ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 569 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 11361 - 11380 จากข้อมูลทั้งหมด 123998 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11361 | ร่างพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๑ เพื่อกำหนดให้กระทรวงศึกษาธิการสามารถจัดการศึกษาสายอาชีวศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น หลักสูตรประกาศนียบัตรเตรียมอาชีวศึกษาได้เพิ่มขึ้น เพื่อให้เป็นทางเลือกแก่เด็กและเยาวชนในการศึกษาต่อจากระดับประถมศึกษาตามความสนใจและความถนัดของตน ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11362 | สรุปผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการแปรสภาพเป็นทะเลทราย สมัยที่ 14 | กษ | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการแปรสภาพเป็นทะเลทราย สมัยที่ ๑๔ [The Fourteenth Session of the Conference of the Parties (COP14) to the United Nations Convention to Combat Desertification (UNCCD)] จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒-๑๓ กันยายน ๒๕๖๒ ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย โดยมีอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน (นางสาวเบญจพร ชาครานนท์) เป็นหัวหน้าผู้แทนไทยในการเข้าร่วมการประชุมฯ ซึ่งผลการประชุมฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการพัฒนาที่ยั่งยืนในบริบทที่เกี่ยวข้องกับอนุสัญญาฯ การพัฒนาการดำเนินงานการจัดการทรัพยากรที่ดิน (Land Degradation Neutrality : LDN) และการพัฒนาวิขาการ นโยบาย และการเผยแพร่ความรู้ การเตรียมการประเมินผลการดำเนินงานในช่วงกลางของแผนยุทธศาสตร์ของอนุสัญญาฯ ปี ๒๕๖๑-๒๕๗๓ แผนการดำเนินงานของอนุสัญญา ระยะ ๔ ปี (๒๕๖๓-๒๕๖๖) การพัฒนากระบวนการสื่อสารข้อมูล คุณภาพ และรูปแบบของรายงานที่จะนำเสนอต่อที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ และการร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดำเนินโครงการ Decision Support for Mainstreaming and Scaling up of Sustainable Land Management (DS-SLM) ร่วมกับองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations : FAO) รวมถึงประเด็นสำคัญที่กรมพัฒนาที่ดินจะประสานและร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการที่สำคัญ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11363 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. ....) | มท | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกา รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดบึงกาฬ ในพื้นที่บริเวณที่ ๑ (อำเภอเมืองบึงกาฬ) พื้นที่บริเวณที่ ๒ (อำเภอปากคาด) พื้นที่บริเวณที่ ๓ (อำเภอบุ่งคล้า) พื้นที่บริเวณที่ ๔ (อำเภอโซ่พิสัย) พื้นที่บริเวณที่ ๕ (อำเภอพรเจริญ) พื้นที่บริเวณที่ ๖ และพื้นที่บริเวณที่ ๗ (อำเภอเซกา) ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดภูเก็ต ในพื้นที่บริเวณที่ ๑ (ตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต) พื้นที่บริเวณที่ ๒ และพื้นที่บริเวณที่ ๓ (ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมืองภูเก็ต) พื้นที่บริเวณที่ ๔ (ตำบลฉลอง อำเภอเมืองภูเก็ต) พื้นที่บริเวณที่ ๕ ถึงพื้นที่บริเวณที่ ๑๐ (ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11364 | รายงานผลการเดินทางไปปฏิบัติราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน | กษ | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ โดยมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในนโยบายด้านการเกษตร และการซื้อขายสินค้าเกษตร เช่น ยางพารา มันสำปะหลัง ข้าว สินค้าปศุสัตว์ ผลไม้ไทย เป็นต้น การเยี่ยมชมตลาดรูปแบบร้านค้าปลีกแนวใหม่ “HEMA” (เหอหม่า) ซึ่งเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตติดแอร์ระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบที่ผสมผสานการซื้อขายสินค้าออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงประเด็นเกี่ยวกับการจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ ได้แก่ การจัดทำพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านการตรวจสอบกักกันผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่ส่งออกจากไทยไปจีน และการลงนามพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชในการนำเข้ารำสกัดน้ำมัน และกากเนื้อในเมล็ดปาล์มจากไทย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11365 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทเรือและขนาดเรือ และลักษณะของสิ่งที่จะบรรทุกสำหรับเรือสนับสนุนการประมง พ.ศ. .... | คค | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทเรือและขนาดเรือ และลักษณะของสิ่งที่จะบรรทุกสำหรับเรือสนับสนุนการประมง พ.