ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 570 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 11381 - 11400 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11381 | มาตรการต่อเติม เสริมทุน SMEs สร้างไทย | กค | 07/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การส่งเสริมขีดความสามารถของ SMEs เป็นวาระแห่งชาติ ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเร่งพิจารณาและกำหนดมาตรการในการส่งเสริมขีดความสามารถของ SMEs ในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๒. เห็นชอบและรับทราบมาตรการต่อเติม เสริมทุน SMEs สร้างไทย ซึ่งเป็นมาตรการเพื่อช่วยเหลือ SMEs ในกลุ่มที่ต้องการสภาพคล่อง กลุ่มที่กำลังจะถูกฟ้อง และกลุ่มที่มีศักยภาพ ประกอบด้วย (๑) โครงการ บสย. SMEs สร้างไทย ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (๒) โครงการ Transformation Loan เสริมแกร่ง (Soft Loan เพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักร ระยะที่ ๒) ของธนาคารออมสิน (๓) โครงการ GSB SMEs Extra Liquidity ของธนาคารออมสิน (๔) โครงการ PGS ๕ ถึง PGS ๗ และ (๕) โครงการสินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน (Local Economy Loan) ของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการต่อไปให้ถูกต้องเป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ๓. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ และเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษตามประมวลกฎหมายที่ดิน สำหรับกรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด สำหรับกรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ รวม ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น (๑) สถาบันการเงินและสถาบันการเงินเฉพาะกิจควรพัฒนาระบบฐานข้อมูล SMEs ที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อใช้วิเคราะห์ติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ โดยเฉพาะกระบวนการพิจารณาสินเชื่อหรือการค้ำประกัน การบริหารความเสี่ยง และการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์กำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง และ (๒) การกำหนดมาตรการทางภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ควรครอบคลุมการเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่มีเจ้าหนี้อื่นที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (non-bank) ด้วย เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๔. ให้กระทรวงการคลังประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับมาตรการในการช่วยเหลือ SMEs ให้สาธารณชนรับทราบอย่างถูกต้องและทั่วถึง รวมทั้งให้กระทรวงการคลังติดตาม ประเมินผล และรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรีทุก ๆ ๓ เดือน ด้วย ๕. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11382 | ขอความเห็นชอบการดำเนินโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน | สทบ. | 07/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและรับทราบตามที่สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้เปลี่ยนแปลงชื่อโครงการ จากโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานระดับหมู่บ้าน ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบไว้เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ เป็นโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ๑.๒ เห็นชอบให้ยุติการดำเนินโครงการที่บรรลุวัตถุประสงค์แล้ว และมีงบประมาณคงเหลือ จำนวน ๓ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการเพิ่มทุนกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ระยะที่ ๒ (๒) โครงการหมู่บ้านจัดตั้งใหม่ และ (๓) โครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (SML) และขอเปลี่ยนแปลงการใช้งบประมาณคงเหลือ จำนวน ๓ โครงการดังกล่าว วงเงินรวมทั้งสิ้น ๒,๔๐๗,๗๐๐,๐๐๐ บาท ไปใช้ในการดำเนินโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ๑.๓ รับทราบการขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ กรณีที่จะขอใช้งบประมาณของโครงการอื่นที่ยังดำเนินการอยู่ จำนวน ๖ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการเพิ่มทุนกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ระยะที่ ๓ (๒) โครงการพัฒนาเมือง (๓) โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ (๔) โครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชนเมืองเพื่อความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ (๕) โครงการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนอย่างยั่งยืนโดยศาสตร์พระราชาตามแนวทางประชารัฐ และ (๖) โครงการประชารัฐเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในกรุงเทพมหานคร วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑๒,๐๘๓,๗๐๐,๐๐๐ บาท ไปใช้ในการดำเนินโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนก่อน และขอให้สำนักงบประมาณตั้งงบประมาณ จำนวน ๑๒,๐๘๓,๗๐๐,๐๐๐ บาท ดังกล่าว คืนให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อจะได้ดำเนินโครงการให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการต่อไป ๒. สำหรับการใช้งบประมาณของโครงการที่ยังไม่บรรลุวัตถุประสงค์ จำนวน ๖ โครงการ ให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามข้อเท็จจริงที่จะใช้จ่าย โดยคำนึงถึงเป้าหมาย ประโยชน์ที่ได้รับ ผลสัมฤทธิ์ และประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้เกิดต้นทุนค่าเสียโอกาสในทุกมิติ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีเท่าที่จำเป็นตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11383 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปี 2562 ไปพลางก่อน สำหรับใช้เป็นค่าใช้จ่ายในโครงการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง ปี 2562/63 | นร | 07/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปี ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน จำนวน ๓,๐๗๙,๔๗๒,๔๘๒ บาท สำหรับใช้เป็นค่าใช้จ่ายในโครงการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง ปี ๒๕๖๒/๖๓ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ โดยให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในโครงการฯ ควรพิจารณากิจกรรมของแผนงาน/โครงการที่สามารถบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคในช่วงฤดูแล้ง ปี ๒๕๖๒/๖๓ เป็นสำคัญ สำหรับวงเงินงบประมาณให้ประสานสำนักงบประมาณในรายละเอียดต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11384 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 6 มกราคม 2563) | นร04 | 07/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๓ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๑๗ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันพุธที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๓ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11385 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. ....) | มท | 07/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกา รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดบึงกาฬ ในพื้นที่บริเวณที่ ๑ (อำเภอเมืองบึงกาฬ) พื้นที่บริเวณที่ ๒ (อำเภอปากคาด) พื้นที่บริเวณที่ ๓ (อำเภอบุ่งคล้า) พื้นที่บริเวณที่ ๔ (อำเภอโซ่พิสัย) พื้นที่บริเวณที่ ๕ (อำเภอพรเจริญ) พื้นที่บริเวณที่ ๖ และพื้นที่บริเวณที่ ๗ (อำเภอเซกา) ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดภูเก็ต ในพื้นที่บริเวณที่ ๑ (ตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต) พื้นที่บริเวณที่ ๒ และพื้นที่บริเวณที่ ๓ (ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมืองภูเก็ต) พื้นที่บริเวณที่ ๔ (ตำบลฉลอง อำเภอเมืองภูเก็ต) พื้นที่บริเวณที่ ๕ ถึงพื้นที่บริเวณที่ ๑๐ (ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11386 | การจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (จังหวัดนราธิวาส) | นร05 | 07/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีแจ้งว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ครั้งต่อไปในพื้นที่ภาคใต้ เห็นควรให้จัดการประชุมในระหว่างวันที่ ๒๐-๒๑ มกราคม ๒๕๖๓ ณ จังหวัดนราธิวาส โดยวันจันทร์ที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๓ จะเป็นการตรวจราชการของนายกรัฐมนตรี และวันอังคารที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๓ จะเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11387 | การดำเนินโครงการตามแนวทางประชารัฐ (1 จังหวัด 1 แผนงาน/โครงการ) | มท | 07/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า เพื่อให้การดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง สามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและสร้างจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบและความเป็นเจ้าของในการดำเนินนโยบาย/โครงการต่าง ๆ อันจะนำไปสู่การขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศตามแนวทางประชารัฐอย่างยั่งยืน คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยกำกับติดตามให้ทุกจังหวัดพิจารณาจัดทำแผนงาน/โครงการตามแนวทางประชารัฐที่เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน อย่างน้อยจังหวัดละ ๑ แผนงาน/โครงการ เช่น โครงการฟื้นฟูและพัฒนาลำน้ำคูคลอง โครงการก่อสร้าง ปรับปรุงและซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ในชุมชน และดำเนินการให้บรรลุผลต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11388 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวสมใจ กาญจนาพงศ์กุล และนางสาวมาลินี จิตตกานต์พิชย์) (นางสาวสมใจ กาญจนาพงศ์กุล) | สธ | 07/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวสมใจ กาญจนาพงศ์กุล ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๒ ๒. นางสาวมาลินี จิตตกานต์พิชย์ ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนา วิทยาศาสตร์การแพทย์ (ภูมิคุ้มกันวิทยา) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๒
