ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 564 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 11261 - 11280 จากข้อมูลทั้งหมด 123998 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11261 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง | พน | 28/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จำนวน ๔ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ มกราคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นายชวลิต พิชาลัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิง ๑.๒ นางสาววิมล ชาตะมีนา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน ๑.๓ นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการค้าในประเทศ/ต่างประเทศ และการบริหาร ๑.๔ นายเกียรติคุณ ชาติประเสริฐ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการค้าในประเทศ สารนิเทศ และการบริหาร ๒. ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในครั้งต่อ ๆ ไป ให้เป็นไปตามกรอบระยเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัดตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11262 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ | นร01 | 28/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ จำนวน ๙ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ มกราคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ศาสตราจารย์นันทวัฒน์ ปรมานันท์ ๒. นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ ๓. พลตำรวจโท สมชาย พัชรอินโต ๔. พันตำรวจโท เธียรรัตน์ วิเชียรสรรค์ ๕. นายภพ เอครพานิช ๖. นางเบญจวรรณ สร่างนิทร ๗. หม่อมราชวงศ์พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ ๘. นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ๙. นายมานะ นิมิตรมงคล
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11263 | คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 23/2563 (เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ) | นร04 | 28/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๓/๒๕๖๓ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ ลงวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๓ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) เป็นประธานคณะกรรมการดังกล่าว โดยให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงานบูรณาการการดำเนินการร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์การระบาดของโรคติดต่ออุบัติใหม่จะเข้าสู่ภาวะปกติ และให้รายงานผลการปฏิบัติงานประจำวันของหน่วยงานไปยังศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (Prime Minister Operation Center : PMOC) รวมทั้งให้ความร่วมมือและดำเนินการตามมาตรการในการแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ตามที่คณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติกำหนดอย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11264 | การสนับสนุนการดำเนินการของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anit-Fake News Center) | นร05 | 28/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า ปัญหาการเผยแพร่ข่าวปลอมและการบิดเบือนข้อมูลข้อเท็จจริงในเรื่องต่าง ๆ ที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์และระบบอินเทอร์เน็ตมีแนวโน้มรุนแรงมากยิ่งขึ้น ส่งผลกระทบต่อการรับรู้ข้อมูลข่าวสารและความเข้าใจที่ถูกต้องของประชาชน รวมทั้งในบางกรณีกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติด้วย ดังนั้น เพื่อให้การแก้ไขปัญหาดังกล่าวของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center) บรรลุผลและสามารถดำเนินการตามกฎหมายแก่ผู้กระทำผิดได้ จึงมีมติกำชับให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐให้ความร่วมมือแก่ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในการแต่งตั้งผู้แทนเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในกรณีที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐเป็นผู้เสียหายหรือเป็นเจ้าของข้อมูลที่มีการนำไปบิดเบือนเป็นข่าวปลอม และเผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์และระบบอินเทอร์เน็ตดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11265 | ให้เร่งรัดการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการ และการแต่งตั้งคณะกรรมการ | นร04 | 28/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
