที่และการมอบหมายเอกชนดำเนินการเก็บ ขน หรือกำจัดขยะมูลฝอย และควรมีมาตรการให้ชุมชนลดปริมาณขยะมูลฝอย เป็นต้น และ อบจ.นนทบุรี ได้มีหนังสือถึงสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อตรวจพิจารณาร่างสัญญาโครงการฯ โดยมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติม เช่น ควรพิจารณาขั้นตอนการดำเนินการและระยะเวลาที่กำหนดในร่างสัญญาให้มีความชัดเจน และควรหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาความชัดเจนในส่วนที่ยังไม่สามารถระบุข้อความได้ เป็นต้น ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยและ อบจ.นนทบุรี รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรมีการระบุให้ชัดเจนระหว่างค่าตอบแทนในส่วนแรกที่เป็นค่าตอบแทนจากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้า และส่วนที่สองเป็นผลประโยชน์เพิ่มเติม และกำหนดให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนว่า การดำเนินโครงการฯ ในขั้นตอนต่อไป อบจ.นนทบุรีจะต้องดำเนินการภายใต้พระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือภายใต้พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐ ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไปให้ถูกต้อง ครบถ้วนอย่างเคร่งครัด
|
.....