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11389 | รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีกีฬาอาเซียน ครั้งที่ 5 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | กก | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปรายงานผลการประชุมรัฐมนตรีกีฬาอาเซียน ครั้งที่ ๕ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและคณะได้เข้าร่วมการประชุมฯ ระหว่างวันที่ ๖-๙ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ โดยที่ประชุมฯ ได้มีการรับรองเอกสารต่าง ๆ ได้แก่ ขอบเขตหน้าที่ (TOR) ของรัฐมนตรีกีฬาอาเซียน รัฐมนตรีกีฬาอาเซียน-ญี่ปุ่น เจ้าหน้าที่อาวุโสกีฬาอาเซียน และเจ้าหน้าที่อาวุโสกีฬาอาเซียน-ญี่ปุ่น และแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีกีฬาอาเซียน ครั้งที่ ๕ และการประชุมรัฐมนตรีกีฬาอาเซียน-ญี่ปุ่น ครั้งที่ ๒ รวมทั้งรับทราบรายงานความคืบหน้าของการจัดทำตัวชี้วัดสมรรถภาพทางกายอาเซียน โดยคาดว่ารายงานผลตัวชี้วัดฯ ฉบับที่ ๑ จะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๓ และรายงานความคืบหน้าของการจัดตั้ง E-Sports Southeast Asian (SEA) Federation โดยประเทศมาเลเซียจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน E-Sports SEA Championship ในปี ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเร่งเสนอเอกสารขอบเขตหน้าที่ (TOR) ของรัฐมนตรีกีฬาอาเซียน รัฐมนตรีกีฬาอาเซียน-ญี่ปุ่น เจ้าหน้าที่อาวุโสกีฬาอาเซียน และเจ้าหน้าที่อาวุโสกีฬาอาเซียน-ญี่ปุ่น และแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีกีฬาอาเซียน ครั้งที่ ๕ และการประชุมรัฐมนตรีกีฬาอาเซียน-ญี่ปุ่น ครั้งที่ ๒ ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาโดยด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11390 | ผลการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ 25 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | คค | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ ๒๕ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยที่ประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ ๒๕ ได้มีการลงนามเอกสารสำคัญด้านการขนส่งทางอากาศ รวม ๒ ฉบับ รวมทั้งได้รับรองเอกสารด้านการขนส่งทางอากาศและด้านการอำนวยความสะดวกในการขนส่ง รวม ๔ ฉบับ อันจะเป็นการเร่งรัดและส่งเสริมการดำเนินการของอาเซียนด้านการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ การดำเนินการด้านการขนส่งทางน้ำที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นการวางรากฐานการเชื่อมโยงด้านการบินในภูมิภาคอาเซียนและระหว่างอาเซียนกับภูมิภาคอื่น ๆ เพื่อไปสู่เป้าหมายการเป็นตลาดการบินเดียวของอาเซียน (ASEAN Single Market) และตลาดการขนส่งทางทะเลร่วมอาเซียน (ASEAN Single Shipping Market) สำหรับการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี มีการดำเนินการตามแผนงานความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาต่าง ๆ ซึ่งประเทศสมาชิกได้รับประโยชน์จากการพัฒนาบุคลากร การเพิ่มขีดความสามารถในด้านต่าง ๆ ผ่านโครงการฝึกอบรม ประชุมสัมมนา การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐาน และการเพิ่มพูนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่และการขนส่งอย่างยั่งยืน โดยประเทศคู่เจรจาของอาเซียนยังคงให้ความสำคัญต่อความร่วมมือด้านการขนส่งกับอาเซียนเพื่อการพัฒนาการเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคร่วมกันต่อไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11391 | ขอความเห็นชอบร่างปฏิญญาแสดงเจตจำนงระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนิเวศวิทยาและการเปลี่ยนผ่านที่ครอบคลุมแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ว่าด้วยความร่วมมือในสาขาคมนาคมขนส่ง | คค | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาแสดงเจตจำนงระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนิเวศวิทยาและการเปลี่ยนผ่านที่ครอบคลุมแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ว่าด้วยความร่วมมือในสาขาคมนาคมขนส่ง และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยสำหรับการลงนาม โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเป็นการเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และข้อมูลในสาขาการขนส่งอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ (๑) การขนส่งทางราง (ทั้งการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า) (๒) การขนส่งมวลชนในเมือง (รวมถึงรถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟฟ้ารางเบา รถประจำทางในเมือง รถกระเช้า) (๓) การขนส่งด้วยเทคโนโลยีสะอาด และมาตรการส่งเสริมการดำเนินการดังกล่าว (๔) การขนส่งหลายรูปแบบและโลจิสติกส์ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขนส่งสินค้าทางน้ำ) (๕) การขนส่งทางทะเล (๖) ทางหลวงและความปลอดภัยทางถนน (๗) การขนส่งรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งประเทศผู้ลงนามทั้งสองฝ่ายยอมรับร่วมกันแล้ว และ (๘) การใช้สัญญาความเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สำหรับกรณีการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่าไม่จำเป็นต้องมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม) ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการกำหนดขอบเขตกรอบความร่วมมือในลักษณะมุ่งเป้าเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของประเทศตามที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11392 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การผลิต หรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งยาแผนปัจจุบัน โดยกระทรวง ทบวง กรม ในหน้าที่ป้องกันหรือบำบัดโรค สภากาชาดไทย และองค์การเภสัชกรรม พ.