๑. การดำเนินการตามแผนงาน/โครงการ ให้หน่วยงานเจ้าของแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ความเห็นชอบหรืออนุมัติไว้แล้ว เร่งรัดดำเนินการตามแผนงาน/โครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จและบรรลุผลตามกรอบระยะเวลาและวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้โดยเร็ว ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้องและโปร่งใส เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. การแต่งตั้งคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เร่งรัดดำเนินการเพื่อให้มีการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ตามขั้นตอนของกฎหมายให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เมื่อร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11266 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 27 มกราคม 2563) | นร05 | 28/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๓ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๒๒ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๒๓ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๓ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11267 | ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | นร | 28/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รายงานว่า สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้มีหนังสือยืนยันมติของรัฐสภาซึ่งเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และแจ้งว่าได้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสนอความเห็นเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามมาตรา ๑๔๘ (๑) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งประธานสภาผู้แทนราษฎรได้แจ้งไปยังนายกรัฐมนตรีเพื่อทราบแล้ว เป็นกรณีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จึงต้องชะลอการดำเนินการในการนำร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยไว้ก่อนตามมาตรา ๑๔๘ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11268 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต้องเป็นไปตามมาตรฐาน รวม 3 ฉบับ (ร่างกฎกระทรววงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดร้อน สำหรับงานถังก๊าซ ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ....) | อก | 28/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต้องเป็นไปตามมาตรฐาน รวม ๓ ฉบับ เพื่อเป็นการคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภคและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจของประเทศ และสอดคล้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและการใช้งานในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสายไฟฟ้าหุ้มฉนวนพอลิไวนิลคลอไรด์ แรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน ๔๕๐/๗๕๐ โวลต์ เล่ม ๑๐๑ สายไฟฟ้ามีเปลือกสำหรับงานทั่ว่ไป ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสายไฟฟ้าหุ้มฉนวนพอลิไวนิลคลอไรด์ แรงดันไฟฟ้าที่กำหนด ๔๕๐/๗๕๐ โวลต์ เล่ม ๑๐๑ สายไฟฟ้ามีเปลือกสำหรับงานทั่วไป ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดร้อนสำหรับงานถังก๊าซ ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดร้อน สำหรับงานถังก๊าซ ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อน แผ่นม้วน แผ่นแถบ แผ่นตัด และแผ่นลูกฟูก ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อน แผ่นม้วน แผ่นแถบ แผ่นตัด และแผ่นลูกฟูก ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11269 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต้องเป็นไปตามมาตรฐาน รวม 3 ฉบับ (ร่างกฎกระทรววงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อน แผ่นม้วน แผ่นตัด และแผ่นลูกฟูก ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ....) | อก | 28/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต้องเป็นไปตามมาตรฐาน รวม ๓ ฉบับ เพื่อเป็นการคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภคและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจของประเทศ และสอดคล้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและการใช้งานในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสายไฟฟ้าหุ้มฉนวนพอลิไวนิลคลอไรด์ แรงดันไฟฟ้าที่กำหนดไม่เกิน ๔๕๐/๗๕๐ โวลต์ เล่ม ๑๐๑ สายไฟฟ้ามีเปลือกสำหรับงานทั่ว่ไป ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสายไฟฟ้าหุ้มฉนวนพอลิไวนิลคลอไรด์ แรงดันไฟฟ้าที่กำหนด ๔๕๐/๗๕๐ โวลต์ เล่ม ๑๐๑ สายไฟฟ้ามีเปลือกสำหรับงานทั่วไป ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดร้อนสำหรับงานถังก๊าซ ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดร้อน สำหรับงานถังก๊าซ ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อน แผ่นม้วน แผ่นแถบ แผ่นตัด และแผ่นลูกฟูก ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อน แผ่นม้วน แผ่นแถบ แผ่นตัด และแผ่นลูกฟูก ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11270 | ขอยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | อส | 24/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ของสำนักงานอัยการสูงสุด จำนวน ๑๗,๗๖๖,๑๖๙,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป และให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงานอัยการสูงสุดได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11271 | รายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ที่จะเสนอคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (จำนวน 2 รายการ) (โครงการห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน โดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย (โครงการ วมว.)