ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 611 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 12201 - 12220 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
12201 | ข้อเสนอของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน เรื่อง แนวทางการพัฒนาแพลตฟอร์มการค้าดิจิทัลระหว่างประเทศของไทย (Thailand National Digital Trade Platform) | นร12 | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการแนวทางการพัฒนาแพลตฟอร์มการค้าดิจิทัลระหว่างประเทศของไทย (Thailand National Digital Trade Platform : NDTP) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ประเทศไทยมีแพลตฟอร์มกลางในการเชื่อมโยงข้อมูลด้านการค้าดิจิทัลระหว่างประเทศที่มีมาตรฐานทางดิจิทัลเดียวกันของหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจะพัฒนา NDTP ให้เชื่อมต่อกับระบบ National Single Window (NSW) ด้วย ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง และสำนักงานพัฒนาดิจิทัล (องค์การมหาชน) เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) คณะกรรมการร่วมภาครัฐเอกชน ๓ สถาบัน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการออกแบบและพัฒนาแพลตฟอร์มการค้าดิจิทัลระหว่างประเทศของไทยให้มีความสอดคล้องกับแพลตฟอร์มดิจิทัลกลางที่สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) กำหนดตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งสอดคล้องกับระบบบริการดิจิทัลอื่น ๆ เช่น ระบบ National Single Window ของกระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) เป็นต้น เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และสามารถเชื่อมโยงข้อมูลกันได้อย่างเป็นระบบ และดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความสามัคคีปรองดอง และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) นำความเห็นและข้อสังเกตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาร่วมกันให้ได้ข้อยุติก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป เช่น ประเด็นเกี่ยวกับการเชื่อมโยงข้อมูลด้านการค้าดิจิทัล (Digital Trade) ระหว่างประเทศกับประเทศสมาชิกอาเซียน ประเด็นการส่งเสริมการใช้ประโยชน์ข้อมูลเชิงวิเคราะห์เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในประเด็นทางด้านเศรษฐกิจ สังคม ประเด็นการดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแพลตฟอร์มการค้าดิจิทัลระหว่างประเทศของไทย ประเด็นการพัฒนาแพลตฟอร์มดังกล่าวให้รองรับการค้าภายในประเทศในระยะต่อไป เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12202 | การปรับปรุงแก้ไขการจัดโครงสร้าง การแบ่งส่วนงาน อำนาจหน้าที่ของส่วนงาน และอัตรากำลังของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร | นร51 | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการจัดโครงสร้าง การแบ่งส่วนงาน อำนาจหน้าที่ของส่วนงานและอัตรากำลังของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นการปรับปรุงการจัดโครงสร้าง การแบ่งส่วนงาน หน้าที่และอำนาจของส่วนงาน และอัตรากำลังของ กอ.รมน. เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป และรองรับการปฏิบัติภารกิจที่อยู่ในความรับผิดชอบของ กอ.รมน. ตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (๑) ประเด็นด้านความมั่นคง (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) ตามที่ กอ.รมน. เสนอ และให้ส่งร่างคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ /๒๕๖๒ เรื่อง การจัดโครงสร้าง การแบ่งส่วนงาน หน้าที่และอำนาจของส่วนงาน และอัตรากำลังของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ให้คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้ กอ.รมน. รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า การจัดโครงสร้างของ กอ.รมน. ควรคำนึงถึงความเหมาะสม สอดคล้องกับภารกิจ และการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้บรรลุตามยุทธศาสตร์และเป้าหมายที่กำหนด ส่วนกรณีการขออนุมัติกรอบอัตรากำลังเพื่อปฏิบัติงานใน กอ.รมน. นั้น อัตรากำลังช่วยราชการ เห็นควรให้พิจารณาตามเหตุผลความจำเป็นของภารกิจตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และควรมีการทบทวนกรอบอัตรากำลังช่วยราชการเป็นรายปี เพื่อให้สอดคล้องกับแผนรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรประจำปี สำหรับอัตรากำลังประจำ เห็นควรให้ กอ.รมน. บริหารจัดการภายใต้กรอบอัตรากำลังที่มีอยู่เดิม เพื่อควบคุมงบประมาณด้านบุคลากรไม่ให้เพิ่มสูงขึ้นตามแนวทางที่ กอ.รมน. ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12203 | การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2562 ถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2562) และข้อเสนอการปรับลดพื้นที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ออกจากพื้นที่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง | นร08 | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบให้ปรับลดพื้นที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ออกจากพื้นที่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ เพื่อนำพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ มาใช้บังคับแทน ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ๒. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ทุกอำเภอในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยกเว้นอำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี อำเภอเบตง จังหวัดยะลา และอำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอสุคิริน อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ออกไปอีก ๓ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ๓. เห็นชอบและรับทราบร่างประกาศ รวม ๔ ฉบับ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๓.๑ เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส ยกเว้นอำเภอศรีสาคร อำเภอสุไหงโก-ลก และอำเภอสุคิริน จังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง และจังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอแม่ลาน และร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ ๓.๒ รับทราบร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศและคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ และร่างประกาศ เรื่อง ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12204 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล | สพร. | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล รวม ๖ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๐ กันยายน ๒๕๖๒) เป็นต้น ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เสนอ ดังนี้
๑. นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ประธานกรรมการ ๒. นางกรรณิการ์ งามโสภี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน การบัญชีและงบประมาณ การตรวจสอบประเมินผล และการบริหารความเสี่ยง ๓. นายประพันธ์ จันทร์วัฒนพงษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารจัดการและการบริหาร ทรัพยากรบุคคล ๔. นายภุชงค์ อุทโยภาศ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ๕. นายสมคิด จิรานันตรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีดิจิทัล นวัตกรรมและ การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ๖. นายสราวุธ ปิติยาศักดิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายเทคโนโลยีดิจิทัล
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12205 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร | กษ | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร รวม ๑๑ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๐ กันยายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. ผู้ทรงคุณวุฒิภาคราชการ ๑.๑ นายครรชิต สุขเสถียร ๑.๒ นางกุลฤดี พัฒนะอิ่ม ๑.๓ นายสุจิโรจน์ คงเมือง ๑.๔ นายสยาม นนท์คำจันทร์ ๑.๕ นายวิเชียร บุตรศรี ๒. ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๒.๑ นายนำชัย พรหมมีชัย ๒.๒ นายเวชสิทธิ์ วิริยะภาค ๒.๓ นายสถิตพงษ์ สุดชูเกียรติ ๒.๔ นายสมพาศ นิลพันธ์ ๒.๕ นายสุรัชต์ ธวัชโยธิน ๒.๗ นายภาคภูมิ ปุผมาศ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12206 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ก.พ. (หม่อมหลวงพัชรภากร เทวกุล) | นร | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง หม่อมหลวงพัชรภากร เทวกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ก.พ. สำนักงาน ก.พ. สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12207 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล (จำนวน 3 คน 1. พลตำรวจโท สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ฯลฯ) | กค | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล จำนวน ๓ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๐ กันยายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. พลตำรวจโท สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เป็นกรรมการ ๒. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธนวรรธน์ พลวิชัย เป็นกรรมการ ๓. พลโท ธนะศักดิ์ ชื่นอิ่ม เป็นกรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12208 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ (นางสาวชวนชม กิจพันธ์) | นร07 | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวชวนชม กิจพันธ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12209 | ขอความร่วมมือในการมาตอบกระทู้ถามในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร | สผ | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเรื่อง ขอความร่วมมือในการมาตอบกระทู้ถามในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12210 | พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองสถาบันครอบครัว พ.ศ. 2562 พ.ศ. 2562 และแนวทางปฏิบัติกรณีมีการขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ร่างพระราชบัญญัติหรือร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว มีข้อความขัดหรือแย้งหรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และกรณีมีการขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมายหรือร่างกฎหมาย | พม | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางปฏิบัติกรณีการขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ร่างพระราชบัญญัติหรือร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว มีข้อความขัดหรือแย้งหรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และกรณีมีการขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมายหรือร่างกฎหมายตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นหน่วยงานกลางรับผิดชอบในการประสานงานการดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยให้ดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้ ๑.