ศ. .... ซึ่งเป็นการออกกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติเรือไทย พุทธศักราช ๒๔๘๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติเรือไทย พุทธศักราช ๒๔๘๑ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดประเภทและขนาดของเรือ และลักษณะของสิ่งที่จะบรรทุกหรือให้การสนับสนุนสำหรับเรือสนับสนุนการประมงเพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการกองเรือไทยที่เกี่ยวข้องกับการประมงและเป็นมาตรการสนับสนุนการป้องกันการทำประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11366 | ร่างระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... | ดศ | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอขอแก้ไขระยะเวลาในการสรรหาประธานกรรมการหรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จในร่างข้อ ๓ วรรคสอง จากเดิม “ ...ให้แล้วเสร็จภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่คณะกรรมการสรรหาครบถ้วนตามมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ...” เป็น “ ...ให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวัน ...” และแก้ไขระยะเวลาในการเปิดรับสมัครบุคคลที่สมควรได้รับเลือกเป็นประธานกรรมการหรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในร่างข้อ ๔ วรรคสอง โดยให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเปิดรับสมัคร จากเดิม “ระยะเวลาหกสิบวัน” เป็น “ระยะเวลาสามสิบวัน” ๒. อนุมติในหลักการร่างระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาบุคคลเพื่อแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และการสรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อดำรงตำแหน่งแทนผู้ที่พ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ ในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้แก้ไขร่างข้อ ๓ วรรคสอง และร่างข้อ ๔ วรรคสอง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ และให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เช่น การกำหนดขั้นตอนการพิจารณาบัญชีรายชื่อการรับสมัครบุคคลเพื่อให้คณะกรรมการทาบทามบุคคล เพื่อรับเลือกเป็นประธานกรรมการหรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มเติมได้อีก ควรดำเนินการในขั้นตอนรับสมัครบุคคลเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้สมัครรายอื่น การพิจารณาเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการสรรหา ควรมีข้อกำหนดให้เลือกผู้ทรงคุณวุฒิให้ครบทุกด้าน และการกำหนดระยะเวลากรณีประธานกรรมการหรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ ให้เริ่มดำเนินการภายใน ๙๐ วัน ควรลดระยะเวลาลงเหลือ ๓๐ วัน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. รับทราบรายงานเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการจัดทำร่างระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... ได้ภายใน ๙๐ วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ใช้บังคับ เนื่องจากหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาบุคคลเพื่อแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ต้องใช้ระยะเวลาเป็นอย่างมาก ประกอบกับช่วงระยะเวลาที่ดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ นั้น อยู่ในระหว่างที่มีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี รวมทั้งประธานรัฐสภา ซึ่งส่งผลให้การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาตามมาตรา ๙๑ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11367 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน สำหรับปีสิ้นสุด วันที่ 30 กันยายน 2560 | คค | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน งบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน และงบกระแสเงินสด ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองงบการเงินแล้วมีความเห็นว่า งบการเงินของ กปถ. แสดงฐานะการเงินโดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังประกาศใช้ โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินมีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะประกอบการตรวจสอบงบการเงินบางประการ สำหรับรายงานการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สิน กปถ. สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินมีข้อเสนอแนะให้ผู้บริหาร กปถ. ดำเนินการแก้ไขความเสี่ยงในการบริหารจัดการลูกหนี้ค่าหมายเลขทะเบียนรถ การประมวลผลข้อมูลบัญชีและการเงิน การอนุมัติโครงการตามกรอบวงเงิน ประสิทธิภาพในการใช้จ่ายเงินตามโครงการที่ได้รับการอนุมัติ และการติดตามผลจากการตรวจสอบงบการเงิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมนำรายงานในเรื่องนี้ไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อรัฐสภาได้รับทราบรายงานดังกล่าวแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11368 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตเป็นผู้ผลิต ผู้ส่งออก หรือผู้นำเข้าสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ พ.