ระยะที่ 3 ภายใต้การสนับสนุนของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม) | อว | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการของโครงการห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน ในการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย (โครงการ วมว.) ระยะที่ ๓ ภายใต้การสนับสนุนของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ระยะเวลา ๒๐ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๘๓) ในกรอบวงเงินงบประมาณรวม ๑๑,๙๔๓.๐๐ ล้านบาท และเห็นชอบองค์ประกอบของคณะกรรมการระดับนโยบายที่จะทำหน้าที่ในการกำหนดนโยบาย กรอบ และทิศทางการดำเนินงานโครงการ และคณะกรรมการระดับบริหารเพื่อทำหน้าที่กำหนดหลักการ แนวทาง หลักเกณฑ์ การบริหารจัดการ ให้คำแนะนำ ส่งเสริมการดำเนินงานและติดตามผลการดำเนินงานของโครงการในภาพรวม สำหรับวงเงินงบประมาณ จำนวน ๑๑,๙๔๓.๐๐ ล้านบาท เห็นควรให้หน่วยงานเสนอคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามขั้นตอน โดยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ พร้อมรายละเอียดที่เกี่ยวข้องตามความพร้อม ความจำเป็น และความเหมาะสมที่จะต้องใช้จ่ายในแต่ละปีงบประมาณ ให้สอดคล้องกับระยะเวลาตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ ความครอบคลุมของแหล่งงบประมาณ ศักยภาพและความสามารถในการใช้จ่ายงบประมาณในปีที่ผ่านมา เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณ และเกิดผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการภาครัฐ ตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และตามขั้นตอนของการพิจารณาเสนอของบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. เช่น ควรมีการออกแบบระบบการคัดเลือกและการประเมินผลที่นอกเหนือจากการวัดจากคะแนนสอบเพียงอย่างเดียว ควรมีมาตรการที่หลากหลายในการคัดเลือกกลุ่มเด็กด้อยโอกาสที่มีความสามารถพิเศษ ควรให้ความสำคัญกับการปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนให้ตรงกับอัตลักษณ์ของคู่มหาวิทยาลัย-โรงเรียน รวมถึงควรมีการประยุกต์และเชื่อมโยงการจัดการเรียนการสอนและการทำวิจัยที่คำนึงถึงบริบทของพื้นที่ ชุมชน/ท้องถิ่น และพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ในแต่ละภาค ควรมีระบบติดตามที่สามารถทราบถึงข้อมูลการประกอบอาชีพ ผลงาน และความเชี่ยวชาญของนักเรียนหลังจบโครงการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งควรกำหนดระยะเวลาการดำเนินโครงการให้สอดคล้องกับการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติที่กำหนดกรอบระยะเวลาไว้ที่ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐ โดยมีการแบ่งช่วงการดำเนินงานทุก ๕ ปี เพื่อให้การดำเนินโครงการสอดรับกับห้วงเวลาการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11272 | การจัดทำคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 (สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ) | ศร | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน ๖๐๓,๘๖๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป และให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11273 | การนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก | ทส | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบเอกสารเพิ่มเติม (Additional Information) การนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก และมอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการจัดส่งเอกสารดังกล่าวต่อศูนย์มรดกโลก ภายในวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของหน่วยงานต่าง ๆ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ เช่น การเชิญผู้แทนประเทศสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลกลงพื้นที่เพื่อให้เห็นความจริงใจในการแก้ปัญหา การเพิ่มหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านสิทธิมนุษยชนในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว และการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการและการดูแลรักษาพื้นที่มากขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11274 | โครงการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (Sustainable Manufacturing Center: SMC) ในเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก : เมืองนวัตกรรม ระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และระบบอัจฉริยะ (EECi - ARIPOLIS for BCG) | อว | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า โครงการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (Sustainable Manufacturing Center : SMC) ในเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก : เมืองนวัตกรรม ระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และระบบอัจฉริยะ (EECi-ARIPOLIS for BCG) เป็นการดำเนินงานเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งตามเป้าหมายการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ (New S-Curve) ของประเทศ ในการพัฒนาเมืองนวัตกรรมระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (ARIPOLIS) อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่รับผิดชอบโดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติที่เป็นองค์การมหาชน และขออนุมัติกรอบวงเงินงประมาณรวม ๕,๔๐๘.