๑ ในกรณีที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้รับแจ้งจากประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือประธานวุฒิสภา หรือประธานรัฐสภา แล้วแต่กรณี ให้รีบนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบ และมีมติมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำคำชี้แจงในส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นการด่วน หากเสร็จแล้วให้รีบจัดส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อเตรียมการไว้ล่วงหน้าสำหรับประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยที่หน่วยงานนั้น ๆ ไม่ต้องส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ๑.๒ ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีหนังสือแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแสดงความเห็นเพื่อประกอบการวินิจฉัย ให้ดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้ ๑.๒.๑ กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญส่งหนังสือดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรี ๑.๒.๑.๑ กรณีขอให้แสดงความเห็นเป็นหนังสือหรือเอกสาร หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้จัดทำความเห็นส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำคำชี้แจงในส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นการด่วน เมื่อได้รับความเห็นแล้วให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจัดทำสรุปความเห็นของทุกหน่วยงานเป็นความเห็นเดียว แล้วนำเสนอนายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบก่อนแจ้งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ๑.๒.๑.๒ กรณีขอให้ส่งผู้แทนไปให้ถ้อยคำ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐนตรีรีบแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบโดยด่วน เพื่อมอบหมายให้ผู้แทนไปทำการชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป และให้ประสานงานกับสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญแจ้งการมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปร่วมชี้แจงด้วย ๑.๒.๒ กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญส่งหนังสือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้แสดงความเห็นเป็นหนังสือหรือเอกสารหรือขอให้ส่งผู้แทนไปให้ถ้อยคำโดยส่งหนังสือให้หน่วยงานโดยตรง ให้หน่วยงานนั้นแจ้งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบ เพื่อให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการตามข้อ ๑.๒.๑ โดยอนุโลม ๒. เมื่อศาลรัฐธรรมนูญได้แจ้งคำวินิจฉัยที่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมาแล้ว ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบทุกครั้ง และแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบต่อไป หากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าร่างพระราชบัญญัติหรือร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญไม่มีข้อความขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ทั้งนี้ ให้รวมถึงกรณีที่ร่างพระราชบัญญัติหรือร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่คณะรัฐมนตรีไม่ได้เสนอ และนายกรัฐมนตรีเห็นว่าร่างพระราชบัญญัติหรือร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญมีข้อความขัดหรือแย้ง หรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ให้ถือปฏิบัติตามแนวทางในข้อ ๑ และข้อ ๒ โดยอนุโลมด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12211 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม) | กค | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีการขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มเหลือร้อยละหกจุดสาม ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๖๔๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๖๖๙) พ.ศ. ๒๕๖๑ ออกไปจนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการตราพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้ได้มีการขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มคราวละหนึ่งปีมาโดยตลอด ดังนั้น ในอนาคตเพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อการตราพระราชกฤษฎีกา หากรัฐบาลยังคงมีนโยบายในการปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มต่อไป ก็สมควรตราเป็นพระราชกฤษฎีกาโดยไม่ต้องกำหนดระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดในการปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าว และหากต่อมามีนโยบายที่จะจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มตามอัตราที่กำหนดในประมวลรัษฎากร ก็สามารถตราพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวได้ โดยควรคำนึงถึงภาระงบประมาณของประเทศในภาพรวมต่อไปด้วย ไปพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม และให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม และประโยชน์ที่ทุกภาคส่วนจะได้รับในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป รวมถึงให้ความสำคัญกับการขยายฐานการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มให้มีความครอบคลุมมากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12212 | ร่างตราสารขยายระยะเวลาบันทึกความเข้าใจระหว่างอาเซียนและจีนว่าด้วยความร่วมมือด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช | กษ | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการลงนามตราสารขยายระยะเวลาการใช้บันทึกความเข้าใจระหว่างอาเซียนและจีนว่าด้วยความร่วมมือด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (Instrument of Extension of the Memorandum of Understanding between the Governments of the Member States of the Association of Southeast Asian Nations and the Government of the People’s Republic of China on Strengthening Sanitary and Phytosanitary Cooperation : IOE) เพื่อขยายระยะเวลาบังคับใช้บันทึกความเข้าใจดังกล่าวไปอีก ๒ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๔ และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในเอกสารตราสารฯ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานจากความร่วมมือดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12213 | มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ "ชิมช้อปใช้" | กค | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการแก้ไขเพิ่มเติมวิธีการดำเนินมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ “ชิมช้อปใช้” ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้กระทรวงการคลังเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบถึงรายละเอียดของมาตรการฯ อย่างถูกต้อง ชัดเจน และทั่วถึง รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบและติดตามเพื่อให้เกิดการใช้จ่ายตามมาตรการดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ควรมีการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง และมีการติดตามประเมินผลการดำเนินมาตรการฯ และรายงานผลต่อคณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ อย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12214 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 2/2562 | นร11 | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๒ เกี่ยวกับกรอบแนวทางการปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางการลงทุนเพื่อชักจูงและรองรับการลงทุนจากการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติมาประเทศไทย (Thailand Plus Package) และการแก้ไขปัญหาโรคไวรัสใบด่างในมันสำปะหลัง ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการรัฐมนตรีฝายเศรษฐกิจเสนอ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามสรุปผลการประชุมดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ดังนี้ ๑.๑ กรณีค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากกรอบแนวทางการปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางการลงทุนเพื่อชักจูงและรองรับการลงทุนจากการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติมาประเทศไทย (Thailand Plus Package) เห็นควรที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์อย่างเหมาะสม และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงแหล่งเงินนอกงบประมาณและการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน ความประหยัดและความคุ้มค่า ผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่ทางราชการและประชาชนจะได้รับ รวมถึงการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป ๑.๒ สำหรับการแก้ไขปัญหาโรคไวรัสใบด่างในมันสำปะหลัง เห็นควรที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการดังกล่าวจะต้องตรวจสอบพื้นที่และจำนวนเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังที่ได้รับผลกระทบให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงภารกิจของหน่วยงาน ความพร้อม ศักยภาพและความสามารถ วิธีการดำเนินการที่โปร่งใส ส่วนแหล่งเงินและอัตราค่าใช้จ่าย เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณใสโอกาสแรกก่อน พร้อมปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อแก้ไขหรือเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายในบางกรณี พ.ศ. ๒๕๕๙ แล้วแต่กรณี และขอทำความตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12215 | ขออนุมัติงบกลางปี 2562 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับใช้เป็นค่าใช้จ่ายในโครงการแก้ไขและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเนื่องจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ | นร | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๖๑,๕๓๓,๒๐๐ บาท สำหรับใช้เป็นค่าใช้จ่ายในโครงการแก้ไขและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเนื่องจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ และให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) และกระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) ดำเนินการโดยคำนึงถึงประสิทธิภาพในการแก้ไขป้องกันอุทกภัยอย่างยั่งยืน ความคุ้มค่าในการดำเนินงานและประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประชาชนเป็นสำคัญ ไม่ซ้ำซ้อนกับโครงการอื่นที่ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน และสามารถก่อหนี้ผูกพันได้ภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๒ และเมื่อดำเนินโครงการแล้วเสร็จ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานผลการดำเนินโครงการต่อสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติในโอกาสแรก เพื่อรายงานถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอเรื่องต่อรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลเห็นชอบสั่งการเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติหลักการ ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๐ ข้อ ๑๐ (๓) ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาเฉพาะโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเสียหายของสิ่งก่อสร้างภาครัฐจากอุทกภัย ซึ่งหากไม่ดำเนินการจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนและทางราชการ ได้แก่ การปรับปรุงซ่อมแซมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ ๓. ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๒ (เรื่อง แนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับปริมาณน้ำที่ได้รับอิทธิพลจากพายุและการดูแลช่วยเหลือประชาชน) มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางในการระบายน้ำและกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝนเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและสามารถเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ในฤดูแล้ง โดยให้พิจารณาพื้นที่ที่เหมาะสมเป็นพื้นที่นำร่องในการดำเนินการก่อน นั้น ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและกระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณากำหนดพื้นที่ของประชาชนที่เป็นบริเวณท่วมซ้ำซากที่เหมาะสมเป็นพื้นที่รับน้ำ (แก้มลิง) และกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝนเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ในฤดูแล้งให้เหมาะสมและชัดเจนโดยเร็ว โดยหากมีความจำเป็นต้องใช้พื้นที่ของประชาชน ก็ให้พิจารณาดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป เช่น การจ่ายเงินชดเชย การเช่าใช้พื้นที่ เป็นต้น รวมทั้งให้พิจารณากำหนดแหล่งเงินและอัตราค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12216 | การทดลองขยายเวลาทำการด่านศุลกากรสะเดา-บูกิตกายูฮิตัม เป็น 24 ชั่วโมง (เพิ่มเติมอีก 9 เดือน) | นร08 | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้มีการพิจารณาการทดลองขยายเวลาด่านศุลกากรสะเดา ๒๔ ชั่วโมง จากระยะทดลองเดิม ๓ เดือน (ระหว่างวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๒-๑๖ กันยายน ๒๕๖๒) เพิ่มเติมอีก ๙ เดือน (ระหว่างวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๒-๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๓) ซึ่งครบกำหนด ๑ ปี โดยให้กระทรวงมหาดไทยออกประกาศกระทรวงมหาดไทยที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๒ ให้จังหวัดสงขลาร่วมกับกรมศุลกากร ขนส่งจังหวัดสงขลา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์ เรื่องการเปิดทดลองขยายเวลาด่านฯ เพิ่มเติมอีก ๙ เดือน ให้ทุกภาคส่วนโดยเฉพาะผู้ประกอบการภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมทราบ ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรติดตามเรื่องช่องทางเข้า-ออกด่านศุลกากร ทั้งในด้านที่เชื่อมโยงกับมาเลเซียและด้านที่เชื่อมโยงภายในไทยให้มีการพัฒนาให้สอดคล้องกับกำหนดการก่อสร้างด่านสะเดาแห่งใหม่แล้วเสร็จ เพื่อให้มีการเปิดให้บริการได้จริงต่อไป รวมทั้งควรแจ้งถึงช่วงเวลาที่จะทดลองผ่านด่าน ณ จุดเดิม และประมาณการณ์ช่วงเวลาที่จะเปิดทำการผ่านด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12217 | รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เดือนเมษายน - มิถุนายน 2562) [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 9 กันยายน 2562 )] | นร | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายเทวัญ ลิปตพัลลภ) เป็นผู้ชี้แจงความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา ๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ทุกสามเดือน ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา โดยให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและประธานกรรมการปฏิรูปประเทศแต่ละด้านที่มีอยู่หรือผู้แทนเข้าร่วมชี้แจงด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12218 | ขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 9 กันยายน 2562)] | นร04 | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้รัฐมนตรีทุกท่านเข้าร่วมรับฟังการแถลงหรือชี้แจงข้อเท็จจริงตามญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงและเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๕๒ ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันพุธที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๒ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณสนับสนุนข้อมูลประกอบการแถลงหรือชี้แจงข้อเท็จจริงดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12219 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายปิยกร อภิบาลศรี และร้อยตำรวจโทหญิง ศรัณย์กร เลิศโอภาส) (นายปิยกร อภิบาลศรี) | กค | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายปิยกร อภิบาลศรี ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ภาษีสรรพสามิต (นักวิชาการสรรพสามิตทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต ตั้งแต่วันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๒ ๒. ร้อยตำรวจโทหญิง ศรัณย์กร เลิศโอภาส ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมายและระเบียบการคลัง (นิติกรทรงคุณวุฒิ) กรมบัญชีกลาง ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12220 | รัฐบาลสาธารณรัฐมัลดีฟส์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐมัลดีฟส์ประจำประเทศไทย (นายมุฮัมมัด จินาห์) | กต | 03/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายมุฮัมมัด จินาห์ (Mr. Mohamed Jinah) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐมัลดีฟส์ประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายมุฮัมมัด นะขีด (Mr. Mohamed Nasheed) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
.....