ศ. .... | กษ | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตเป็นผู้ผลิต ผู้ส่งออก หรือผู้นำเข้าสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ พ.ศ. .... ซึ่งเป็นการออกกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๑ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตเป็นผู้ผลิต ผู้ส่งออก หรือผู้นำเข้าสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ และเพิ่มเติมให้สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติมีอำนาจมอบหมายหน่วยงานอื่นออกใบอนุญาตดังกล่าวได้ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11369 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติและหน้าที่ของผู้นำร่อง พ.ศ. .... | คค | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติและหน้าที่ของผู้นำร่อง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดคุณสมบัติและหน้าที่ของผู้สมัครเป็นผู้นำร่อง เพื่อให้มีความสอดคล้องกับคุณวุฒิทางการศึกษา และเพื่อให้การกำหนดกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการนำร่องเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากลและสอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11370 | รายงานผลการดำเนินงานตามแผนยกระดับการบริการภาครัฐ ระยะที่ 2 ตามพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวก ในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 | นร12 | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามแผนยกระดับการบริการภาครัฐ ระยะที่ ๒ ตามพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานตามแผนฯ ระยะที่ ๒ ได้แก่ การปรับปรุงคู่มือสำหรับประชาชน ระยะที่ ๒ การจัดทำแบบฟอร์มเอกสารราชการ ๒ ภาษา การพัฒนาระบบติดตามการให้บริการ การอำนวยความสะดวกในการจองคิวกลาง และการให้ข้อมูลป้อนกลับของประชาชนต่อการให้บริการ และการทบทวนกฎหมายการยกเลิกใบอนุญาตที่ไม่จำเป็น ซึ่งหน่วยงานส่วนใหญ่ได้มีการดำเนินการเป็นไปตามแผน ส่งผลให้การพัฒนาบริการภาครัฐโดยรวมดียิ่งขึ้น ๒. การดำเนินการในระยะต่อไป สำนักงาน ก.พ.ร. จะดำเนินการปรับปรุงคู่มือสำหรับประชาชน เช่น ปรับปรุงระบบศูนย์รวมข้อมูลเพื่อติดต่อราชการ พัฒนาระบบกลางของภาครัฐในการนำข้อมูลคู่มือสำหรับประชาชนหรืองานบริการภาครัฐเชื่อมโยงกับระบบ Citizen Portal เป็นต้น รวมทั้งเร่งรัดให้หน่วยงานของรัฐที่ยังไม่ได้จัดทำแบบฟอร์มเอกสารราชการ ๒ ภาษา จัดทำให้แล้วเสร็จตามแผน และส่งเสริมให้หน่วยงานต่าง ๆ เผยแพร่ขึ้นสู่เว็บไซต์ศูนย์รวบรวมข้อมูลเพื่อติดต่อราชการ (www.info.go.th)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11371 | ผลการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 1 | กษ | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ ๑ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ที่ประชุมคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๑๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ มีมติอนุมัติงบประมาณค่าบริหารโครงการฯ จำนวน ๑๘๑,๘๔๖,๒๔๖ บาท จากกองทุนพัฒนายางพารา เพื่อใช้เป็นค่าบริหารโครงการฯ เฉพาะในส่วนของเกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนไว้กับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) (จำนวน ๑,๑๒๙,๓๓๖ ราย) และสำหรับค่าบริหารโครงการฯ ที่เหลือ จำนวน ๕๒,๘๗๓,๙๗๐ บาท ซึ่งเป็นค่าบริหารโครงการฯ แก่เกษตรกรชาวสวนยางที่มาแจ้งข้อมูลพื้นที่ปลูกยางกับ กยท. (ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ จำนวน ๒๘๒,๖๘๑ ราย) ให้ กยท. เร่งดำเนินการหาแนวทางเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณต่อไป ๑.๒ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ ๑ และคณะทำงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินโครงการฯ กำกับดูแล ติดตามการดำเนินงาน และแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินโครงการฯ เพื่อให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและบรรลุตามวัตถุประสงค์ ๑.๓ การจ่ายเงินประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ ๑ งวดที่ ๑ (วันที่ ๑-๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒) ณ วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ กยท. ส่งข้อมูลให้ ธ.ก.ส. โดยมีเกษตรกรชาวสวนยางและคนกรีด จำนวน ๖๔๐,๓๐๐ ราย พื้นที่ ๗,๑๐๗,๙๑๔.๙๒ ไร่ รวมจ่ายเงินทั้งสิ้น ๕,๕๑๕,๔๘๔,๔๑๘.