๗๗ ล้านบาท ดังนั้น จึงเข้าข่ายการดำเนินงานที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๐ เรื่อง แนวปฏิบัติในการเสนอเรื่องและขออนุมัติดำเนินโครงการลงทุนขององค์การมหาชนที่มีวงเงินลงทุนสูงเกินกว่า ๑,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งองค์การมหาชนเจ้าของโครงการต้องดำเนินการขอความเห็นจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้เสร็จสิ้นก่อน แล้วจึงเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ไปดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11275 | ขออนุมัติตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ของกระทรวงคมนาคม | คค | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้กระทรวงคมนาคมนำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๓ หน่วยงาน ๔๕ รายการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๗๗,๔๖๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อเสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามนัยมาตรา ๒๖ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกอบด้วย (๑) กรมทางหลวง จำนวน ๔๑ รายการ วงเงินทั้งสิ้น ๑๗๐,๖๖๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท (๒) กรมทางหลวงชนบท จำนวน ๒ รายการ วงเงินทั้งสิ้น ๓,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และ (๓) กรมท่าอากาศยาน จำนวน ๒ รายการ วงเงินทั้งสิ้น ๓,๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคมจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการ โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าก่อสร้างให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และมีสถานที่/พื้นที่พร้อมจะดำเนินการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาความเหมาะสม จำเป็น ตามวงเงินงบประมาณประจำปีต่อไป ๑.๓ สำหรับโครงการติดตั้งระบบโครงข่ายโทรคมนาคมของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน ๑ รายการ วงเงิน ๒,๐๕๕,๑๙๘,๐๐๐ บาท เห็นควรให้ รฟท. ดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๒ เนื่องจากโครงการดังกล่าวไม่ใช่การดำเนินงานในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐสนับสนุนตามหลักการการอุดหนุนโครงการของ รฟท. โดยเห็นควรให้ รฟท. กู้เงินเพื่อดำเนินโครงการตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) และให้ รฟท. รับภาระเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายในการกู้เงิน ตลอดจนให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ กำหนดวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ในการกู้เงินต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมท่าอากาศยาน และ รฟท.) รับข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมของโครงการ/แผนงานตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถก่อสร้างโครงการและเบิกจ่ายเงินงบประมาณได้ทันตามแผนงานที่กำหนดไว้ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย รวมทั้งให้ถือปฏิบัติตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ (เรื่อง การเร่งรัดของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ) เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในแผนบริหารจัดการโครงการและมีการบริหารจัดการงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11276 | ขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป : โครงการพัฒนาศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยให้เป็นพื้นที่ให้บริการทางวัฒนธรรมระดับนานาชาติ ระยะที่ 2 | วธ | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงวัฒนธรรม สำหรับโครงการพัฒนาศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยให้เป็นพื้นที่ให้บริการทางวัฒนธรรมระดับนานาชาติ ระยะที่ ๒ วงเงินงบประมาณทั้งโครงการรวมทั้งสิ้น ๓,๐๐๐,๐๒๑,๙๓๗.๘๘ บาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการ โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง และมีสถานที่/พื้นที่พร้อมจะดำเนินการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ของรัฐและประชาชนที่จะได้รับ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการอย่างยั่งยืน รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วนอย่างโปร่งใส และตรวจสอบได้ และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงวัฒนธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11277 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ 1/2562 | นร52 | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ ประกอบด้วย (๑) เรื่องเสนอเพื่อทราบ ได้แก่ การประกาศให้อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ในฐานะเมืองต้นแบบที่ ๔ “เมืองอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต” เป็นเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน กรณีเร่งรัดออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินทำกินในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ การพิจารณาให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน กรณีครอบครัวนายอับดุลเลาะ อีซอมูซอ และการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายและอำนวยการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ (๒) เรื่องเสนอเพื่อพิจารณาใน ๒ ประเด็นหลัก ได้แก่ กรอบแนวทางการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงผ่าน “โครงการตำบลมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และแผนการขับเคลื่อนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษนราธิวาส ตามที่ ศอ.