ศ. .... | สธ | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การผลิต หรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งยาแผนปัจจุบัน โดยกระทรวง ทบวง กรม ในหน้าที่ป้องกันหรือบำบัดโรค สภากาชาดไทย และองค์การเภสัชกรรม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การผลิต หรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งยาแผนปัจจุบัน โดยกระทรวง ทบวง กรม ในหน้าที่ป้องกันหรือบำบัดโรค สภากาชาดไทย และองค์การเภสัชกรรม ให้มีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภค ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสภากาชาดไทยที่เห็นควรยกเว้นค่าใช้จ่ายที่จัดเก็บจากผู้ยื่นคำขอในกระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาให้กับสภากาชาดไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11393 | การขับเคลื่อนโครงการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าแบบครบวงจรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน | นร52 | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของกรอบแนวทางการดำเนินโครงการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าแบบครบวงจรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการกิจการพลังงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยใช้แนวทางประชารัฐด้วยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน สร้างความมั่นคงทางพลังงาน รวมทั้งช่วยพัฒนาชุมชนให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน และให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงกรอบแนวทางดังกล่าว โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงาน ก.พ. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เช่น การกำหนดให้มีโรงงานไฟฟ้าขนาดเล็ก (Small Power Produce : SPP) ขนาดไม่เกิน ๒๗ เมกะวัตต์ จะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการ แล้วนำเสนอคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย ๒. เห็นชอบการจัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการบริหารโครงการพลังงานไฟฟ้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ทั้งนี้ ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้พิจารณากำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการอำนวยการดังกล่าวให้ชัดเจนและไม่เกิดปัญหาซ้ำซ้อนกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตามกฎหมายที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11394 | แนวทางการทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมในการอนุมัติ อนุญาต ของทางราชการ | นร12 | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางการทบทวนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมในการอนุมัติ อนุญาต ของทางราชการ ซึ่งได้ผ่านการพิจารณาจาก ก.พ.ร. แล้ว ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๒ และเห็นควรให้เพิ่มเติมข้อมูลความคิดเห็นจากส่วนราชการเกี่ยวกับแนวทางการยกเลิกการจัดเก็บค่าธรรมเนียมที่ไม่จำเป็น และให้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ซี่งสำนักงาน ก.พ.ร. ได้จัดให้มีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการค้าภายใน กรมเจ้าท่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมป่าไม้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมศิลปากร และกรมวิชาการเกษตร เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางการทบทวนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมในการอนุมัติ อนุญาต ของทางราชการ ซึ่งหลายหน่วยงานเห็นด้วยต่อแนวทางการทบทวนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมในปัจจุบัน แต่ยังไม่เห็นควรให้ยกเลิกการจัดเก็บค่าธรรมเนียมในบางกระบวนการ และได้มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายได้จากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมบางกระบวนการเป็นรายได้นอกงบประมาณที่ถูกนำไปใช้ประโยชน์ในส่วนอื่น เช่น การสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานท้องถิ่น ทำให้หน่วยงานยังคงมีความจำเป็นต้องจัดเก็บต่อไป เป็นต้น และควรพิจารณาอัตราค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมหลังจากการนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้งาน และควรทบทวนความคุ้มทุน เช่น ด้านอัตรากำลัง และด้านเอกสาร เพื่อให้หน่วยงานพิจารณาดำเนินการได้อย่างเหมาะสม เป็นต้น ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้ส่วนราชการพิจารณาทบทวนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับปัจจุบัน และเสนอผลการดำเนินการต่อสำนักงาน ก.พ.