๔ บาท จากเป้าหมาย ๑,๗๑๑,๒๕๒ ราย และ ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินแล้ว รวมทั้งสิ้น ๔๙๕,๙๓๐ ราย จำนวนเงิน ๒,๘๓๔,๕๔๙,๖๑๕.๑๗ บาท ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามผลการดำเนินโครงการที่เกี่ยวกับการประกันรายได้เกษตรกรและมาตรการเสริมอื่นที่เกี่ยวข้องทุกโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรของภาคเอกชนที่ต้องมีการรับซื้อในราคาที่เหมาะสมเป็นธรรม สอดคล้องกับราคาตลาด ทั้งนี้ หากพบว่ามีปัญหาอุปสรรคในการดำเนินโครงการประการใด ก็ให้เร่งพิจารณากำหนดแนวทางแก้ไขหรือมาตรการเสริมอื่นเพิ่มเติมโดยเร็วต่อไป ๓. ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง รายงานผลการใช้ยางพาราและความคืบหน้า) ให้ทุกส่วนราชการที่มีภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยางพาราเร่งรัดจัดทำแผนงาน/โครงการภายใต้มาตรการเพิ่มการใช้ยางพาราภายในประเทศให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น แล้วเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติพิจารณาในภาพรวมต่อไป นั้น มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งดำเนินการรวบรวมแผนงาน/โครงการดังกล่าวสำหรับปีงบประมาณ ๒๕๖๓ จากทุกส่วนราชการเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11372 | ร่างพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง พ.ศ. .... | นร09 | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษีกาปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สองตามพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง พ.ศ. ๒๕๖๒ ตั้งแต่วันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11373 | รายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด ประจำปี พ.ศ. 2562 | นร01 | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด (ก.ธ.จ.) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ โดย ก.ธ.จ. ทั้ง ๗๖ คณะ/จังหวัด ได้สอดส่องการปฏิบัติภารกิจของหน่วยงานของรัฐ โดยสอดคล้องแผนงาน/โครงการ ของ (๑) จังหวัดและกลุ่มจังหวัด (๒) ส่วนราชการในจังหวัด และ (๓) การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐในจังหวัด (เรื่องร้องเรียน) จำนวนทั้งสิ้น ๑,๖๔๔ แผนงาน/โครงการ/เรื่อง พบว่า มีโครงการที่ไม่เป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี จำนวน ๔๑๓ แผนงาน/โครงการ/เรื่อง โดยเป็นแผนงาน/โครงการ/เรื่อง ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนด้านสาธารณูปโภค เช่น ถนน การไฟฟ้า การประปา การระบายน้ำ การกำจัดขยะ มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ ๕๑.๓๓ รองลงมาเป็นด้านเศรษฐกิจ เช่น การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว คิดเป็นร้อยละ ๒๒.๒๘ และด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น ป่าไม้ สัตว์ป่า ดินและที่ดิน ขยะ มลพิษต่าง ๆ คิดเป็นร้อยละ ๑๕.๕๐ ทั้งนี้ ก.ธ.จ. ได้มีมติเป็นข้อเสนอแนะ จำนวน ๖๐๐ ข้อ ซึ่งจังหวัด/หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะไปดำเนินการแล้ว จำนวน ๒๕๑ ข้อ หรือคิดเป็นร้อยละ ๔๑.๘๓ ซึ่ง ก.ธ.จ. จะได้ติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11374 | การปิดสถานกงสุลใหญ่ ณ กรุงอันตานานาริโว สาธารณรัฐมาดากัสการ์ เป็นการชั่วคราวและการปรับเขตอาณาของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพริทอเรีย สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ | กต | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบการปิดสถานกงสุลใหญ่ ณ กรุงอันตานานาริโว สาธารณรัฐมาดากัสการ์ เป็นการชั่วคราว ๒. อนุมัติทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ โดยปรับให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพริทอเรีย สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ มีเขตอาณาครอบคลุมสาธารณรัฐมาดากัสการ์ และให้เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำสาธารณรัฐมาดากัสการ์อีกตำแหน่งหนึ่ง โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงพริทอเรีย สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ซึ่งมีผลให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพริทอเรีย สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ มีเขตอาณาครอบคลุมสาธารณรัฐแอฟริการใต้ สาธารณรัฐแองโกลา สาธารณรัฐบอตสวานา ราชอาณาจักรเลโซโท สาธารณรัฐมาลาวี สาธารณรัฐมอริเชียส สาธารณรัฐนามิเบีย ราชอาณาจักรเอสวาตินี สาธารณรัฐแซมเบีย สาธารณรัฐซิมบับเว และสาธารณรัฐมาดากัสการ์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11375 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวสมใจ กาญจนาพงศ์กุล และนางสาวมาลินี จิตตกานต์พิชย์) (นางสาวมาลินี จิตตกานต์พิชย์) | สธ | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวสมใจ กาญจนาพงศ์กุล ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๒ ๒. นางสาวมาลินี จิตตกานต์พิชย์ ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนา วิทยาศาสตร์การแพทย์ (ภูมิคุ้มกันวิทยา) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11376 | สาธารณรัฐโกตดิวัวร์เสนอขอแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐโกตดิวัวร์ประจำประเทศไทยคนใหม่ (นางสาวพัชรพิมล ยังประภากร) | กต | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวพัชรพิมล ยังประภากร ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐโกตดิวัวร์ประจำประเทศไทย สืบแทน นายวัลลภ มานะธัญญา ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11377 | การประชุมคณะทำงานร่วมไทย-เมียนมา ในการเตรียมการส่งผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมากลับประเทศ ครั้งที่ 3 และการประชุมคณะทำงานร่วมระดับเทคนิคไทย-เมียนมา ในประเด็นผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา ครั้งที่ 1 | กต | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมคณะทำงานร่วมไทย-เมียนมา ในการเตรียมการส่งผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา กลับประเทศ ครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๒ ที่จังหวัดเชียงราย และการประชุมคณะทำงานร่วมระดับเทคนิคไทย-เมียนมา ในประเด็นผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา ครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ ที่กรุงเนปยีดอ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยการประชุมดังกล่าวเป็นการสานต่อความร่วมมือระหว่างไทยและเมียนมาในการช่วยเหลือผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมากลับประเทศ โดยฝ่ายไทยให้ความช่วยเหลือเพื่อการตั้งถิ่นฐานที่ยั่งยืนด้วยการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาชุมชนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในพื้นที่รองรับผู้หนีภัยดังกล่าวในเมียนมา ๑.๒ เห็นชอบในการรับรองร่างเอกสารสรุปผลการหารือของแต่ละการประชุมเป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมดังกล่าวที่จะมีการรับรองโดยไม่มีการลงนาม จำนวน ๒ ฉบับ ประกอบด้วย ๑.๒.๑ ร่างเอกสารสรุปผลการหารือของการประชุมคณะทำงานร่วมไทย-เมียนมา ในการเตรียมการส่งผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมากลับประเทศ ครั้งที่ ๓ เป็นเอกสารสรุปสาระสำคัญของการประชุมคณะทำงานร่วมไทย-เมียนมา ครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ จังหวัดเชียงราย มีสาระสำคัญเป็นการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือของคณะทำงานร่วมไทย-เมียนมา ในการเตรียมการส่งผู้หนีภัยจากการสู้รบจากเมียนมากับประเทศในประเด็นต่าง ๆ เช่น การหารือความเป็นไปได้ในการจ้างแรงงานผู้ที่เดินทางกลับไปแล้วอย่างถูกกฎหมายเป็นแรงงานถูกกฎหมายในประเทศไทย การปรับแก้แบบฟอร์มข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับผู้หนีภัยการสู้รบ การกำหนดกรอบเวลาที่แน่นอนในการส่งกลับผู้หนีภัยการสู้รบในอนาคต และการเตรียมการสำหรับการส่งกลับผู้หนีภัยการสู้รบกลุ่มที่ ๔ เป็นต้น ๑.๒.๒ ร่างเอกสารสรุปผลการหารือของการประชุมคณะทำงานร่วมระดับเทคนิคไทย-เมียนมา ในประเด็นผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา ครั้งที่ ๑ เป็นเอกสารสรุปสาระสำคัญของการประชุมคณะทำงานร่วมระดับเทคนิคไทย-เมียนมา ซึ่งเป็นการเจรจารายละเอียดของกระบวนการส่งกลับผู้หนีภัยการสู้รบโดยการติดตามนำผลลัพธ์ของการประชุมคณะทำงานร่วมฯ ครั้งที่ ๓ ที่จังหวัดเชียงรายในเรื่องต่าง ๆ ไปปฏิบัติ บนพื้นฐานของความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์โดยธรรมชาติระหว่างไทยกับเมียนมา ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารสรุปผลการประชุมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11378 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2561 เรื่อง มาตรการพิเศษเพื่อขับเคลื่อน SMEs สู่ยุค 4.0 (มาตรการด้านการเงิน) | อก | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาโครงการสินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน (Local Economy Loan) และโครงการ Transformation Loan เสริมแกร่ง (Soft Loan เพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักร ระยะที่ ๒) ภายใต้มาตรการพิเศษเพื่อขับเคลื่อน SMEs สู่ยุค ๔.