บต. เสนอ ทั้งนี้ ให้ ศอ.บต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไปให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. สำหรับแผนงาน/โครงการที่จะดำเนินการตามมติ กพต. เช่น แผนเร่งด่วนการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา แผนการขับเคลื่อนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษนราธิวาส ให้ ศอ.บต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และสำนักงบประมาณ เช่น การลงทุนและพัฒนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ควรให้ความสำคัญกับด้านภูมิสังคม ได้แก่ ลักษณะของพื้นที่ วิถีชีวิต ค่านิยม ความหลากหลายของวัฒนธรรมและประเพณีของคนในพื้นที่และด้านภูมินิเวศ ได้แก่ การจัดการด้านสิ่งแวดล้อมเมืองและชุมชนที่สอดคล้องและเหมาะสมกับระบบนิเวศอัตลักษณ์และวัฒนธรรมพื้นถิ่น รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนและทุกภาคส่วนในพื้นที่ เพื่อให้การดำเนินโครงการสอดคล้องกับความต้องการของทุกภาคส่วนในพื้นที่ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญให้โครงการบรรลุผลสำเร็จอย่างยั่งยืน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง แล้วส่งแผนงาน/โครงการดังกล่าว ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาความเหมาะสมเพื่อให้การดำเนินการสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศในภาพรวมก่อนดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11278 | สรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน | นร11 | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางและข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในการปฏิบัติราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน (นราธิวาส ปัตตานี และยะลา) ระหว่างวันที่ ๑๒-๒๐ มกราคม ๒๕๖๓ โดยมีประเด็นการพัฒนาและข้อสั่งการ เช่น (๑) เพิ่มศักยภาพการผลิตภาคเกษตร อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป และการตลาด (๒) ส่งเสริมการค้าการลงทุนในพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญ (๓) ส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ วัฒนธรรม และเมืองท่องเที่ยวชายแดน และ (๔) เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนบนพื้นฐานสังคมพหุวัฒนธรรม เป็นต้น โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสั่งการไปพิจารณาดำเนินการต่อไป รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบด้วย ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11279 | ผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน และผู้บริหารท้องถิ่น เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน (นราธิวาส ปัตตานี และยะลา) | นร11 | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน และผู้บริหารท้องถิ่นเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ขายแดน (นราธิวาส ยะลา ปัตตานี) เมื่อวันอังคารที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๓ โดยมีประเด็นสำคัญ ได้แก่ (๑) ด้านการยกระดับการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรกรรม (๒) ด้านการพัฒนาการค้าและการลงทุนเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้าน (๓) ด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว (๔) ด้านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐาน และ (๕) ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขและยั่งยืน ๑.๒ เห็นชอบตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11280 | การส่งเสริมพหุวัฒนธรรมและเศรษฐกิจชุมชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ | วธ | 21/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเรื่อง การส่งเสริมพหุวัฒนธรรมและเศรษฐกิจชุมชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกระทรวงวัฒนธรรมได้บูรณาการความร่วมมือกับภาคส่วนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแนวทางการส่งเสริมพหุวัฒนธรรมและเศรษฐกิจชุมชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกำหนดประเด็นการพัฒนา ๓ ด้าน ได้แก่ (๑) ส่งเสริมวิถีชีวิตและสังคมพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง โดยส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหา การป้องกัน และการส่งเสริมความมั่นคงยั่งยืนในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (๒) นำหลักพลัง “บวร” หรือ “บรม” ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม เพื่อสร้างคนดี สังคมดี ให้คุณธรรมนำการพัฒนา ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ในการนำหลักการพลัง “บวร : บ้าน วัด หรือโรงเรียน/ราชการ” หรือ “บรม : บ้าน โรงเรียน/ราชการ มัสยิด” ไปขับเคลื่อนและดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ และ (๓) การส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนจากฐานวัฒนธรรม เพื่อพัฒนาต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยพัฒนาศักยภาพและเชื่อมโยงแหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมเชื่อมโยง ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
.....