ร. ภายใน ๓ เดือน (๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓) ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เช่น ควรปรับการทำงานให้สามารถดำเนินงานผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น ควรมีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนและสอดคล้องกับปัจจุบัน และควรพิจารณาขยายระยะเวลาเพื่อให้ส่วนราชการได้มีการทบทวนอัตราค่าธรรมเนียม เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11395 | ขอความเห็นชอบขยายกรอบระยะเวลาการดำเนินโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน รุ่นที่ 4 | ศธ | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบขยายระยะเวลาในการดำเนินโครงการ ๑ อำเภอ ๑ ทุน รุ่นที่ ๔ ออกไปอีก ๒ ปี จาก ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๓ เป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕ และขอผูกพันงบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้น ๘๑.๘๕ ล้านบาท ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สำหรับงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ ให้กระทรวงศึกษาธิการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงาน ก.พ. เช่น การขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณของส่วนราชการในปีต่อไปต้องดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ควรมีระบบการรายงาน การติดตามและประเมินผลที่ทันต่อสถานการณ์ และควรให้การสนับสนุนการดำเนินโครงการฯ ในลักษณะดังกล่าวนี้ต่อไปอีกในอนาคต เนื่องจากเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ในการกระจายโอกาสทางการศึกษาให้แก่นักเรียนที่มีผลการเรียนดี มีความประพฤติดี จากครอบครัวที่มีรายได้น้อยทั่วประเทศ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ในกรณีที่กระทรวงศึกษาธิการประสงค์จะดำเนินโครงการฯ รุ่นต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาทบทวนเงื่อนไข หลักเกณฑ์การรับทุนการศึกษาให้เหมาะสมและรัดกุมยิ่งขึ้น รวมทั้งให้จัดทำข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น (๑) ผลการดำเนินโครงการฯ ปัญหา อุปสรรคที่ผ่านมา และแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวที่เป็นรูปธรรม (๒) เหตุผล ความจำเป็น ในการดำเนินโครงการฯ รุ่นต่อไป และความเป็นไปได้ที่จะมีจำนวนนักเรียนทุนได้ตรงตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ (๓) การวางแผนและเตรียมกำลังคนให้พร้อมในสาขาวิชาต่าง ๆ ทั้งสาขาวิชาที่ขาดแคลนและสาขาวิชาที่สอดรับกับสภาวการณ์ของประเทศไทย เพื่อให้ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต รวมทั้งแนวทางการจัดสรรตำแหน่งงานรองรับทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนภายหลังจากการสำเร็จการศึกษา เป็นต้น และนำเสนอคณะรัฐมนตรีประกอบการพิจารณาอนุมัติโครงการฯ ด้วย ๓. ให้สำนักงาน ก.พ. เร่งรัดการดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ (เรื่อง การจัดสรรทุนรัฐบาลให้แก่หน่วยงานของรัฐ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11396 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 6 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองหลวง รัชชโลทร อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็น เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....) | กษ | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม ๖ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองหลวง รัชชโลทร อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในท้องที่จังหวัดชลบุรี โครงการชลประทานนครนายก ในท้องที่จังหวัดนครนายกและจังหวัดปราจีนบุรี โครงการชลประทานชัยภูมิ ในท้องที่จังหวัดชัยภูมิ อ่างเก็บน้ำคลองตรอน ในท้องที่จังหวัดอุตรดิตถ์ อ่างเก็บน้ำห้วยแฮตและอ่างเก็บน้ำน้ำแหง ในท้องที่จังหวัดน่าน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองหลวง รัชชโลทร อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานนครนายก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดใหทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานชัยภูมิ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองตรอน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแฮต เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำน้ำแหง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปดำเนินการให้เป็นไปตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับพื้นที่อ่างเก็บน้ำคลองตรอนตามร่างกฎกระทรวงในข้อ ๑.๔ ทับซ้อนกับเขตอุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่ ซึ่งอ่างเก็บน้ำดังกล่าวได้ก่อสร้างก่อนมีการพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตอุทยานแห่งชาติดังกล่าว ดังนั้น การดำเนินการตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จึงต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11397 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. 2559 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 รวม 3 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดเครื่องกำเนิดรังสีเพื่อการวินิจฉัยทางการแพทย์ ที่ต้องแจ้งการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ พ.