๐ (มาตรการด้านการเงิน) โดยกำหนดระยะเวลาเริ่มรับคำขอกู้ในวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๒ และสิ้นสุดรับคำขอกู้ภายในวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๓ หรือจนกว่าจะหมดวงเงินสินเชื่อรวมของโครงการ แล้วแต่ระยะเวลาใดจะถึงก่อน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ควรเร่งประชาสัมพันธ์และติดตามการดำเนินโครงการ และในการส่งเสริมแหล่งเงินทุนให้แก่ SMEs ควรมีการสำรวจความต้องการที่แท้จริงของ SMEs เป้าหมายแต่ละกลุ่ม เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11379 | ขอความเห็นชอบกรอบโครงสร้างศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจและแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาวิกฤติน้ำ | นร14 | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบกรอบโครงสร้างศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจและแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาวิกฤติน้ำ เพื่อเป็นการบูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกันของหน่วยงานของรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ในการเตรียมความพร้อมป้องกัน แก้ไข ควบคุม ระงับ หรือบรรเทาผลร้ายจากความเสียหายด้านน้ำที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที และเป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในกรณีเกิดภาวะวิกฤติ โดยศูนย์ดังกล่าวประกอบด้วยโครงสร้างที่กำหนดตามระดับสาธารณภัยด้านน้ำที่เกิดขึ้น ๓ ระดับ ได้แก่ ศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ และศูนย์อำนวยการน้ำแห่งชาติ ซึ่งในคราวประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๒ ได้มีมติเห็นชอบกรอบโครงสร้างดังกล่าวแล้ว ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ สำหรับงบประมาณที่จะเกิดขึ้น เห็นควรให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี หรือโอนงบประมาณรายจ่าย โอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร จากโครงการ/รายการที่ดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์ และมีงบประมาณเหลือจ่าย และ/หรือรายการที่หมดความจำเป็น แล้วแต่กรณี เพื่อมาสมทบในการดำเนินการตามแผนของศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจ เป็นลำดับแรก ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติประชุมชี้แจงและประสานการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาวิกฤติน้ำมีความสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติจัดทำแนวทางการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ ให้สอดรับกับพระราชบัญญัติการทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๕๐ เพื่อให้แผนปฏิบัติการฯ มีประสิทธิภาพและเป็นระบบ เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติพิจารณาคัดกรองแผนงาน/โครงการที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำทั้งหมดตามลำดับความสำคัญและจำเป็นเร่งด่วนที่มีความพร้อมและสามารถจะดำเนินการได้ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เช่น โครงการพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำ โครงการประตูระบายน้ำ เป็นต้น โดยให้ระบุความสอดคล้องกับการดำเนินการตามแผนการบริหารจัดการน้ำที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) แผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำของประเทศ เป็นต้น แล้วนำเสนอนายกรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11380 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2562 | กษ | 07/01/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ครั้งที่ ๕/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๒ ซึ่งได้พิจารณาเห็นชอบการดำเนินการ ๔ เรื่อง ได้แก่ (๑) การปรับแผนการดำเนินการตามมาตรการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า (๒) การขอขยายระยะเวลาดำเนินการติดตั้งเครื่องวัดปริมาณน้ำมันปาล์มดิบ (๓) การทบทวนมาตรการบริหารการนำเข้าสินค้าน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์ม และ (๔) แนวทางการกำหนดด่านนำเข้าและนำผ่านสินค้าน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์ม ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ประธาน กนป. เสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น ดำเนินการปราบปรามการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มทั้งระบบอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ (กรมการค้าภายใน) เร่งดำเนินการติดตั้งเครื่องวัดปริมาณน้ำมันปาล์มดิบที่ถังเก็บน้ำมัน (มิเตอร์) ในโรงสกัดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้สามารถตรวจสอบปริมาณน้ำมันปาล์มดิบที่มีอยู่ในสต็อกได้อย่างต่อเนื่องและเป็นปัจจุบัน และใช้เป็นข้อมูลประกอบการบริหารจัดการปริมาณปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งระบบได้อย่างเหมาะสม ถูกต้อง รวมทั้งรักษาสมดุลในด้านราคาของปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มภายในประเทศให้มีเสถียรภาพต่อไป
|
.....