ศ. ....) | สธ | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ รวม ๓ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเครื่องกำเนิดรังสีเพื่อการวินิจฉัยทางการแพทย์ที่ต้องแจ้งการมีไว้ในครองครองหรือใช้ ระยะเวลาในการแจ้งการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ รวมทั้งกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยเครื่องกำเนิดรังสีเพื่อการวินิจฉัยทางการแพทย์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดเครื่องกำเนิดรังสีเพื่อการวินิจฉัยทางการแพทย์ ที่ต้องแจ้งการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดระยะเวลาในการแจ้งการมีไว้ในครอบครองหรือใช้เครื่องกำเนิดรังสีเพื่อการวินิจฉัยทางการแพทย์ พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยเครื่องกำเนิดรังสีเพื่อการวินิจฉัยทางการแพทย์ พ.ศ. .... ๒. รับทราบรายงานเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการจัดทำร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ รวม ๓ ฉบับ ได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ ใช้บังคับ โดยกระทรวงสาธารณสุขได้เคยเสนอร่างกฎกระทรวงรวม ๓ ฉบับดังกล่าว มาเพื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วก่อนที่จะครบกำหนดระยะเวลาตามพระราชบัญญัติ แต่เนื่องจากได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ปรับปรุงแก้ไขร่างกฎกระทรวงทั้ง ๓ ฉบับดังกล่าวตามความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนเสนอมาเพื่อดำเนินการ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11398 | การแต่งตั้งคณะกรรมการโครงการจัดทำพระไตรปิฎก ฉบับภาษาอังกฤษ (Tipitaka English Version) | วธ | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการโครงการจัดทำพระไตรปิฎก ฉบับภาษาอังกฤษ (Tipitaka English Version) จำนวน ๒ คณะ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ มกราคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. คณะกรรมการอำนวยการโครงการจัดทำพระไตรปิฎก ฉบับภาษาอังกฤษ (Tipitaka English Version) ประกอบด้วย สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก เป็นประธานกรรมการ กรรมการมหาเถรสมาคม จำนวน ๑๙ รูป เป็นกรรมการ และพระพรหมบัณฑิต เป็นกรรมการและเลขานุการ ๒. คณะกรรมการอุปถัมป์โครงการจัดทำพระไตรปิฎก ฉบับภาษาอังกฤษ (Tipitaka English Vesior) ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นรองประธานกรรมการ คนที่ ๑ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธานกรรมการ คนที่ ๒ ปลัดกระทรวง จำนวน ๒๐ กระทรวง นายกราชบัณฑิตยสภา ผู้อำนวยการศูนย์พหุภาษาการแปลและล่ามแห่งอาเซียน เป็นกรรมการ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและอธิบดีกรมการศาสนา เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม และมีกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการร่วมอีก จำนวน ๔ ราย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11399 | รายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐตุรกีและสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐตุรกีและสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ รวมทั้งรับทราบการดำเนินงานและการวางนโยบายและแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจระหว่างไทยกับทั้ง ๒ ประเทศ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กิจกรรม ณ สาธารณรัฐตุรกี เมืองอิสตันบูล ได้แก่ การเป็นสักขีพยานในการลงนามความร่วมมือ (MOU) ระหว่างผู้ประกอบการไทยกับบริษัทผู้นำเข้าตุรกี จำนวน ๑๐ ฉบับ เป็นมูลค่า ๓,๕๑๖.๖๐ ล้านบาท และการนำภาคเอกชนเข้าร่วมกิจกรรม Business Networking ระหว่างนักธุรกิจไทยและตุรกี และมีการเจรจาเพิ่มเติมจากการลงนามความร่วมมือ (MOU) อีก ๒ ฉบับ เป็นมูลค่า ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท ๒. กิจกรรม ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เมืองดีสเซลดอร์ฟ ได้แก่ การเป็นสักขีพยานการลงนามความร่วมมือ (MOU) ระหว่างผู้ประกอบการไทยกับบริษัทผู้นำเข้าเยอรมนี จำนวน ๒ ฉบับ รวมมูลค่าทั้งสิ้น ๒๓๘ ล้านบาท การเยี่ยมชมกิจกรรมสาธิตการปรุงอาหารไทยและ Thai Food Conner ณ ห้าง METRO Deutschland GmbH เมืองดีสเซลดอร์ฟ เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์อาหารไทยและวัตถุดิบในการปรุงอาหารไทย การนำภาคเอกชนไทยเข้าร่วมแสดงสินค้าและเจรจาการค้าในงาน MEDICA 2019 ครั้งที่ ๕๐ และการนำการยางแห่งประเทศไทยเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการเยอรมนีซึ่งใช้ยางธรรมชาติเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้า ๓. แผนดำเนินการเร่งด่วนต่อยอดจากการเดินทางในครั้งนี้ ได้แก่ การเร่งเจรจาเขตการค้าเสรี (FTA) ไทย-ตุรกี การเร่งจัดทำ FTA ระหว่างไทยกับยุโรป การส่งเสริมการเพิ่มมูลค่ายางพาราดิบ และการส่งเสริมการพัฒนามาตรฐานสินค้าที่จะส่งออกไปยังยุโรปให้ผ่านเงื่อนไขด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยทางด้านอาหาร
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11400 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ พ.ศ. .... | กษ | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ พ.ศ. ๒๕๔๖ เพื่อปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....